ขอเกริ่นก่อนว่าผมเป็นคนที่มีน้ำหนักตัวมาก น้ำหนักผมมากถึงเกือบ 160 กิโลเลยครับ ก่อนหน้านี้ที่ผมยังไม่ได้ไปตรวจร่างกายผมเริ่มมีอาการแปลกๆคือกระหายน้ำมาก ดื่มน้ำแต่ละวันมากกว่า 15 ลิตร ดื่มน้ำยังไงก็ยังกระหาย และก็ฉี่ทั้งวัน แล้วก็ยังมีอาการตาพร่ามั่วอีก เวลาผมทำกิจวัตรประจำวันอย่างเช่นดูโทรทัศน์หรือทำอะไรก็ตามแต่ ผมจะต้องมีเหยือกน้ำมาวางไว้ข้างๆตัวตลอด น้ำสองลิตผมดื่มไม่ถึง 20 นาทีก็หมดแล้วครับ แต่ไม่ได้ดื่มในคราเดียวนะครับ กินเรื่อยๆครับเพราะคอแห้งตลอด น้ำลายในปากผมแทบจะไม่มีเลยครับ มันแห้งไปหมด เวลากลื่นน้ำลายเหมือนกลืนกระดาษทรายเลยครับ ทรมานมากๆ การกระพริบตาก็ฝืดมากๆ เหมือนไม่มีน้ำตาเลยครับ
ผมเริ่มวิตกว่าผมต้องเป็นโรคอะไรแน่ๆเลย ผมเลยตัดสินใจไปเจาะเลือดครับ คืนก่อนหน้าที่ผมจะไปเจาะเลือดผมก็ภาวนาอยู่ตลอดว่าขออย่าให้ผมเป็นโรคเบาหวานทีเถิด เพราะผมรู้ดีว่ามันอันตรายมากๆ พอเช้าวันรุ่งขึ้นผมก็บึ่งตรงไปยังโรงพยาบาลไกล้ๆบ้าน ไปถึงผมก็บอกผมว่าจะมาเจาะเลือดครับ หมอถามว่านึกยังไงถึงมาเจาะเลือด ผมเลยบอกอาการข้างต้นที่ผมได้เล่ามากับหมอไปครับ หมอเลยทำการเจาะ ผมมองดูหน้าจอเครื่องวัดระดับน้ำตาลตัวเลขวิ่งอย่างไวมากๆครับ อย่างกะ fast6 เลยครับ 555+
ถึงเวลานี้ผมทำใจแล้วครับ แล้วผลเลือดก็ออกมากอยู่ที่282ครับ หมอตกใจมากเพราะว่ามันสูงมากอยู่ครับ เป็นอันตรายมากๆ หมอเลยจัดยาเบาหวานให้ผมมาแล้วก็นัดผมมาตรวจครั้งใหญ่ในอีก 3 วันต่อมาครับ วันนั้นกลับไปบ้านแบบใจหดหู่มากๆครับ ว่าเบาหวานมาเยือนเราแล้ว ทำไมเราต้องเป็นเบาหวานด้วย สุดเครียดครับ แต่กลับบ้านไปผมก็ยังกินเหมือนเดิมครับ โค๊กเอย ขนมหวานเอย ยังกินเหมือนเดิม
พอถึงวันนัดตรวจเลือดอีกครั้ง ผมก็อดอาหารหลังเที่ยงคืนเหมือนก่อนหน้านี้ เช้าตรู่ผมก็มุ่งไปยังโรงบาลครับ แล้วก็ประสบปัญหาอีกครับ คือหมอผู้เจาะเลือดให้ผมหาเส้นผมไม่เจอครับ เพราะผมอ้วนมากคนอื่นๆก็รอคิวกันเป็น 20 คน เพื่อที่จะเจาะเลือดหลังจากผม ทำให้คนอื่นๆเสียเวลาไปกับผมมากครับ เค้าเลยเจาะให้ผมที่ตรงหลังฝ่ามือ หมอเอาเข็มคว้านที่ฝ่ามือผมเพื่อหาเส้นเลือด แต่ก็ไม่เจออีกครับ ตอนนี้มันเสียเวลามากๆแล้ว คนอื่นก็เริ่มหน้าบึ้งเพราะรอผมนานมาก หมอเลยตัดสินใจเจาะเส้นที่ข้อมือครับ เหลือแต่ตรงนี้ที่เดียวแล้วที่มองเห็นเส้น แต่มันจะเจ็บหน่อยครับ
ในที่สุดการเจาะเลือดอันแสนยุ่งยากของผมก็ได้เสร็จสิ้นไปด้วยดีครับ พร้อมแผลระบมนิดๆ แล้วหมอก็นัดผมมาดูผลอีกประมาณ 1 สัปดาห์ครับ ผมก็กลับบ้าน ก็ยังกินปกติ ดูดบุหรี่จัดเหมือนเดิม เช้าวันรุ่งขึ้นหมอผู้เจาะเลือดติดต่อมาให้ผมไปหาหมอที่คลีนิคเฉพาะทางอย่างด่วนครับ เพราะพบระดับไขมันในเลือดของผมสูงถึง 832 และระดับน้ำตาลในเลือดผมก็สูงเพิ่มขึ้นอีกเกือบๆ 310 ครับ เพราะอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ !!!
ผมตกใจมาก ในหัวคิดถึงเรื่องความตายเลยครับ 5555 กลัวมากๆ ไม่เคยกลัวอะไรแบบนี้มาก่อน เช้าวันรุ่งขึ้นผมก็ไปหาหมอที่คลีนิคครับ หมอเลยจัดยามาให้แบบหนักๆเลยครับ กินวันละเกือบ10เม็ดครับ และอีกประมาณ 7 วันหมอที่คลีนิคก็นัดผมมาให้เจาะเลือดตรวจระดับน้ำตาลอีกครั้งครับ
วันนั้นพอกลับจากคลีนิค ผมก็เปลี่ยนพฤติกรรมการกินของผมเลยครับ คิดในใจว่าไม่ได้ละยังไม่อยากอายุสั้น ผมเลยปรับเปลียนการกินครับ เลิกบุหรี่ เลิกนอนดึก เลิกเที่ยวกลางคืน ในช่วง 7 วันก่อนหมอนัดอีกที ผมก็กินข้าวน้อยลงครับ เน้นกินแต่ผักกับพวกเนื้อที่ไม่มีไขมัน ข้าวที่ทานก็เป็นข้าวกล้องครับ และก็หาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตด้วยครับ ปริ๊นไปอ่านที่บ้านเกือบร้อยแผ่นเลยครับ อ่านอยู่ทุกวัน ให้สมองมันซึมซับ ให้จำขึ้นใจ เพราะเราจะชล่าใจเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้อีกแล้ว นี่มันเกี่ยวกับความเป็นความตายเลยนะ ผมคิดอยู่แบบนี้ตลอด กินไม่อิ่ม แต่ก็ต้องอิ่ม ต้องพอแค่นั้น อดีตที่ผ่านมา เรากินมาเยอะแล้ว กินน้อยๆกินแต่พอๆดี กินเพื่อสุขภาพตัวเราเองบ้างจะเป็นไรวะ เอ๊าสู้เว๊ย !!!! 5555+
หลังจากผมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผมที่ได้เล่ามาแล้ว พอถึงวันนัดตรวจเลือด ผมก็ไปคลีนิคครับ แล้วก็ได้เจาะเลือด ผลเลือดวิ่งไม่เหมือนที่เจาะครั้งแรกแล้วครับ พอเครื่องประมวลผลเสร็จ ระดับน้ำตาลในเลือดผมอยู่ที่ 110 ครับ คุณหมอบอกว่าปกติครับ ผมดีใจมากเกือบจะว๊ากใส่หมอด้วยความดีใจครับ ผมก็ยังไม่เชื่อตัวเองว่าทำไมผมลดระดับน้ำตาลได้เร็วขนาดนี้แค่เวลาเพียง 7 วันครับ และหมอก็นัดผมมาตรวจเลือดเบาหวานอยู่บ่อยๆ ทุกๆ 7 วันครับ และก็ให้ผมกินยาลดระดับไขมันในเลือด และผลตรวจดูระดับน้ำตาลผมในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา ตรวจระดับน้ำตาลประมาณ 3-4 ครั้ง ผลระดับน้ำตาลในเลือดก็อยู่ที่ระดับ 108-110 แค่นี้ตลอดครับ ผมดีใจมาก
แม้รู้ว่ามันไมมีวันหายขาด แต่รู้ว่าผมสามารถอยู่ได้แบบคนปกติโดยวิธีไหน ซึ่งมันก็ไม่หนักหนาเกินไป ถ้าคิดให้ดี มันก็เป็นเรื่องปกติครับ ที่คนเราจะดูแลเอาใจใส่ร่างกาย เลือกกินแต่ของดีๆมีประโยชน์และออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย แต่กินแบบเดิมเหมือนสมัยก่อนนั่นแหละ คือไม่ปกติ คนรักตัวเองเค้าไม่ทำกัน ผมคิดแบบนี้ครับ คหสต.นะครับ คือสร้างกำลังใจให้ตัวเองครับ อิอิ
ในระยะเวลาช่วงนี้ผมเข้มงวดเรื่องการกินมากครับ เลือกกิน เลือกเอาของเข้าปาก ของหวานไม่แตะของมันไม่มอง ผ่านมาซักระยะผมก็คิดได้ว่าเมื่อก่อนทำไมเราไม่รักตัวเองแบบตอนนี้บ้าง ต้องรอให้เป็นโรคแบบนี้ก่อนใช่มั๊ย ถึงจะหันมารักตัวเอง คำถามนี้อยู่ในใจผมตลอดเวลาก่อนที่ผมจะทำอะไร จะกินอะไร
และเมื่อประมาณอาทิตย์ที่แล้ว หมอก็นัดให้ผมไปตรวจระดับไขมันในเลือดครับ ไปเจาะเลือดครั้งนี้น้ำหนักผมลดลงไปประมาณ 20 กว่ากีโลแล้วครับ หมอบอกผมว่านี่เห็นเส้นแบบคนปกติแล้วนะ เอายางรัดที่แขนแล้วเจอเลย ไม่ต้องหาเหมือนครั้งก่อนแล้ว วันนั้นหมอเอาเลือดผมไปสามหลอดครับ แล้วนัดให้ผมมาฟังผลอีก 3 วันครับ
วันฟังผลก็ต้องเจาะดูระดับน้ำตาลในเลือดอีกครั้งครับ พอวันฟังผลมาถึง หมอเห็นหน้าผม เค้าก็พูดกันทั้งสองคนว่า เธอเก่งมากนะ ผลการตรวจเลือดไม่มีอะไรสูงเลย ระดับน้ำตาลก็ปกติ ไขมันในเลือดก็ไม่มีแล้ว เธอไปทำอะไรมารึเปล่า ทำไมลดได้เร็วขนาดนี้ จาก 800กว่า ลดแบบไม่มีเหลือเลย หมอบอกผมว่า ถ้าเธอไม่อ้วนและไม่เคยเป็นเบาหวาน และไขมันหนะ เธอไม่ต้องกินยาแล้วก็ได้นะ แต่นี่เพราะเธอน้ำหนักตัวยังเยอะกว่าเกณฑ์ปกติอยู่ และก็เคยเป็นสองโรคนี้อยู่ หมอเลยต้องให้ยาไปกินอีกนะ แต่จะลดปริมาณยาลงแล้วนะ จาก 100% เหลือ 40% นะ เพราะคนอ้วนหมอกลัวว่าอาการมันจะกลับมาอีก ถ้าเรากลับไปมีพฤติกรรมการกินเหมือนก่อน
หลังจากวันนั้น ผมมีความสุขมากๆครับ ไม่เคยมีความสุขอะไรแบบนี้มาก่อนเลย ถึงแม้ผมจะไม่มีไขมันในเลือดและเบาหวานแล้วก็ตาม แต่ผมก็ยังควบคุมอาหารการกินเหมือนเดิมครับ ผมจะไม่กลับไปกินเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ผมถือคติที่ว่า" กินพออิ่มปัญหาน้อย กินอร่อยปัญหาเยอะ " ผมจะไม่กลับไปเป็นโรคไขมันและเบาหวานเหมือนช่วงนั้นอีกแน่นอน
ขอบคุณโรคทั้งสองที่มาเยี่ยมเยือน ทำให้ผมได้ตื่นตัวและกลับมารักตัวเอง จากที่เมื่อก่อนไม่เคยเลย ถึงแม้ว่าโรคเบาหวานมันและไขมันในเลือดสูงมันเป็นโรคเรื้อรัง ถึงแม้ว่ามันจะไม่หายขาด แต่ผมก็มีชีวิตอยู่ต่อแบบคนปกติในสังคมได้ครับ ทุกอย่างอยู่ทีใจครับ ถ้าเราชนะใจตัวเองเราก็จะชนะทุกอย่างเหมือนที่เค้าว่าจริงๆครับ สุดท้ายนี้ผมขอเป็นกำลังใจให้คนที่กำลังเป็นโรคเบาหวานและโรคไขมันในเลือดสูง และทุกๆโรคนะครับ อย่าท้ออย่าถอย ทุกอย่างมันอยู่ที่ใจเราครับ ขอบคุณพื้นที่นี้สำหรับให้ผมได้เล่าประสบการณ์ครับผม
ผมเอาชนะโรคเบาหวานและโรคไขมันในเลือดสูงได้อย่างราบคาบ ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 4 เดือน!!
ผมเริ่มวิตกว่าผมต้องเป็นโรคอะไรแน่ๆเลย ผมเลยตัดสินใจไปเจาะเลือดครับ คืนก่อนหน้าที่ผมจะไปเจาะเลือดผมก็ภาวนาอยู่ตลอดว่าขออย่าให้ผมเป็นโรคเบาหวานทีเถิด เพราะผมรู้ดีว่ามันอันตรายมากๆ พอเช้าวันรุ่งขึ้นผมก็บึ่งตรงไปยังโรงพยาบาลไกล้ๆบ้าน ไปถึงผมก็บอกผมว่าจะมาเจาะเลือดครับ หมอถามว่านึกยังไงถึงมาเจาะเลือด ผมเลยบอกอาการข้างต้นที่ผมได้เล่ามากับหมอไปครับ หมอเลยทำการเจาะ ผมมองดูหน้าจอเครื่องวัดระดับน้ำตาลตัวเลขวิ่งอย่างไวมากๆครับ อย่างกะ fast6 เลยครับ 555+
ถึงเวลานี้ผมทำใจแล้วครับ แล้วผลเลือดก็ออกมากอยู่ที่282ครับ หมอตกใจมากเพราะว่ามันสูงมากอยู่ครับ เป็นอันตรายมากๆ หมอเลยจัดยาเบาหวานให้ผมมาแล้วก็นัดผมมาตรวจครั้งใหญ่ในอีก 3 วันต่อมาครับ วันนั้นกลับไปบ้านแบบใจหดหู่มากๆครับ ว่าเบาหวานมาเยือนเราแล้ว ทำไมเราต้องเป็นเบาหวานด้วย สุดเครียดครับ แต่กลับบ้านไปผมก็ยังกินเหมือนเดิมครับ โค๊กเอย ขนมหวานเอย ยังกินเหมือนเดิม
พอถึงวันนัดตรวจเลือดอีกครั้ง ผมก็อดอาหารหลังเที่ยงคืนเหมือนก่อนหน้านี้ เช้าตรู่ผมก็มุ่งไปยังโรงบาลครับ แล้วก็ประสบปัญหาอีกครับ คือหมอผู้เจาะเลือดให้ผมหาเส้นผมไม่เจอครับ เพราะผมอ้วนมากคนอื่นๆก็รอคิวกันเป็น 20 คน เพื่อที่จะเจาะเลือดหลังจากผม ทำให้คนอื่นๆเสียเวลาไปกับผมมากครับ เค้าเลยเจาะให้ผมที่ตรงหลังฝ่ามือ หมอเอาเข็มคว้านที่ฝ่ามือผมเพื่อหาเส้นเลือด แต่ก็ไม่เจออีกครับ ตอนนี้มันเสียเวลามากๆแล้ว คนอื่นก็เริ่มหน้าบึ้งเพราะรอผมนานมาก หมอเลยตัดสินใจเจาะเส้นที่ข้อมือครับ เหลือแต่ตรงนี้ที่เดียวแล้วที่มองเห็นเส้น แต่มันจะเจ็บหน่อยครับ
ในที่สุดการเจาะเลือดอันแสนยุ่งยากของผมก็ได้เสร็จสิ้นไปด้วยดีครับ พร้อมแผลระบมนิดๆ แล้วหมอก็นัดผมมาดูผลอีกประมาณ 1 สัปดาห์ครับ ผมก็กลับบ้าน ก็ยังกินปกติ ดูดบุหรี่จัดเหมือนเดิม เช้าวันรุ่งขึ้นหมอผู้เจาะเลือดติดต่อมาให้ผมไปหาหมอที่คลีนิคเฉพาะทางอย่างด่วนครับ เพราะพบระดับไขมันในเลือดของผมสูงถึง 832 และระดับน้ำตาลในเลือดผมก็สูงเพิ่มขึ้นอีกเกือบๆ 310 ครับ เพราะอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ !!!
ผมตกใจมาก ในหัวคิดถึงเรื่องความตายเลยครับ 5555 กลัวมากๆ ไม่เคยกลัวอะไรแบบนี้มาก่อน เช้าวันรุ่งขึ้นผมก็ไปหาหมอที่คลีนิคครับ หมอเลยจัดยามาให้แบบหนักๆเลยครับ กินวันละเกือบ10เม็ดครับ และอีกประมาณ 7 วันหมอที่คลีนิคก็นัดผมมาให้เจาะเลือดตรวจระดับน้ำตาลอีกครั้งครับ
วันนั้นพอกลับจากคลีนิค ผมก็เปลี่ยนพฤติกรรมการกินของผมเลยครับ คิดในใจว่าไม่ได้ละยังไม่อยากอายุสั้น ผมเลยปรับเปลียนการกินครับ เลิกบุหรี่ เลิกนอนดึก เลิกเที่ยวกลางคืน ในช่วง 7 วันก่อนหมอนัดอีกที ผมก็กินข้าวน้อยลงครับ เน้นกินแต่ผักกับพวกเนื้อที่ไม่มีไขมัน ข้าวที่ทานก็เป็นข้าวกล้องครับ และก็หาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตด้วยครับ ปริ๊นไปอ่านที่บ้านเกือบร้อยแผ่นเลยครับ อ่านอยู่ทุกวัน ให้สมองมันซึมซับ ให้จำขึ้นใจ เพราะเราจะชล่าใจเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้อีกแล้ว นี่มันเกี่ยวกับความเป็นความตายเลยนะ ผมคิดอยู่แบบนี้ตลอด กินไม่อิ่ม แต่ก็ต้องอิ่ม ต้องพอแค่นั้น อดีตที่ผ่านมา เรากินมาเยอะแล้ว กินน้อยๆกินแต่พอๆดี กินเพื่อสุขภาพตัวเราเองบ้างจะเป็นไรวะ เอ๊าสู้เว๊ย !!!! 5555+
หลังจากผมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผมที่ได้เล่ามาแล้ว พอถึงวันนัดตรวจเลือด ผมก็ไปคลีนิคครับ แล้วก็ได้เจาะเลือด ผลเลือดวิ่งไม่เหมือนที่เจาะครั้งแรกแล้วครับ พอเครื่องประมวลผลเสร็จ ระดับน้ำตาลในเลือดผมอยู่ที่ 110 ครับ คุณหมอบอกว่าปกติครับ ผมดีใจมากเกือบจะว๊ากใส่หมอด้วยความดีใจครับ ผมก็ยังไม่เชื่อตัวเองว่าทำไมผมลดระดับน้ำตาลได้เร็วขนาดนี้แค่เวลาเพียง 7 วันครับ และหมอก็นัดผมมาตรวจเลือดเบาหวานอยู่บ่อยๆ ทุกๆ 7 วันครับ และก็ให้ผมกินยาลดระดับไขมันในเลือด และผลตรวจดูระดับน้ำตาลผมในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา ตรวจระดับน้ำตาลประมาณ 3-4 ครั้ง ผลระดับน้ำตาลในเลือดก็อยู่ที่ระดับ 108-110 แค่นี้ตลอดครับ ผมดีใจมาก
แม้รู้ว่ามันไมมีวันหายขาด แต่รู้ว่าผมสามารถอยู่ได้แบบคนปกติโดยวิธีไหน ซึ่งมันก็ไม่หนักหนาเกินไป ถ้าคิดให้ดี มันก็เป็นเรื่องปกติครับ ที่คนเราจะดูแลเอาใจใส่ร่างกาย เลือกกินแต่ของดีๆมีประโยชน์และออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย แต่กินแบบเดิมเหมือนสมัยก่อนนั่นแหละ คือไม่ปกติ คนรักตัวเองเค้าไม่ทำกัน ผมคิดแบบนี้ครับ คหสต.นะครับ คือสร้างกำลังใจให้ตัวเองครับ อิอิ
ในระยะเวลาช่วงนี้ผมเข้มงวดเรื่องการกินมากครับ เลือกกิน เลือกเอาของเข้าปาก ของหวานไม่แตะของมันไม่มอง ผ่านมาซักระยะผมก็คิดได้ว่าเมื่อก่อนทำไมเราไม่รักตัวเองแบบตอนนี้บ้าง ต้องรอให้เป็นโรคแบบนี้ก่อนใช่มั๊ย ถึงจะหันมารักตัวเอง คำถามนี้อยู่ในใจผมตลอดเวลาก่อนที่ผมจะทำอะไร จะกินอะไร
และเมื่อประมาณอาทิตย์ที่แล้ว หมอก็นัดให้ผมไปตรวจระดับไขมันในเลือดครับ ไปเจาะเลือดครั้งนี้น้ำหนักผมลดลงไปประมาณ 20 กว่ากีโลแล้วครับ หมอบอกผมว่านี่เห็นเส้นแบบคนปกติแล้วนะ เอายางรัดที่แขนแล้วเจอเลย ไม่ต้องหาเหมือนครั้งก่อนแล้ว วันนั้นหมอเอาเลือดผมไปสามหลอดครับ แล้วนัดให้ผมมาฟังผลอีก 3 วันครับ
วันฟังผลก็ต้องเจาะดูระดับน้ำตาลในเลือดอีกครั้งครับ พอวันฟังผลมาถึง หมอเห็นหน้าผม เค้าก็พูดกันทั้งสองคนว่า เธอเก่งมากนะ ผลการตรวจเลือดไม่มีอะไรสูงเลย ระดับน้ำตาลก็ปกติ ไขมันในเลือดก็ไม่มีแล้ว เธอไปทำอะไรมารึเปล่า ทำไมลดได้เร็วขนาดนี้ จาก 800กว่า ลดแบบไม่มีเหลือเลย หมอบอกผมว่า ถ้าเธอไม่อ้วนและไม่เคยเป็นเบาหวาน และไขมันหนะ เธอไม่ต้องกินยาแล้วก็ได้นะ แต่นี่เพราะเธอน้ำหนักตัวยังเยอะกว่าเกณฑ์ปกติอยู่ และก็เคยเป็นสองโรคนี้อยู่ หมอเลยต้องให้ยาไปกินอีกนะ แต่จะลดปริมาณยาลงแล้วนะ จาก 100% เหลือ 40% นะ เพราะคนอ้วนหมอกลัวว่าอาการมันจะกลับมาอีก ถ้าเรากลับไปมีพฤติกรรมการกินเหมือนก่อน
หลังจากวันนั้น ผมมีความสุขมากๆครับ ไม่เคยมีความสุขอะไรแบบนี้มาก่อนเลย ถึงแม้ผมจะไม่มีไขมันในเลือดและเบาหวานแล้วก็ตาม แต่ผมก็ยังควบคุมอาหารการกินเหมือนเดิมครับ ผมจะไม่กลับไปกินเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ผมถือคติที่ว่า" กินพออิ่มปัญหาน้อย กินอร่อยปัญหาเยอะ " ผมจะไม่กลับไปเป็นโรคไขมันและเบาหวานเหมือนช่วงนั้นอีกแน่นอน
ขอบคุณโรคทั้งสองที่มาเยี่ยมเยือน ทำให้ผมได้ตื่นตัวและกลับมารักตัวเอง จากที่เมื่อก่อนไม่เคยเลย ถึงแม้ว่าโรคเบาหวานมันและไขมันในเลือดสูงมันเป็นโรคเรื้อรัง ถึงแม้ว่ามันจะไม่หายขาด แต่ผมก็มีชีวิตอยู่ต่อแบบคนปกติในสังคมได้ครับ ทุกอย่างอยู่ทีใจครับ ถ้าเราชนะใจตัวเองเราก็จะชนะทุกอย่างเหมือนที่เค้าว่าจริงๆครับ สุดท้ายนี้ผมขอเป็นกำลังใจให้คนที่กำลังเป็นโรคเบาหวานและโรคไขมันในเลือดสูง และทุกๆโรคนะครับ อย่าท้ออย่าถอย ทุกอย่างมันอยู่ที่ใจเราครับ ขอบคุณพื้นที่นี้สำหรับให้ผมได้เล่าประสบการณ์ครับผม