ผมควรเลือกอย่างไรต่อดีครับ

ผมรู้จักกับน้องคนหนึ่งมาเป็นเวลา 11 ปีแล้ว เราคบกันตั้งแต่มัธยม จนถึงปัจจุบันแม้ว่าจะไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดก็ตาม เรียนมัธยมคนละโรงเรียน มหาวิทยาลัยคนละจังหวัด ต่างคน ต่างเรียนจบ และมีงานทำ ผมเลือกทำงานบริษัทเอกชน เธอเป็นครูตามความฝันตอนเด็ก ผมอยู่กรุงเทพ เธออยู่ต่างจังหวัด ปีหนึ่งเจอกัน 4-5 ครั้ง เพราะหน้าที่การงาน
            เริ่มยาว ๆ ตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ คบกันก็คิดแบบเด็ก ๆ ด้วยฐานะทางบ้านผมที่ต่างกับเธอมาก ผมไม่มีทั้งพ่อและแม่ อยู่กับตาและยาย บ้านเธอฐานะปานกลางค่อนไปทางร่ำรวย ผมก็คิดมักง่าย อยากเกาะครอบครัวเธอตามประสาคนเคยลำบากมาก่อน ฮิฮิ ฝันไว้อย่างดี เรียนจบมา อยากขอเธอแต่งงาน หางานทำอยู่บ้าน ทำธุรกิจหลาย ๆ อย่าง ปลูกผัก เลี้ยงหมู เลี้ยงไก่ เลี้ยงปลา ผมเป็นคนชอบการเกษตรมาก ทฤษฎีมาเต็ม แต่ชีวิตจริงเป็นวิศวกรคอมพิวเตอร์ครับ T-T เคยคุยหยอกล้อกับน้องเค้า น้องเค้าตอบมาว่า พ่อหนูเก่งนะ หาทุกอย่างด้วยตัวเองหมดเลย ผมจุกนิด ๆ ถึงมากเลยแหละครับ  สมัยเรียนมัธยมผมอาศัยเป็นเด็กวัด ผมเป็นคนที่ไม่ชอบเที่ยว เรื่องอบายมุขผมไม่เข้าไปยุ่ง ช่วงเรียนก็มีแต่เรียน กับรับทำงานพิเศษ พาร์ทไทม์หาเงินเรียน เนื่องจากนิสัยชอบให้ความช่วยเหลือคนอื่นบ่อย ๆ น้อง ๆ ผู้หญิงหลาย ๆ คน เลยมีปลื้มผมบ้าง แม้ว่าหน้าตาผมจะโครตติดลบก็ตาม ทุกเทศกาลจะมีของขวัญมาวางที่โต๊ะเรียนผมเสมอ รวมถึงน้องคนที่ผมเลือกคบด้วย สำหรับสาเหตุที่ผมเลือกคบน้องเขาเพราะ ดูแลผมเหมือนแม่เลย (ผมเรียกยายว่าแม่ครับ) หลังจากตกลงปลงใจคบกับน้องเขาแล้วผมก็ยังคงเหมือนเดิมให้ความช่วยเหลือคนอื่นทุกครั้งที่มีโอกาส แต่ถ้าเขาคิดเกินเลย ผมก็จะบอกตรง ๆ ว่าเพื่อนคือเพื่อน พี่คือพี่ นะ ไม่ต้องคิดมาก จนเรียนมหาวิทยาลัย หลาย ๆ คู่ช่วงมัธยมรักกัน พอขึ้นมหาวิทยาลัยก็แยกย้ายกัน ผมเข้ามหาวิทยาลัยปีแรก น้องเค้าก็มีนอยด์ ๆ บ้างกลัวผมเปลี่ยน ช่วงที่ผมเข้ามหาวิทยาลัยก็มีสาว  ๆ หลาย ๆ สาขามาพูดคุยบ้าง แต่ผมก็บอกน้องเค้าทุกครั้ง ส่วนมากผมก็จะตอบตรง ๆ ว่าผมมีแฟนแล้ว ทุกครั้งที่เจอคำถาม พอผมขึ้นปี 2 หวังมากเหมือนกันว่าน้องเค้าจะตามผมมาที่มหาวิทยาลัยที่ผมเรียน แม้จะไม่มีชื่อเสียงก็ตาม แต่ผิดแผนครับ น้องเค้าเลือกมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของภาคเหนือ ช่วงนั้นแอบหวั่น ๆ เหมือนกัน แต่ผมเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย จนบางครั้งเพื่อน ๆ ผู้หญิงมักจะด่าผมเสมอว่าผมไม่รักแฟน หลายครั้งที่ผมเจอคำถามว่า ถ้าแฟนไปมีแฟนใหม่ ผมจะทำอย่างไร ผมก็มักจะตอบไปตรง ๆ ว่าผมคงไม่ห้ามเขา เพราะถ้าเขาหมดใจแล้ว ผมก็คงต้องปล่อยเขาไป ดันบอกตอบอย่างนี้แสดงว่าไม่รักแฟนเลย ผมนี่เงิบครับ ถึงเราสองคนจะไม่ค่อยได้เจอกัน แต่ก็โทรศัพท์คุยกันตลอดแทบจะทุกวัน ผมขอตัดไปตอนจบมหาวิทยาลัยเลยนะครับ พอผมจบมหาวิทยาลัย ผมก็เลือกมาทำงานในกรุงเทพ แฟนก็นอยด์ตามระเบียบ เพราะไกลกว่าเดิมจากเหนือด้วยกัน มาเป็น เหนือกับกลาง พอเริ่มทำงานความคิดเราก็โตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ทำให้ได้เข้าใจสัจธรรมมากขึ้นว่า ความคิดตอนเด็กของเรานั้นพอเอาเข้าจริงแล้วมันเป็นเรื่องยากมาก แต่ผมก็พยายามอยู่เหมือนกัน เนื่องจากตากับยายเลี้ยงผมมาตั้งแต่เด็ก บ้านผมเป็นกระต๊อบเล็ก ๆ หลังเขาตั้งแต่ผมจำความได้จนผมเรียนจบ เพราะฉะนั้น ความตั้งใจแรกหลังจากเรียนจบคือการสร้างบ้านหลังใหม่ให้กับท่านยายผม ท่านตาผมใจร้ายทิ้งผมไปตอนเรียนมหาวิทยาลัย ผมใช้เวลา 1 ปีกับอีก 7 เดือน ในการทำงานเก็บเงินก้อนแรก กลับไปสร้างบ้านหลักเล็ก ๆ ให้กับท่านยายใช้เวลาสร้าง 2 เดือนก็เสร็จเรียบร้อย สามารถเข้าอยู่ได้ ใช้งบประมาณ 3 แสนนิด ๆ บ้านหลังแรกของผมนี้ก่อหนี้ให้นิดหน่อยประมาณ 6 หมื่น แต่ก็มีพี่สาวที่ทำงานใจดีหยิบยืมให้ผมผ่อนเดือนละ 5 พัน ไม่คิดดอกเบี้ย ผมจ่ายแค่ 8 งวด ผมก็ปิดทั้งหมด ความตั้งใจแฝงในการสร้างบ้านนี้คือเอาไว้เป็นบ้านพักร้อน เพราะอากาศทางบ้านผมเย็นตลอดทั้งปี
       ความตั้งใจที่สองมาแบบไม่ได้ตั้งตัวแต่ก็คิดไว้บ้างแล้ว แฟนผมต้องมาทำธุระในกรุงเทพเกี่ยวกับเอกสารทางการศึกษาบ่อย ๆ ทุก ๆ ครั้งที่มาผมก็ได้แต่พาเธอขึ้นแท็กซี่บ้าง เดินบ้าง เธอก็ยังคงยิ้มเดินกับผมเสมอ แต่ผมก็อยากมีฟิลแบบเป็นคนขับรถให้เธอนั่งบ้าง หลังจากเงินก้อนแรกหมดไปกับการสร้างบ้าน ถัดมาอีกปีกว่า ๆ ผมก็ตัดสินใจดาวน์เก๋งมา 1 คัน สาเหตุสำคัญเพราะงานบางเคส ผมต้องออกตอนกลางคืน และ ไซต์งานก็อยู่ไกล รถคันแรกก่อหนี้ให้ผม เกือบล้าน แต่ผมยังสามารถผ่อนได้ และหนี้อีกก้อนก็ตามมาติด ๆ คือ คอนโดห้องเล็ก ๆ ไว้เป็นที่ซุกหัวนอน แต่ค่าผ่อนทั้งสองอย่าง ยังอยู่ในวงเงินรายรับของผมที่ผมสามารถผ่อนได้ (ผมทำทุกอย่างด้วยตัวเองหมด ไม่มีคนค้ำครับ)
       หลังการทำงานมาได้ 4 ปี อายุก็ไกล้เลข 3 อยากมีครอบครัว มีลูกกับชาวบ้านเขาบ้าง แต่ติดตรงที่... สินสอดอยู่ไหน 55++ ผมยังไม่เคยไปคุยเรื่องนี้กับทางบ้านแฟนเลย (แต่คิดว่าคงครึ่งล้านอย่างต่ำ สังเกตจากงานแต่งของพี่ ๆ ทางแฟน) เพราะตั้งแต่คบกันมาเพิ่งเคยไปแค่ครั้งเดียวคือ ตอนทำงานและซื้อรถแล้ว แต่ทางบ้านแฟนก็ไม่ได้รังเกียจผมนะครับ (หรือเปล่าอันนี้มโนเอา 55++) จนผมมาเจอจุดเปลี่ยนความคิดครั้งใหญ่ล่าสุด ตอนย้ายจากหอพักมาอยู่คอนโด ผมใช้แรงยกหนักไป พร้อมกับชุดที่ไม่ใช่ชุดทำงาน อุบัติเหตุจึงเกิดขึ้น อุบัติเหตุครั้งนี้มาพร้อมกับความร้าย แรง ๆ ลึก ๆ ที่รักษาไม่หายเกี่ยวกับเส้นเลือดขอดที่อัณฑะ หลายคนอาจคิดว่าเป็นเส้นเลือดขอดธรรมดา แต่จริง ๆ แล้วถ้าเราไม่รักษาโอกาสเป็นหมันมีมากพอสมควร อยู่ที่ระยะเวลาจะช้าหรือเร็วแค่นั้นเอง ถ้าไม่ผ่าตัดรักษา ซึ่งเป็นการรักษาวิธีเดียวแต่ผลข้างเคียงตามมาเพียบ ผมไปโรงพยาบาลหมอให้คำแนะนำว่าถ้าไม่โตขึ้น หรือ ไม่ปวดมาก หมอจะไม่แนะนำให้ผ่าตัด แต่มันกลับกลายเป็นความเครียด แฟนอยู่บนฟ้า ลงมารักต้นหญ้าข้างทางอย่างผม มันก็บุญผมแล้ว นี่นอกจากตั้งตัวไม่ติด หนี้เยอะ ยังต้องทำให้อนาคตแฟนหม่นหมองอีก ถ้าอยู่กับผมไปแล้ว ผมเป็นหมันจริง ๆ เธอคงอยู่เหมือนตกนรก ผมเข้าใจความรู้สึกของผู้หญิงเสมอที่อยากมีครอบครัวที่สมบูณณ์ หลาย ๆ ครั้งที่ผมคิดกับตัวเองว่า ผมกำลังทำลายอนาคตที่สวยงามของผู้หญิงคนหนึ่งไปหรือเปล่า ที่ผูกมัดให้เค้าอยู่กับผม ทั้ง ๆ ที่ตัวผมเองกำลังแย่ลง ๆ  ผมเคยบอกกับแฟนว่า ถ้าวันไหนผมล้ม แล้วผมไม่สามารถลุกขึ้นได้ อย่าจมอยู่กับผมให้ทิ้งผมเลย แฟนก็นอยด์ว่าผมไม่รักแฟน แต่ความจริงแล้ว ผมรักมาก ๆ จนไม่อาจทนเห็นเขาลำบากได้ ตอนนี้ผมก็ไกล้จะถึงจุดนั้นแล้วครับ คิดไม่ตกเลยว่าควรจะทำอย่างไร ไว้อาลัยกับชีวิตตัวเอง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่