อาม่าผมเป็นอัมพฤกษ์ที่ฝ่ามือข้างขวา
แกแบมือไม่ได้ ปากก็พูดไม่ได้
เพราะอุบัติเหตุ ล้มแล้วหัวฟาดที่พื้น
แถมยังเป็นโรคเบาหวาน ความดัน และ โรคหัวใจ
แกเป็นคนเซนส์ซิทีฟ เวลาที่ดูหนัง ดูละคร ดูงิ้ว
ก็สามารถร้องไห้ได้ง่ายๆ กับ ฉาก หรือ ตอนที่เศร้าๆ
แม้กับคนในครอบครัว
เวลาที่ใครพบเจอกับเรื่องราวร้ายๆ
แกก็จะแอบมีน้ำตาให้เห็นบ่อยๆ ซึ่งที่จริงแกไม่ได้เสียใจหรอก
แต่แกสงสารลูกๆ หลานๆทุกคน ที่ต้องเจอกับเรื่องไม่ดี
โดยที่แกช่วยเหลืออะไรไม่ได้มาก
แต่มีอยู่เรื่องนึง ที่แกจะแอบน้ำตาซึมตลอด
ในทุกๆปี จะมีอยู่แค่วันเดียว ที่แกจะเป็นแบบนี้
วันนั้นคือวันที่อากงเสีย
ซึ่งครอบครัวเราจะพากันไปทำบุญที่วัดเรืองยศ ที่ฝังเถ้ากระดูกของอากง
ตอนไปถึงวัดแกก็ทำตัวตามปกติ ตอนไหว้ก็ทำตัวตามปกติ
ยกเว้นแต่ตอนที่จะกลับบ้านในทุกครั้ง แกจะหันกลับไปมองที่สถูปอากง
แล้วก็แอบปาดน้ำตาอยู่เสมอ
พอผมเห็นแบบนั้น มันทำให้ผมนึกย้อนกลับไปในวัยเด็ก
สมัยที่อากงยังอยู่
แกจะทะเลาะกับอาม่าบ่อยพอสมควร ด้วยเรื่องความคิดไม่ค่อยลงรอยกัน
แต่ก็นะ คงเปรียบเสมือนลิ้นกับฟัน ที่ใครหลายคนพูดไว้
แม้จะเป็นของคู่กัน แต่ก็ต้องมีกระทบกระทั่งกันบ้าง
แต่ตอนนี้ ปัจจุบันนี้
ภาพเหล่านั้นมันไม่มีอีกแล้ว...
คือ ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี และ ไม่รู้จะเสียเวลามาพิมพ์ทำไม
แต่เอาเป็นว่าผมรู้สึกได้นะ
แม้ว่าจะไม่ได้ออกมาจากคำพูด แต่สายตา และ การกระทำ
มันบอกได้เลย ว่าแกรักอากงมากมายขนาดไหน
แม้อากงจะจากไปนานแล้วก็ตาม.....
...แกยังคงคิดถึงอากง คิดถึงอากงอยู่เสมอ
คู่ชีวิตที่อยู่ด้วยกันมาตลอดมากกว่า 50 ปี
- ความรักดีดียังมีอยู่บนโลก และ เป็นความรักของคนที่อยู่ใกล้กันกับผมนี่เอง
แล้วสักวันนึงอาม่าก็จะต้องตามอากงไป
ไม่วันใดก็วันนึงในอนาคต เพราะคนเราหนีวัฎจักรนี้ไม่พ้น
แต่ต่อจากนี้ไป ให้ผมดูแลอาม่านะ
ผมจะดูแลอาม่าให้ดี พาไปหาคุณหมอทุกครั้งที่ว่าง
อย่าพึ่งรีบจากไปไหน
อยู่ด้วยกันนานๆนะฮะอาม่า
ในทุกปี จะมีแค่หนึ่งวัน ที่อาม่าผมร้องไห้
แกแบมือไม่ได้ ปากก็พูดไม่ได้
เพราะอุบัติเหตุ ล้มแล้วหัวฟาดที่พื้น
แถมยังเป็นโรคเบาหวาน ความดัน และ โรคหัวใจ
แกเป็นคนเซนส์ซิทีฟ เวลาที่ดูหนัง ดูละคร ดูงิ้ว
ก็สามารถร้องไห้ได้ง่ายๆ กับ ฉาก หรือ ตอนที่เศร้าๆ
แม้กับคนในครอบครัว
เวลาที่ใครพบเจอกับเรื่องราวร้ายๆ
แกก็จะแอบมีน้ำตาให้เห็นบ่อยๆ ซึ่งที่จริงแกไม่ได้เสียใจหรอก
แต่แกสงสารลูกๆ หลานๆทุกคน ที่ต้องเจอกับเรื่องไม่ดี
โดยที่แกช่วยเหลืออะไรไม่ได้มาก
แต่มีอยู่เรื่องนึง ที่แกจะแอบน้ำตาซึมตลอด
ในทุกๆปี จะมีอยู่แค่วันเดียว ที่แกจะเป็นแบบนี้
วันนั้นคือวันที่อากงเสีย
ซึ่งครอบครัวเราจะพากันไปทำบุญที่วัดเรืองยศ ที่ฝังเถ้ากระดูกของอากง
ตอนไปถึงวัดแกก็ทำตัวตามปกติ ตอนไหว้ก็ทำตัวตามปกติ
ยกเว้นแต่ตอนที่จะกลับบ้านในทุกครั้ง แกจะหันกลับไปมองที่สถูปอากง
แล้วก็แอบปาดน้ำตาอยู่เสมอ
พอผมเห็นแบบนั้น มันทำให้ผมนึกย้อนกลับไปในวัยเด็ก
สมัยที่อากงยังอยู่
แกจะทะเลาะกับอาม่าบ่อยพอสมควร ด้วยเรื่องความคิดไม่ค่อยลงรอยกัน
แต่ก็นะ คงเปรียบเสมือนลิ้นกับฟัน ที่ใครหลายคนพูดไว้
แม้จะเป็นของคู่กัน แต่ก็ต้องมีกระทบกระทั่งกันบ้าง
แต่ตอนนี้ ปัจจุบันนี้
ภาพเหล่านั้นมันไม่มีอีกแล้ว...
คือ ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี และ ไม่รู้จะเสียเวลามาพิมพ์ทำไม
แต่เอาเป็นว่าผมรู้สึกได้นะ
แม้ว่าจะไม่ได้ออกมาจากคำพูด แต่สายตา และ การกระทำ
มันบอกได้เลย ว่าแกรักอากงมากมายขนาดไหน
แม้อากงจะจากไปนานแล้วก็ตาม.....
...แกยังคงคิดถึงอากง คิดถึงอากงอยู่เสมอ
คู่ชีวิตที่อยู่ด้วยกันมาตลอดมากกว่า 50 ปี
- ความรักดีดียังมีอยู่บนโลก และ เป็นความรักของคนที่อยู่ใกล้กันกับผมนี่เอง
แล้วสักวันนึงอาม่าก็จะต้องตามอากงไป
ไม่วันใดก็วันนึงในอนาคต เพราะคนเราหนีวัฎจักรนี้ไม่พ้น
แต่ต่อจากนี้ไป ให้ผมดูแลอาม่านะ
ผมจะดูแลอาม่าให้ดี พาไปหาคุณหมอทุกครั้งที่ว่าง
อย่าพึ่งรีบจากไปไหน
อยู่ด้วยกันนานๆนะฮะอาม่า