ณ หอพักการเวก ชายหนุ่มในหอพากันตื่นเต้นเมื่อเห็นประกาศเกี่ยวกับการแสดงคอนเสิร์ตฤดูหนาวที่ใกล้จะมาถึงทุกคนกำลังโจษจัณฑ์ว่าใครจะร่วมแสดงดนตรีในงานนี้
“ถ้าเป็นหอพักนนทรีก็ต้องมีชายดาวเด่นของหอพักนนทรีเข้าร่วมอยู่แล้ว หมอนั่นน่ะกะจะเรียกคะแนนจากบรรดาสาว ๆ อีกแน่”
“จริงด้วย คราวที่แล้วหอเราแทบจะไม่มีคนดูเลยด้วยซ้ำ แล้วปีนี้เราจะให้ใครเล่นดนตรีล่ะ พวกเก่า ๆ ก็เริ่มหมดกำลังใจกันแล้ว”
“อืม...เราลืมนึกถึงใครบางคนไปหรือเปล่า หมอนั่นไง”
“หมอนั่นไหน...” สมาชิกของหอพักชายการเวกเริ่มนิ่งนึก
“ก็วายุดาวรุ่งดวงใหม่แห่งหอพักการเวกของเราไง”
“อ้อ...จริงด้วย ๆ แต่ว่าตั้งแต่หมอนั่นได้เป็นดาวรุ่งของหอเราฉันก็ไม่ค่อยได้เห็นหน้าเขาเลยนะ บางคนก็บอกว่าเขาชอบหมกตัวอยู่คนเดียว ทำรายงานทุกวันจนไม่มีใครได้เห็นหน้าเขาเลย”
“ไม่ต้องห่วง งานนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันเอง” หมอดึงความสนใจจนทุกคนต้องหันไปมอง เขายิ้มอย่างมีเลศนัย แล้วความลำบากนั้นก็มาเยือนสู่ธนู
“หา...แกว่าไงนะ จะให้ฉันเป็นวายุร่วมแสดงดนตรีในงานแสดงดนตรีฤดูหนาว...แกจะบ้าหรือไง ฉันเล่นดนตรีเป็นซะที่ไหน”
“เฮ้ย...เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง แค่แกใช้ความหล่อของแก ก็โกยคะแนนจากสาว ๆให้หอของเราตรึมแล้ว”
“ไอ้บ้า ถ้าถูกใครเขาจับได้ขึ้นมาเราจะทำยังไง คนดูเขาไม่ได้โง่นะโว้ย”
“เอางี้ก็ได้ แกเล่นอะไรได้บ้าง” ธนูส่ายหน้าอย่างใสซื่อ จนหมอโวยว่าเขาไม่เคยเล่นดนตรีเลยสักชิ้นเดียวเชียวหรือ เขาแทบไม่อยากจะเชื่อ ธนูนิ่งคิด ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเขาเคยเล่นแซ็กโซโฟนให้พ่อฟังตอนวันเกิด
“เออ เอาอันนั้นแหละ”
“แต่ว่า ฉันเล่นได้แค่เพลงเดียวนะ แล้วหลังจากนั้นฉันก็ไม่เคยเล่นอีกเลย”
“เออน่า ของแบบนี้มันฝึกได้ เอาล่ะ นับจากวันพรุ่งนี้เป็นต้นไป แกต้องเป็นวายุแล้วไปซ้อมดนตรีกับฉัน” ถึงธนูจะปฏิเสธอย่างไรก็ไม่เป็นผล เมื่อเขาถูกหมอบีบบังคับด้วยความลับทั้งหมดที่เขามี ชายหนุ่มจึงต้องยินยอมเป็นวายุเพื่องานแสดงดนตรีฤดูหนาวที่ใกล้จะมาถึง
……………………………………………………….
ทางฟากของชายก็ซ้อมดนตรีอย่างไม่มีวันหยุด พวกเขาเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่เพื่อโกยคะแนนจากผู้หญิงที่พวกเขารัก และค่ำคืนนั้นก็จะเป็นค่ำคืนแห่งการสารภาพรัก ชายหนุ่มทุกคนต่างเฝ้ารอคอยให้ค่ำคืนนั้นมาถึง และเมื่อธนูได้รับรู้ถึงกับตะลึง
“หา...คืนแห่งการสารภาพรัก ทำไมมหา’ลัยแกมีเรื่องแปลกๆ เยอะนักวะ”
“ทำไม ไม่ดีหรือไง ทุก ๆ หนึ่งปี แกจะได้มีโอกาสบอกรักหญิงสาวที่แกหลงใหล แล้วถ้าสาวคนนั้นตอบรับรักแก มันก็จะเป็นค่ำคืนที่สุดแสนโรแมนติกรุ่งขึ้นก็จะมีคู่รักนับร้อยคู่ปรากฏอยู่ที่บอร์ดกลางของมหา’ลัย หลังจากนั้นก็จะไม่มีใครมากล้าแตะผู้หญิงของแกอีก แกว่าไม่ดีหรือไง”
“งี่เง่าล่ะสิไม่ว่า...แล้วปีที่แล้วแกสารภาพรักสำเร็จไหมล่ะ”
“ไม่...” หมอทำหน้าเศร้า จนธนูขำกลิ้ง เขาว่าแล้วว่าความคิดอย่างนั้นมันงี่เง่า
“แต่มันก็เป็นโอกาสที่ดี ที่แกจะได้บอกรักยัยท่อนไม้ไม่ใช่เหรอ บางที ยัยนั่นอาจจะตอบแกว่า ...ฉันก็รักเธอ...แล้วแผนแกก็สำเร็จ มันไม่เรียกว่าสุดยอดหรือไง ไอ้เพื่อนรัก”
“เออ...จริงด้วย คราวนี้ฉันก็จะได้เป็นอิสระเสียที แกนี่มันฉลาดล้ำโลกจริง ๆ” ธนูกอดคอหมออย่างสุดรัก เขาวาดฝันถึงวันนั้นอย่างมีความสุข แต่ทว่าหมอก็ทักให้เขาหาหนทางที่จะทำให้น้ำค้างลดระดับเสน่ห์ลง มิเช่นนั้นค่ำคืนนั้นคงเป็นเรื่องเศร้ามากกว่า
“ทำไมล่ะ”
“ทำไมเหรอ แกลืมไปแล้วเหรอไง ว่าตอนนี้ยัยท่อนไม้พีคขนาดไหน คืนนั้นยัยนั่นคงจะโดนชายหนุ่มรุมสารภาพรักก่อนที่แกจะเข้าถึงตัวเธอซะมากกว่า เพราะฉะนั้นแกต้องหาหนทาง ทำให้ยัยนั่นกลับเป็นยัยท่อนไม้ที่ไม่มีใครสนใจได้เหมือนเดิม”
“แล้วจะทำยังไงล่ะ” ธนูได้แต่ครุ่นคิด หมอเองก็ครุ่นคิดเช่นเดียวกัน
……………………………………………………….
และวันนั้นก็มาถึง วันที่ธนูต้องรีบตัดกำลังเสริมของน้ำค้างออกไป เริ่มแผนการที่จะทำให้ชายหนุ่มเหล่าแฟนคลับของน้ำค้างเปลี่ยนความคิดดี ๆที่มีต่อหญิงสาว เขาแปะรูปน้ำค้างไปทั่วพร้อมกับข้อความที่บอกว่า ผู้หญิงคนนี้คือสาวสติไม่ดี เลี้ยงผีเล่นไสยศาสตร์ ทำให้ชายหนุ่มหลงใหล จงอย่าได้ตกเป็นทาสรักของเธอ เมื่อบรรดาชายหนุ่มมายืนดูก็ถึงกับเสียความรู้สึก พวกเขาพากันปรึกษาหารือว่าข่าวนี้จริงหรือมั่วชัวร์หรือไม่ หมอกับธนูที่แอบซุ่มมองดูอยู่ถึงกับพึงพอใจ แต่เมื่อชายโผล่เข้ามาจากด้านหลังของพวกเขา ชายหนุ่มถึงกับตกใจจนตั้งตัวไม่อยู่
“นี่คงเป็นฝีมือของพวกนายล่ะสินะ นี่วางแผนใส่ร้ายทำให้น้ำค้างเสื่อมเสียทำไม”
“เฮ้ย...ไม่ใช่นะ พวกเรากำลังช่วยเหลือเธอต่างหาก” ธนูรีบพยักหน้าเห็นด้วยกับหมอ
“นายคิดดูสิ น้ำค้างต้องลำบากขนาดไหนที่ถูกคนพวกนั้นตามติดไปทุกที่ถึงขนาดถูกไล่ออกจากงาน น่าสงสารจะแย่ พวกเราก็เลยหาทางช่วยเหลือเธอยังไงเล่า”
“อ้อ...งั้นเหรอ งั้นฉันจะช่วยด้วย” ชายอาสาเอาแผ่นโปสเตอร์ไปช่วยติดประกาศด้วยอีกแรง ยิ่งทำให้แผนของหมอกับธนูราบรื่น และไม่นานนัก ผู้ชายแทบจะทุกคนก็เริ่มมองน้ำค้างด้วยสายตารังเกียจ
“นี่มันอะไรกันเนี่ย วันก่อนยังเห็นทำตาหวานหยาดเยิ้มอยู่เลย ดูสิ วันนี้ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ”
“คนเรามันเปลี่ยนกันได้น่าตุ่น”
“แต่ฉันว่ามันแปลก ๆ นะ เอ๊ะ” ประกายดาวมองภาพน้ำค้างที่ถูกแปะที่บอร์ด แล้วทั้งหมดก็รีบวิ่งไปดู ตุ่นถึงกับร้องว่าใครมาทำเรื่องบ้า ๆ แบบนี้
“แย่แล้ว อย่างนี้เราต้องรีบแก้ข่าว น้ำค้างไปที่สถานีวิทยุกัน”
“ไม่... ฉันว่าอย่างนี้มันดีแล้ว”
“น้ำค้าง” สองสาวตุ่นกับประกายดาวร้องห้ามเพื่อนอย่างไม่เห็นด้วย แต่สาวน้อยก็ยืนกรานให้ปล่อยเรื่องราวเอาไว้แบบนี้
“เธอไม่กลัวว่าใคร ๆเขาจะดูเธอไม่ดีเหรอ”
“ฉันก็ไม่ได้ดีอยู่แล้ว เป็นโรคจิตนิด ๆ เหมือนกัน”
“ยัยน้ำค้าง ถึงเธอจะไม่เต็ม แต่นี่ก็เกินไปนะ”
“ฉันว่าก็ยังดีกว่าถูกพวกผู้ชายวิ่งตาม ฉันไม่ชอบเจอะเจอผู้คน ขอให้ฉันได้มีอากาสหายใจบ้างเถอะ” น้ำค้างเดินเลยไปแล้ว แม้จะเป็นเรื่องที่น่าเศร้าสำหรับเพื่อนรัก แต่สำหรับเธอแล้วมันช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นยิ่งนัก สาวน้อยถอดแว่นเดินยิ้มอย่างสุขใจ และหลังจากนั้นแผนของหมอกับธนูก็เป็นไปตามคาด ไม่มีผู้ชายกล้าตามวอแวน้ำค้างอีกเลย ยกเว้นชายกับธนู
“นี่ ฉันยอมญาติดีกับนายแค่เรื่องนี้เท่านั้นนะ เรื่องอื่นฉันไม่ยอม”
“คิดว่านายคิดอย่างนั้นคนเดียวหรือไง ฉันเองก็ยอมญาติดีกับนายแค่วันนี้เท่านั้นแหละ โอกาสหน้าเราได้เจอกันอีกแน่” ธนูมองชายสายตาฟาดฟันกันอีกครั้ง นับว่าแผนการของพวกเขาสัมฤทธิ์ผลไปได้ด้วยดี แม้ว่าอาจจะเกิดคลื่นมหาสมุทรซัดโหมกระหน่ำอีกครั้งในภายภาคหน้าก็ตาม
……………………………………………………….
เมื่อน้ำค้างหมดคาบเช้า เธอเดินมาเปิดล็อกเกอร์แล้วเธอก็ได้พบกับจดหมายที่ไม่คาดคิด
“วันนี้ผมอยากพบคุณ มาพบผมที่เรือนกระจกได้ไหมครับ... วายุ” น้ำค้างอ่านแล้วก็ยิ้มอย่างดีใจแล้วรีบวิ่งไปที่เรือนกระจกในทันที ภาพที่เธอเห็นคือชายหนุ่มกำลังยืนเป่าแซ็กโซโฟนอยู่ในเรือนกระจกนั้น หญิงสาวประทับใจในเพียงแว่บแรกที่ได้เห็น เธอเดินเข้าไปหาเขา เมื่อเขาเห็นเธอจึงหยุดเป่าในทันที ชายหนุ่มยิ้มให้สาวน้อยอย่างอ่อนโยน
“คุณเป่าแซ็กโซโฟนเป็นด้วยหรือคะ”
“ครับ... เอ๊ย คุณถอดแว่นแล้วเหรอครับ”
“ค่ะ ช่วงนี้ฉันสบายใจขึ้นแล้ว”
“หรือครับดีจังเลย ว่าแต่คุณชอบเพลงที่ผมเป่าหรือเปล่าครับ”
“ชอบค่ะ เพลงนั้นชื่อว่าอะไรเหรอคะ”
“ลมหวนครับ...ผมเล่นเพลงนี้เป็นของขวัญวันเกิดให้กับคุณพ่อ”
“คุณพ่อคุณคงมีความสุขมากเลย”
“ครับ...แล้วผมก็อยากจะเล่นเพลงนี้ให้กับคุณด้วยนะครับ”
“จริงหรือคะ ฉันดีใจจังเลย”
“แต่ว่า ไม่ใช่วันนี้นะครับ ผมจะเล่นให้คุณฟังในงานคอนเสิร์ตฤดูหนาว”
“หา...คุณเองก็จะเล่นคอนเสิร์ตด้วยเหรอคะ สุดยอดไปเลย”
“ผมเป็นคนขี้อาย ไม่กล้าเล่นดนตรีต่อหน้าคนเยอะแยะ ตอนแรกผมก็ว่าจะปฏิเสธ แต่พอเห็นคุณดีใจขนาดนี้ ผมก็ตัดสินใจแล้ว ว่าผมจะเล่นคอนเสิร์ตนี้ ....เพื่อคุณ...” สายตาของเขาช่างวาววับจับใจ น้ำค้างอบอุ่นในทุกครั้งที่ได้มองดวงตาของเขา นี่คงเป็นความสุขที่สุดแล้วสำหรับเธอ
……………………………………………………….
เกมส์รักเดิมพันหัวใจ ตอนที่ 7
ณ หอพักการเวก ชายหนุ่มในหอพากันตื่นเต้นเมื่อเห็นประกาศเกี่ยวกับการแสดงคอนเสิร์ตฤดูหนาวที่ใกล้จะมาถึงทุกคนกำลังโจษจัณฑ์ว่าใครจะร่วมแสดงดนตรีในงานนี้
“ถ้าเป็นหอพักนนทรีก็ต้องมีชายดาวเด่นของหอพักนนทรีเข้าร่วมอยู่แล้ว หมอนั่นน่ะกะจะเรียกคะแนนจากบรรดาสาว ๆ อีกแน่”
“จริงด้วย คราวที่แล้วหอเราแทบจะไม่มีคนดูเลยด้วยซ้ำ แล้วปีนี้เราจะให้ใครเล่นดนตรีล่ะ พวกเก่า ๆ ก็เริ่มหมดกำลังใจกันแล้ว”
“อืม...เราลืมนึกถึงใครบางคนไปหรือเปล่า หมอนั่นไง”
“หมอนั่นไหน...” สมาชิกของหอพักชายการเวกเริ่มนิ่งนึก
“ก็วายุดาวรุ่งดวงใหม่แห่งหอพักการเวกของเราไง”
“อ้อ...จริงด้วย ๆ แต่ว่าตั้งแต่หมอนั่นได้เป็นดาวรุ่งของหอเราฉันก็ไม่ค่อยได้เห็นหน้าเขาเลยนะ บางคนก็บอกว่าเขาชอบหมกตัวอยู่คนเดียว ทำรายงานทุกวันจนไม่มีใครได้เห็นหน้าเขาเลย”
“ไม่ต้องห่วง งานนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันเอง” หมอดึงความสนใจจนทุกคนต้องหันไปมอง เขายิ้มอย่างมีเลศนัย แล้วความลำบากนั้นก็มาเยือนสู่ธนู
“หา...แกว่าไงนะ จะให้ฉันเป็นวายุร่วมแสดงดนตรีในงานแสดงดนตรีฤดูหนาว...แกจะบ้าหรือไง ฉันเล่นดนตรีเป็นซะที่ไหน”
“เฮ้ย...เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง แค่แกใช้ความหล่อของแก ก็โกยคะแนนจากสาว ๆให้หอของเราตรึมแล้ว”
“ไอ้บ้า ถ้าถูกใครเขาจับได้ขึ้นมาเราจะทำยังไง คนดูเขาไม่ได้โง่นะโว้ย”
“เอางี้ก็ได้ แกเล่นอะไรได้บ้าง” ธนูส่ายหน้าอย่างใสซื่อ จนหมอโวยว่าเขาไม่เคยเล่นดนตรีเลยสักชิ้นเดียวเชียวหรือ เขาแทบไม่อยากจะเชื่อ ธนูนิ่งคิด ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเขาเคยเล่นแซ็กโซโฟนให้พ่อฟังตอนวันเกิด
“เออ เอาอันนั้นแหละ”
“แต่ว่า ฉันเล่นได้แค่เพลงเดียวนะ แล้วหลังจากนั้นฉันก็ไม่เคยเล่นอีกเลย”
“เออน่า ของแบบนี้มันฝึกได้ เอาล่ะ นับจากวันพรุ่งนี้เป็นต้นไป แกต้องเป็นวายุแล้วไปซ้อมดนตรีกับฉัน” ถึงธนูจะปฏิเสธอย่างไรก็ไม่เป็นผล เมื่อเขาถูกหมอบีบบังคับด้วยความลับทั้งหมดที่เขามี ชายหนุ่มจึงต้องยินยอมเป็นวายุเพื่องานแสดงดนตรีฤดูหนาวที่ใกล้จะมาถึง
……………………………………………………….
ทางฟากของชายก็ซ้อมดนตรีอย่างไม่มีวันหยุด พวกเขาเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่เพื่อโกยคะแนนจากผู้หญิงที่พวกเขารัก และค่ำคืนนั้นก็จะเป็นค่ำคืนแห่งการสารภาพรัก ชายหนุ่มทุกคนต่างเฝ้ารอคอยให้ค่ำคืนนั้นมาถึง และเมื่อธนูได้รับรู้ถึงกับตะลึง
“หา...คืนแห่งการสารภาพรัก ทำไมมหา’ลัยแกมีเรื่องแปลกๆ เยอะนักวะ”
“ทำไม ไม่ดีหรือไง ทุก ๆ หนึ่งปี แกจะได้มีโอกาสบอกรักหญิงสาวที่แกหลงใหล แล้วถ้าสาวคนนั้นตอบรับรักแก มันก็จะเป็นค่ำคืนที่สุดแสนโรแมนติกรุ่งขึ้นก็จะมีคู่รักนับร้อยคู่ปรากฏอยู่ที่บอร์ดกลางของมหา’ลัย หลังจากนั้นก็จะไม่มีใครมากล้าแตะผู้หญิงของแกอีก แกว่าไม่ดีหรือไง”
“งี่เง่าล่ะสิไม่ว่า...แล้วปีที่แล้วแกสารภาพรักสำเร็จไหมล่ะ”
“ไม่...” หมอทำหน้าเศร้า จนธนูขำกลิ้ง เขาว่าแล้วว่าความคิดอย่างนั้นมันงี่เง่า
“แต่มันก็เป็นโอกาสที่ดี ที่แกจะได้บอกรักยัยท่อนไม้ไม่ใช่เหรอ บางที ยัยนั่นอาจจะตอบแกว่า ...ฉันก็รักเธอ...แล้วแผนแกก็สำเร็จ มันไม่เรียกว่าสุดยอดหรือไง ไอ้เพื่อนรัก”
“เออ...จริงด้วย คราวนี้ฉันก็จะได้เป็นอิสระเสียที แกนี่มันฉลาดล้ำโลกจริง ๆ” ธนูกอดคอหมออย่างสุดรัก เขาวาดฝันถึงวันนั้นอย่างมีความสุข แต่ทว่าหมอก็ทักให้เขาหาหนทางที่จะทำให้น้ำค้างลดระดับเสน่ห์ลง มิเช่นนั้นค่ำคืนนั้นคงเป็นเรื่องเศร้ามากกว่า
“ทำไมล่ะ”
“ทำไมเหรอ แกลืมไปแล้วเหรอไง ว่าตอนนี้ยัยท่อนไม้พีคขนาดไหน คืนนั้นยัยนั่นคงจะโดนชายหนุ่มรุมสารภาพรักก่อนที่แกจะเข้าถึงตัวเธอซะมากกว่า เพราะฉะนั้นแกต้องหาหนทาง ทำให้ยัยนั่นกลับเป็นยัยท่อนไม้ที่ไม่มีใครสนใจได้เหมือนเดิม”
“แล้วจะทำยังไงล่ะ” ธนูได้แต่ครุ่นคิด หมอเองก็ครุ่นคิดเช่นเดียวกัน
……………………………………………………….
และวันนั้นก็มาถึง วันที่ธนูต้องรีบตัดกำลังเสริมของน้ำค้างออกไป เริ่มแผนการที่จะทำให้ชายหนุ่มเหล่าแฟนคลับของน้ำค้างเปลี่ยนความคิดดี ๆที่มีต่อหญิงสาว เขาแปะรูปน้ำค้างไปทั่วพร้อมกับข้อความที่บอกว่า ผู้หญิงคนนี้คือสาวสติไม่ดี เลี้ยงผีเล่นไสยศาสตร์ ทำให้ชายหนุ่มหลงใหล จงอย่าได้ตกเป็นทาสรักของเธอ เมื่อบรรดาชายหนุ่มมายืนดูก็ถึงกับเสียความรู้สึก พวกเขาพากันปรึกษาหารือว่าข่าวนี้จริงหรือมั่วชัวร์หรือไม่ หมอกับธนูที่แอบซุ่มมองดูอยู่ถึงกับพึงพอใจ แต่เมื่อชายโผล่เข้ามาจากด้านหลังของพวกเขา ชายหนุ่มถึงกับตกใจจนตั้งตัวไม่อยู่
“นี่คงเป็นฝีมือของพวกนายล่ะสินะ นี่วางแผนใส่ร้ายทำให้น้ำค้างเสื่อมเสียทำไม”
“เฮ้ย...ไม่ใช่นะ พวกเรากำลังช่วยเหลือเธอต่างหาก” ธนูรีบพยักหน้าเห็นด้วยกับหมอ
“นายคิดดูสิ น้ำค้างต้องลำบากขนาดไหนที่ถูกคนพวกนั้นตามติดไปทุกที่ถึงขนาดถูกไล่ออกจากงาน น่าสงสารจะแย่ พวกเราก็เลยหาทางช่วยเหลือเธอยังไงเล่า”
“อ้อ...งั้นเหรอ งั้นฉันจะช่วยด้วย” ชายอาสาเอาแผ่นโปสเตอร์ไปช่วยติดประกาศด้วยอีกแรง ยิ่งทำให้แผนของหมอกับธนูราบรื่น และไม่นานนัก ผู้ชายแทบจะทุกคนก็เริ่มมองน้ำค้างด้วยสายตารังเกียจ
“นี่มันอะไรกันเนี่ย วันก่อนยังเห็นทำตาหวานหยาดเยิ้มอยู่เลย ดูสิ วันนี้ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ”
“คนเรามันเปลี่ยนกันได้น่าตุ่น”
“แต่ฉันว่ามันแปลก ๆ นะ เอ๊ะ” ประกายดาวมองภาพน้ำค้างที่ถูกแปะที่บอร์ด แล้วทั้งหมดก็รีบวิ่งไปดู ตุ่นถึงกับร้องว่าใครมาทำเรื่องบ้า ๆ แบบนี้
“แย่แล้ว อย่างนี้เราต้องรีบแก้ข่าว น้ำค้างไปที่สถานีวิทยุกัน”
“ไม่... ฉันว่าอย่างนี้มันดีแล้ว”
“น้ำค้าง” สองสาวตุ่นกับประกายดาวร้องห้ามเพื่อนอย่างไม่เห็นด้วย แต่สาวน้อยก็ยืนกรานให้ปล่อยเรื่องราวเอาไว้แบบนี้
“เธอไม่กลัวว่าใคร ๆเขาจะดูเธอไม่ดีเหรอ”
“ฉันก็ไม่ได้ดีอยู่แล้ว เป็นโรคจิตนิด ๆ เหมือนกัน”
“ยัยน้ำค้าง ถึงเธอจะไม่เต็ม แต่นี่ก็เกินไปนะ”
“ฉันว่าก็ยังดีกว่าถูกพวกผู้ชายวิ่งตาม ฉันไม่ชอบเจอะเจอผู้คน ขอให้ฉันได้มีอากาสหายใจบ้างเถอะ” น้ำค้างเดินเลยไปแล้ว แม้จะเป็นเรื่องที่น่าเศร้าสำหรับเพื่อนรัก แต่สำหรับเธอแล้วมันช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นยิ่งนัก สาวน้อยถอดแว่นเดินยิ้มอย่างสุขใจ และหลังจากนั้นแผนของหมอกับธนูก็เป็นไปตามคาด ไม่มีผู้ชายกล้าตามวอแวน้ำค้างอีกเลย ยกเว้นชายกับธนู
“นี่ ฉันยอมญาติดีกับนายแค่เรื่องนี้เท่านั้นนะ เรื่องอื่นฉันไม่ยอม”
“คิดว่านายคิดอย่างนั้นคนเดียวหรือไง ฉันเองก็ยอมญาติดีกับนายแค่วันนี้เท่านั้นแหละ โอกาสหน้าเราได้เจอกันอีกแน่” ธนูมองชายสายตาฟาดฟันกันอีกครั้ง นับว่าแผนการของพวกเขาสัมฤทธิ์ผลไปได้ด้วยดี แม้ว่าอาจจะเกิดคลื่นมหาสมุทรซัดโหมกระหน่ำอีกครั้งในภายภาคหน้าก็ตาม
……………………………………………………….
เมื่อน้ำค้างหมดคาบเช้า เธอเดินมาเปิดล็อกเกอร์แล้วเธอก็ได้พบกับจดหมายที่ไม่คาดคิด
“วันนี้ผมอยากพบคุณ มาพบผมที่เรือนกระจกได้ไหมครับ... วายุ” น้ำค้างอ่านแล้วก็ยิ้มอย่างดีใจแล้วรีบวิ่งไปที่เรือนกระจกในทันที ภาพที่เธอเห็นคือชายหนุ่มกำลังยืนเป่าแซ็กโซโฟนอยู่ในเรือนกระจกนั้น หญิงสาวประทับใจในเพียงแว่บแรกที่ได้เห็น เธอเดินเข้าไปหาเขา เมื่อเขาเห็นเธอจึงหยุดเป่าในทันที ชายหนุ่มยิ้มให้สาวน้อยอย่างอ่อนโยน
“คุณเป่าแซ็กโซโฟนเป็นด้วยหรือคะ”
“ครับ... เอ๊ย คุณถอดแว่นแล้วเหรอครับ”
“ค่ะ ช่วงนี้ฉันสบายใจขึ้นแล้ว”
“หรือครับดีจังเลย ว่าแต่คุณชอบเพลงที่ผมเป่าหรือเปล่าครับ”
“ชอบค่ะ เพลงนั้นชื่อว่าอะไรเหรอคะ”
“ลมหวนครับ...ผมเล่นเพลงนี้เป็นของขวัญวันเกิดให้กับคุณพ่อ”
“คุณพ่อคุณคงมีความสุขมากเลย”
“ครับ...แล้วผมก็อยากจะเล่นเพลงนี้ให้กับคุณด้วยนะครับ”
“จริงหรือคะ ฉันดีใจจังเลย”
“แต่ว่า ไม่ใช่วันนี้นะครับ ผมจะเล่นให้คุณฟังในงานคอนเสิร์ตฤดูหนาว”
“หา...คุณเองก็จะเล่นคอนเสิร์ตด้วยเหรอคะ สุดยอดไปเลย”
“ผมเป็นคนขี้อาย ไม่กล้าเล่นดนตรีต่อหน้าคนเยอะแยะ ตอนแรกผมก็ว่าจะปฏิเสธ แต่พอเห็นคุณดีใจขนาดนี้ ผมก็ตัดสินใจแล้ว ว่าผมจะเล่นคอนเสิร์ตนี้ ....เพื่อคุณ...” สายตาของเขาช่างวาววับจับใจ น้ำค้างอบอุ่นในทุกครั้งที่ได้มองดวงตาของเขา นี่คงเป็นความสุขที่สุดแล้วสำหรับเธอ
……………………………………………………….