" สิ่งที่คุณรู้ หรือสิ่งที่คุณเห็น มันอาจจะไม่เป็นผลดีกับตัวคุณเองนัก เพราะไม่มีใครได้รับรู้ หรือบันทึกเรื่องราวนั้นไว้ในประวัติศาสตร์ บางเรื่องรู้ก็ไม่ควรพูด เพราะถ้าพูดไปแล้ว จะเป็นผลดี หรือเสียกับคุณ ก็ลองเลือกและพิจารณาเอง" คำพูดนี่คือคำจากปากผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ท่านหนึ่ง โดยให้ผมนั่งเล่าสิ่งที่เห็น สิ่งที่รู้หลาย ชม.ผ่านไปอย่างตื่นเต้น และพยักหน้าตลอดเวลา เหมือนกับเข้าใจและเห็นด้วยกับสิ่งที่ผมพูดออกไปเป็นฉากๆเป็นตอนๆในสิ่งที่ผมรู้ พร้อมกับสอบถามถึงเรื่องต่างๆตามประวัติศาสตร์ เหมือนจะพิสูจน์ว่าผมตอบได้หรือไม่ แน่นอนผมพูดไปได้อย่างไม่สะดุด และเรื่องราวนั้นๆก็สอดคล้องกันอย่างสนุกสนานราวกับนิทาน แต่มันคือเรื่องจริง
ก่อนอื่นต้องบอกว่า ผมพิจารณาอยู่หลายครั้ง ว่าจะเขียน หรือไม่เขียน เพราะกลัวโดนตอบกระทู้ด่าแน่นอน มันอาจจะดูเพ้อเจ้อ แต่ผมอยากอ่านนานาทัศนะเหล่านี้จากทุกคน อาจจะทำให้ผมกระจ่างอะไรได้บ้าง หรือผมควรจะทำอย่างไรต่อไปดี ผมอาจจะเขียนผิด หรือใช้คำ วกไปวนมาบ้างต้องขออภัยด้วยนะครับ นี่เป็นครั้งแรก ปกติถ่ายทอดด้วยคำพูด ตอนนี้ผมอายุ 33 เป็นผู้ชายธรรมดาทั่วไป มีการมีงานที่ดีทำ พออยู่พอใช้ ในกรุงเทพฯครับ สิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวผมคือผมสามารถรับรู้ และเห็นบ้านเมือง เห็นเรื่องราวในอดีตจากภาพความทรงจำในสมองปรากฏขึ้นเป็นเรื่องราว บางครั้งประติดประต่อ แต่บางครั้งก็ไม่ชัดเจน สุดแล้วแต่ช่วงเวลา ผมมักจะเล่าเรื่องประวัติศาสตร์ ย้อนไปในสมัยโบราณให้คนในบ้านฟังแบบสนุกสนานเหมือนนิทานที่ย่าชอบเล่า แต่สิ่งที่ผมเห็นจริงๆมันไม่ใช่นิทาน แต่มันคือความจริงที่ผมเองลองพิสูจน์ด้วยการอ่าน ค้นหา และถามจากผู้รู้ และสิ่งที่ผมเห็นมันคือเรื่องจริง จริงชนิดที่ว่า ตำราหรือคนเก่าแก่คาดไม่ถึงว่าผมรู้มาได้ยังไง ยิ่งผมอายุมากขึ้น ภาพยิ่งชัดเจน ทั้งๆที่ผมเองไม่ได้เป็นหนอนหนังสือ ไม่ได้มีญานทิพย์ ไม่เคยทำสมาธิได้นานๆ น้อยมากที่จะหยิบตำรามาอ่าน แล้วมันมาจากไหน..?
เรื่องในอดีต ไม่มีประโยชน์ที่จะรื้อฟื้น จริงครับ ผมทราบดี แต่จะให้ผมอยู่กับปัจจุบันโดยไม่รู้เลยว่า มันคืออะไร ผมเก็บเรื่องนี้มาตั้งแต่เด็ก เพราะแม่ไม่อยากให้ใครมองว่าเราบ้า สติไม่ดี หรือลูกต้องกลายเป็นคนประหลาดที่รอการพิสูจน์ แม่อยากให้เป็นลูกของแม่แค่ในปัจจุบัน ตอนนี้ผมโตแล้ว และพิจารณาแล้วว่า ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เผื่อว่าจะมีคนแบบผมอีกบ้าง ที่พอจะเข้าใจ.....ถ้าเรื่องที่ผมจะเล่ามันไม่น่าสนใจ หรือ โดนตำหนิ มากกว่า ให้บอกตรงๆผมจะได้ไม่เล่าต่อ.....ขอบคุณที่กรุณาอ่านมาถึงตรงนี้ครับ
คือความทรงจำ...ที่เกิดขึ้นเป็นภาพแวปเข้ามาในสมอง
ก่อนอื่นต้องบอกว่า ผมพิจารณาอยู่หลายครั้ง ว่าจะเขียน หรือไม่เขียน เพราะกลัวโดนตอบกระทู้ด่าแน่นอน มันอาจจะดูเพ้อเจ้อ แต่ผมอยากอ่านนานาทัศนะเหล่านี้จากทุกคน อาจจะทำให้ผมกระจ่างอะไรได้บ้าง หรือผมควรจะทำอย่างไรต่อไปดี ผมอาจจะเขียนผิด หรือใช้คำ วกไปวนมาบ้างต้องขออภัยด้วยนะครับ นี่เป็นครั้งแรก ปกติถ่ายทอดด้วยคำพูด ตอนนี้ผมอายุ 33 เป็นผู้ชายธรรมดาทั่วไป มีการมีงานที่ดีทำ พออยู่พอใช้ ในกรุงเทพฯครับ สิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวผมคือผมสามารถรับรู้ และเห็นบ้านเมือง เห็นเรื่องราวในอดีตจากภาพความทรงจำในสมองปรากฏขึ้นเป็นเรื่องราว บางครั้งประติดประต่อ แต่บางครั้งก็ไม่ชัดเจน สุดแล้วแต่ช่วงเวลา ผมมักจะเล่าเรื่องประวัติศาสตร์ ย้อนไปในสมัยโบราณให้คนในบ้านฟังแบบสนุกสนานเหมือนนิทานที่ย่าชอบเล่า แต่สิ่งที่ผมเห็นจริงๆมันไม่ใช่นิทาน แต่มันคือความจริงที่ผมเองลองพิสูจน์ด้วยการอ่าน ค้นหา และถามจากผู้รู้ และสิ่งที่ผมเห็นมันคือเรื่องจริง จริงชนิดที่ว่า ตำราหรือคนเก่าแก่คาดไม่ถึงว่าผมรู้มาได้ยังไง ยิ่งผมอายุมากขึ้น ภาพยิ่งชัดเจน ทั้งๆที่ผมเองไม่ได้เป็นหนอนหนังสือ ไม่ได้มีญานทิพย์ ไม่เคยทำสมาธิได้นานๆ น้อยมากที่จะหยิบตำรามาอ่าน แล้วมันมาจากไหน..?
เรื่องในอดีต ไม่มีประโยชน์ที่จะรื้อฟื้น จริงครับ ผมทราบดี แต่จะให้ผมอยู่กับปัจจุบันโดยไม่รู้เลยว่า มันคืออะไร ผมเก็บเรื่องนี้มาตั้งแต่เด็ก เพราะแม่ไม่อยากให้ใครมองว่าเราบ้า สติไม่ดี หรือลูกต้องกลายเป็นคนประหลาดที่รอการพิสูจน์ แม่อยากให้เป็นลูกของแม่แค่ในปัจจุบัน ตอนนี้ผมโตแล้ว และพิจารณาแล้วว่า ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เผื่อว่าจะมีคนแบบผมอีกบ้าง ที่พอจะเข้าใจ.....ถ้าเรื่องที่ผมจะเล่ามันไม่น่าสนใจ หรือ โดนตำหนิ มากกว่า ให้บอกตรงๆผมจะได้ไม่เล่าต่อ.....ขอบคุณที่กรุณาอ่านมาถึงตรงนี้ครับ