หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า “มนุษย์ใช้สมองแค่ 10%” ซึ่งถือว่าเป็นความเชื่อที่พูดกันบ่อยๆ แต่ในความเป็นจริง วิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้อย่างชัดเจนว่าเราใช้สมองแค่ 10% หรือเปล่า อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าสนใจคือ สมองของเราอาจจะมีศักยภาพที่มากกว่าที่เรารู้จักในตอนนี้ และอาจจะสามารถรับรู้สิ่งที่เราไม่เคยสัมผัสได้ หากสมองทำงานในระดับที่สูงขึ้น
1.สมองทำงานเต็มที่: คืออะไร?
การพูดถึง “สมองทำงาน 100%” หลายคนอาจจะนึกถึงการใช้ทุกส่วนของสมอง แต่ในความจริง สมองทำงานทุกส่วนอยู่แล้วในชีวิตประจำวัน โดยการทำงานของสมองในระดับปกติจะช่วยให้เรารับรู้และทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันได้ แต่เมื่อพูดถึงการทำงานในระดับ 100% หมายถึงการที่สมองทำงานในระดับสูงขึ้นเพื่อรับรู้หรือประมวลผลสิ่งต่างๆ ที่เราไม่สามารถรับรู้ได้ในสภาวะปกติ
2.สิ่งที่อาจเกิดขึ้นหากสมองทำงาน 100%
ถ้าสมองทำงานในระดับสูงสุด มันอาจช่วยให้เรารับรู้สิ่งที่ไม่เคยสัมผัส เช่น:
• คลื่นความร้อน/อินฟราเรด: การรับรู้สิ่งที่มีอุณหภูมิสูงหรือต่ำเหมือนกับการมองเห็นแสงในช่วงที่ตาเราไม่สามารถมองเห็น
• คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (UV): หากสมองสามารถรับรู้คลื่นเหล่านี้ได้ มันอาจช่วยให้เรารับรู้ถึงอันตรายจากแสง UV ที่เราไม่สามารถมองเห็นได้
• สัญชาตญาณภัยคุกคาม: อาจจะรู้สึกถึงการเตือนภัยหรือสัญญาณบางอย่างที่จะเกิดขึ้นยกตัวอย่างท่าเป็นสัตว์ก็มดหนีก่อนมาน้ำครับ
*จะบอกว่าก็สัญชาตญาณสัตว์ใช้ไหม
มนุษย์ก็มีคือ สู้ หรือ หนี หรือ จังหวะเราไปอยู่ในที่ๆรู้สึกไม่โอเคอันตรายนั้นแหละสัญชาตญาณแต่ท่าสมองสั่งให้ทำได้มากกว่านั้นละอย่างขยายการรับรู้
ข้อนนี้อาจจะดูเกินจริงไปนิดนะครับแต่ไม่แน่เพราะเรายังพิสูจน์ไม่ได้ว่าสมองมีศักยภาพต่อระอวัยอื่นแค่ไหน
3.อาจจะเป็นตัวอย่างการกระตุ้นสมอง
อย่างเช่น นักกีฬาในช่วงเวลาที่กดดันสูงๆ พวกเขาสามารถเร่งศักยภาพของร่างกายโดยใช้สมองสั่งการ เช่น นักวิ่งที่ในช่วงโค้งสุดท้ายของการแข่งขันสมองอาจจะกระตุ้นให้ร่างกายทำงานได้เต็มที่บ้างคนอาจจะเรียกแรงฮึด หรือ แม้กระทั่งในสถานการณ์ฉุกเฉินที่ร่างกายสามารถยกของหนักได้โดยไม่รู้ตัวเอาง่ายๆเลยเวลาไฟไหม้แล้วดันยกตู้เย็นได้คนเดียวไรงี้ครับ
*จะบอกว่านักกีฬาก็ อะดรีนาลีนพุ่ง ใช่ครับแล้วท่าสมองสั่งได้มากกว่านั้นละหัวใจละเบิด😆
*ข้อ4.น่าจะพอแก้ต่างได้นะครับ🙏🏻
4.อาจจะเป็นเหตุผลที่สมองทำงานไม่ถึง100%
ที่ทำงานได้ไม่ถึง100%อาจจะเพราะร่างกายจำกัดลิมิต
หรือเรียกกลไกป้องกันตัวเอง เพื่อที่จะเซฟส่วนต่างๆของร่างกายเช่น เรากลั้นหายใจตายไม่ได้
สมมุติสมองสั่ง
กล้ามเนื้อให้ทำงาน100%ตลอดเวลาจะเกิดอะไรขึ้นน่าฉีกขาดหรือแล้วท่าสมองทำงาน100%ตลอดละ
เอาง่ายๆขนาดให้สมองคิดอะไรนานๆยังปวดหัว
นั้นอาจจะเป็นเหตุผลที่ทำงานไม่ได้100%
*การกระตุ้นที่หมายถึงไม่ได้หมายถึงการใช้ยาเพื่อหลอนสมอง
สรุป
แม้จะยังไม่มีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจนว่า “สมองทำงาน 100%” จริงๆ แต่แนวคิดนี้เปิดโอกาสให้เห็นว่าความสามารถของสมองมนุษย์อาจมีศักยภาพที่มากกว่าที่เรารู้ในตอนนี้ ถ้าเราสามารถกระตุ้นสมองให้ทำงานในระดับสูงขึ้น อาจจะช่วยให้เรารับรู้สิ่งที่ไม่เคยเห็นหรือสัมผัสได้มาก่อน
คุณอาจจะคอมเม้นว่าเราอาจจะเห็นผีได้ว่างั้นก็ไม่แน่นะครับ😊
เหตุการณ์สมมุติ คนสำคัญของคุณพึ่งเสียไปไม่นานสมองเกิดการกระตุ้นทำให้บางคนรู้สึกถึงคนที่พึ่งเสียไปหรือกลิ่นนํ้าอบหรืออาจจะเห็นเป็นตัวเป็นต้นเลย
เอาแค่นี้พอเรื่องสมองกระตุ้นให้เห็นอะเดียวไปเขียนหัวข้อใหม่ถึงความเป็นไปได้
อาจจะดูเพ้อเจ้อนิดหน่อยนะครับ
ขอบคุณที่อ่านนะครับ
ทุกคนคิดเห็นยังไงเกี่ยวกับแนวคิดนี้บ้าง? คิดว่า สมองของเรามีศักยภาพมากกว่านี้จริงหรือไม่? มาแชร์ความคิดเห็นกันได้นะครับ🙏🏻🙏🏻
แนวคิดเกี่ยวกับการทำงานของสมอง 100% และการรับรู้สิ่งที่มนุษย์ไม่เคยรับรู้
1.สมองทำงานเต็มที่: คืออะไร?
การพูดถึง “สมองทำงาน 100%” หลายคนอาจจะนึกถึงการใช้ทุกส่วนของสมอง แต่ในความจริง สมองทำงานทุกส่วนอยู่แล้วในชีวิตประจำวัน โดยการทำงานของสมองในระดับปกติจะช่วยให้เรารับรู้และทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันได้ แต่เมื่อพูดถึงการทำงานในระดับ 100% หมายถึงการที่สมองทำงานในระดับสูงขึ้นเพื่อรับรู้หรือประมวลผลสิ่งต่างๆ ที่เราไม่สามารถรับรู้ได้ในสภาวะปกติ
2.สิ่งที่อาจเกิดขึ้นหากสมองทำงาน 100%
ถ้าสมองทำงานในระดับสูงสุด มันอาจช่วยให้เรารับรู้สิ่งที่ไม่เคยสัมผัส เช่น:
• คลื่นความร้อน/อินฟราเรด: การรับรู้สิ่งที่มีอุณหภูมิสูงหรือต่ำเหมือนกับการมองเห็นแสงในช่วงที่ตาเราไม่สามารถมองเห็น
• คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (UV): หากสมองสามารถรับรู้คลื่นเหล่านี้ได้ มันอาจช่วยให้เรารับรู้ถึงอันตรายจากแสง UV ที่เราไม่สามารถมองเห็นได้
• สัญชาตญาณภัยคุกคาม: อาจจะรู้สึกถึงการเตือนภัยหรือสัญญาณบางอย่างที่จะเกิดขึ้นยกตัวอย่างท่าเป็นสัตว์ก็มดหนีก่อนมาน้ำครับ
*จะบอกว่าก็สัญชาตญาณสัตว์ใช้ไหม
มนุษย์ก็มีคือ สู้ หรือ หนี หรือ จังหวะเราไปอยู่ในที่ๆรู้สึกไม่โอเคอันตรายนั้นแหละสัญชาตญาณแต่ท่าสมองสั่งให้ทำได้มากกว่านั้นละอย่างขยายการรับรู้
ข้อนนี้อาจจะดูเกินจริงไปนิดนะครับแต่ไม่แน่เพราะเรายังพิสูจน์ไม่ได้ว่าสมองมีศักยภาพต่อระอวัยอื่นแค่ไหน
3.อาจจะเป็นตัวอย่างการกระตุ้นสมอง
อย่างเช่น นักกีฬาในช่วงเวลาที่กดดันสูงๆ พวกเขาสามารถเร่งศักยภาพของร่างกายโดยใช้สมองสั่งการ เช่น นักวิ่งที่ในช่วงโค้งสุดท้ายของการแข่งขันสมองอาจจะกระตุ้นให้ร่างกายทำงานได้เต็มที่บ้างคนอาจจะเรียกแรงฮึด หรือ แม้กระทั่งในสถานการณ์ฉุกเฉินที่ร่างกายสามารถยกของหนักได้โดยไม่รู้ตัวเอาง่ายๆเลยเวลาไฟไหม้แล้วดันยกตู้เย็นได้คนเดียวไรงี้ครับ
*จะบอกว่านักกีฬาก็ อะดรีนาลีนพุ่ง ใช่ครับแล้วท่าสมองสั่งได้มากกว่านั้นละหัวใจละเบิด😆
*ข้อ4.น่าจะพอแก้ต่างได้นะครับ🙏🏻
4.อาจจะเป็นเหตุผลที่สมองทำงานไม่ถึง100%
ที่ทำงานได้ไม่ถึง100%อาจจะเพราะร่างกายจำกัดลิมิต
หรือเรียกกลไกป้องกันตัวเอง เพื่อที่จะเซฟส่วนต่างๆของร่างกายเช่น เรากลั้นหายใจตายไม่ได้
สมมุติสมองสั่ง
กล้ามเนื้อให้ทำงาน100%ตลอดเวลาจะเกิดอะไรขึ้นน่าฉีกขาดหรือแล้วท่าสมองทำงาน100%ตลอดละ
เอาง่ายๆขนาดให้สมองคิดอะไรนานๆยังปวดหัว
นั้นอาจจะเป็นเหตุผลที่ทำงานไม่ได้100%
*การกระตุ้นที่หมายถึงไม่ได้หมายถึงการใช้ยาเพื่อหลอนสมอง
สรุป
แม้จะยังไม่มีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจนว่า “สมองทำงาน 100%” จริงๆ แต่แนวคิดนี้เปิดโอกาสให้เห็นว่าความสามารถของสมองมนุษย์อาจมีศักยภาพที่มากกว่าที่เรารู้ในตอนนี้ ถ้าเราสามารถกระตุ้นสมองให้ทำงานในระดับสูงขึ้น อาจจะช่วยให้เรารับรู้สิ่งที่ไม่เคยเห็นหรือสัมผัสได้มาก่อน
คุณอาจจะคอมเม้นว่าเราอาจจะเห็นผีได้ว่างั้นก็ไม่แน่นะครับ😊
เหตุการณ์สมมุติ คนสำคัญของคุณพึ่งเสียไปไม่นานสมองเกิดการกระตุ้นทำให้บางคนรู้สึกถึงคนที่พึ่งเสียไปหรือกลิ่นนํ้าอบหรืออาจจะเห็นเป็นตัวเป็นต้นเลย
เอาแค่นี้พอเรื่องสมองกระตุ้นให้เห็นอะเดียวไปเขียนหัวข้อใหม่ถึงความเป็นไปได้
อาจจะดูเพ้อเจ้อนิดหน่อยนะครับ
ขอบคุณที่อ่านนะครับ
ทุกคนคิดเห็นยังไงเกี่ยวกับแนวคิดนี้บ้าง? คิดว่า สมองของเรามีศักยภาพมากกว่านี้จริงหรือไม่? มาแชร์ความคิดเห็นกันได้นะครับ🙏🏻🙏🏻