มะนาว เป็นผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวจัดและจัดอยู่ในสกุลเดียวกับส้ม (Citrus) ผลมีสีเขียว เมื่อสุกจัดจะเป็นสีเหลือง เปลือกบาง ภายในมีเนื้อแบ่งกลีบๆ ชุ่มน้ำ มักนิยมใช้เป็นเครื่องปรุงรส นอกจากนี้ยังถือว่ามีคุณค่าทางโภชนาการและทางการแพทย์อีกด้วย
สรรพคุณทางยา
ด้วยที่มะนาวเป็นผลไม้ที่มีน้ำประกอบด้วย กรดอินทรีย์หลายชนิด เช่น กรดซิตริก กรดมาลิค วิตามินซี และส่วนของน้ำมันหอมระเหยจากผิวมะนาว มีวิตามินเอ และซี ทั้งยังมีธาตุแคลเซียมและฟอสฟอรัสสูงกว่าในน้ำมะนาวอีกด้วย นอกจากนี้ มะนาวมีประโยชน์ใช้เป็นยาสมุนไพรคือ ช่วยขับเสมหะ แก้ไอ แก้เลือดออกตามไรฟัน เหงือกบวม นอกจากนี้ยังช่วยแก้อาการปวดศีรษะ แก้อาเจียน เมาเหล้า ขจัดคราบบุหรี่ บำรุงตา บำรุงผิว และยังสามารถมีฤทธิ์ในการกัดเนื่องจากเป็นกรดตามธรรมชาติอีกด้วย
สำหรับเรื่องของการช่วยในการลดน้ำหนักนั้น ก่อนอื่นต้องเข้าใจเสียก่อนว่าหลักการที่จะทำให้น้ำหนักลดได้คือการใช้พลังงานให้ได้มากกว่าที่เรารับประทาน ไม่ใช่ว่าทานเข้าไปมาก หรือทานอะไรมันๆแล้วจะมาทานน้ำมะนาวแล้วจะช่วยไ้ด้ ซึ่งจริงอยู่ มะนาวนั้น ถือว่าเป็นผลไม้ที่มีเส้นใยสูง ให้พลังงานต่ำ และเป็นผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่สูง จึงทำให้มะนาวได้ถูกวางไว้เป็นผลไม้ที่สามารถช่วยในการลดน้ำหนักได้
อุดมวิตามินซี
มะนาว 1 ผลขนาดเส้นผ่านสุนย์กลาง 2 นิ้วจะให้วิตามินซีอยู่ประมาณ 19.5 มิลลิกรัม คิดเป็นร้อยละ26 ของปริมาณที่แนะนำให้ผู้หญิงรับประทานต่อวัน และ ร้อยละ 21.8 ของปริมาณที่แนะนำให้ผู้ชายรับประทานต่อวัน ซึ่งเจ้าวิตามินซีนี่เองที่เป็นประโยชน์ ช่วยในเรื่องของการซ่อมแซมเซลผิว กระดูกและเนื้อเยื้อต่างๆ ช่วยรักษาสภาพร่างกายให้พร้อมกับการใช้งาน เช่นการออกกำลังกายอย่างดี โดยเมื่อเร็วๆนี้ได้มีการตีพิมพ์ข้อมูลโดยนิตยสารของวิทยาลัยด้านโภชนาการของอเมริกาซึ่งเขียนโดยนักโภชนาการ Dr. Carol Johnston ยืนยันว่า วิตามินซีสามารถช่วยในการเผาผลาญไขมันได้โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำ จากการศึกษาพบว่าคนที่ได้รับวิตามินซีในระดับที่พอเหมาะจะสามารถเผาผลาญพลังงานได้มากกว่าคนได้รับวิตามินซีระดับต่ำอยู่ถึง 30%เลยทีเดียว
มะนาวมีพลังงานต่ำและเส้นใยสูง
มะนาว 1 ผล ที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 2 นิ้ว(67กรัม) จะให้เส้นใยประมาณ 1.9 กรัม หรือคิดเป็น 6% ของปริมาณเส้นใยที่ร่างกายต้องการต่อวัน โดยมะนาว 1 ผลจะให้พลังงานประมาณ 20 kcal อย่างที่ทราบเมื่อมะนาวนั้นมีเส้นใยสูง เส้นใยเหล่านี้เองที่ทำให้เรารู้สึกอิ่มได้นานและยังช่วยควบคุมระดับและปริมาณน้ำตาลในหลอดเลือดได้อีกด้วย
กรดซิตริก
เช่นเดียวกับผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวชนิดอื่นๆ รสเปรี้ยวจี๊ดของมะนาวนั้น อุดมไปด้วยกรดซิตริกอยู่ประมาณ 7-8% ซึ่งอาจเรียกได้ว่าสูงที่สุดในบรรดาผลไม้ทุกๆประเภท โดยกรดซิตริกนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอนุมูลอิสระกับเซลและทำให้เซลต่างๆในร่างกายแข็งเเรง โดยคุณสมบัตินี้เองที่ช่วยป้องกันโรคหัวใจและโรคมะเร็งที่เป็นผลมาจากภาวะอ้วนได้ นอกจากบทบาทในการป้องกันโรคแล้ว กรดซิตริกยังเป็นตัวช่วยสำคัญในการดักจับและสลายไขมัน ในขณะที่ถ้าหากร่างกายได้รับโปรตีนและคาร์โบไฮเดรตในปริมาณที่เหมาะสม และออกกำลังกายอย่างสำม่ำเสมอ ก็จะทำให้คุณสามารถลดน้ำหนักได้
เมื่อทราบถึงประโยชน์ของมะนาวแล้วในปัจจุบันจึงมีสูตรการทานมะนาวในแบบต่างๆมากมายเพื่อประโยชน์ทั้งด้านการลดน้ำหนักและการดูแลผิวพรรณดังนี้
ดื่มน้ำ มะนาว กับน้ำอุ่นทุกๆเช้า
เพื่อกระตุ้นระบบย่อยอาหารให้ทำงานดียิ่งขึ้น มะนาว เป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีมมากที่สุด ไม่เพียงแต่จะดีสำหรับช่วยลดไข้ได้ แต่มันยังมีผลวิจัยจากมหาวิทยาลัยแอริโซนา แนะนำมาว่า ใครที่กินผลไม้และผักที่มีวิตามินซีในปริมาณที่มาก จะมีประโยชน์ต่อระบบย่อยอาหาร บรรเทาอาการท้องผูกและจะช่วยให้น้ำหนักลดได้ดีกว่าวิธีอื่นๆ ยิ่งไปกว่านั้น มะนาว ยังช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมให้กักเก็บเอาไว้ในเซลล์ไขมัน ผลวิจัยยังแสดงอีกว่า แคลเซียมที่มีอยู่ในเซลล์ไขมันปริมาณมากๆ จะช่วยเผาผลาญไขมันได้ดียิ่งขึ้น แถมช่วยสร้างเอนไซม์เพื่อขจัดสารพิษในเลือดได้
การดื่มน้ำอุ่นผสมน้ำมะนาวในตอนเช้าจะเข้าไปกระตุ้นให้ลำไส้บีบตัว เพื่อให้สารพิษถูกดันออกมากับอุจจาระ หลังจากที่ดื่มน้ำอุ่นแล้วคุณจะรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำทันที เหมือนเป็นการ detox แต่ถ้าหากไม่มีมะนาวการ กินแค่น้ำเปล่า หรือ น้ำอุ่นในตอนเช้าก็เหมือนเป็นการ ล้างลำใส้ได้ แต่มะนาวโดยคุณสมบัติจะมีค่า PH ที่เป็นกรด ที่ทำให้ลำไส้ทำงานได้ดีนั้นเอง
ผสมมะนาวในอาหารต่างๆ
โดยการบีบน้ำ มะนาว ลงไปในมื้ออาหารทุกมื้อ หรือผสมเปลือก มะนาว ลงไปในซุปหรือสลัด และบีบมะนาวเพียงเล็กน้อยโปรยลงบนเนื้อปลา และเนื้อไก่ก่อนรับประทาน แล้วจะรู้ว่า มะนาว คือเส้นใยที่มหัศจรรย์ที่สุด เพราะ มะนาวจะช่วยให้ระบบย่อยอาหารดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงด้วย
นอกจากนี้ผลการศึกษาของวิทยาลัย Journal of the America College of Nutrition ยังรายงานว่า คาร์โบไฮเดรตที่พบในผิวเปลือกของ มะนาว จะสามารถกำจัดความอยากกินให้ลดลงได้ถึง 4 ชั่วโมง เปลือกมะนาวเป็นแหล่งรวมไฟเบอร์ที่ดีที่สุด ช่วยให้ระบบย่อยอาหารสามารถดูดซึมน้ำตาลได้เร็วยิ่งขึ้น ลดความหิว อิ่มนาน
น้ำมะนาวกับการรักษาสิว
ความจริงแล้วการรักษาสิวด้วยการดื่มน้ำมะนาวนั้นมีประโยชน์หลายอย่างสามารถทำได้ทุกเพศทุกวัย (สำหรับคนที่ไม่แพ้มะนาว) และแนะนำใหทานติดต่อกันอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ด้วยที่มะนาวมีสรรพคุณช่วยขจัดกรดต่างๆที่ตกค้างออกไปนั้นเองจึงทำให้น้ำมะนาวสามารถช่วยลดการเกิดสิวได้
การรักษาสิวโดยการดื่มน้ำมะนาว สูตร 1
บีบน้ำมะนาว 1 ผลลงในแก้ว
เติมน้ำเปล่า 2 ถ้วย (ถ้วยละ 8 ออนซ์)
ดื่มน้ำมะนาวที่ผสมนี้ได้ทั้งวัน
การรักษาสิวโดยการดื่มน้ำมะนาว สูตร 2
บีบน้ำมะนาว 1 ผล ผสมกับน้ำอุ่นที่ต้มแล้ว 1 ถ้วย (8 ออนซ์)
ดื่มเป็นสิ่งแรกของวัน ในตอนเช้า หลังจากดื่มน้ำมะนาว งดการดื่มหรือรับประทานสิ่งใดๆ ภายในครึ่งชั่วโมงเพื่อให้น้ำมะนาวได้ชำระล้างร่างกาย
ส่วนเรื่องที่นำมะนาวมาแช่หรือผสมด้วยน้ำผึ้งนั้นอาจเป็นการเพิ่มรสชาติเพื่อให้ดื่มได้ง่ายขึ้น และน้ำผึ้งเองก็มีประโยชน์มากมายเช่นกัน แต่อย่างไรก็ดีควรรับประทานเเต่ปริมาณที่พอดี ไม่มากจนเกินไป เพราะการทำหรือการทานอะไรที่มากเกินความพอดีก็อาจทำให้เกิดผลเสียได้เช่นกันส่วนเรื่องสรรพคุณอื่นๆที่มากมายเกินจริงก็ถือว่าฟังหูไว้หู เมื่อทราบและเข้าใจประโยชน์แล้วก็นำไปปรับใช้ให้ถูกวิธี และวิถีของการดำรงค์ชีวิตจะดีกว่า
มะนาว
สรรพคุณทางยา
ด้วยที่มะนาวเป็นผลไม้ที่มีน้ำประกอบด้วย กรดอินทรีย์หลายชนิด เช่น กรดซิตริก กรดมาลิค วิตามินซี และส่วนของน้ำมันหอมระเหยจากผิวมะนาว มีวิตามินเอ และซี ทั้งยังมีธาตุแคลเซียมและฟอสฟอรัสสูงกว่าในน้ำมะนาวอีกด้วย นอกจากนี้ มะนาวมีประโยชน์ใช้เป็นยาสมุนไพรคือ ช่วยขับเสมหะ แก้ไอ แก้เลือดออกตามไรฟัน เหงือกบวม นอกจากนี้ยังช่วยแก้อาการปวดศีรษะ แก้อาเจียน เมาเหล้า ขจัดคราบบุหรี่ บำรุงตา บำรุงผิว และยังสามารถมีฤทธิ์ในการกัดเนื่องจากเป็นกรดตามธรรมชาติอีกด้วย
สำหรับเรื่องของการช่วยในการลดน้ำหนักนั้น ก่อนอื่นต้องเข้าใจเสียก่อนว่าหลักการที่จะทำให้น้ำหนักลดได้คือการใช้พลังงานให้ได้มากกว่าที่เรารับประทาน ไม่ใช่ว่าทานเข้าไปมาก หรือทานอะไรมันๆแล้วจะมาทานน้ำมะนาวแล้วจะช่วยไ้ด้ ซึ่งจริงอยู่ มะนาวนั้น ถือว่าเป็นผลไม้ที่มีเส้นใยสูง ให้พลังงานต่ำ และเป็นผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่สูง จึงทำให้มะนาวได้ถูกวางไว้เป็นผลไม้ที่สามารถช่วยในการลดน้ำหนักได้
อุดมวิตามินซี
มะนาว 1 ผลขนาดเส้นผ่านสุนย์กลาง 2 นิ้วจะให้วิตามินซีอยู่ประมาณ 19.5 มิลลิกรัม คิดเป็นร้อยละ26 ของปริมาณที่แนะนำให้ผู้หญิงรับประทานต่อวัน และ ร้อยละ 21.8 ของปริมาณที่แนะนำให้ผู้ชายรับประทานต่อวัน ซึ่งเจ้าวิตามินซีนี่เองที่เป็นประโยชน์ ช่วยในเรื่องของการซ่อมแซมเซลผิว กระดูกและเนื้อเยื้อต่างๆ ช่วยรักษาสภาพร่างกายให้พร้อมกับการใช้งาน เช่นการออกกำลังกายอย่างดี โดยเมื่อเร็วๆนี้ได้มีการตีพิมพ์ข้อมูลโดยนิตยสารของวิทยาลัยด้านโภชนาการของอเมริกาซึ่งเขียนโดยนักโภชนาการ Dr. Carol Johnston ยืนยันว่า วิตามินซีสามารถช่วยในการเผาผลาญไขมันได้โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำ จากการศึกษาพบว่าคนที่ได้รับวิตามินซีในระดับที่พอเหมาะจะสามารถเผาผลาญพลังงานได้มากกว่าคนได้รับวิตามินซีระดับต่ำอยู่ถึง 30%เลยทีเดียว
มะนาวมีพลังงานต่ำและเส้นใยสูง
มะนาว 1 ผล ที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 2 นิ้ว(67กรัม) จะให้เส้นใยประมาณ 1.9 กรัม หรือคิดเป็น 6% ของปริมาณเส้นใยที่ร่างกายต้องการต่อวัน โดยมะนาว 1 ผลจะให้พลังงานประมาณ 20 kcal อย่างที่ทราบเมื่อมะนาวนั้นมีเส้นใยสูง เส้นใยเหล่านี้เองที่ทำให้เรารู้สึกอิ่มได้นานและยังช่วยควบคุมระดับและปริมาณน้ำตาลในหลอดเลือดได้อีกด้วย
กรดซิตริก
เช่นเดียวกับผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวชนิดอื่นๆ รสเปรี้ยวจี๊ดของมะนาวนั้น อุดมไปด้วยกรดซิตริกอยู่ประมาณ 7-8% ซึ่งอาจเรียกได้ว่าสูงที่สุดในบรรดาผลไม้ทุกๆประเภท โดยกรดซิตริกนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอนุมูลอิสระกับเซลและทำให้เซลต่างๆในร่างกายแข็งเเรง โดยคุณสมบัตินี้เองที่ช่วยป้องกันโรคหัวใจและโรคมะเร็งที่เป็นผลมาจากภาวะอ้วนได้ นอกจากบทบาทในการป้องกันโรคแล้ว กรดซิตริกยังเป็นตัวช่วยสำคัญในการดักจับและสลายไขมัน ในขณะที่ถ้าหากร่างกายได้รับโปรตีนและคาร์โบไฮเดรตในปริมาณที่เหมาะสม และออกกำลังกายอย่างสำม่ำเสมอ ก็จะทำให้คุณสามารถลดน้ำหนักได้
เมื่อทราบถึงประโยชน์ของมะนาวแล้วในปัจจุบันจึงมีสูตรการทานมะนาวในแบบต่างๆมากมายเพื่อประโยชน์ทั้งด้านการลดน้ำหนักและการดูแลผิวพรรณดังนี้
ดื่มน้ำ มะนาว กับน้ำอุ่นทุกๆเช้า
เพื่อกระตุ้นระบบย่อยอาหารให้ทำงานดียิ่งขึ้น มะนาว เป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีมมากที่สุด ไม่เพียงแต่จะดีสำหรับช่วยลดไข้ได้ แต่มันยังมีผลวิจัยจากมหาวิทยาลัยแอริโซนา แนะนำมาว่า ใครที่กินผลไม้และผักที่มีวิตามินซีในปริมาณที่มาก จะมีประโยชน์ต่อระบบย่อยอาหาร บรรเทาอาการท้องผูกและจะช่วยให้น้ำหนักลดได้ดีกว่าวิธีอื่นๆ ยิ่งไปกว่านั้น มะนาว ยังช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมให้กักเก็บเอาไว้ในเซลล์ไขมัน ผลวิจัยยังแสดงอีกว่า แคลเซียมที่มีอยู่ในเซลล์ไขมันปริมาณมากๆ จะช่วยเผาผลาญไขมันได้ดียิ่งขึ้น แถมช่วยสร้างเอนไซม์เพื่อขจัดสารพิษในเลือดได้
การดื่มน้ำอุ่นผสมน้ำมะนาวในตอนเช้าจะเข้าไปกระตุ้นให้ลำไส้บีบตัว เพื่อให้สารพิษถูกดันออกมากับอุจจาระ หลังจากที่ดื่มน้ำอุ่นแล้วคุณจะรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำทันที เหมือนเป็นการ detox แต่ถ้าหากไม่มีมะนาวการ กินแค่น้ำเปล่า หรือ น้ำอุ่นในตอนเช้าก็เหมือนเป็นการ ล้างลำใส้ได้ แต่มะนาวโดยคุณสมบัติจะมีค่า PH ที่เป็นกรด ที่ทำให้ลำไส้ทำงานได้ดีนั้นเอง
ผสมมะนาวในอาหารต่างๆ
โดยการบีบน้ำ มะนาว ลงไปในมื้ออาหารทุกมื้อ หรือผสมเปลือก มะนาว ลงไปในซุปหรือสลัด และบีบมะนาวเพียงเล็กน้อยโปรยลงบนเนื้อปลา และเนื้อไก่ก่อนรับประทาน แล้วจะรู้ว่า มะนาว คือเส้นใยที่มหัศจรรย์ที่สุด เพราะ มะนาวจะช่วยให้ระบบย่อยอาหารดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงด้วย
นอกจากนี้ผลการศึกษาของวิทยาลัย Journal of the America College of Nutrition ยังรายงานว่า คาร์โบไฮเดรตที่พบในผิวเปลือกของ มะนาว จะสามารถกำจัดความอยากกินให้ลดลงได้ถึง 4 ชั่วโมง เปลือกมะนาวเป็นแหล่งรวมไฟเบอร์ที่ดีที่สุด ช่วยให้ระบบย่อยอาหารสามารถดูดซึมน้ำตาลได้เร็วยิ่งขึ้น ลดความหิว อิ่มนาน
น้ำมะนาวกับการรักษาสิว
ความจริงแล้วการรักษาสิวด้วยการดื่มน้ำมะนาวนั้นมีประโยชน์หลายอย่างสามารถทำได้ทุกเพศทุกวัย (สำหรับคนที่ไม่แพ้มะนาว) และแนะนำใหทานติดต่อกันอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ด้วยที่มะนาวมีสรรพคุณช่วยขจัดกรดต่างๆที่ตกค้างออกไปนั้นเองจึงทำให้น้ำมะนาวสามารถช่วยลดการเกิดสิวได้
การรักษาสิวโดยการดื่มน้ำมะนาว สูตร 1
บีบน้ำมะนาว 1 ผลลงในแก้ว
เติมน้ำเปล่า 2 ถ้วย (ถ้วยละ 8 ออนซ์)
ดื่มน้ำมะนาวที่ผสมนี้ได้ทั้งวัน
การรักษาสิวโดยการดื่มน้ำมะนาว สูตร 2
บีบน้ำมะนาว 1 ผล ผสมกับน้ำอุ่นที่ต้มแล้ว 1 ถ้วย (8 ออนซ์)
ดื่มเป็นสิ่งแรกของวัน ในตอนเช้า หลังจากดื่มน้ำมะนาว งดการดื่มหรือรับประทานสิ่งใดๆ ภายในครึ่งชั่วโมงเพื่อให้น้ำมะนาวได้ชำระล้างร่างกาย
ส่วนเรื่องที่นำมะนาวมาแช่หรือผสมด้วยน้ำผึ้งนั้นอาจเป็นการเพิ่มรสชาติเพื่อให้ดื่มได้ง่ายขึ้น และน้ำผึ้งเองก็มีประโยชน์มากมายเช่นกัน แต่อย่างไรก็ดีควรรับประทานเเต่ปริมาณที่พอดี ไม่มากจนเกินไป เพราะการทำหรือการทานอะไรที่มากเกินความพอดีก็อาจทำให้เกิดผลเสียได้เช่นกันส่วนเรื่องสรรพคุณอื่นๆที่มากมายเกินจริงก็ถือว่าฟังหูไว้หู เมื่อทราบและเข้าใจประโยชน์แล้วก็นำไปปรับใช้ให้ถูกวิธี และวิถีของการดำรงค์ชีวิตจะดีกว่า