นายบรรยง พงษ์พานิช กรรมการในคณะกรรมการนโยบายกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ระบุพนักงานการบินไทยจะได้รับผลกระทบมากจากการปฏิรูปองค์กร ชี้เป็นสายการบินที่มีพนักงานมากกว่าสายการบินอื่น ห่วงทางเลือกในการฟื้นฟู สุดท้ายจะทำให้เหลือสายการบินแห่งชาติที่ซอมซ่อ
นายบรรยง ระบุดังกล่าวในเฟซบุ๊กส่วนตัว และบอกด้วยว่าหลังจาก คนร.อนุมัติแผนฟื้นฟูการบินไทยไปเมื่อสองสัปดาห์ก่อนได้มีเสียงคัดค้านจากหลายฝ่าย เขาเห็นว่าการฟื้นฟูองค์กรที่ขาดทุน 6 ไตรมาสติดต่อกัน เป็นเงินกว่า 20,000 ล้านบาทนั้น ย่อมมีผู้ได้รับผลกระทบ โดยคนกลุ่มแรกคือพนักงานที่บางส่วนต้องถูกเลิกจ้าง ส่วนที่เหลือต้องทำงานให้หนักขึ้น
นายบรรยง บอกว่าปัจจุบันการบินไทยใช้พนักงานมากกว่าสายการบินคู่แข่ง มีพนักงานที่สำนักงานใหญ่ซึ่งไม่เกี่ยวกับปฏิบัติการบินจำนวน 3,500 คน ขณะที่การบินไทยมีเครื่องบินใช้งาน 90 ลำ แต่สิงคโปร์แอร์ไลน์ ซึ่งมีเครื่องบิน 120 ลำ แต่มีพนักงานที่สำนักงานใหญ่เพียง 1,500 คน
นายบรรยง แสดงความแปลกใจเรื่องที่มีกระแสต่อต้านการหยุดบินในบางเส้นทาง โดยเฉพาะเส้นทาง มาดริด และมอสโก ที่กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาร่วมคัดค้านด้วยเพราะเกรงว่าจะไม่บรรลุเป้าหมายด้าน การท่องเที่ยวที่วางไว้ ในจุดนี้นายบรรยงแนะให้กระทรวงท่องเที่ยวฯ ลดการจัดงานที่มีค่าใช้จ่ายสูงลง
กรรมการ คนร. บอกในเฟซบุ๊กด้วยว่า การแก้ปัญหาของการบินไทยนั้น รัฐมีทางเลือก 3 ทาง คือ หากไม่สามารถระดมทุนจากตลาดหลักทรัพย์ได้ก็จะต้องเข้ากระบวนการล้มละลาย ทางที่สอง รัฐเข้าดูแลจัดการในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่และให้ความช่วยเหลือเช่นให้กู้เงิน 27,000 ล้านบาท ในระหว่างการฟื้นฟู แต่จะต้องดำเนินการตามแผนให้สำเร็จ หรือทางสุดท้ายรัฐต้องอุ้มการบินไทยเพราะถือว่าเป็นรัฐวิสาหกิจ
นายบรรยง บอกว่าขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่ารัฐจะเลือกทางใด เพราะใน คนร.เข้าใจว่าเลือกแนวทางที่สอง แต่นายกรัฐมนตรีประกาศนโยบายไม่ให้การบินไทยล้ม จึงทำให้เกิดการต่อต้านเมื่อเริ่มที่จะมีการเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ หากรัฐต้องคอย “อุ้ม” การบินไทยต่อไปเรื่อย ๆ ตามแนวทางที่สาม จะมีค่าใช้จ่ายปีละ 13,000 ล้านบาท ภาระจะตกอยู่กับคนไทยผู้เสียภาษี
“การฟื้นฟูการบินไทยตามแผนที่อนุมัติไปนั้นต้องทำจริงจัง แต่หากมีการถ่วงเวลากันอยู่ สุดท้ายก็คงต้องเลือกทางเลือกที่สาม คือเบียดเบียนเงินรัฐ และสุดท้ายก็จะเหลือสายการบินแห่งชาติที่ซังกะตายซอมซ่อ เหมือนการรถไฟฯ หรือ ขสมก.”
ที่มา:
https://www.facebook.com/BBCThai/photos/a.1527194487501586.1073741828.1526071940947174/1612290442325323/?type=1&theater
สายการบินแห่งชาติที่ซังกะตายซอมซ่อ เหมือนการรถไฟ ขสมก
นายบรรยง พงษ์พานิช กรรมการในคณะกรรมการนโยบายกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ระบุพนักงานการบินไทยจะได้รับผลกระทบมากจากการปฏิรูปองค์กร ชี้เป็นสายการบินที่มีพนักงานมากกว่าสายการบินอื่น ห่วงทางเลือกในการฟื้นฟู สุดท้ายจะทำให้เหลือสายการบินแห่งชาติที่ซอมซ่อ
นายบรรยง ระบุดังกล่าวในเฟซบุ๊กส่วนตัว และบอกด้วยว่าหลังจาก คนร.อนุมัติแผนฟื้นฟูการบินไทยไปเมื่อสองสัปดาห์ก่อนได้มีเสียงคัดค้านจากหลายฝ่าย เขาเห็นว่าการฟื้นฟูองค์กรที่ขาดทุน 6 ไตรมาสติดต่อกัน เป็นเงินกว่า 20,000 ล้านบาทนั้น ย่อมมีผู้ได้รับผลกระทบ โดยคนกลุ่มแรกคือพนักงานที่บางส่วนต้องถูกเลิกจ้าง ส่วนที่เหลือต้องทำงานให้หนักขึ้น
นายบรรยง บอกว่าปัจจุบันการบินไทยใช้พนักงานมากกว่าสายการบินคู่แข่ง มีพนักงานที่สำนักงานใหญ่ซึ่งไม่เกี่ยวกับปฏิบัติการบินจำนวน 3,500 คน ขณะที่การบินไทยมีเครื่องบินใช้งาน 90 ลำ แต่สิงคโปร์แอร์ไลน์ ซึ่งมีเครื่องบิน 120 ลำ แต่มีพนักงานที่สำนักงานใหญ่เพียง 1,500 คน
นายบรรยง แสดงความแปลกใจเรื่องที่มีกระแสต่อต้านการหยุดบินในบางเส้นทาง โดยเฉพาะเส้นทาง มาดริด และมอสโก ที่กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาร่วมคัดค้านด้วยเพราะเกรงว่าจะไม่บรรลุเป้าหมายด้าน การท่องเที่ยวที่วางไว้ ในจุดนี้นายบรรยงแนะให้กระทรวงท่องเที่ยวฯ ลดการจัดงานที่มีค่าใช้จ่ายสูงลง
กรรมการ คนร. บอกในเฟซบุ๊กด้วยว่า การแก้ปัญหาของการบินไทยนั้น รัฐมีทางเลือก 3 ทาง คือ หากไม่สามารถระดมทุนจากตลาดหลักทรัพย์ได้ก็จะต้องเข้ากระบวนการล้มละลาย ทางที่สอง รัฐเข้าดูแลจัดการในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่และให้ความช่วยเหลือเช่นให้กู้เงิน 27,000 ล้านบาท ในระหว่างการฟื้นฟู แต่จะต้องดำเนินการตามแผนให้สำเร็จ หรือทางสุดท้ายรัฐต้องอุ้มการบินไทยเพราะถือว่าเป็นรัฐวิสาหกิจ
นายบรรยง บอกว่าขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่ารัฐจะเลือกทางใด เพราะใน คนร.เข้าใจว่าเลือกแนวทางที่สอง แต่นายกรัฐมนตรีประกาศนโยบายไม่ให้การบินไทยล้ม จึงทำให้เกิดการต่อต้านเมื่อเริ่มที่จะมีการเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ หากรัฐต้องคอย “อุ้ม” การบินไทยต่อไปเรื่อย ๆ ตามแนวทางที่สาม จะมีค่าใช้จ่ายปีละ 13,000 ล้านบาท ภาระจะตกอยู่กับคนไทยผู้เสียภาษี
“การฟื้นฟูการบินไทยตามแผนที่อนุมัติไปนั้นต้องทำจริงจัง แต่หากมีการถ่วงเวลากันอยู่ สุดท้ายก็คงต้องเลือกทางเลือกที่สาม คือเบียดเบียนเงินรัฐ และสุดท้ายก็จะเหลือสายการบินแห่งชาติที่ซังกะตายซอมซ่อ เหมือนการรถไฟฯ หรือ ขสมก.”
ที่มา: https://www.facebook.com/BBCThai/photos/a.1527194487501586.1073741828.1526071940947174/1612290442325323/?type=1&theater