พระอภัยมณีฉบับเร่งรัด
ชุดที่ ๔ ศรีสุวรรณผจญภัย
ตอนที่ ๒ "เหมือนมดแดงแฝงพวงมะม่วงงอม"
ฑ.มณฑา
ฝ่าย ศรีสุวรรณ กับพราหมณ์ทั้งสามได้ข่าวการศึกสงครามแล้ว แต่ยังรอฟังอยู่ว่า ทางกรุงรมจักรจะพอสู้ศึกได้หรือไม่
แต่พอเห็นว่าข้าศึกมีชัยยกเข้ามาล้อมเมืองก็คิดจะอาสาออกช่วยรบแต่เกรงว่าจะไม่มีใครเชื่อฝีมือ
เพราะต่างก็มีรูปทรงอันอ้อนแอ้นอรชรเหมือนกันทั้งสี่นาย จึงพากันแต่งกายให้รัดกุม ถืออาวุธประจำตัวออกไปถึงหน้าค่ายของข้าศึก
พวกในค่ายก็ยกพลออกมาล้อมไว้ ศรีสุวรรณก็ควงกระบองวิเศษนำพราหมณ์ทั้งสาม เข้ารบตลุมบอนกับไพร่พลของข้าศึก
จนล้มตายลงไปเป็นอันมาก พราหมณ์ทั้งหมดก็ตัดศีรษะข้าศึกคนละหัว หิ้วเข้าประตูเมืองไปเฝ้าท้าวทศวงศ์
ขออาสาออกรบกับตัวนายทัพ ไม่ต้องให้เปลืองไพร่พล ถ้าแพ้ข้าศึกจึงค่อยส่งตัวนางเกษรา พระธิดาไปให้
จากนั้นก็ทำอุบายว่าขณะนี้พระธิดากำลังมีเคราะห์ จะต้องทำพิธีเสดาะเคราะห์เสียก่อน
ท้าวทศวงศ์ก็สั่งให้จัดเตรียมโรงพิธีในคืนนั้น และตั้งหม้อน้ำมนต์ให้ทั้งสี่พราหมณ์เสกเป่า สำหรับพระธิดาสรงเสดาะเคราะห์
แล้วก็เชิญเสด็จพระธิดาพร้อมด้วยพี่เลี้ยงทั้งสี่ มานั่งในโรงพิธี ศรีสุวรรณกับสามพี่น้องก็เข้าไปในม่าน
แกล้งทำเป็นท่องบ่นร่ายมนต์ พอให้คนข้างนอกได้ยิน แล้วศรีสุวรรณกับนางเกษราก็ได้สนทนาปราศรัยกัน
ตามประสาหนุ่มสาวที่มีจิตพิศวาสสมความปรารถนา จนเกือบรุ่งสว่างเทียนชัยจวนจะหมดเล่ม จึงจำใจอำลาจากกัน
"พี่ขอฝากความรักที่หนักอก
ช่วยปิดปกไว้แต่ในน้ำใจสมร
ถึงม้วยดินสิ้นฟ้าและสาคร
อย่าม้วยมรณ์ไมตรีของพี่เลย
ขอฝากความเสน่หาสามิภักดิ์
ภิรมย์รักร่วมเรียงเคียงเขนย
ถึงตัวไปใจอยู่เป็นคู่เชย
เมื่อไรเลยจึงจะสมอารมณ์เรียม"
ถึงเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้นศรีสุวรรณก็ทรงม้าขาว พร้อมด้วยพราหมณ์ทั้งสามนำหน้ากองทัพใหญ่
มีพลประมาณห้าหมื่นออกไปสู่สนามยุทธ ส่วนท้าวทศวงศ์กับพระมเหสีและพระธิดา เกษรา
ก็ขึ้นไปประทับอยู่บนพลับพลาเหนือเชิงเทินพร้อมด้วยพี่เลี้ยงทั้งสี่รวมทั้งสาวสรรค์กำนัลนางทั้งหลาย
คอยเอาใจช่วยผู้อาสาออกศึกอย่างสุดหัวใจ
ทางฝ่ายท้าวอุเทนส่งทหารเอกสี่นายคือ วิชาเยนทร์ ปังกลิมา สุรเหน และมูรตาน
เป็นแม่ทัพออกมาสู้รบกับสี่พราหทร์เป็นสี่คู่ รบกันได้ไม่นานก็เสียที
"ฝรั่งฟาดพลาดแพลงแทงด้วยกฤช
เจ้าพราหมณ์ปิดป้องกันผันผยอง
หน่อกษัตริย์กวัดแกว่งพระแสงกระบอง
เข้าตีต้องปังกลิมาชีวาวาย
เจ้าโมราอานุภาพเอาดาบฉะ
ตัดศีรษะสุรเหนกระเด็นหาย
วิเชียรนั้นฟันมูรตานตาย
สานนนายพราหมณ์ฆ่าวิชาเยนทร์"
แล้วกองทัพของเมืองรมจักร ก็รุกไล่กระหน่ำซ้ำเติม ฆ่าฟันไพร่พลของท้าวอุเทน จนแตกพ่ายไปอย่างสิ้นเชิง
ท้าวอุเทนจึงต้องพาทหารที่เหลือ ถอยทัพกลับบ้านเมืองไปด้วยความผิดหวัง
ท้าวทศวงศ์จึงโปรดให้รับพราหมณ์ทั้งสี่ เข้าไปพักที่ในวังจัดการต้อนรับอย่างสมเกียรติ ที่ได้มีชัยชนะแก่ข้าศึกมา
วันต่อมาท้าวทศวงศ์เสด็จออกว่าราชการ เมื่อประทานบำเหน็จรางวัล แก่ขุนนางฝ่ายทหารและพลเรือนที่ออกศึกตามสมควรแล้ว
ก็ปรึกษาเสนาพฤฒามาตย์ ในที่เฝ้า จะให้ศรีสุวรรณไปครองเมืองจันตประเทศ เจ้าพราหมณ์ทั้งสามก็ปฏิเสธว่า
ที่อาสามาทำศึกครั้งนี้ ไม่ได้มีความปรารถนาที่จะรับบำเหน็จรางวัลแต่อย่างใด จึงจะขอลาไปท่องเที่ยวอยู่ในป่าในดง
ขอฝากไว้แต่ศรีสุวรรณผู้น้อง ให้ช่วยอุปถัมภ์ด้วยเท่านั้น
ท้าวอุเทนก็รู้ทันว่า ศรีสุวรรณมีความรักต่อพระธิดา แต่ยังคิดไม่ตกว่าจะยกให้ดีหรือไม่
เพราะเข้าใจผิดว่าเป็นพราหมณ์ต่ำต้อยไม่คู่ควรกับพระธิดา แต่จะครั้นจะปฏิเสธก็เสียดายฝีมือ
และบุญคุณที่ได้ช่วยกู้บ้านเมืองไว้ จึงปลอบใจว่า ถ้าเช่นนั้นก็ไม่ต้องไปไหน จะรับเลี้ยงไว้เป็นบุตรทั้งสี่คน
และถ้าอยากได้สิ่งใดก็ให้บอกภายหลัง
แล้วท้าวทศวงศ์ก็เสด็จเข้าไป ปรึกษาพระมเหสี ว่าจะควรทำฉันใดดี พระมเหสีโปรดอยู่แล้ว
ก็บอกว่าตัวศรีสุวรรณนั้นดูแล้วมีสง่าราศรี กิริยาพาทีก็น่าจะเป็นลูกเจ้าท้าวพระยาปลอมตัวมา
ผิดกันไกลกับเจ้าพราหมณ์ที่เป็นผู้ติดตาม แล้วเขาก็มีคุณได้ช่วยทำศึก จนไม่ต้องเสียเมืองและพระธิดา
สมควรจะยกนางเกษราให้ครองกัน จะได้เป็นรัชทายาทสืบสกุลต่อไป
ท้าวทศวงศ์ก็คล้อยตามความเห็นของพระมเหสี แต่ยังรอดูท่าทีไปก่อน
ข้างศรีสุวรรณนั้นคอยฟังข่าวอยู่สิบสี่สิบห้าวันก็ไม่เห็นมีรับสั่งว่าอย่างไร ให้ร้อนอกร้อนใจเป็นกำลัง
คิดจะลักพานางเกษราหนีเข้าป่าไป แต่พราหมณ์ทั้งสามก็ห้ามเอาไว้ ให้เขียนหนังสือลองใจนางเกษราดูก่อน
ศรีสุวรรณจึงเขียนสารฝากพี่เลี้ยง ไปให้พระธิดา รำพันความในใจว่า
"โอ้อนาถวาสนาพี่หาไม่
จึงมิได้ชิดเชื้อแม่เนื้อหอม
เหมือนมดแดงแฝงพวงมะม่วงงอม
เที่ยวไต่ตอมเต็มอยู่ไม่รู้รส
พี่รักเจ้าเอาชีวาเข้ามาแลก
ช่วยรบแขกแตกทัพกลับไปหมด
มาอยู่วังตั้งเดือนดูเหมือนมด
ละอายอดสูใจกระไรเลย"
แล้วสรุปลงท้ายว่า เมื่อพระบิดาไม่ปราณียกให้เป็นคู่ครองกัน ก็เห็นจะต้องจำใจลาจากไปก่อนแล้ว
"จะขืนอยู่สู้โศกก็สุดปล้ำ
ในทรวงช้ำเช่นเขาเชือดให้เลือดไหล
เหลือกำลังจะประทังฤทัยไป
พี่จำไกลกลอยสวาทในชาตินี้
เมื่อชาติหน้าอย่าให้แคล้วกับแก้วเนตร
ได้กอดเกษราชมประสมศรี
เป็นมนุษย์ครุฑาวาสุกรี
ขอให้พี่พิศวาสทุกชาติเอย"
นางเกษราอ่านสารแล้วคิดว่าศรีสุวรรณจะจากไปจริง ๆ ก็ใจหายเป็นลมสลบแน่นิ่งไป แก้เท่าไรก็ไม่ฟื้น
ร้อนถึงท้าวทศวงศ์ต้องให้คนไปตามศรีสุวรรณ มาช่วยแก้ไข ศรีสุวรรณก็นึกว่านางเกษราจะตายจริง ๆ เหมือนกัน
จึงอธิษฐานเอาน้ำอบพรม นางก็ฟื้นขึ้นมา พอเห็นหน้าคนรักก็ค่อยคลายโศกเศร้าลง แต่โรคใจก็ยังไม่หาย
ท้าวทศวงศ์จึงถามศรีสุวรรณว่า โรคของพระธิดานี้ทำอย่างจึงจะหาย ศรีสุวรรณได้โอกาสก็เลยว่าคงอีกนาน
ต้องคอยเฝ้าดูอาการก่อน ท้าวทศวงศ์แม้จะรู้ทันแต่ก็ตกลงใจว่าจะยกให้อยู่แล้ว
จึงอนุญาตให้พราหมณ์ทั้งสี่ เข้ามาอยู่ในตำหนักของพระธิดา คอยรักษาพยาบาลอย่างใกล้ชิด
ศรีสุวรรณซึ่งพักนอนอยู่กับพราหมณ์ทั้งสามที่หน้ามุข ติดกับห้องของนางเกษรา สุดที่จะทนอยู่ได้เพราะใกล้กันแค่นั้น
พอตกค่ำจึงเข้าไปถามอาการไข้ ช่วยป้อนอาหารและยา ทั้งคอยปฏิบัติอยู่จนตลอดคืน
"แม่แก้วเกษราอุตส่าห์เสวย
อย่าละเลยโภชนากระยาหาร
นางคำนับรับรสพจมาน
พระสงสารรับขวัญให้บรรทม
คอยระวังนั่งเฝ้าแต่เป่าปัด
สองกษัตริย์สุจริตสนิทสนม
ไม่เดียงสาน่าเอ็นดูเหมือนคู่ชม
นางบรรทมพระประทับให้หลับไป"
ศรีสุวรรณเฝ้ารักษานางเกษราอยู่ถึงสิบห้าวันโรคกายจึงค่อยฟื้นคืนดีขึ้น แต่โรคในใจนั้นยังคงหนักอยู่เช่นเดิม
ข้างศรีสุวรรณเห็นว่า ใกล้จะถึงเวลาที่จะต้องย้ายออกไปจากตำหนักพระธิดาแล้ว
คิดอยากจะรวบรัดตัดความตามที่ใจปรารถนาเสีย จึงมาปรึกษากับเจ้าพราหมณ์ก็เห็นดีด้วย
"ธรรมเนียมหมอรักษาโรคาไข้
พอเดินได้ก็เรียกขวัญข้าวเขา
ไม่ตรึกตราปรารภทำซบเซา
ถ้าฉวยเปล่าแล้วสิอดเหมือนมดแดง"
พราหมณ์จึงเชิญพี่เลี้ยงทั้งสี่มาคุยกันแถวที่พักของตน แล้วให้ศรีสุวรรณแอบเข้าไปในห้องนางเกษราซึ่งอยู่คนเดียว
ค่อยเกี้ยวพาราสี แต่นางก็ไม่ปลงใจด้วย
"ขืนหยอกเย้าเฝ้าเล่นอยู่เช่นนี้
สักแปดปีเห็นไข้จะไม่หาย
เวียนมาใยในห้องให้น้องอาย
คนทั้งหลายรู้เรื่องจะเลื่องลือ
น้องจะไปไหนพ้นพระผ่านเกล้า
ขอทุเลาแล้วก็ยังไม่ฟังหรือ
อย่าลูบต้องน้องจะกรมระบมมือ
โรคจะรื้อร่ำทำให้รำคาญ"
ศรีสุวรรณก็ยังคงดื้อเถียงไปข้าง ๆ คู ๆ
"การนินทากาเลเหมือนเทน้ำ
ไม่ชอกช้ำเหมือนเอามีดลงขีดหิน
พี่อาสามาสู้กู้แผ่นดิน
เขารู้สิ้นแล้วว่ารักภัคินี"
แต่จนแล้วจนรอด ศรีสุวรรณก็ไม่ประสบความสำเร็จ ตามที่ได้ตั้งใจไว้ ข้างฝ่ายพี่เลี้ยงก็จับคู่กับพราหมณ์ทั้งสามแยกกันไปคู่ละมุม
เหลือ ศรีสุดา เปล่าเปลี่ยวอยู่คนเดียว ก็เที่ยวเดินวุ่นวายไปจุดโคมแกล้งเพื่อน ทั้งสามคู่ก็เลยชวนกันหลบไปให้พ้นจากที่นั้น
นางศรีสุดาก็เดินเข้ามาถึงห้องนางเกษรา นางก็ตกใจจึงไล่ให้ศรีสุวรรณออกจากห้องไปเสีย
ศรีสุวรรณออกมาเจอนางศรีสุดา อยากจะเอาใจไว้เป็นพวก ก็เกี้ยวพาราสีไปตามสบายปาก แต่นางศรีสุดานั้นยังไม่มีคู่
และได้หลงรักศรีสุวรรณอยู่เหมือนกัน ตั้งแต่เป็นสื่อถือสารติดต่อกันระหว่างสองหนุ่มสาว
เมื่อเจอกับศรีสุวรรณซึ่งอารมณ์ค้างมาจากห้องนางเกษรา เรื่องมันก็เข้าทำนอง
"เหมือนแสบท้องต้องฝืนกลืนข้าวตัง
พอประทังประทับลมตรมอุรา"
อีกสามวันต่อมา หลังจากนางเกษราหายป่วยแล้ว ท้าวสุทัศน์จึงจัดพิธีอภิเษกศรีสุวรรณกับนางเกษรา อย่างใหญ่โตมโหฬาร
แล้วยกทรัพย์สมบัติให้ศรีสุวรรณ ครองเมืองรมจักรต่อไป
"แล้วฝากฝังสั่งศรีสุวรรณน้อย
เจ้าจงค่อยปลูกฝังกันทั้งสอง
กรุณาปราณีเหมือนพี่น้อง
เป็นคู่ครองนัคราให้ถาวร"
ความรักของศรีสุวรรณกับนางเกษรา จึงมาถึงจุดหมายปลายทาง สมมาตรปรารถนา ด้วยกันทั้งคู่
และศรีสุวรรณนั้น เมื่อได้ครองกรุงรมจักรแล้วก็เพลิดเพลินไป ความตั้งใจที่จะเที่ยวติดตามหา พระอภัยมณี พี่ชายร่วมสายโลหิต
ก็เลยต้องรอเอา ไว้ก่อน ไม่ทราบว่าอีกกี่ปี จึงจะได้พบกัน.
##########
พระอภัยมณีฉบับเร่งรัด ๑๔ ก.พ.๕๘
ชุดที่ ๔ ศรีสุวรรณผจญภัย
ตอนที่ ๒ "เหมือนมดแดงแฝงพวงมะม่วงงอม"
ฑ.มณฑา
ฝ่าย ศรีสุวรรณ กับพราหมณ์ทั้งสามได้ข่าวการศึกสงครามแล้ว แต่ยังรอฟังอยู่ว่า ทางกรุงรมจักรจะพอสู้ศึกได้หรือไม่
แต่พอเห็นว่าข้าศึกมีชัยยกเข้ามาล้อมเมืองก็คิดจะอาสาออกช่วยรบแต่เกรงว่าจะไม่มีใครเชื่อฝีมือ
เพราะต่างก็มีรูปทรงอันอ้อนแอ้นอรชรเหมือนกันทั้งสี่นาย จึงพากันแต่งกายให้รัดกุม ถืออาวุธประจำตัวออกไปถึงหน้าค่ายของข้าศึก
พวกในค่ายก็ยกพลออกมาล้อมไว้ ศรีสุวรรณก็ควงกระบองวิเศษนำพราหมณ์ทั้งสาม เข้ารบตลุมบอนกับไพร่พลของข้าศึก
จนล้มตายลงไปเป็นอันมาก พราหมณ์ทั้งหมดก็ตัดศีรษะข้าศึกคนละหัว หิ้วเข้าประตูเมืองไปเฝ้าท้าวทศวงศ์
ขออาสาออกรบกับตัวนายทัพ ไม่ต้องให้เปลืองไพร่พล ถ้าแพ้ข้าศึกจึงค่อยส่งตัวนางเกษรา พระธิดาไปให้
จากนั้นก็ทำอุบายว่าขณะนี้พระธิดากำลังมีเคราะห์ จะต้องทำพิธีเสดาะเคราะห์เสียก่อน
ท้าวทศวงศ์ก็สั่งให้จัดเตรียมโรงพิธีในคืนนั้น และตั้งหม้อน้ำมนต์ให้ทั้งสี่พราหมณ์เสกเป่า สำหรับพระธิดาสรงเสดาะเคราะห์
แล้วก็เชิญเสด็จพระธิดาพร้อมด้วยพี่เลี้ยงทั้งสี่ มานั่งในโรงพิธี ศรีสุวรรณกับสามพี่น้องก็เข้าไปในม่าน
แกล้งทำเป็นท่องบ่นร่ายมนต์ พอให้คนข้างนอกได้ยิน แล้วศรีสุวรรณกับนางเกษราก็ได้สนทนาปราศรัยกัน
ตามประสาหนุ่มสาวที่มีจิตพิศวาสสมความปรารถนา จนเกือบรุ่งสว่างเทียนชัยจวนจะหมดเล่ม จึงจำใจอำลาจากกัน
"พี่ขอฝากความรักที่หนักอก
ช่วยปิดปกไว้แต่ในน้ำใจสมร
ถึงม้วยดินสิ้นฟ้าและสาคร
อย่าม้วยมรณ์ไมตรีของพี่เลย
ขอฝากความเสน่หาสามิภักดิ์
ภิรมย์รักร่วมเรียงเคียงเขนย
ถึงตัวไปใจอยู่เป็นคู่เชย
เมื่อไรเลยจึงจะสมอารมณ์เรียม"
ถึงเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้นศรีสุวรรณก็ทรงม้าขาว พร้อมด้วยพราหมณ์ทั้งสามนำหน้ากองทัพใหญ่
มีพลประมาณห้าหมื่นออกไปสู่สนามยุทธ ส่วนท้าวทศวงศ์กับพระมเหสีและพระธิดา เกษรา
ก็ขึ้นไปประทับอยู่บนพลับพลาเหนือเชิงเทินพร้อมด้วยพี่เลี้ยงทั้งสี่รวมทั้งสาวสรรค์กำนัลนางทั้งหลาย
คอยเอาใจช่วยผู้อาสาออกศึกอย่างสุดหัวใจ
ทางฝ่ายท้าวอุเทนส่งทหารเอกสี่นายคือ วิชาเยนทร์ ปังกลิมา สุรเหน และมูรตาน
เป็นแม่ทัพออกมาสู้รบกับสี่พราหทร์เป็นสี่คู่ รบกันได้ไม่นานก็เสียที
"ฝรั่งฟาดพลาดแพลงแทงด้วยกฤช
เจ้าพราหมณ์ปิดป้องกันผันผยอง
หน่อกษัตริย์กวัดแกว่งพระแสงกระบอง
เข้าตีต้องปังกลิมาชีวาวาย
เจ้าโมราอานุภาพเอาดาบฉะ
ตัดศีรษะสุรเหนกระเด็นหาย
วิเชียรนั้นฟันมูรตานตาย
สานนนายพราหมณ์ฆ่าวิชาเยนทร์"
แล้วกองทัพของเมืองรมจักร ก็รุกไล่กระหน่ำซ้ำเติม ฆ่าฟันไพร่พลของท้าวอุเทน จนแตกพ่ายไปอย่างสิ้นเชิง
ท้าวอุเทนจึงต้องพาทหารที่เหลือ ถอยทัพกลับบ้านเมืองไปด้วยความผิดหวัง
ท้าวทศวงศ์จึงโปรดให้รับพราหมณ์ทั้งสี่ เข้าไปพักที่ในวังจัดการต้อนรับอย่างสมเกียรติ ที่ได้มีชัยชนะแก่ข้าศึกมา
วันต่อมาท้าวทศวงศ์เสด็จออกว่าราชการ เมื่อประทานบำเหน็จรางวัล แก่ขุนนางฝ่ายทหารและพลเรือนที่ออกศึกตามสมควรแล้ว
ก็ปรึกษาเสนาพฤฒามาตย์ ในที่เฝ้า จะให้ศรีสุวรรณไปครองเมืองจันตประเทศ เจ้าพราหมณ์ทั้งสามก็ปฏิเสธว่า
ที่อาสามาทำศึกครั้งนี้ ไม่ได้มีความปรารถนาที่จะรับบำเหน็จรางวัลแต่อย่างใด จึงจะขอลาไปท่องเที่ยวอยู่ในป่าในดง
ขอฝากไว้แต่ศรีสุวรรณผู้น้อง ให้ช่วยอุปถัมภ์ด้วยเท่านั้น
ท้าวอุเทนก็รู้ทันว่า ศรีสุวรรณมีความรักต่อพระธิดา แต่ยังคิดไม่ตกว่าจะยกให้ดีหรือไม่
เพราะเข้าใจผิดว่าเป็นพราหมณ์ต่ำต้อยไม่คู่ควรกับพระธิดา แต่จะครั้นจะปฏิเสธก็เสียดายฝีมือ
และบุญคุณที่ได้ช่วยกู้บ้านเมืองไว้ จึงปลอบใจว่า ถ้าเช่นนั้นก็ไม่ต้องไปไหน จะรับเลี้ยงไว้เป็นบุตรทั้งสี่คน
และถ้าอยากได้สิ่งใดก็ให้บอกภายหลัง
แล้วท้าวทศวงศ์ก็เสด็จเข้าไป ปรึกษาพระมเหสี ว่าจะควรทำฉันใดดี พระมเหสีโปรดอยู่แล้ว
ก็บอกว่าตัวศรีสุวรรณนั้นดูแล้วมีสง่าราศรี กิริยาพาทีก็น่าจะเป็นลูกเจ้าท้าวพระยาปลอมตัวมา
ผิดกันไกลกับเจ้าพราหมณ์ที่เป็นผู้ติดตาม แล้วเขาก็มีคุณได้ช่วยทำศึก จนไม่ต้องเสียเมืองและพระธิดา
สมควรจะยกนางเกษราให้ครองกัน จะได้เป็นรัชทายาทสืบสกุลต่อไป
ท้าวทศวงศ์ก็คล้อยตามความเห็นของพระมเหสี แต่ยังรอดูท่าทีไปก่อน
ข้างศรีสุวรรณนั้นคอยฟังข่าวอยู่สิบสี่สิบห้าวันก็ไม่เห็นมีรับสั่งว่าอย่างไร ให้ร้อนอกร้อนใจเป็นกำลัง
คิดจะลักพานางเกษราหนีเข้าป่าไป แต่พราหมณ์ทั้งสามก็ห้ามเอาไว้ ให้เขียนหนังสือลองใจนางเกษราดูก่อน
ศรีสุวรรณจึงเขียนสารฝากพี่เลี้ยง ไปให้พระธิดา รำพันความในใจว่า
"โอ้อนาถวาสนาพี่หาไม่
จึงมิได้ชิดเชื้อแม่เนื้อหอม
เหมือนมดแดงแฝงพวงมะม่วงงอม
เที่ยวไต่ตอมเต็มอยู่ไม่รู้รส
พี่รักเจ้าเอาชีวาเข้ามาแลก
ช่วยรบแขกแตกทัพกลับไปหมด
มาอยู่วังตั้งเดือนดูเหมือนมด
ละอายอดสูใจกระไรเลย"
แล้วสรุปลงท้ายว่า เมื่อพระบิดาไม่ปราณียกให้เป็นคู่ครองกัน ก็เห็นจะต้องจำใจลาจากไปก่อนแล้ว
"จะขืนอยู่สู้โศกก็สุดปล้ำ
ในทรวงช้ำเช่นเขาเชือดให้เลือดไหล
เหลือกำลังจะประทังฤทัยไป
พี่จำไกลกลอยสวาทในชาตินี้
เมื่อชาติหน้าอย่าให้แคล้วกับแก้วเนตร
ได้กอดเกษราชมประสมศรี
เป็นมนุษย์ครุฑาวาสุกรี
ขอให้พี่พิศวาสทุกชาติเอย"
นางเกษราอ่านสารแล้วคิดว่าศรีสุวรรณจะจากไปจริง ๆ ก็ใจหายเป็นลมสลบแน่นิ่งไป แก้เท่าไรก็ไม่ฟื้น
ร้อนถึงท้าวทศวงศ์ต้องให้คนไปตามศรีสุวรรณ มาช่วยแก้ไข ศรีสุวรรณก็นึกว่านางเกษราจะตายจริง ๆ เหมือนกัน
จึงอธิษฐานเอาน้ำอบพรม นางก็ฟื้นขึ้นมา พอเห็นหน้าคนรักก็ค่อยคลายโศกเศร้าลง แต่โรคใจก็ยังไม่หาย
ท้าวทศวงศ์จึงถามศรีสุวรรณว่า โรคของพระธิดานี้ทำอย่างจึงจะหาย ศรีสุวรรณได้โอกาสก็เลยว่าคงอีกนาน
ต้องคอยเฝ้าดูอาการก่อน ท้าวทศวงศ์แม้จะรู้ทันแต่ก็ตกลงใจว่าจะยกให้อยู่แล้ว
จึงอนุญาตให้พราหมณ์ทั้งสี่ เข้ามาอยู่ในตำหนักของพระธิดา คอยรักษาพยาบาลอย่างใกล้ชิด
ศรีสุวรรณซึ่งพักนอนอยู่กับพราหมณ์ทั้งสามที่หน้ามุข ติดกับห้องของนางเกษรา สุดที่จะทนอยู่ได้เพราะใกล้กันแค่นั้น
พอตกค่ำจึงเข้าไปถามอาการไข้ ช่วยป้อนอาหารและยา ทั้งคอยปฏิบัติอยู่จนตลอดคืน
"แม่แก้วเกษราอุตส่าห์เสวย
อย่าละเลยโภชนากระยาหาร
นางคำนับรับรสพจมาน
พระสงสารรับขวัญให้บรรทม
คอยระวังนั่งเฝ้าแต่เป่าปัด
สองกษัตริย์สุจริตสนิทสนม
ไม่เดียงสาน่าเอ็นดูเหมือนคู่ชม
นางบรรทมพระประทับให้หลับไป"
ศรีสุวรรณเฝ้ารักษานางเกษราอยู่ถึงสิบห้าวันโรคกายจึงค่อยฟื้นคืนดีขึ้น แต่โรคในใจนั้นยังคงหนักอยู่เช่นเดิม
ข้างศรีสุวรรณเห็นว่า ใกล้จะถึงเวลาที่จะต้องย้ายออกไปจากตำหนักพระธิดาแล้ว
คิดอยากจะรวบรัดตัดความตามที่ใจปรารถนาเสีย จึงมาปรึกษากับเจ้าพราหมณ์ก็เห็นดีด้วย
"ธรรมเนียมหมอรักษาโรคาไข้
พอเดินได้ก็เรียกขวัญข้าวเขา
ไม่ตรึกตราปรารภทำซบเซา
ถ้าฉวยเปล่าแล้วสิอดเหมือนมดแดง"
พราหมณ์จึงเชิญพี่เลี้ยงทั้งสี่มาคุยกันแถวที่พักของตน แล้วให้ศรีสุวรรณแอบเข้าไปในห้องนางเกษราซึ่งอยู่คนเดียว
ค่อยเกี้ยวพาราสี แต่นางก็ไม่ปลงใจด้วย
"ขืนหยอกเย้าเฝ้าเล่นอยู่เช่นนี้
สักแปดปีเห็นไข้จะไม่หาย
เวียนมาใยในห้องให้น้องอาย
คนทั้งหลายรู้เรื่องจะเลื่องลือ
น้องจะไปไหนพ้นพระผ่านเกล้า
ขอทุเลาแล้วก็ยังไม่ฟังหรือ
อย่าลูบต้องน้องจะกรมระบมมือ
โรคจะรื้อร่ำทำให้รำคาญ"
ศรีสุวรรณก็ยังคงดื้อเถียงไปข้าง ๆ คู ๆ
"การนินทากาเลเหมือนเทน้ำ
ไม่ชอกช้ำเหมือนเอามีดลงขีดหิน
พี่อาสามาสู้กู้แผ่นดิน
เขารู้สิ้นแล้วว่ารักภัคินี"
แต่จนแล้วจนรอด ศรีสุวรรณก็ไม่ประสบความสำเร็จ ตามที่ได้ตั้งใจไว้ ข้างฝ่ายพี่เลี้ยงก็จับคู่กับพราหมณ์ทั้งสามแยกกันไปคู่ละมุม
เหลือ ศรีสุดา เปล่าเปลี่ยวอยู่คนเดียว ก็เที่ยวเดินวุ่นวายไปจุดโคมแกล้งเพื่อน ทั้งสามคู่ก็เลยชวนกันหลบไปให้พ้นจากที่นั้น
นางศรีสุดาก็เดินเข้ามาถึงห้องนางเกษรา นางก็ตกใจจึงไล่ให้ศรีสุวรรณออกจากห้องไปเสีย
ศรีสุวรรณออกมาเจอนางศรีสุดา อยากจะเอาใจไว้เป็นพวก ก็เกี้ยวพาราสีไปตามสบายปาก แต่นางศรีสุดานั้นยังไม่มีคู่
และได้หลงรักศรีสุวรรณอยู่เหมือนกัน ตั้งแต่เป็นสื่อถือสารติดต่อกันระหว่างสองหนุ่มสาว
เมื่อเจอกับศรีสุวรรณซึ่งอารมณ์ค้างมาจากห้องนางเกษรา เรื่องมันก็เข้าทำนอง
"เหมือนแสบท้องต้องฝืนกลืนข้าวตัง
พอประทังประทับลมตรมอุรา"
อีกสามวันต่อมา หลังจากนางเกษราหายป่วยแล้ว ท้าวสุทัศน์จึงจัดพิธีอภิเษกศรีสุวรรณกับนางเกษรา อย่างใหญ่โตมโหฬาร
แล้วยกทรัพย์สมบัติให้ศรีสุวรรณ ครองเมืองรมจักรต่อไป
"แล้วฝากฝังสั่งศรีสุวรรณน้อย
เจ้าจงค่อยปลูกฝังกันทั้งสอง
กรุณาปราณีเหมือนพี่น้อง
เป็นคู่ครองนัคราให้ถาวร"
ความรักของศรีสุวรรณกับนางเกษรา จึงมาถึงจุดหมายปลายทาง สมมาตรปรารถนา ด้วยกันทั้งคู่
และศรีสุวรรณนั้น เมื่อได้ครองกรุงรมจักรแล้วก็เพลิดเพลินไป ความตั้งใจที่จะเที่ยวติดตามหา พระอภัยมณี พี่ชายร่วมสายโลหิต
ก็เลยต้องรอเอา ไว้ก่อน ไม่ทราบว่าอีกกี่ปี จึงจะได้พบกัน.
##########