คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 14
นิพพานเป็นแค่อาการของจิตที่ไม่มีความทุกข์เท่านั้น ซึ่งก็คือความไม่มี แล้ว "ความไม่มี" นี่มันจะเป็นอัตตาหรืออนัตตาได้อย่างไร?
ก็แผ่นดินหรือวัตถุที่เราจับต้องได้ยังเป็นอนัตตาแล้วทำไมพระนิพพานจะเป็นอนัตตาไม่ได้
ว่าแล้ว เพราะคิดกันอย่างงี้ไงเล่า การมองนิพพานอย่างนี้
มันก็ไม่ต่างจากการมองขันธ์๕ คือมองว่า
นิพพานมันเกิด ปรากฏ หรือมีขึ้น เพราะเหตุและปัจจัยนั่นเอง
เชิญ และ นิมนต์ รีบไปทำนิพพานให้แจ้งก่อนละกัน
อิ อิ อิ
ก็แผ่นดินหรือวัตถุที่เราจับต้องได้ยังเป็นอนัตตาแล้วทำไมพระนิพพานจะเป็นอนัตตาไม่ได้
ว่าแล้ว เพราะคิดกันอย่างงี้ไงเล่า การมองนิพพานอย่างนี้
มันก็ไม่ต่างจากการมองขันธ์๕ คือมองว่า
นิพพานมันเกิด ปรากฏ หรือมีขึ้น เพราะเหตุและปัจจัยนั่นเอง
เชิญ และ นิมนต์ รีบไปทำนิพพานให้แจ้งก่อนละกัน
อิ อิ อิ
แสดงความคิดเห็น
เป็นไปไม่ได้ที่นิพพานจะเป็น อัตตา
นิพพานเป็นธรรมสูงสุดที่พระพุทธเจ้าทรงคนพบ และพระองค์ทรงวิริยอุตสาห
จนสามารถพิชิตกิเลส เข้าถึงนิพพานได้ และทรงบอกทางแก่คนอื่นๆว่า นิพพานเป็นธรรมที่ประเสริฐ
ทรงคุณค่า เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง เที่ยง มั่นคง ไม่มีความแปรปรวน ไม่ต้องเกิด ไม่ต้องตาย
เพราะฉนั้น นิพพาน มันจึงสมควรอย่างยิ่งที่จะเรียกว่า อัตตาที่แท้จริง
................................................................................................................................
แต่อัตตาแบบนี้ยังไงมันก็ไม่ใช่ คือแบบว่า
ตามที่เข้าใจกัน หมายถึงดวงวิญญาณหรือดวงชีพอันเที่ยงแท้ที่สิงอยู่ในตัวคน กล่าวกันว่าออกจากร่างได้ในเวลานอนหลับ และเป็นตัวไปเกิดใหม่เมื่อกายนี้แตกทำลาย
เป็นคำที่ไทยเราใช้เรียกแทนคำว่า อาตมัน หรือ อัตตา ของลัทธิพราหมณ์ และเป็นความเชื่อนอกพระพุทธศาสนา
ชีโว ผู้เป็น, ดวงชีพ ตรงกับ อาตมัน หรือ อัตตา ของลัทธิพราหมณ์ปรมาตมัน อาตมันสูงสุด
หรออัตตาสูงสุด (บรมอาตมัน หรือ บรมอัตตา) เป็นสภาวะแท้จริง
และเป็นจุดหมายสูงสุดตามหลักความเชื่อของศาสนาฮินดู (เดิมคือศาสนาพราหมณ์)
ซึ่งถือว่า ในบุคคลแต่ละคนนี้ มีอาตมัน คือ อัตตาหรือตัวตน สิงสู่อยู่ครอง
เป็นสภาวะเที่ยงแท้ถาวรเป็นผู้คิดผู้นึก ผู้เสวยเวทนา เป็นต้น ซึ่งเป็นส่วนย่อยที่แบ่งภาคออกมาจากปรมาตมันนั้นเอง
เมื่อคนตาย อาตมันนี้ออกจากร่างไป สิงอยู่ในร่างอื่นต่อไป เหมือนถอดเสื้อผ้าเก่าสวมเสื้อผ้าใหม่
หรือออกจากเรือนเก่าไปอยู่ในเรือนใหม่ ได้เสวยสุขหรือทุกข์ เป็นต้น สุดแต่กรรมที่ได้ทำไว้
เวียนว่ายตายเกิดเรื่อยไป จนกว่าจะตระหนักรู้ว่าตนเองเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับปรมาตมัน
และเข้าถึงความบริสุทธิ์จากบาปโดยสิ้นเชิง จึงจะได้กลับเข้ารวมกับปรมาตมันดังเดิม ไม่เวียนตายเวียนเกิดอีกต่อไป;
ปรมาตมันนี้ ก็คือ พรหม หรือ พรหมัน นั่นเอง
แบบนี้มันอัตตานอกพุทธศาสนา มันคนละเรื่องกันเลย กับนิพพานที่พระพุทธเจ้าค้นพบ
อิ อิ อิ