สืบเนื่องจากข่าวนี้ครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ซึ่งผมมีความเห็นต่างจากคุณวิรัตน์อย่างมากเลยครับ คุณวิรัตน์มองว่าคดีนี้เป็นคดีเกี่ยวกับการปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวที่คุณยิ่งลักษณ์เป็นประธาน มีอำนาจโดยตรงในการกำกับดูแล ดังนั้นจึงไม่ใช่เงื่อนไขทางการเมืองที่จะขอลี้ภัยได้
ส่วนผมกลับมองว่า คดีนี้แหละครับ เป็นคดีทางการเมืองอย่างชัดแจ้ง เป็นการกลั่นแกล้งทางการเมืองโดยตรง เพราะคดีนี้มันเริ่มต้นก็ดูทุลักทุเลน่าดูเลยนะครับ เดี๋ยวก็ทุจริตมากมาย เดี๋ยวก็ส่อทุจริต เดี๋ยวอัยการก็บอกหลักฐานยังไม่สมบูรณ์ เดี๋ยวอัยการก็บอกไม่รู้เรื่องที่ประชุมร่วมกันจนมีมติสั่งฟ้อง แต่พอใกล้ถอดถอนคุณยิ่งลักษณ์ อัยการก็ออกมาพูดเรื่องสั่งฟ้อง มันเป็นความบังเอิญหลายครั้งที่เกิดขึ้น จนทำให้สังคมคลางแคลงสงสัย
คุณวิรัตน์ครับ ในแง่ของคดี ถ้าเพียงแค่ส่อทุจริตในขั้นปฏิบัติ ก็สามารถสั่งฟ้องคนออกนโยบายได้นั้น ถ้าถือเป็นบรรทัดฐานกันล่ะก้อ คุณวิรัตน์ลองคิดดูสิครับว่า ต่อไปมิต้องฟ้องกันแหลกลาญเลยหรือครับ แล้วใครล่ะครับ กล้าจะออกนโยบายที่อาจทำให้ตัวเองต้องติดคุก เพียงเพราะฝ่ายปฏิบัติมีการทุจริตหรือส่อทุจริต
คุณวิรัตน์ครับ ถ้าคดีนี้ไม่ใช่คดีทางการเมือง ทำไมเสาโรงพักแฟลตตำรวจ ที่เห็นความเสียหายอย่างชัดเจน จึงไม่มีการสั่งฟ้องเฉกเช่นเดียวกับคดีนี้ นี่เป็นการใช้กฎหมายคนละฉบับหรือเป็นการเมืองการแน่ ลองคิดดู
คุณวิรัตน์จะใช้ข้ออ้างเรื่องที่คุณยิ่งลักษณ์ไม่ระงับยับยั้งทั้งที่มีการแจ้งเตือนทั้งจาก ปปช.และหลายหน่วยงานนั้น ผมกลับมองว่า พวกนั้นมีอำนาจหรือเปล่า ถ้าลำพังแค่การตักเตือน แล้วรัฐบาลจะต้องยกเลิกนโยบายที่แถลงในสภา ต่อไปคงไม่ต้องทำอะไรกันสิครับ แถลงกี่นโยบาย ถ้าเป็นเกมการเมือง ก็ต้องหยุดมันเสียทุกนโยบาย
อย่างนี้แล้วรัฐบาลจะทำผิดรัฐธรรมนูญหรือไม่ รัฐบาลจะตอบประชาชนอย่างไร ที่ไม่สามารถทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ แต่สำหรับข้อหลังนี้ ผมคงไม่ต้องหวังคำตอบจากคุณวิรัตน์หรอกครับ เพราะปกติทางพรรคคุณวิรัตน์ก็ไม่เคยทำตามนโยบายที่แถลงอยู่แล้ว อันนี้ประชาชนส่วนใหญ่สัมผัสได้
คุณวิรัตน์ครับ เอาล่ะ การปล่อยปละละเลยนี้เป็นความผิดที่จะต้องฟ้องให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ผมก็ยังมองว่าเป็นการเลือกปฏิบัติอยู่ดีแหละครับ ก็ดูสิครับ คดี 99 ศพ ผ่านมาแล้วเกือบ 5 ปี จนศาลวินิจฉัยแล้วอย่างน้อยสิบศพที่ตายจากเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งก็ตรงกับที่อดีตนายกฯเคยให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศที่อนุญาตให้เจ้าหน้าที่ใช้กระสุนจริงกับประชาชน
คำถามก็คือ เมื่อมีการสูญเสียเกิดขึ้นแล้ว ทำไมยังไม่มีการระงับให้หยุดยิง อย่างนี้เข้าข่ายปล่อยปละละเลยหรือไม่ ทำไมจึงยังคงสืบหาข้อเท็จจริงอะไรกันอีกเล่า ในเมื่อมันชัดเจนยิ่งกว่า “ส่อทุจริต”เป็นไหนๆ
คุณวิรัตน์ครับ ลำพังไม่ใช่แค่ผมนะครับที่เห็นต่างจากคุณวิรัตน์ ผมคิดว่าคนในประเทศมากกว่าครึ่งที่เชื่อว่าคดีนี้เป็นคดีทางการเมือง และที่ไม่ต้องสืบหาข้อมูลให้ยุ่งยาก ก็พอจะรู้ว่า นานาชาติเขามองเรื่องนี้กันอย่างไร
ไม่อย่างนั้น ปปช.คงไม่ได้อันดับท้ายของอาเซี่ยนหรอกนะครับ
ไม่อย่างนั้น นานาชาติคงไม่พูดเรื่ององค์กรอิสระเป็นเพียงเครื่องมือทางการเมืองหรอกครับ
ไม่อย่างนั้น การปฏิรูปประเทศคงไม่มีการเอ่ยอ้างถึงการปฏิรูปองค์กรอิสระต่างๆหรอกครับ
ข้อสำคัญ สหรัฐฯคงไม่ส่งผู้ช่วยรัฐมนตรีมาพบคุณยิ่งลักษณ์ คงไม่พูดเรื่องความชอบธรรมในการถอดถอน คงไม่พูดเรื่องประชาธิปไตยและกฎอัยการศึกให้เกิดปัญหาทางมิตรภาพหรอกครับ จริงไหมคุณวิรัตน์
ด้วยสิ่งเกิดเหตุในหลายๆประการ ผมจึงเชื่อว่า นานาชาติคงพร้อมจะให้คุณยิ่งลักษณ์ลี้ภัยอย่างแน่นอนครับ เพราะมันเป็นคดีทางการเมืองอย่างชัดเจน มันเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อตัดตอนบุคคลากรสำคัญของพรรคที่ได้รับความนิยมของคนส่วนใหญ่
ดังนั้นจะได้ลี้ภัยหรือไม่ จึงไม่ใช่อยู่ที่เข้าเงื่อนไขหรือเปล่า แต่อยู่ที่คุณยิ่งลักษณ์จะขอลี้ภัยหรือไม่ต่างหากเล่าคุณวิรัตน์
คุณวิรัตน์ครับ คุณเชื่อจริงๆหรือครับว่า คุณยิ่งลักษณ์ไม่สามารถลี้ภัยได้-------ทวดเอง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ซึ่งผมมีความเห็นต่างจากคุณวิรัตน์อย่างมากเลยครับ คุณวิรัตน์มองว่าคดีนี้เป็นคดีเกี่ยวกับการปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวที่คุณยิ่งลักษณ์เป็นประธาน มีอำนาจโดยตรงในการกำกับดูแล ดังนั้นจึงไม่ใช่เงื่อนไขทางการเมืองที่จะขอลี้ภัยได้
ส่วนผมกลับมองว่า คดีนี้แหละครับ เป็นคดีทางการเมืองอย่างชัดแจ้ง เป็นการกลั่นแกล้งทางการเมืองโดยตรง เพราะคดีนี้มันเริ่มต้นก็ดูทุลักทุเลน่าดูเลยนะครับ เดี๋ยวก็ทุจริตมากมาย เดี๋ยวก็ส่อทุจริต เดี๋ยวอัยการก็บอกหลักฐานยังไม่สมบูรณ์ เดี๋ยวอัยการก็บอกไม่รู้เรื่องที่ประชุมร่วมกันจนมีมติสั่งฟ้อง แต่พอใกล้ถอดถอนคุณยิ่งลักษณ์ อัยการก็ออกมาพูดเรื่องสั่งฟ้อง มันเป็นความบังเอิญหลายครั้งที่เกิดขึ้น จนทำให้สังคมคลางแคลงสงสัย
คุณวิรัตน์ครับ ในแง่ของคดี ถ้าเพียงแค่ส่อทุจริตในขั้นปฏิบัติ ก็สามารถสั่งฟ้องคนออกนโยบายได้นั้น ถ้าถือเป็นบรรทัดฐานกันล่ะก้อ คุณวิรัตน์ลองคิดดูสิครับว่า ต่อไปมิต้องฟ้องกันแหลกลาญเลยหรือครับ แล้วใครล่ะครับ กล้าจะออกนโยบายที่อาจทำให้ตัวเองต้องติดคุก เพียงเพราะฝ่ายปฏิบัติมีการทุจริตหรือส่อทุจริต
คุณวิรัตน์ครับ ถ้าคดีนี้ไม่ใช่คดีทางการเมือง ทำไมเสาโรงพักแฟลตตำรวจ ที่เห็นความเสียหายอย่างชัดเจน จึงไม่มีการสั่งฟ้องเฉกเช่นเดียวกับคดีนี้ นี่เป็นการใช้กฎหมายคนละฉบับหรือเป็นการเมืองการแน่ ลองคิดดู
คุณวิรัตน์จะใช้ข้ออ้างเรื่องที่คุณยิ่งลักษณ์ไม่ระงับยับยั้งทั้งที่มีการแจ้งเตือนทั้งจาก ปปช.และหลายหน่วยงานนั้น ผมกลับมองว่า พวกนั้นมีอำนาจหรือเปล่า ถ้าลำพังแค่การตักเตือน แล้วรัฐบาลจะต้องยกเลิกนโยบายที่แถลงในสภา ต่อไปคงไม่ต้องทำอะไรกันสิครับ แถลงกี่นโยบาย ถ้าเป็นเกมการเมือง ก็ต้องหยุดมันเสียทุกนโยบาย
อย่างนี้แล้วรัฐบาลจะทำผิดรัฐธรรมนูญหรือไม่ รัฐบาลจะตอบประชาชนอย่างไร ที่ไม่สามารถทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ แต่สำหรับข้อหลังนี้ ผมคงไม่ต้องหวังคำตอบจากคุณวิรัตน์หรอกครับ เพราะปกติทางพรรคคุณวิรัตน์ก็ไม่เคยทำตามนโยบายที่แถลงอยู่แล้ว อันนี้ประชาชนส่วนใหญ่สัมผัสได้
คุณวิรัตน์ครับ เอาล่ะ การปล่อยปละละเลยนี้เป็นความผิดที่จะต้องฟ้องให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ผมก็ยังมองว่าเป็นการเลือกปฏิบัติอยู่ดีแหละครับ ก็ดูสิครับ คดี 99 ศพ ผ่านมาแล้วเกือบ 5 ปี จนศาลวินิจฉัยแล้วอย่างน้อยสิบศพที่ตายจากเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งก็ตรงกับที่อดีตนายกฯเคยให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศที่อนุญาตให้เจ้าหน้าที่ใช้กระสุนจริงกับประชาชน
คำถามก็คือ เมื่อมีการสูญเสียเกิดขึ้นแล้ว ทำไมยังไม่มีการระงับให้หยุดยิง อย่างนี้เข้าข่ายปล่อยปละละเลยหรือไม่ ทำไมจึงยังคงสืบหาข้อเท็จจริงอะไรกันอีกเล่า ในเมื่อมันชัดเจนยิ่งกว่า “ส่อทุจริต”เป็นไหนๆ
คุณวิรัตน์ครับ ลำพังไม่ใช่แค่ผมนะครับที่เห็นต่างจากคุณวิรัตน์ ผมคิดว่าคนในประเทศมากกว่าครึ่งที่เชื่อว่าคดีนี้เป็นคดีทางการเมือง และที่ไม่ต้องสืบหาข้อมูลให้ยุ่งยาก ก็พอจะรู้ว่า นานาชาติเขามองเรื่องนี้กันอย่างไร
ไม่อย่างนั้น ปปช.คงไม่ได้อันดับท้ายของอาเซี่ยนหรอกนะครับ
ไม่อย่างนั้น นานาชาติคงไม่พูดเรื่ององค์กรอิสระเป็นเพียงเครื่องมือทางการเมืองหรอกครับ
ไม่อย่างนั้น การปฏิรูปประเทศคงไม่มีการเอ่ยอ้างถึงการปฏิรูปองค์กรอิสระต่างๆหรอกครับ
ข้อสำคัญ สหรัฐฯคงไม่ส่งผู้ช่วยรัฐมนตรีมาพบคุณยิ่งลักษณ์ คงไม่พูดเรื่องความชอบธรรมในการถอดถอน คงไม่พูดเรื่องประชาธิปไตยและกฎอัยการศึกให้เกิดปัญหาทางมิตรภาพหรอกครับ จริงไหมคุณวิรัตน์
ด้วยสิ่งเกิดเหตุในหลายๆประการ ผมจึงเชื่อว่า นานาชาติคงพร้อมจะให้คุณยิ่งลักษณ์ลี้ภัยอย่างแน่นอนครับ เพราะมันเป็นคดีทางการเมืองอย่างชัดเจน มันเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อตัดตอนบุคคลากรสำคัญของพรรคที่ได้รับความนิยมของคนส่วนใหญ่
ดังนั้นจะได้ลี้ภัยหรือไม่ จึงไม่ใช่อยู่ที่เข้าเงื่อนไขหรือเปล่า แต่อยู่ที่คุณยิ่งลักษณ์จะขอลี้ภัยหรือไม่ต่างหากเล่าคุณวิรัตน์