หลังจากที่เห็นมือใหม่หลายคน กระเฉือกกระฉนอยากได้วันละ 1% ทุกวัน
ซึ่งมือเก่าหลายๆคนที่เคยลองผ่านมา จะรู้ดีกันอยู่แล้วว่า นอกจากจะเหนื่อยโฮกแล้ว
ยังเสียดายเงินที่ต้องเสียให้กับ โบรคเกอร์อีกด้วย ... และนี่คือ 1 ในเหตุผลที่โบรคเกอร์
อยากได้ลูกค้าใหม่ๆ เทรดบ่อยๆ เสมอๆ เพราะซื้อง่าย ขายง่าย อยากได้ตังไวๆ โบรคเกอร์จัดให้

ในขณะที่ก็มีหลายๆคน ที่ไม่อยากมีมาร์เก็ตติ้ง เพราะรู้สึกว่าคอมแพง 2,578 บาท ต่อ 1 ล้าน ซึ่งก็เข้าใจอะนะ
แถมเวลาไปตามงานก็เจอแต่มาร์เก็ตติ้งอ่อนหัดอีก เพราะแค่สอบ Single License ผ่านก็เป็นมาร์ได้แล้ว
หรือเวลา Walk-in เข้าไปที่บริษัทหลักทรัพย์ ก็เลือกมาร์เก็ตติ้งไม่ได้อีก เพราะส่วนกลางของบริษัทจะแรนดอม
มาร์เก็ตติ้งมาให้ เสร็จแล้วก็ตั้งชื่อซะสวยหรูว่า ผู้แนะนำการลงทุน ... อยากถาม ก.ล.ต จริงๆว่าทำอะไรอยู่ ให้ตายเถอะ

อย่างไรก็ตาม มาร์เก็ตติ้งที่เก่งๆ ก็มีเหมือนกัน แต่ก็หาตัวยากพอสมควร ชอบแอบอยู่ตามซอกมืดของตึก 555+
บางคนเก่งกว่านักวิเคราะห์ บางคนเป็นมือปืนรับจ้าง รับบริหารพอร์ทระดับ 50 ล้าน + แล้วแบ่ง Profit Sharing ก็มี
โดยที่ความสามารถเหล่านี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุ บางคนแก่แล้วแก่เลยก็มี เชียร์อยู่นั่นอะ Banpu แถมชวนถัวขาลงอีก
เข้าเรื่องกันดีกว่า วันนี้ทำตารางเล็กๆ มาให้ดูกันว่า ถ้าคุณสามารถทำกำไรได้ 1% ทุกวัน โดยซื้อขายทุกวัน
กับถ้าคุณสามารถทำกำไรได้ 1% ทุกวัน โดยซื้อด้วยจำนวนครั้งที่น้อยลง

โดยสมมติให้ เงินต้นเท่ากับ 1 ล้าน และ 1 ปี มี 250 วัน จะเกิดอะไรขึ้น
ขออนุญาติคิดค่าคอมอย่างง่ายไม่มีสเกล เช่น (1,000,000 x 0.001578)+((1,000,000 + กำไร) x 0.001578)

ตารางแรกจะเห็นได้ว่า ถ้าคุณกำไร 1% โดยซื้อขายทุกวัน คุณจะโดนโบรคเกอร์รับประทานกำไรของคุณไป 32-52%
อยากให้โบรคเกอร์กินน้ำพักน้ำแรงของคุณวันละเกือบครึ่งนึงต่อไป อันนี้ก็ตามใจ ซึ่งถ้าหากคุณต้องการที่จะให้ค่าคอม
คิดเป็นอัตราส่วนที่น้อยเมื่อเทียบต่อกำไรนั้น คุณจะต้องทำกำไรให้ได้ มากขึ้นต่อวัน คำถามคือ แล้วมีปัญญาทำได้ไหมหละ
เจ้าของกระทู้คนนึงแหละที่ขอบาย เอิ๊ก


ตารางถัดมาจะเห็นได้ว่า ถ้าคุณกำไร 1% ทุกวันเท่าเดิม สมมติว่าอัตราการแม่นยำในการเลือกหุ้นของคุณสูงมาก
แต่ปล่อยให้ Profit มัน Run ของมันไปเรื่อย ๆ โดยที่ทำการซื้อขายช้าลง เหลือน้อยสุดที่ 25 ครั้งต่อปี หรือ 2 สัปดาห์
ขายทีแบบทั้งก้อน ค่าคอมของคุณจะลดลงเหลือ 3-5% โดยอัตโนมัติ *0*

ตารางสุดท้ายในเมื่อรู้แล้วว่าการเทรดน้อยครั้ง และ Let Profit Run ย่อมดีกว่า ทีนี้มาเปรียบเทียบกันดูบ้างว่าเมื่อ 10 ปีผ่านไป
จะเกิดอะไรขึ้นกับการเติบโตของพอร์ทของคุณ เมื่อเทียบระหว่างการเทรดผ่านอินเตอร์เน็ต และ การเทรดผ่านมาร์เก็ตติ้ง
ขออนุญาติคิดแบบไม่นำกำไรที่ได้ในแต่ละปีมาทบกับเงินต้น เนื่องจากอาจจะทำให้สับสนเกินไป

จะเห็นได้ว่า การที่คุณกำไรที่ 2,500,000 เท่ากันทุกปี โดยที่มีจำนวนการเทรดที่ 31 ครั้งต่อปี ลงไป หรือประมาณ 8 วันขึ้นไป
คุณจะมีเงินเพิ่มขึ้นหลายล้านพอสมควร โดยเฉพาะในการเทรดผ่านมาร์เก็ตติ้ง ต่างกันเกือบ 12 ล้านเลยทีเดียว จาก 12 ล้านเป็น
23.2 ล้าน ขณะที่เทรดแบบอินเตอร์เน็ต ต่างกันอยู่เกือบ 7 ล้าน อย่างไรก็ตาม อย่าคาดหวังมากว่ามันจะ เป็นแบบตัวอย่าง
ยกเว้นอัตราความแม่นยำของคุณจะเป็น 100% ซึ่งเป็นไปได้ยากหรือโคตรยาก หรืออาจเป็นไปไม่ได้เลย เอิ๊ก

อะพยายามกันต่อไปนะ 1% ทุกวัน จะเป็นกำลังใจให้ คริคริ
หากคำนวณผิดประการใด ขออภัยไว้ล่วงหน้า ณ ที่นี้ด้วยจ้า


*** Remark *** สมมติฐานนี้ตั้งใจ เปรียบเทียบระหว่าง การซื้อขายแบบ ซื้อ 1 ล้าน ขาย 1 ล้าน ภายใน 1 วัน (เดย์เทรด)
กับ การซื้อขายแบบ ซื้อ 1 ล้าน ขาย 1 ล้าน ภายใน X วัน โดยที่มีกำไรเท่าๆกัน เพื่อให้สมมติฐานสามารถเปรียบเทียบ
กันได้และง่ายต่อความเข้าใจ หรือเรียกว่า Apple to Apple ซึ่งในความเป็นจริง แน่นอนว่าเราอาจจะมีการทะยอยซื้อหรือ
ทะยอยขาย ไม่ว่าจะกำไรเท่าไหร่ก็ตาม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องดูจำนวนเม็ดเงินทั้งหมดที่เราได้เทรดไป แล้วคิดเป็นค่าคอม
เปรียบเทียบกับกำไรที่เราเสียน้ำพักน้ำแรงให้ได้มา เพราะนั้นคือการแบ่งกำไรให้โบรคเกอร์น๊า ... คริคริ