[Rosetta] "ดาวหางกำลังสาดน้ำสู่อวกาศ"

กระทู้ก่อนหน้า
"โครงการ Rosetta ช่วยเติมเชื้อเพลิงให้การอภิปราย ในการหาที่มาของมหาสมุทธบนโลก"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หรือว่า Philae ได้เล็มหญ้าที่ปากปล่องภูเขาไฟ ระหว่างที่มันกระดอนในครั้งแรก?
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เชิญเข้ามาร่วมติดตาม และแสดงความยินดี ครั้งแรกในประวัติศาสตร์การบินและอวกาศ กับการลงจอดบนดาวหาง 67P
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

จากเอกสารรายงานของนักวิทยาศาสตร์ซึ่งถูกนำเสนอออกมาในคืนวันที่ 22 มกราคม 2015
หลังจากที่ได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลของ MIRO ที่ได้จากยาน Rosetta แล้ว ซึ่งในขณะนั้นอยู่ห่างจากดาวหางประมาณ 4 กิโลเมตร
พบว่าดาวหางดวงนี้ มีอัตราการระเหิดของไอน้ำที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
โดยในช่วงปลายเดือนสิงหาคมนั้น ดาวหางมีอัตราการระเหยของไอน้ำสู่อวกาศอยู่ที่ 1.2 ลิตร ต่อวินาที

Sam Gulkis ผู้ดูแลหลักของเครื่องวัด MIRO จาก ห้องทดลอง Jet Propulsion  ที่นาซ่า และเป็นดูแลเอกสารนี้ด้วย ได้ระบุว่า
"จากการเฝ้าสังเกตูการณ์ระช่วงระยะ 3 เดือน [เดือนมิถุนายน - เดือนสิงหาคม 2014] พบว่าจำนวนไอน้ำที่ระเหยออกจากดาวหางนั้น
มีปริมาณเพิ่มขึ้นถึง 10 เท่า จากในช่วงแรก การได้ติดตามดาวหางอย่างใกล้ชิด และยาวนานนั้นทำให้เราได้มีโอกาสที่ไม่เคยมีมาก่อน
ในการเรียนรู้กระบวนการของดาวหาง ที่เปลี่ยนจากสถานะจากก้อนน้ำแข็งให้กลายเป็นก๊าซ และฝุ่นที่ถูกพ่นสู่อวกาศ
ในขณะที่มันกำลังเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากขึ้นเรื่อยๆได้อย่างไร"


แกนลูกศรสีน้ำเงิน คือแกนการหมุนรอบตัวเองของดาวหาง
แกนลูกศรสีแดงและเขียว แสดงถึงแกนสมดุลของดาวหางในแนว x และ y ตามลำดับ

ในช่วงเดือนกันยายน อุณหภูมิบนพื้นผิวดาวหางอาจจะอยู่ระหว่าง 30 องศาเคลวิน ถึง 190 องศาเคลวิน (ประมาณ -243 องศาเซลเซียส ถึง -83 องศาเซลเซียส) ที่ระยะ 1 เซนติเมตรใต้พื้นผิวดาว และคาดว่าค่านี้จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อดาวหางเข้าใกล้ดวงอาทติย์มากที่สุดในเดือนสิงหาคม
ในการเปลี่ยนแปลงระหว่างกลางวัน/กลางคืน ในพื้นที่หนึ่งๆของดาวนั้นจะทำให้เกิดผลกระทบอย่างมากต่อองค์ประกอบของดาว
โดยเฉพาะกับบางละติจูดที่จะมีความหนาวเย็มมากว่าส่วนอื่นๆ ตัวอย่างเช่นส่วนที่หนาวเย็นที่สุดที่พบในขั้วใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีหนาวเย็นตลอด
ไม่เจอแสงจากดวงอาทิตย์เป็นเวลาหลายปี และในขณะที่ส่วนที่มีอุณหภูมิสูงที่สุดนั้น อยู่ในบริเวณที่อยู่ใกล้กับดวงอาทิตย์มากที่สุด
ซึ่งในเดือนกันยายนบริเวณนั้นคือทางขั้วเหนือของดาว



ระดับของความแตกต่างระหว่างกลางวันและกลางคืนจะขึ้นกับละติจูด ซึ่งบริเวณขั้วเย็นนั้นจะไม่มีโอกาสได้เจอแสงอาทิตย์เลย
ไม่ว่าจะเป็นช่วงใดของการหมุนก็ตาม แต่ในส่วนที่อยู่ตรงกลางระหว่างขั้วเย็น ก็บขั้วร้อนนั้น สามารถเปลี่ยนแปลงได้ถึง -50 องศาเคลวิน
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้อุณหภูมิที่พื้นผิวมีความสำคัญและได้รับความสนใจเพราะว่า การที่จะสังเกตุและการศึกษาก๊าซที่ระเหิดออกมาจากผิวของดาวหางนั้น
จะต้องอาศัยการรวบรวมข้อมูลที่ได้จาก การศึกษาก๊าซที่ถูกปล่อยออกมา และข้อมูลจากพื้นผิวของดาวร่วมกัน ซึ่งส่วนนี้จะเป็นหน้าที่ของ MIRO

ที่จริงแล้ว ทีมวิจัยที่ทำงานกับ MIRO รายงานว่า ดาวหาง 67P/C-G ได้พ่นก๊าซออกมาอย่างมากในบางพื้นที่ และบางช่วงเวลาของวัน
ก๊าซที่วัดได้ตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงเดือนกันยายนนั้น ส่วนใหญ่พ่นมาจากบริเวณคอของดาวในช่วงกลางวัน
Gulkis กล่าวว่า "สภาวะการณ์ตอนนี้อาจจะกำลังเปลี่ยนไป ดาวหางนั้นกำลังร้อนขึ้น ทีมวิจัย MIRO
จะต้องวิเคราะห์อย่างละเอียดถึงปัจจัยอื่นนอกเหนือไปจากความร้อนจะดวงอาทิตย์ ซึ่งส่งผลต่อการปล่อยก๊าซของดาวหาง"



ในตอนนี้ทีมนักวิจัยกำลังเดินหน้า ค้นคว้าอัตราการเปลี่ยนแปลงเชิงปริมาณ และส่วนประกอบของนิวเครียส ที่ถูกส่งออกมากับ
เพื่อเทียบระยะห่างจากดวงอาทิตย์ ข้อมูลในส่วนนี้จะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์เข้าใจในกระบวนการวิวัฒนาการของดาวหาง
ระหว่างที่มันกำลังโคจรเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ และออกห่างจากดวงอาทิตย์
อัตราการผลิตก๊าซของดาวหางนั้นมีส่วนสำคัญที่จะช่วยนำทางให้กับทีมนำร่องของ Rosetta ในการควบคุมยาน
เพราะการใหลของก๊าซนั้นสามารถทำให้ยานเปลี่ยนทิศทางได้

อ้างอิง
http://blogs.esa.int/rosetta/2015/01/23/comet-pouring-more-water-into-space/
MIRO คืออะไร? อ่านได้ที่นี่ครับ http://ppantip.com/topic/32843199/comment179
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่