สวัสดีค่ะ เราอยากเอาประสบการณ์ผ่าริชชี่มาเล่าให้ฟังค่ะ เผื่อมีเพื่อนๆที่เป็น อาจเป็น หรือกลัวว่าจะเป็นไว้เป็นความรุ้เนอะ บอกก่อนเลยว่าเราไม่เคยเป็นมาก่อนค่ะ เราเข้าใจมาตลอดว่าคนที่จะเป็นริชชี่ได้ต้องท้องผูกบ่อยๆแล้วก็ไม่ทานผักหรือผลไม้ โดยส่วนตัวเราทานทุกอย่างค่ะ ผัก ผลไม้ ครบเเบบอุดมสมบูรณ์ ขับถ่ายประมาณ1ถึง2ครั้งต่อวันค่ะ คือเข้าปากออกก้นตลอด จนโดนว่าเป็นพวกไส้ ตรงก่อนที่จะมีเจ้าริชชี่มาเยื่อนวันเสาร์อาทิตย์ยังไปเป็นติ่งเกาหลีอยู่เลยค่ะ จำได้ว่าวันเสาร์จัดไป1รอบตอนกลางคอนเสิร์ตเเละอีก2 รอบวันอาทิตย์ วันจันทร์เช้าก็ยังคงถ่ายปกติ พอวันอังคารตอนเช้าเเต่เริ่มมีอาการเจ็บก้น พอสายๆก็ยังคงเจ็บอยู่เเล้วรู้สึกว่าเริ่มมีติ่งบวมที่รูก้นออกมา เราเลยไปหาเภสัชที่ร้านขายยาค่ะ เเล้วบอกว่าซื้อยาแก้อักเสบบอกว่าเจ็บที่รูก้น อาจเพราะถ่ายบ่อยไป เภสัชถามว่าเเล้วที่ก้นมีติ่งบวมออกมามั้ย เราก็บอกว่ามีนิดค่ะ เค้าเลยให้ยากันเจ้าริชชี่มากิน กลับมาเราก็จัดเลยค่ะเเต่อาการไม่ดีขึ้นเลยเรารู้สึกว่าติ่งที่ก้นบวมขึ้นๆเเล้วก็เจ็บมากขึ้นด้วยค่ะจนกระทั้งตอนเย็นนี่คือนั่งไม่ได้เเล้วค่ะ เดินก็เป็นเป็ดเเล้วเพราะรู้สึกว่าติ่งมันใหญ่มากขึ้น จากตอนเช้าที่มีติ่งขนาดเล็กประมาณเม็ดลูกปัดวงรีจนถึงตอนเย็นมันบวมจนใหญ่ประมาณ 2 ข้อนิ้วมือค่ะ เลยอาบน้ำกินข้าวกินยานอนเลยเพราะรู้สึกถึงอาการโคม่าของเจ้าริชชี่ที่มาเยือนเเล้ว แต่อาการของมันกลับเเย่ลงจนเราไม่สามารถนอนได้ค่ะ เช้าเลยตัดสินใจไปไปโรงพยาบาล เเต่ว่าป๊าบอกจะพาไปหาหมอสมุนไพรก่อน พอไปถึงก็เป็นร้านเหมือนขายยาจีนค่ะ เป็นหมอผู้หญิงมีอายุรุ่นอาม่า พอไปถึงก็สั่งให้เข้าห้องเเล้วนอนเตียงเปิดดูติ่งริชชี่กันเลยค่ะ ขอบรรยายนิดว่าห้องที่เข้าไปนี่ประดับรูปด้วยติ่งริชชี่มากมายหลายขนาด ต่างสีสรรเเละดีเทลกันไปค่ะ พอหมอดูติ่งริชชี่เราเเล้วก็บอกมันใหญ่มากนะ เอากระจกมาส่องให้ดูติ่งของตัวเราเองเเล้วถามว่าจะให้พ่อเธอมาดูมั้ย...เราบอกไม่ค่ะไม่จำเป้น อาม่าก็โอเครงั้นลงมาเดี๋ยวจะได้คุยเรื่องการรักษา พอออกไปจากห้อง อาม่าก็จัดการเอาคลอเลคชั่นริชชี่แกออกมาให้ป๊าเราดูค่ะ ว่าของลูกสาวคุณเป็นเเบบนี้นะ หน้าตาเเบบนี้ๆ เเล้ววิธีการรักษาคือต้องมาป้ายยาสมุนไพรที่ร้านอาม่านานถึง17วัน ในขณะที่ป้ายยาจะต้องเอาสำลีห่อติ่งไว้ด้วยเพราะยาเเรงถ้าไปโดนเนื้อส่วนอื่นอาจไหม้ได้ ยาตัวนี้มันจะทำให้ติ่งริชชี่แห้งค่ะเเล้วพอเเห้งก็ต้องมานั่งเเช่ก้นในน้ำให้มันหลุดออกมาเเล้วเอามาเเช่น้ำยาไว้ที่ร้านเเล้วอาม่าก็หยิบควรใส่ติ่งริชชี่เเห้งออกมาเขย่าให้ดูเป็นตระกร้าๆพร้อมทั้งชี้ให้ดูตู้โชว์ที่ใส่โหล่ติ่งไว้อีก....บอกตรงๆค่ะจะอาเจียนเลย เราเลยขอป๊าว่าไปโรงบาลเหอะนะ ถ้าต้องอยู่กับติ่งนี่นานขนาดนั้นเรายอมผ่าค่ะ เเต่ป๊าเราไม่อยากให้ผ่าเพราะกลัวว่าหลังการผ่าเเล้วจะมีผลกระทบต่างๆ คือบอกตรงๆว่าตอนนั้นเราไม่กลัวเรื่องผ่าตัดเพราะเคยผ่าซีสที่ปีกมดลูกออกไปเเล้วเมื่อ3ปีก่อนเข้าใจว่าเจ็บเเค่ไหน เราเลยไปหาหมอที่โรงบาลกระทุ่มเเบนค่ะ นั่งรอหมดไปครึ่งวันได้ข้อสรุปมาว่าเป็นริชชี่เเน่นอนเเต่จะให้หมอศัลย์ดูอาการอีกทีในวันศุกร์ พอวันศุกร์หมอดูเเล้วก็บอกต้องผ่าออก หมออธิบายว่าปกติคนทั่วไปก็เป็นกันเเต่ว่ามันจะผลุบเข้าผลุบออก ถ้าติ่งมันเล็กหมอคงจะจับมันยัดกลับเข้าไปให้ยากินเพื่อให้มันรักษาตัวเองเเล้วยุบลงไปเอง หมอถามว่าตั้งเเต่มาอาการเรายังถ่ายอยู่มั้ยเเล้วมีเลือดออกมั้ย เราก็บอกว่ายังถ่ายอยู่เเละเจ็บปวดตอนขมิบก้นมากเเต่ไม่มีเลือด หมอก็บอกว่าลักษณะติ่งริชชี่เรามันเป็นเเบบที่มีก้อนเลือดเเข็งไปอุดตันทำให้ติ่งนี่มันไม่กลับเข้าไปในก้น เเต่จะผ่ายังไงเดี๋ยวให้หมอผ่าตัดมาดูอีกที สรุปเราก็เเอดมิดวันศุกร์นั้นเลยค่ะ งดน้ำงดอาหารจนประมาณ 5 โมงหมอห้องผ่าตัดมาดูค่ะ...ไม่ได้ดูเเค่เฉยๆเเต่มายัดมันกลับเข้าไป ...กรี๋ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด..เลยค่ะ ริชชี่ทำเราเจ็บปวดอีกครั้ง *คือจะบอกว่าก่อนเจอหมอผ่าร่างกายเราเริ่มทำความรู้จักกับริชชี่ได้ประมาณนึงเเละสามารถอยู่ด้วยกันได้โดยริชชี่ไม่สร้างความเจ็บเท่าตอนวันเเรกที่ริชชี่ย้ายมาใหม่ เดินนั่งให้มีจังหว่ะไม่ไปกระทบริชชี่มากเค้าก็ไม่ออกอาการให้เจ็บปวด*
กระทู้ยอมอาย--ประสบการณ์ผ่าริดสีดวงที่ก้นค่ะ