[Spoil] Kimi Shini Tamou Koto Nakare (Thou Shalt Not Die) ตอน 2

กลับมาพบกับตอน 2 กันต่อนะครับ

จริงๆ ได้สแกนจากคนรู้จักมาก่อนตั้งแต่ช่วงอาทิตย์ที่แล้ว แต่เพิ่งได้มีโอกาสเขียนเนื้อเรื่องเป็นเรื่องเป็นราวก็วันนี้เองแฮะ

ยังไงก็ลองไปชมความบ้า ความจิต และความเทพของตัวเอกเรื่องนี้ได้เลยครับ





- ต่อจากตอนที่แล้วที่อุซึกิหัวหน้าหน่วยผู้มีพลังพิเศษโดนเฮดช็อตจนสมองกระจาย แถมบักพระเอกอย่างคุโรอิยังสำแดงความโรคจิตด้วยการตรงเข้าไปกอดศพหัวเละของอุซึกิแล้วพึมพำอะไรก็ไม่รู้อีก

- ฉากตัดไปทางฝั่งญี่ปุ่น พวกลุงๆ แต่งชุดคาดสีบนอกคล้ายชุดเต็มยศของพวกทหารระดับนายพลกำลังนั่งประชุมกันอยู่ในห้อง เนื้อหาการประชุมเกี่ยวกับพวกหน่วยผู้มีพลังพิเศษที่โดนซุ่มโจมตีอยู่ในประเทศแถบอเมริกาใต้ โดยปรึกษากันว่ากองกำลังป้องกันตนเองจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไรทั้งนั้น แม้อีกฝ่ายจะร้องขอความช่วยเหลือมาก็ตาม เนื่องจากเด็กพวกนั้นถูกส่งไปในนาม NGO โดยไม่เกี่ยวข้องกับทางรัฐบาล เพราะงั้นกองกำลังป้องกันตนเองจึงเคลื่อนไหวไม่ได้ ที่สำคัญ หากมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากนอกประเทศเข้ามา "โปรเจกต์" ก็อาจไม่สามารถดำเนินการต่อได้

- สุดท้ายเมื่อช่วยเหลือโดยตรงไม่ได้ พวกนี้ก็เลยตัดสินใจขอให้ทางกองทัพอเมริกาซึ่งปฏิบัติการอยู่ในพื้นที่นั้นช่วยเหลือแทน

- ตัดฉากกลับมาทางฝั่งหน่วยผู้มีพลังพิเศษ การตายของหัวหน้าหน่วยทำให้ทั้งหน่วยเสียขวัญทำอะไรไม่ถูก ต่างพากันแตกตื่นหนีตายไปคนละทิศละทาง บ้างก็โดนเศษซากตึกหล่นลงมาทับตาย บ้างก็กลายเป็นเป้านิ่งให้ทหารฝ่ายตรงข้ามสอยเอา

- ส่วนรองหัวหน้าหน่วยอย่างโบตั๋น เมื่อเห็นคนรัก (หัวหน้าหน่วย) ตายต่อหน้าก็เกิดอาการสติแตกจนควบคุมตัวเองไม่อยู่ พยายามเอาผ้าซับเลือดที่ทะลักออกมาจากหัวแบะๆ ของหัวหน้าหน่วยเป็นการใหญ่

- ระหว่างนั้น จรวดอาร์พีจีอีกลูกก็แล่นมาตกบริเวณใกล้ๆ นั้น จนพื้นระเบิดตูมเป็นช่องว่าง มาชิโระซึ่งอยู่ใกล้ๆ หนีพื้นถล่มไม่ทันเลยหล่นลงไปที่อีกชั้นหนึ่ง

- พอลงไปถึงยังไม่ทันหายมึน ก็โดนทหารฝ่ายศัตรูคนหนึ่งควงมีดเข้ามาไล่แทง มาชิโระถลันหลบทัน แต่กลับโดนทหารหญิงอีกคนที่ซุ่มรออยู่เอาปืนอาก้าจ่อหัวไว้

- แต่ยังไม่ทันจะลั่นไก คุโรอิพระเอกก็โผล่พรวดมาจากไหนไม่รู้ ส่งเสียงทักทายทั้งกลุ่มด้วยใบหน้าแป้นแล้น

- ทหารทั้งสองตกใจมาก คนถือมีดขยับตัววูบ หันมีดมาชี้หน้าคุโรอิไว้ทันที แต่ยังไม่ทันที่ใครจะขยับอะไรต่อ อยู่ๆ มาชิโระก็ตะโกนขึ้นมาเสียงดังลั่นว่า "Te Amo!!!!!"


*หมายเหตุ - Te Amo เป็นภาษาโปรตุเกส แปลตรงตัวว่า "ฉันรักคุณ" (ให้แปลตามนิสัยทะเล้นของคุโรอิคงประมาณ "รักนะ" ล่ะมั้ง )


- พริบตาที่พระเอกตะโกนคำนั้นออกมา อยู่ๆ ภาพรอบตัวของทุกคนในที่นั้นก็เปลี่ยนแปลงไป กลายเป็นภาพบิดเบี้ยวจนมองอะไรแทบไม่เห็น แขนขาได้แต่หยุดนิ่งอยู่อย่างนั้นไม่ยอมฟังคำสั่งอะไรเลย ได้แต่ยืนนิ่งฟังคำพล่ามหาเหตุผลไม่ได้ (และอาจฟังกันไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำ) ของคุโรอิอยู่แบบนั้น

- และวินาทีที่สติสัมปชัญญาของทั้งหมดในที่นั้นกลับมานั้นเอง...ดาบซามูไรในมือมาชิโระก็เสียบทะลุพุงกะทิของเจ้าทหารถือมีดจนทะลุออกอีกฟากในบัดดล




- ฝ่ายทหารหญิงที่ได้สติกลับมาเห็นดังนั้นก็ตกใจมาก ขยับจะหันปืนมายิงใส่คุโรอิ แต่ก็ต้องตะลึง เมื่อพบว่าปืนอาก้าหายไปจากมือตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

- พริบตาที่กำลังตะลึงนั้นเอง เสียงปืนอาก้าแบบกึ่งออโต้ก็ดังแท่ดๆๆ กระสุนอาก้าสองนัดพุ่งเข้าเจาะขาทั้งสองข้างของทหารหญิงจนล้มลงกับพื้นด้วยการยิงของคุโรอิ...ที่แย่งปืนอาก้าของทหารหญิงไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้...ทันที


ยิงอาก้ามือเดียวเทพไปรึเปล่าไอ้น้อง ได้ข่าวว่าอาก้าสะบัดจะตายไม่ใช่เรอะ ต่อให้ปรับเป็นกึ่งออโต้แล้วก็เหอะ




- ฝ่ายมาชิโระที่ได้แต่นั่งนิ่งอ้าปากค้างตลอดรายการ เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดก็ร้องถามคุโรอิว่านี่มันอะไรกัน เธอทำอะไรลงไปกันแน่ คุโรอิก็หันมาตอบยิ้มๆ ว่า "ก็วิชาสะกดจิตไง"

- คำพูดของคุโรอิทำให้มาชิโระนึกได้ว่าสมัยที่ยังเรียนอยู่ที่โรงเรียนผู้มีพลังพิเศษ คุโรอิก็เคยบอกกับเธอถึงเรื่องความสามารถของเขาแล้ว จำได้ว่าตอนนั้นมาชิโระยังถามกลับไปเลยว่านั่นมันความสามารถสายระยะไกลไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมมาเรียนหลักสูตรรบระยะประชิดล่ะ คุโรอิก็อธิบายว่าความสามารถสะกดจิตนั้นถ้าอยู่ห่างจากเป้าหมายมากๆ ก็จะใช้ไม่ได้ผล แถมเงื่อนไขการใช้งานยังยุ่งยากอีกต่างหาก นั่นคือ ต้องสื่อสารให้อีกฝ่ายเข้าใจด้วยคำพูดให้ได้ถึงจะสามารถสะกดจิตได้ ดังนั้นถ้าต้องรบกันตามปกติ สู้เถือด้วยดาบแทงด้วยมีดยังจะฆ่ากันตายง่ายกว่าอีก เขาถึงได้เลือกมาเรียนสายระยะประชิดไง มาชิโระได้ยินดังนั้นก็ถามกลับว่า แล้วแบบนี้จะเอาไปใช้ทำอะไรได้ คุโรอิก็บอกแบบขำๆ ไม่ยี่หระว่า ถึงตอนรบจริงก็มีวิธีใช้ของมันอยู่นั่นแหละ ทำเอามาชิโระงงว่าจะทำได้ยังไง คุโรอิก็หลิ่วตาให้แล้วบอกว่า "รบจริงเมื่อไหร่จะแสดงให้ดู"

- ตัดฉากกลับมาที่ฉากปัจจุบัน มาชิโระที่นึกถึงคำพูดของคุโรอิในตอนนั้นก็ตกตะลึงต่อวิธีใช้ความสามารถสะกดจิตในการรบของคุโรอิเป็นอย่างมาก เพราะอีกฝ่ายเป็นทหารชาวอเมริกาใต้ที่พูดภาษาโปรตุเกส ไม่ได้พูดภาษาญี่ปุ่นหรืออังกฤษ ดังนั้นก็ไม่น่าจะสื่อสารกันได้ด้วยคำพูดซึ่งเป็นเงื่อนไขแรกของการใช้พลังเลยนี่นา

- คุโรอิเลยอธิบายว่า จิตใจของมนุษย์เราน่ะมีอยู่สองชั้น ชั้นแรกเป็นชั้นนอกสุดที่เกี่ยวข้องกับการใช้เหตุผล ส่วนชั้นในสุดนั้นเป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับสัญชาตญาณ ซึ่งหากมีอะไรเกิดขึ้นทำให้จิตใจส่วนนอกสุดซึ่งเกี่ยวกับการใช้เหตุผลหยุดทำงานหรือชะงักงันไป (เช่น ทำให้ตกใจ) ถึงไม่สามารถสื่อสารกันรู้เรื่องก็สามารถใช้พลังสะกดและควบคุมจิตสำนึกชั้นในสุดได้อย่างง่ายดาย (ซึ่งที่คุโรอิร้องตะโกนว่า "รักนะ" เป็นภาษาโปรตุเกสเมื่อกี้นี้ก็เพื่อทำให้ศัตรูตกใจจนชะงักไปชั่วขณะ จนเผลอเปิดช่องว่างให้ใช้พลังสะกดจิตได้นั่นเอง)

- อธิบายจบ คุโรอิก็หันไปทางทหารหญิงที่นอนเอามือกุมขาที่โดนยิงอยู่ ครั้งแรกทหารหญิงนั้นจ้องตาเข่นเขี้ยวใส่อย่างอาฆาตมาดร้าย แต่พอโดนคุโรอิขึ้นนั่งคร่อมแล้วจับฉีกเสื้อออกก็นึกว่าจะโดนข่มขืน เลยส่งเสียงร้องพลางดิ้นรนขัดขืนสุดชีวิต (ทั้งที่ความจริงคุโรอิไม่ได้จะทำเรื่องอะไรอย่างว่า แค่ต้องการหาพวกวิทยุสื่อสาร แผนที่ หรืออะไรที่เป็นประโยชน์ในการรบหรือกลยุทธ์หลังจากนี้ต่างหาก)

- สุดท้ายเห็นทหารหญิงขัดขืนหนักเข้า คุโรอิก็แย่งมีดทหารหญิงคนนั้นมาแล้วกระหน่ำฟันใส่อีกฝ่ายเป็นชุดๆ จนเลือดสาดกระจาย ระหว่างฟันก็ค้นตัวทหารหญิงนั้นไปเรื่อยๆ หน้าตาเฉย ต่อหน้าต่อตามาชิโระที่ได้แต่ยืนอ้าปากค้างมองภาพที่เกิดขึ้นต่อหน้า




- สุดท้ายมาชิโระก็ทนดูต่อไปไม่ไหว ร้องตะโกนบอกคุโรอิให้พอได้แล้ว คุโรอิก็หันมาเอียงคอมองเป็นเชิงถามว่าทำไมเหรอ ก่อนจะทำท่านึกได้แล้วบอกว่าอ๋อ อยากได้เองงั้นใช่มั้ย ว่าจบก็ลากเอาร่างของทหารหญิงที่โดนฟันเป็นแผลเหวอะหวะเลือดโชกไปทั้งร่างมาโยนตรงหน้ามาชิโระแล้วบอกด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า เอ้า จัดการได้เต็มที่เลย

- เห็นเพื่อนร่วมชั้นทำท่าแบบนั้น มาชิโระก็แทบสติแตก ตะกุกตะกักถามอีกฝ่ายด้วยสีหน้าหวาดกลัวว่าเป็นบ้าไปแล้วรึไง ทั้งที่โดนฆ่าตาย ทำไมถึงยังทำแบบนั้นกับคุณอุซึกิได้ ทั้งๆ ที่เพื่อนๆ โดนฆ่าตายเป็นผักปลาอยู่แท้ๆ ทำไมถึงยังหัวเราะเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ เธอเป็นตัวอะไรกันแน่




- ตัดฉากไปทางด้านนอกตึกที่พวกหน่วยผู้มีพลังพิเศษที่เหลือรอดเพียงแค่สิบกว่าคนหนีออกไป โดยมีซึมิหน่วยตรวจจับทำหน้าที่บัญชาการหน่วยแทน เนื่องจากหัวหน้าหน่วยตาย ซ้ำรองหัวหน้าอย่างโบตั๋นก็สติแตกจนไม่อยู่ในสภาพที่จะบัญชาการหน่วยได้ ลูกหน่วยแทบทุกคนอยู่ในภาวะเสียขวัญอย่างรุนแรง

- ซึมิใช้พลังตรวจจับดูไม่พบศัตรูอยู่ในพื้นที่รอบๆ แถมระหว่างนั้นยังมีการติดต่อมาจากกองทัพอเมริกาว่าจะส่งฮ.กู้ภัยมารับอีก

- ได้ยินดังนั้น พวกลูกหน่วยก็ดีใจกันใหญ่ว่ารอดแน่แล้ว ซึมิก็รีบออกคำสั่งให้พลสื่อสารบอกพิกัดของหน่วยไป

- แต่อยู่ๆ อาซางิ พลหน่วยตรวจจับคนหนึ่งก็ยกมือค้านบอกว่าอย่าดีกว่า ซึมิก็ถามว่าทำไม แต่อาซางิกลับเอาแต่พูดตะกุกตะกักแถมทำหน้างงเหมือนนึกคำพูดไม่ออก ทำให้ซึมิซึ่งหงุดหงิดกับสถานการณ์รอบตัวอยู่แล้วโมโห ผลักอาซางิออกไปไม่สนใจฟัง แล้วหันไปสั่งการลูกหน่วยให้ทำแบบเดิม

- หลังนัดแนะพิกัดรับตัวกับกองทัพอเมริกาเสร็จ หน่วยผู้มีพลังพิเศษทั้งหมดก็เร่งมุ่งหน้าไปยังพิกัดนัดแนะทันที

- ระหว่างที่เดินไปอยู่นั้น ผู้ชายตัวโตในหน่วยคนหนึ่ง (ดูจากอาวุธที่ใช้เป็นดาบน่าจะอยู่หน่วยต่อสู้ระยะประชิด) ก็บ่นๆ ขึ้นมาว่ารู้งี้น่าจะยอมแพ้แต่แรก จะได้ไม่ต้องเสียเลือดเสียเนื้อกันขนาดนี้ ไม่น่าไปเชื่อคำพูดของอุซึกิหัวหน้าหน่วยเลย...

- พูดได้แค่นั้น โบตั๋นที่เดินตาลอยอยู่ก็ตาลุกวาบ โถมเข้าชกไอ้ยักษ์จนกระเด็นข้อหาปากเสียด่าแฟน ไอ้ยักษ์ก็ไม่ยอมแพ้ ลุกขึ้นมาด่าอุซึกิต่อว่าก็ไอ้เวรนั่นไม่ใช่รึไงที่พาคนวิ่งวนไปรอบๆ ไม่มีแผนอะไรจนคนตายตั้งมากมายน่ะ แถมเป็นหัวหน้าหน่วยยังเสือg ตายก่อนชาวบ้านอีก เพราะงั้นอย่างหล่อนไม่ต้องมาปกป้องแฟนเลย


ไอ้ยักษ์ที่พูดจาว่าร้ายหัวหน้าหน่วยที่ตายไปแล้วว่าเป็นต้นเหตุของความสูญเสียทั้งหมด

ไม่รู้ทำไม แอบรู้สึกว่าไอ้ยักษ์นี่จะไม่ได้แก่ตายเพราะดันไปพูดอะไรผิดหูพระเอกเข้าแหงๆ





- ได้ยินไอ้ยักษ์ด่าแฟนตัวเองขนาดนั้น โบตั๋นก็สติขาดผึง ขยับจะชักดาบฟันใส่ โชคดีซึมิเข้ามาห้ามไว้ได้ทันก่อนจะฆ่ากันตาย แล้วค่อยๆ พูดจนต่างฝ่ายต่างยอมรามือไปอย่างไม่ค่อยพอใจนัก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่