เออ ใช่ซี้!!! เราผิดเองนี่ที่ไม่ใช่ผู้มีอิทธิพล!!!

ย้ายไป http://ppantip.com/topic/33223240 นะคะ อยากเปลี่ยนชื่อกระทู้ให้ตรงประเด็นขึ้นค่ะ



[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้



        บ้านเก่าเราอยู่ไกลที่ทำงานมาก ๆ ค่ะ ทำให้เป็นไปไม่ได้เลยที่จะอยู่แถวนั้นแล้วมาทำงานเช้าได้
            
        เป็นเวลาครึ่งปีแล้ว ที่เราต้องย้ายมาอยู่ย่านบีทีเอสอ่อนนุชนี่เพื่อความสะดวกในการไปทำงาน ตอนแรกที่หาที่เช่าได้ก็ดีใจมาก ๆ เพราะจะได้อยู่ใกล้ออฟฟิศ ไปกลับสะดวก ได้พักผ่อนเต็มที่ซักที แต่ โห คืนแรกที่เข้าพักเท่านั้นแหละค่ะ ไอ้ที่ระริกระรี้เป็นปลากระดี่มาตอนแรกก็เหมือนกระดี่โดนทุบแล้วโยนให้หมากินอ่ะค่ะ เพราะไม่นึกมาก่อนว่าคอนโดจะมีเพื่อนบ้านเป็นลานเบียร์ไร้จิตสำนึก!

       ถ้าพูดถึงเสียงดังที่มักจะเริ่มขึ้นช่วงสองทุ่มครึ่ง-ห้าทุ่มครึ่งของทุกวัน (ขณะที่กำลังเขียนอยู่นี่ เปลี่ยนมาเริ่มทุ่มครึ่งแล้ว) ใครที่พักอยู่แถวสถานีอ่อนนุชฝั่งคอนโด Ideo Verve กับ The President คงจะคุ้นเคยกันดี เสียงที่ว่านี่มาจาก “ลานเบียร์อ่อนนุช” ในตลาดกลางแจ้งที่อยู่ระหว่างคอนโดสองแห่งนี้ แต่ชื่อร้านมันไม่สำคัญเท่ากับการที่ "เวทีกลางแจ้ง" ของมันยังตั้งอญุ่ยั้งยืนยงมาได้เกือบปีโดยไม่มีอะไรมากวนให้มันต้องระคายเคือง มีแค่ "มัน" เนี่ยแหละที่ส่งเสียงก่อกวนระคายหูชาวบ้านเขาได้ทุกวัน ขอย้ำ ทุกวัน !! แต่ความจริงที่น่าเกลียดกว่านั้นก็คือ หลังจากที่เราแจ้งเรื่องนี้ให้เขตกับสน.ไป เสียงจากลานเบียร์ดันเพิ่มขึ้นกว่าเดิมเหมือนกับตั้งใจจะท้าทายกฎหมายอย่างไงอย่างงั้น
        
        สองเดือนแรกที่มาอยู่ที่นี่เราก็ยอมอดทนมันนะ เพราะคิดว่าเสียงดังน่ะมันเรื่องเล็ก ร้องเรียนไปเดี๋ยวก็โดนหาว่าจุกจิกเรื่องมากอีก อยู่เป็นคนตัวเล็ก ๆ ในประเทศนี้มันก็ต้องอึดเอาไว้ให้ได้ถึงที่สุดนั่นแหละ แต่จริง ๆ แล้วมันใช่เรื่องหรือคะ? ที่เราซึ่งมีสิทธิทุกอย่างที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขในบ้านตัวเอง จะนั่งนอนต้องคอยผวาว่าเมื่อไหร่เสียงจะดังขึ้นมา ทุกวันนี้ชีวิตขึ้นอยู่กับความเมตตาของมันว่าวันนี้ลานเบียร์มันจะมาอารมณ์ไหน เสียงจะดังกว่าเดิมมั้ย จะเล่นกันนานแค่ไหน มันไม่ง่ายเลยที่จะต้องข่มตาหลับทั้งที่หูได้ยินเสียงเพลงที่เราไม่ต้องการจะฟัง เพลงซ้ำ ๆ ซาก ๆ วันละหลาย ๆ รอบ ไอ้ภูมิแพ้กรุงเทพอย่างเงี้ย Zombie เงี้ย ขอใจเธอฯ เงี้ย คนร้องมันไม่เบื่อตัวเองบ้างหรือไง อีกอย่าง เราเองก็ทำงาน งานที่ทำเนี่ยต้องกลับบ้านดึกสามทุ่มสี่ทุ่ม กลับมาล้า ๆ แล้วคนมันก็อยากจะนอน แต่ก็ต้องมานั่งตั้งสมาธิข่มตานอนอีก มันไม่ไหวค่ะ! ซื้อที่อุดหูมาก็ดันกันเพลงไม่อยู่อีก เพราะจริง ๆ ปัญหามันไม่ใช่แค่เสียงโหยหวนของนักร้อง แต่มีบีทจากกีต้าร์ไฟฟ้าที่สะเทือนขึ้นมาถึงบนห้องด้วย บอกตรง ๆ เลยว่าตั้งแต่อยู่ที่นี่มา จากที่คิดว่าจะได้พักผ่อน สรุปคือไม่ได้นอนก่อนเที่ยงคืนมาสี่-ห้าเดือนแล้วค่ะ คุณภาพชีวิตตกต่ำมาก ๆ (ใครคิดจะมาเช่าห้องอยู่แถวนี้ระวังไว้ให้ดีนะคะ เช็คดี ๆ ก่อนเลยว่าห้องที่จะย้ายไปเสียงมาถึงมั้ย)  

        เราจะอธิบายว่าทำไมเราตั้งชื่อกระทู้แบบนี้ทีหลัง (มันมีเหตุสมควรที่กระทู้จะได้ชื่อนี้ไป) แต่ตอนนี้ขอย้อนกลับไปเล่าถึงจุดเริ่มต้นของกระบวนการทางกฎหมายทั้งหมดที่เราพยายามจะใช้สักหน่อย ขอออกตัวไว้ก่อนเลยว่า สำหรับเราที่ไม่เคยมีประสบการณ์ด้านนี้เลย การต้องติดต่อกับเจ้าหน้าที่ด้านความยุติธรรมมันเป็นอะไรที่มืดแปดด้านมาก ๆ ! เราทั้งไม่ไว้ใจเจ้าหน้าที่ แต่ก็ไม่อยากให้ความศรัทธาที่มีอยู่เพียงนิดน้อยต้องแตกสลายไปมากกว่านี้ สรุปก็คือ ... เราไม่อยากคุยกับตำรวจเลยค่ะ บอกเลย พยายามหลีกเลี่ยงมาตลอด พยายามหลอกตัวเองว่า "เอาน่ะ วันนี้น่าจะเสียงดังน้อยกว่าเมื่อวานนะ" หรือ "ไม่มีใครอยากทำให้คนอื่นเดือดร้อนหรอก เดี๋ยวพอเค้าหาเงินได้มากพอเค้าก็จะทำผนังกั้นเสียงเอง" แต่ใครที่เจอเสียงดังยามวิกาลแบบเดียวกันนี้ก็น่าจะรู้ค่ะ ว่ามันไม่จริง


----------------กรกฎาคม---------------




       ช่วงต้นกรกฎาคม 57 เสียงดังตลอดเดือนหยุดไปซะเฉย ๆ สองสัปดาห์ ช่วงนั้นเราแทบจะจุดพลุฉลองเลย คิดว่าคงมีคนโทรแจ้งตำรวจแล้ว เราไม่ต้องทนทุกข์ทรมานยามค่ำคืนเพราะเรื่องนี้อีกแล้ว.... แต่เราคิดผิด

       ปลายเดือนกรกฎา คอนเสิร์ตกลับมาอีกครั้งด้วยเสียงที่ดังรุนแรงเหมือนเดิม ตอนนั้นเราไม่รู้จริง ๆ ว่าต้องทำยังไง ได้แต่เกลียดตัวเองมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่กลายเป็นพวกงอมืองอเท้า เอาแต่บ่นลงเฟซไปวัน ๆ ได้ถึงสองเดือน เป็นคนประเภทที่เราไม่ชอบเลย!  


----------------สิงหาคม---------------




        กลางเดือนสิงหาคม เราเริ่มโทรหาตำรวจ... แทบทุกคืน ( เบอร์กลาง 191 --- ตอนนั้นเรายังไม่รู้ว่าต้องโทรหาตำรวจประจำเขต แต่ก็เริ่มจดบันทึกไว้เป็นหลักฐานแล้วว่าเราได้ใช้วิธีอะไรไปแล้วบ้าง ถือเป็นการทดสอบกลไกยุติธรรมค่ะ) แต่ผลก็คือ เราไม่เคยได้คุยกับตำรวจจริง ๆ เลย เจอแต่เสียงตอบรับของตำรวจหญิงที่บอกว่า "เจ้าหน้าที่ไม่มี กำลังออกปฏิบัติหน้าที่" อะไรทำนองนั้น  เราเริ่มหมดศรัทธากับตำรวจตั้งแต่ก้าวแรกและหันไปทำรีเสิร์ชเกี่ยวกับลานเบียร์ด้านล่างด้วยตัวเอง (ตอนนั้นเรายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าร้านมันชื่ออะไร เข้าไปไม่เห็นชื่อร้าน ไม่รู้อาณาเขตของร้านด้วยเพราะอยู่ในตลาดที่เป็นเต๊นท์ต่อกันไปหมด)

       การเสิร์ชข้อมูลทำให้เราได้รู้ว่า นี่ ไม่ใช่ ครั้งแรกที่ "ลานเบียร์อ่อนนุช" ก่อเรื่องค่ะ... เมื่อปี 2012 ก็มีข่าวออกมาว่า เขตวัฒนาได้แจ้งความกับลานเบียร์นี้ไปแล้วเพราะประชาชนได้รับความเดือดร้อนมาก (เสิร์ช "คมชัดลึก ลานเบียร์อ่อนนุช" ดูนะคะ)

       ครั้งนั้นร้านเคยถูกปิดไปด้วยข้อหา "ไม่มีใบอนุญาตจากทางเขต" ซึ่งก็น่าสงสัยว่าทำไมแค่สองปีมันถึงกลับมาได้ ใช้ชื่อเดิม ปักหลักก่อความรำคาญเวลาเดิม ที่เดิม (มีลานเบียร์สองแห่งในตลาด ใกล้ Ideo Verve กับ ใกล้ The President เราไม่รู้ว่าที่โดนปิดไปเป็นของฝั่งไหน แต่อยู่ในตลาดเดียวกันแน่ ๆ เพราะมันมีตลาดเดียวที่ติด Verve)  มีพฤติการณ์แบบเดิม ๆ คือหัวค่ำเล่นคอนเสิร์ตกันเบา ๆ สงบเสงี่ยมเรียบร้อย พอสามทุ่มกว่า ๆ หรือสี่ทุ่มก็เร่งเสียงเต็มสตีมไปจนถึงห้าทุ่มกว่า เที่ยงคืน หรือบางครั้งเลยเที่ยงคืนไปก็มี

        พอแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้เรื่องมากไปเอง เราก็เริ่มสะเปะสะปะหากฎหมายที่จะเอาเรื่องมันได้ (สำหรับใครที่อยากรู้รายละเอียดว่าเราอ่านอะไรไป หลักๆ ก็นี่เลยค่ะ : กฎหมายมลพิษทางเสียงและความสั่นสะเทือน/ คู่มือวัดเสียงรบกวนของกรมควบคุมมลพิษ/ บทความเสียงนี้ที่ไม่ต้องการ ของศาลปกครอง/ หลักการตรวจวัดเสียงรบกวน) อ่านแล้วสรุปไม่ได้อยู่ดีว่าเราจะต้องแจ้งปัญหานี้กับใคร สรุปว่าเสียงที่ดังอยู่นับนี่เป็นเสียงรบกวนหรือเปล่า (ตามกฎหมายบอกว่า เสียงรบกวน = ความดังหน่วยเดซิเบลเอขณะที่มีเสียงรบกวน - ความดังขณะที่ไม่มีเสียงรบกวน แล้วมีค่ามากกว่า 10 เดซิเบลเอ)  แล้วเราจะเอาอะไรมาวัดเดซิเบลเอ? แอพในมือถือก็อาจไม่เที่ยงตรงพอ เจ้าหน้าที่ที่ไหนมีหน้าที่จะต้องมาช่วยเรา?

          โชคดีที่เราได้เจอกระทู้ http://ppantip.com/topic/32330956 จขกท. บอกว่าชาวบ้านตาดำ ๆ ก็หยุดเสียงดังยามวิกาลได้ และยามวิกาลของเขาหมายถึง สี่ทุ่ม ตรงกับที่เรากำลังเจอพอดี เราปริ๊นท์กระทู้ของเขาออกมาวางไว้หน้าทีวีเพื่อที่ทุกวันตื่นมาจะได้อ่านมันซ้ำ หนึ่ง เพื่อให้จำขั้นตอนได้ และ สอง เพื่อให้เรามีกำลังใจว่า สักวันเสียงอึกทึกแถวนี้ก็จะหายไปเหมือนกัน มาหวนคิดถึงวันนั้นตอนนี้แล้วอยากจะหัวเราะค่ะ... หัวเราะทั้งน้ำตาน่ะนะ ... คือสงสัยน่ะว่า ทำไมประเทศนี้ถึงไม่เคยเหนื่อยกับการทำลายศรัทธาของประชาชนเลยล่ะคะ?

          ตั้งแต่วันนั้นเราเลยติดต่อเขตค่ะ เขตวัฒนา เบอร์โทรที่ได้จากเว็บไซต์ http://www.bangkok.go.th/vadhana/ คือ 02-3818930 ... ซึ่ง.... โทรไม่ติดค่ะ (5555 /ร้องไห้) ตกลงนี่เราโทรไม่ติดเลยทั้ง 191 ทั้ง เขต เลยเรอะ เอาล่ะ จะมีอะไรสิ้นหวังกว่านี้อีกมั้ย?  อย่าเพิ่มตอบนะคะ รอลุ้นกันต่อไป.... ว่า 1111 สายด่วนร้องเรียนร้องทุกข์ของสำนักนายกฯ จะช่วยอะไรเราได้บ้างมั้ย


----------------กันยายน---------------



          1 กันยายนเราเปลี่ยนจาก 191 ไปโทรหา 1111 สายด่วนรัฐบาลแทน เจ้าหน้าที่หญิงที่รับเรื่องถามที่ตั้งลานเบียร์อย่างละเอียดแล้วต่อสายหา 191 เราถึงได้คุยกับตำรวจตัวเป็น ๆ เป็นครั้งแรก (ในที่สุด...) ตำรวจนายนั้นบอกว่าจะแจ้งตำรวจท้องที่ให้ เราถามว่าจะต้องรออีกนานแค่ไหน ก็ได้คำตอบมาว่าปกติตำรวจใช้เวลาทำงาน 20 นาที
         คงเดาได้ไม่ยากใช่มั้ยคะ ว่าคืนนั้นเสียงมันไม่ได้ดังน้อยลงเลย
        ตลอดกันยา เราวนเวียนอยู่กับการโทรหา 191 กับ 1111 ซึ่งเราเรียนรู้ในเวลาไม่นานนักว่า "ไม่มีประโยชน์อะไร" 191 ยังคงติดต่อไม่ได้ พอโทรไปทวงถามทาง 1111 อีกที ถามว่าปัญหานี้จะแก้ไขเสร็จภายในกี่วัน คำตอบที่กลับมาตลกมากคือ  "ตรงนี้คุณต้องรอค่ะ มันไม่สามารถติดตามผลได้นะคะ"
       อ้าว แล้วทำไมในเว็บ 1111 เวลาแจ้งเรื่องมันมีช่องให้ติ๊กว่า "ท่านต้องการให้ติดต่อกลับจากหน่วยงานที่รับเรื่องร้องเรียนหรือไม่" ฟระ?
... นี่คือที่เราคิดเอาทีหลังหลังจากเปิดเว็บเข้าไปดูแล้ว แต่วันนั้นเราบอกเค้าไปว่า โทรไปหาครั้งก่อนก็แบบนี้ 1111 ต่อสายให้ตำรวจแล้วก็บอกให้รอ / ถ้าไม่เกิดอะไรขึ้นให้โทรมาใหม่ แล้วยังไงต่อ จะให้โทรมาแจ้งใหม่เรื่อย ๆ แบบนี้น่ะเหรอ / ถ้าคุณไม่ตามเรื่องแล้วคุณจะรู้ได้ไงว่าปัญหามันแก้แล้วรึยัง / สรุป 1111 นี่ตั้งขึ้นมาเพื่อทำอะไร แค่รับแจ้งเฉย ๆ จากนั้นจะยังไงก็ช่างเหรอ???
        คือ...อันนั้ไม่ได้เหวี่ยงเค้านะคะ เราอยากรู้จริง ๆ ว่าสรุป 1111 มันตั้งมาเพื่ออะไร ทำอะไรได้แค่ไหน เราจะได้รู้ไงคะว่าควรจะติดต่อเค้าในฐานะอะไร
       "แล้วคุณต้องการอะไรจากเราล่ะคะ" นางตอบกลับมา ...เอ๊า! เอากะนางสิ "ก็เราติดต่อกับจนท.ให้แล้ว จนท.จะติดต่อไปมั้ยก็แล้วแต่จนท.แล้วค่ะ" แล้วนางก็ต่อสาย 191 ให้เราอีก คราวนี้ 191 บอกเราว่า ตำรวจทำได้แค่ "ตักเตือน" เท่านั้น (ตักเตือนคือไรคะ) ถ้าอยากให้เรื่องจบต้องติดต่อ เขต เพราะเขตเป็นคน "อนุญาต" ให้เปิดร้าน พอเราถามว่า แล้วทำไมหนึ่งเดือนที่ผ่านมา 191 ไม่รับสายเราเลย ให้จ่าเทปมารับหน้าแทนอยู่เรื่อย ตำรวจบอกว่าไงรู้มั้ยคะ... ข้ออ้างคลาสสิคเลย
        "คนโทรเล่นเยอะไง คนเดือดร้อนจริงอย่างคุณถึงโทรเข้ามาไม่ได้"
        "อ้าวแล้วถ้าเรื่องด่วนจริง ๆ ล่ะคะ คอขาดบาดตาย"
        "ก็..  (นึก) โทรกู้ภัยก็ได้ ที่นี่มีคนโทรเข้ามาเดือนละแสนสองแสนสาย โทรเล่นพันกว่าสายเงี้ย ถ้าตัดปัญหาตรงนี้ไม่ได้นี่ ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงอ่ะครับ"
        "เอ่อ... คือได้ยินแบบนี้มาตั้งแต่ประถมแล้ว ตร.ยังแก้ไม่ได้อีกหรอคะ? =_="

เอาล่ะ ตอนนี้ขีดฆ่า 1111, 191 ทิ้งไปเหลือแค่เขต (โทรไม่ติด) กับสน.ท้องที่แล้ว เดี๋ยวมาต่อนะคะว่ามหากาพย์เรื่องนี้ กะแค่บอกให้ลานเบียร์ "หรี่เสียงลง" เนี่ย ... กระบวนการกฎหมายไทยจะใช้เวลาเท่าไหร่ นี่จะเข้าตุลาแล้วนะคะ 555 (หัวเราะไปงั้น ชีวิตจริงไม่ขำนะคะ)
TO BE CONT
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่