ก็ยังไม่เลิกก่อความรำคาญ... ใครเดือดร้อนแบบเราบ้างที่ ลานเบียร์อ่อนนุช

ใครเพิ่งเคยอ่านเรื่องนี้ เข้าไปอ่านเรื่องราวภาคแรกได้ที่ http://ppantip.com/topic/33223240 เราอัพเดตความคืบหน้าเกี่ยวกับสภาพน่าอึดอัดขัดข้องใจที่อ่อนนุช ในกระทู้ก่อนนี้ด้วยจะได้รวมเป็นที่ทาง แต่มาลงใหม่ด้วยเพราะไม่อยากให้เรื่องนี้หายไปค่ะ



ตอนนี้พี๊คมาก เวทีที่3แล้วค่ะ เพิ่มมาสองเวทีใน5เดือนทั้งที่นิติบุคคลคอนโดก็บอกว่า "เร่ง" ดำเนินการอยู่
เขตวัฒนาก็ดำเนินการ "เต็มความสามารถ" เมื่อวันที่15 พฤษภาคมที่ผ่านมา เขตวัฒนามาวัดเสียงที่ห้อง (ช้ากว่าที่บอกว่าจะมาไปหนึ่งเดือนครึ่ง บอกตั้งแต่มีนาแล้วว่าจะมาเดือนเมษา) เขตบอกว่า เครื่องวัดเสียงมันเสีย ต้องรอคิวเครื่องจากส่วนกลางกทม. นานเลยกว่าจะมาติดตั้งได้ ซึ่งนิติบอกเราว่าเขตไม่ได้แจ้งเลยว่าจะติดตั้งอย่างไร คิดว่าน่าติดที่ระเบียงนอกห้อง แต่เราไม่แน่ใจค่ะว่าเขาจะมายุ่งกับห้องเรามากแค่ไหน ที่บอกว่าจะมาทุ่มนึงวันจริงจะมาเลทมาเร็วเท่าไร ยิ่งกลับบ้านไม่เป็นเวลาอยู่ด้วยกลัวไม่มีคนไขประตูห้องให้ เลยแจ้งเรื่องนี้กับเจ้าของห้องไป เจ้าของห้องก็ใจดีค่ะ ให้เขตไปติดเครื่องวัดเสียงที่อีกห้องหนึ่งที่เขามีอยู่ วันนั้นไม่มีใครนอนห้องนั้นด้วย สบายไป

และแล้วเขตก็มาค่ะ ... มาสายไปหนึ่งชั่วโมง ปล่อยให้เจ้าของห้องนั้นรอรับแล้วรอรับอีก ก็ยังไม่มา
พอมาถึง เขตก็ให้คนมาเรียกเราค่ะ เจ้าของห้องติดต่อมาทางมือถือว่า ต้องให้เราซึ่งเป็นคนแจ้งเรื่อง ดูตำแหน่งติดเครื่องวัด
เราก็งง ตอนที่นิติโทรหาเราครั้งแรก เค้าบอกด้วยซ้ำว่าถ้าเราไม่อยู่ห้องในวันที่เขตมา คงต้องให้เขตติดเครื่องวัดเสียงที่ลานจอดรถ (คือพูดเหมือนเขตจิ้มวันเอาไว้แล้วว่าจะมาวันที่ 15 ถ้าไม่มีห้องไหนยอมให้วัดเสียงก็ต้องวัดที่ไหนสักที่ให้ได้ อันนี้การประสานข้อมูลกันมีปัญหานะ ตกลงอย่าง มาอีกอย่าง ถ้าไม่ได้ตามแผนจะทำยังไง ต้องรอรอบหน้าหรือ?)

เขตถามเราว่า "เวลาไหน จุดไหนที่อยู่แล้วเดือดร้อนเพราะเสียงที่สุด ?"
เราเหวอเลยค่ะ ... เฮ้ย เดือดร้อนสุดคืออะไรวะ ก็เดือนร้อนสุดตอนที่เสียงมันดังนี่ไง แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการเก็บเสียงด้วย!
เขตอธิบายต่อว่า เราแจ้งเรื่องว่า เสียงดังทำให้เรา "นอน" ไม่ได้ เพราะฉะนั้นก็ควรจะติดเครื่องในห้องนอนใช่หรือไม่ เพราะเราคงไม่ได้นอนในห้องรับแขกหรอก

อ่อ กฎหมายมันเป็นงี้จริงหรอเนี่ย ขอเรียนถามนะคะ ใครรู้กฎหมายอย่าได้ถือโทษโกรธเราเลยค่ะ เราเดือดร้อนมานาน แล้วก็โมโห แล้วก็โง่กฎหมายจริง ๆ ยอมรับนะคะ แต่กฎหมายไทยมันจะปัญญาอ่อนขนาดนี้ได้หรือคะ?  
มันไม่ได้เข้าใจอะไรเลยหรือว่า การใช้ชีวิตของคนเราไม่ได้มีแค่การนอนที่สำคัญ เวลาที่เราประกอบอาชีพไม่ได้เพราะไม่มีสมาธิ (เราเขียนบท เขียนคอลัมน์ แปลงานค่ะ) มันก็เดือดร้อนนะคะ เวลาที่เราต้องตัดสินใจปิดหน้าต่างแล้วเปิดแอร์เพื่อกันเสียงอึกทึก ทั้งที่ข้างนอกเป็นวันที่อากาศเย็นสบาย บรรยากาศโคตร (เป็นใจให้) ลานเบียร์ เราต้องเสียค่าแอร์อ่ะค่ะ เสียค่าไฟเปิดทีวีกลบเสียงคอนเสิร์ตโหยหวนด้วย เสียเงินเสียพลังงานตั้งแต่หัวค่ำด้วยเพราะเสียงมันดังตั้งแต่หัวค่ำ อย่างนี้แม่มก็เดือดร้อนนะคะ ต้องเปิดเสียงดัง ๆ ประสาทหูเสื่อมอีก แล้วเรื่องเดือดร้อนทางจิตใจล่ะคะ เรารู้สึกว่าเราถูกละเมิด ถูกรุกล้ำความเป็นส่วนตัว ต้องจำทนต่อความอยุตธรรม ขาดอิสระในการดำรงชีวิต ทำงานไม่ได้ นอนไม่ได้ เครียดไปอีกเท่าไหร่ เรื่องเดือดร้อนหลาย ๆ เรื่องรวมกันต่างหากค่ะที่ทำให้ "เดือดร้อนที่สุด" น่ะ !

ถ้าเขตจะแต่วัดในห้องนอน เอาก็เอา ห้องนอนกับห้องรับแขกมันไม่ต่างอะไรกันหรอก ห้องเล็กนิดเดียว เสียงก็ดังพอกันนั่นแหละ แต่เขตยังมีอีกเรื่องต้องถาม

"วัดตอนปิดหน้าต่างหรือเปิดหน้าต่างดี ปกติเวลานอนปิดหน้าต่างใช่มั้ย งั้นก็วัดตอนปิดหน้าต่างแล้วกัน"

หืมม์ แล้ววันที่เขตมา คอนเสิร์ตก็ดูจะสงบเสงี่ยมกว่าปกติเสียด้วยสิ เหมาะเจาะไปหน่อยมั้ยถ้าจะปิดหน้าต่างตอนนี้แล้วรอเวลาแก่งแย่งเครื่องวัดเสียงมาวัดใหม่อีกครั้งน่ะ? อันนี้คือข้อสังเกตของเราซึ่งระแวงมาก เพราะแก้ปัญหานานขนาดนี้ไม่รู้เบื้องลึกมีอะไรมั้ย ใช้วิจารณญาณนะคะ



เราสาธยายเรื่องการต้องเปิดแอร์ทั้งที่ไม่จำเป็นให้เขตฟัง ตอนนั้นเราโคตรไม่มีอารมณ์ เพิ่งกลับจากการทำงานเหนื่อยสุด ๆ โทรมสุดและยังไม่ได้กินข้าว แล้วยังต้องมาเจอตรรกะกฎหมายแบบนี้อีก เซ็งมาก ยังดีที่เขตก็ดูจะเข้าใจค่ะ แต่เจ้าของห้องเห็นฝนท่าจะตกกลัวฝนจะสาดเข้ามาทำห้องนอนเปียกคืนนี้ที่เขาไม่อยู่ห้อง ก็เลยต้องปิดหน้าต่างไป (คือจริง ๆ ตกลงกันเองก็ได้ เรียกเรามาเพื่ออะไร? แต่ก็ดี ได้เห็นการทำงานจริงของเจ้าหน้าที่ค่ะ)


แล้วการวัดเสียงแบบเปิดหน้าต่างก็ต้องเลื่อนออกไป เพราะเขตทำเรื่องยืมเครื่องมาได้แค่วันเดียว
นี่งบกทม.มันน้อยขนาดนี้เลยหรอเนี่ย สงสัยหมดไปกับการจัดการขยะที่บานปลายขึ้นทุกที


เขตตั้งเครื่องไว้คืนนึงแล้วมาเอาเครื่องกลับไปในวันรุ่งขึ้น เราไม่รู้เขตมากี่โมง แต่ที่แน่ ๆ คือเราไม่ได้อยู่เจอและถามว่าเป็นอย่างไร

สุดท้ายแล้ว วันนั้นเขาเอาค่าเสียงไปใช้ทำอะไรไม่รู้นะคะ คือไม่เคยมีใครแจ้งอะไรเรากลับมา บอกเลย ตั้งแต่รู้จักกันปลายปีที่แล้ว (3 พย.) ไม่เคยมีคนจากเขตโทรหาเราก่อน เราโทรไปเองทั้งนั้น โทรไปขอทราบผลดำเนินการ ตามเรื่อง แจ้งเรื่อง ในระเบียบการมันมีนะคะว่าให้แจ้งผู้ร้องเรียนด้วยน่ะ แต่นี่คือไม่มี เข้าใจว่างานยุ่งแต่การสื่อสารดันมันก็สำคัญนะคะ  คุยกันทางไลน์เราก็ต้องไลน์ตามบางทีถามอะไรไปก็ตอบมาไม่ครบ ตอบช้าบ้าง ไม่อ่านบ้าง ส่วนทางอีเมลนี่ เราส่งคลิปหลักฐานไปให้ตั้งมาก ฝ่ายสิ่งแวดล้อมไม่ตอบอะไรเรามาเลยค่ะ เมลเดียวกันอีกเมลส่งไปทางเขต ได้รับเมลตอบแค่บอกว่าเขตได้รับเรื่องแล้ว แต่ความคืบหน้าอะไรเนี่ย ไม่เคยมีมาเลย!  เราไม่รู้แล้วค่ะว่า เรายังอยู่โลกเดียวกันอยู่มั้ย ช่องทางการสื่อสารมันก็มีตั้งมากมายเลือกใช้สักทางแล้วก็ช่วยทำให้มัน active ตลอดเวลาจะได้ไหมคะ ทำไมบริหารองค์กรให้มันเต่าล้านปีขนาดนี้ อีกกี่ล้านปีถึงจะคลานขึ้นจากน้ำได้?

โอ้โห ขอระบายหน่อยเถอะ ไม่สุภาพด้วยแล้ว สุภาพแล้วได้อะไร เกรงใจแล้วได้อะไรขึ้นมานอกจากเสียเวลา ช่วงนี้เรางานเข้าสุด ๆ เวลาที่เจียดมาโทรหาเขตหาความยุติธรรมอะไรครั้งก่อน ๆ ก็ไม่เหลือแล้วค่ะ ตัวเองยังเอาตัวไม่รอด เข้าสูตรคนไทยเลยมั้ยล่ะ  

ทำงานหนัก กลับบ้านดึกดึ่นมาเจอกับพวกที่คอยเอาเปรียบหน้าด้าน ๆ  พอหันไปหาราชการก็หวังพึ่งไม่ได้

โทรไปก็ตั้ง 7 เดือนแล้ว ยังไม่เกิดผลอะไรเลย

เราเคยโทรไปหาเขตครั้งหนึ่ง เจอใครสักคนในนั้นบอกเราว่า ไม่ชอบให้อ้างตัวเองเป็นประชาชน แล้วมาหาว่าราชการกินภาษีตัวเองไปวัน ๆ
ตอนนั้นเรายังไม่ทันได้คิด ได้พูด หรือหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาเลยนะ เราทำงานของเราเต็มที่ เราก็ให้เกียรติราชการว่าเขาต้องทำงานของตัวเองเต็มที่เหมือนกัน ตอนนั้นมองโลกในแง่ดีสุด ๆ แล้วเป็นไงล่ะ  
7 เดือนก็ยังแก้ปัญหาอะไรไม่ได้ จริง ๆ มันมากกว่า 7 เดือนอีกที่แก้อะไรไม่ได้ เพราะมันมีคนร้องเรียนมาก่อนหน้าเรานานแล้ว อย่างที่เคยเขียนเล่าไปในกระทู้แรก

มากกว่า 2 ปีแล้วที่เขตคุมเสียงดัง ที่ทั้งมัน "รบกวนชุมชนที่พักอาศัยรอบข้าง" และ "ไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการ" ทำอะไรไม่ได้เลย

ขอย้ำว่า เขตวัฒนาทำอะไรไม่ได้สักอย่าง! ถ้าเป็นเอกชนทำงานล่าช้าเดือดร้อนขนาดนี้ ก็โดนไล่ออกไปแล้ว แต่นี่เป็นข้าราชการ ไม่มีวันได้ออกถ้าไม่ผิดวินัย คุณอ้างว่าทำตามกฎ ตามระเบียบทุกประการ แต่ปัญหาไม่ถูกแก้ไขอะไรเลย ไม่มีผลงานให้ชาวบ้านคลายทุกข์คลายโศกได้แบบนี้ งานของคุณคืออะไรกันแน่ มาเขตทุกวันนี้เพื่ออะไร?

เราจะย้ายออกแล้วนะคะไม่อยู่แล้ว พ่ายแพ้ต่อการเอาเปรียบ ไร้ระเบียบ หน้าด้านของเจ้าของลานเบียร์ด้านล่างค่ะ แพ้ราบคาบต่อการทำงานที่ล่าช้าและปวกเปียกของราชการไทย

พวกคุณชนะ ได้ยินแล้วก็เปิดอีกสักเวทีสองเวทีไปเลยสิ เอาให้หูแตกไปเลยทั้งตึก President ตึก Verve
สงสัยคงต้องให้เดือดร้อนกันถ้วนหน้า คอนโดขายไม่ออก ไม่ก็สะเทือนถึงคนใหญ่คนโตสักคนก่อนล่ะมั้ง กฎหมายถึงจะทำงาน

ปล.
อ้อ เราลืมเล่าเรื่องตำรวจไทย เขตพระโขนงไป จริง ๆ ไม่อยากแตะมากหรอกค่ะ เพราะเราโทรหาตำรวจบ่อยยิ่งกว่าเขตซะอีก ขอให้มาคุมเวทีตั้งแต่หัวค่ำก็แล้ว ให้ตระเวนตรวจบ่อย ๆ จะได้ไม่ต้องโทรเรียกก็แล้ว (เออ แต่จะว่าไป ใครมันจะบ้าโทรเหมือนเรานะ โทรแล้วไม่ได้อะไรสองสามรอบก็น่าจะหมดหวังได้แล้ว จะโทรหาโล่อะไรทำไมอีก... เรานี่ท่าจะบ้าจริง ๆ นั่นแหละ ฟั่นเฟือนที่เชื่อในกฎหมายและความยุติธรรมที่แม่มไม่มี!)

แต่เราก็ไม่เคยรู้เลยว่าตร.มาจริงมั้ยเพราะมองจากด้านบนคงเห็นได้ยาก ครั้งนึงเราเคยโทรหาตำรวจและยืนดูอยู่ในตลาด แต่ก็ไม่เห็นจะมา เคยมีแค่ครั้งเดียวที่ตำรวจโทรตอบเรากลับมาว่าพาเจ้าของไปเสียค่าปรับแล้ว  แต่คืนนั้น ถ้าพูดกันตรง ๆเลยก็ต้องบอกว่า เสียงยังคงดังอยู่ดี คนผิดก็ยังทำผิดอยู่วันยังค่ำ ไม่ได้หลาบจำอะไรเลย

เราโทรหาตำรวจบ่อยจนเดี๋ยวนี้แค่เริ่มว่า ร้องเรียนเรื่องลานเบียร์อ่อนนุชเสียงดัง ก็ได้คำตอบกลับมาเลยว่า อ๋อ เดี๋ยวไปจัดการให้ แต่แทบไม่มีสักครั้งเลยที่เรารู้สึกว่าเสียงมันลดลง

เราไม่รู้หรอกว่าตำรวจเคยมาจริง มาหลอกสักกี่ครั้ง อาจจะถูกมองว่าเป็นบ้า สติไม่ดี แล้วทุกคนในสน.ก็พูดตัดบทไปอย่างนั้นก็ได้ แต่เราก็ยังต้องโทร เผื่อว่าจะยังพอมีใครคิดได้ว่า เรื่องนี้ลานเบียร์ทำผิด เรื่องนี้ตำรวจต้องหาทางจัดการ เพราะมันเป็นหน้าที่ตำรวจที่ต้องรักษาความสงบสุขเรียบร้อย จะปล่อยให้คนหาทางออกไม่ได้ ต้องทน ๆ ๆ จนมาระเบิดในเน็ต มาแนะนำวิธีตั้งศาลเตี้ยแบบต่าง ๆ กันเอง แบบนี้มันถูกแล้วหรือ?

เราหวังนะ ว่าสักคืนโทรไปแล้วจะแจ็กพ็อตเจอตำรวจดี ๆ มีไฟ ที่จะถามตัวเองว่านี่เรากำลังทำอะไรอยู่ ได้ดูแลคนเดือดร้อนจริงหรือเปล่า และทำได้ดีแค่ไหน

เราโทรไปเพราะหวังว่า เราจะไม่ได้เป็นคนเดียวที่โทรไป เราหวังว่า จะมีคนที่หาความยุติธรรมเหมือนกัน และกำลังหาทางทำอะไรสักอย่าง เช่น เริ่มจากส่งเสียงร้องให้เจ้าหน้าที่รัฐได้ยินบ้าง ไม่ใช่เงียบนิ่งรับชะตากรรม แล้วพูดแต่ว่ามันน่าท้อแท้ บอกแต่ว่าเกลียดกฎหมาย เกลียดราชการ เกลียดอำนาจรัฐ แต่ไม่ลองดูให้เห็นกับตาว่า ไอ้ที่เลวร้ายมันเลวร้ายอย่างไร จ้องมองเข้าไปว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ จุดไหนที่ยังมีปัญหา มีเหตุร้องเรียนคราวหน้าจะได้รับมือได้ถูกจุดขึ้น

ตำรวจบางนายเราก็เข้าใจว่า เขาเห็นใจเราและพยายามแนะนำ แต่ก็แนะวิธีได้แบบว่า...เอ่อะ มันจะดีเรอะ
อย่างที่ตำรวจคนนึงบอกให้เรา "ไปจ้างมาเฟีย" มาจัดการกับลานเบียร์ตรงนั้น เราชอบความจริงใจที่สื่อออกมานะ ดีใจที่อย่างน้อยก็ยอมรับกันมาตรง ๆ แต่ไม่ดีใจก็ตรงที่ พูดงี้แล้วจบ ปัญหายังอยู่ ส่วนตร.ท้อใจไปละ

เอาเป็นว่า เราเขียนถึงตำรวจแค่นี้แหละ กลัวมีภัย ดูเอาแล้วกันภาพลักษณ์ตำรวจบ้านนี้

สรุปว่า จากการที่เราได้เต้นแร้งเต้นกาไปเนี่ย มีสิ่งหนึ่งที่แน่ใจได้ก็คือ
1. เจ็ดเดือนที่ผ่านมานี้ ... มีเวทีสองแห่งผุดขึ้นมารวมกับลานเบียร์ของเดิมเป็นสามแห่ง
2. เจ็ดเดือนนี้ อยู่ในสายตาและความรับรู้ของทั้งตำรวจและเขตวัฒนา (และ...โชคร้ายของเจ้าของร่วมที่นี่นะคะ นิติบุคคล The President Condo ก็รับรู้ปัญหาดีและรู้มานานกว่านั้นหลายเดือนแล้วด้วย...แต่ก็ยังทำอะไรไม่ได้ ใครกำลังจะมาอยู่ห้องฝั่งเดียวกับเราก็คงต้องรอรับชะตากรรมค่ะ เราได้แต่ช่วยภาวนาให้ว่าจะเกิดเรื่องดี ๆ ขึ้นมาบ้างในอนาคต)

เรื่องที่รู้ ๆ กันอยู่ปัญหาคืออะไร แต่รัฐยังทำอะไรไม่ได้

จะให้สันนิษฐานว่าเพราะอะไรดีล่ะ?

ปปล. ตอนนี้นิติมีไลน์แล้วนะ ตื่นเต้นจัง อยากให้มีมานานแล้ว ต่อไปหวังว่าการแจ้งข่าว ประสานงานกันจะสะดวกขึ้น ผู้อาศัยรวมตัวเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวได้มากขึ้นนะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 16
เนื่องจากเราเขียนกระทู้ใหม่แล้วยังไม่ได้ประกาศจุดยืนเหมือนในกระทู้แรก
แถมยังเขียนด้วยอารมณ์ท้อแท้ด้วย เลยกลัวว่าทำให้เข้าใจไขว้เขวหรือสงสัยได้ว่า เราเขียนเรื่องนี้อีกทำไม แค่โอดครวญให้เป็นเรื่องขึ้นมาให้สะใจเล่น เป็นลูกบ้า หรือพยายามแกล้งว่าราชการอะไรทำนองนี้หรือเปล่า ก็เลยอยากจะบอกว่า เจตนาการลงกระทู้เรื่องนี้ที่ pantip ของเรายังเหมือนเดิมค่ะ คือ

1. ประกาศให้ชัดเจนว่า "เสียงรบกวน" เป็นปัญหาที่ถูกมองข้ามมานานทั้งที่เป็นเรื่องซีเรียส และกระทบการใช้ชีวิตของคนในหลายด้าน เช่น เรื่องความเป็นส่วนตัว สิทธิในการได้อยู่อย่างสงบ การได้ใช้สมาธิจดจ่อทำสิ่งที่ต้องอาศัยสมาธิ (สำหรับเราสิ่งนั้นก็คือ อาชีพและอาชีพเสริมที่เราทำอยู่) เสียงดังยามวิกาลกระทบต่อ การนอนหลับพักผ่อนซึ่งมีผลต่อเนื่องมาถึงเรื่องสุขภาพ ในกรณีของเรา แม้จะไม่ได้มีใบรับรองแพทย์อะไรมายืนยันแน่นหนา (นอกจากผลการตรวจสุขภาพที่หมอบอกว่า เราความดันตกเพราะนอนไม่พอ) แต่เราก็รู้สึกได้ว่าต้องการเวลานอนที่มากกว่านี้ สงบกว่านี้ และเป็นเวลากว่านี้ ไม่ใช่ต้องรอจนเลยเที่ยงคืน เวทีปิดหมดแล้วถึงได้นอน จากนั้นรุ่งเช้ามาก็ต้องตืนสาย ๆ เข้างานช้า กลับบ้านดึกอีก เป็นวัฏจักรอุบาทว์ไม่สิ้นสุด เหมือนกับตกอยู่ในนรก เสียงรบกวนยังกระทบต่อสุขภาพของคนในครอบครัวเราซึ่งมีโรคประจำตัว และกระทบเราอีกทีที่ต้องเป็นห่วงคนที่เรารัก

2. สะท้อนทัศนคติและขั้นตอนการทำงานจริงของเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องและมีความรับผิดชอบแก้ไขปัญหา "เสียงรบกวน" อย่างละเอียดและเป็นกลางที่สุดเท่าที่จะทำได้ เจออะไรก็เล่าไปแบบนั้น เราดำเนินการอะไรพลาดไป (มือใหม่น่ะ) รู้สึกอะไรอย่างไรก็เล่าตรง ๆ จากการติดตามเรื่องมาเราพบว่า "เสียงรบกวน" แม้จะสร้างความรำคาญต่อเนื่องยาวนาน แต่หลายคนก็ยังมองว่า เป็นเรื่องเล็กน้อยที่ "น่าจะทนกันได้"

เราก็ถามตัวเองตลอดนะว่า จริง ๆ นี่เป็นเรื่องที่เราควรจะทนมั้ย แต่สุดท้ายสิ่งที่เราทนไม่ได้คือ "การละเมิดสิทธิ" และ "การเอาเปรียบ" ของคนค่ะ เราคิดนะว่า คนเราทนทุกอย่างได้ตราบใดที่ยังไม่ตาย ขนาดสงคราม ความขัดแย้ง สภาวะโลกร้อน คนเราก็ยังทนได้ ถ้าทนไม่ได้ก็ต้องตายไป แต่การที่เราทนกันได้ ไม่ได้หมายความว่า เรา "ต้อง" ทนหรือ "ควรจะ" ทนนี่คะ?

3. สรุปว่า ทัศนคติ "เสียงรบกวนเป็นเรื่องเล็กที่ทน ๆ เอาก็ได้" ส่งผลให้ปัญหาเรื่องนี้ไม่ได้รับการจัดการอย่างจริงจังเท่าที่ควร ทั้งที่จริง ๆ ก็น่าจะแก้ได้ง่าย ๆ เพราะไม่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนเหมือนการค้ามนุษย์ ค้ายา แต่รัฐกลับแก้ไม่สำเร็จ เกิดกรณีซ้ำ ๆ ให้เห็นกันทั่วไป เห็นได้ชัดเจนจากคอมเม้นต์ที่เข้ามาเล่าสู่กันฟังว่ามีกรณีนี้อีกมากในกทม. และชุมชนเมืองใหญ่ ๆ ของจังหวัดอื่น ๆ เราพบว่า กฎหมายไม่ได้ถูกนำมาใช้อย่างเต็มประสิทธิภาพเพราะดูเหมือนทุกคนต่างคาดหวังว่า ผู้เดือดร้อนจะ "ชินชา" กันไปเอง แต่ความจริงก็คือ ความเดือดร้อนที่ถูกเก็บกดเอาไว้ไม่ได้จางหายไป ดูได้จากการที่มีหลายคนส่งข้อความมาให้เราบอกให้จัดการปัญหาด้วยความรุนแรง เพราะกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม "พึ่งไม่ได้ " แค่นี้ก็ชัดแล้วว่า ระบบกฎหมายตรงส่วนนี้ของเรากำลัง "พัง" เพราะไม่สามารถให้ความคุ้มครองการใช้ชีวิตของประชาชนได้ครบทุกด้าน

4. ในกระทู้แรกของเรา เราเขียนเล่าไว้ว่า เห็นการทำงานของราชการมีปัญหาอย่างไร แต่นั่นก็เป็นเพียงมุมมองหนึ่งของผู้เดือดร้อนที่ไม่ได้มีความรู้วิชาการเชิงกฎหมายและการปกครองท้องถิ่นอะไรมากนัก จะเป็นประโยชน์มาก (และเราจะดีใจมาก) หากเรื่อง "เสียงรบกวน" ได้ถูกพูดถึงในระดับวิชาการ และเกิดการแก้ไขที่มีหลักการ เป็นรูปธรรม ปฏิบัติได้จริงในทุกที่ทุกสถานการณ์ ใครก็ตามที่คิดว่านี่เป็นปัญหาเล็ก ๆ น่าจะดีใจได้ เพราะหมายความว่าปัญหาที่แก้ได้อีกหนึ่งอย่างกำลังจะหมดไป ค่อย ๆ จัดการไปทีละเรื่องอย่างต่อเนื่อง ปัญหาความไม่พอใจกัน การเอารัดเอาเปรียบกันในชุมชนก็น่าจะลดลงไปเอง

5. เรา "ไม่ต้องการ" ไล่บี้ให้ใครปิดกิจการไปหรือตกงาน ทำลายอาชีพคนอื่นเพื่อ "ความมันสะใจ" อะไรพวกนี้ แต่เราอยากจะเห็นปัญหาของที่นี่และปัญหาแบบเดียวกันนี้ในที่อื่น ๆ ได้รับการแก้ไขในแบบที่มีการสร้างข้อตกลงที่ต่างฝ่ายต่างจะไม่ละเมิด เราอยากให้ดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม และฝ่ายที่ประกอบกิจการ ผู้ก่อความเดือดร้อน (ซึ่งตามที่เขตบอกคือผิดกฎหมายไม่มีใบอนุญาต) กับผู้พักอาศัยที่ได้รับผลกระทบได้ตกลงกัน อาจจะผ่านนิติบุคคลหรือผ่านเขต ว่าจะอยู่กันอย่างไรโดยที่ต่างฝ่ายอยู่ได้และพอใจ ไม่เอาเปรียบกันโดยอ้างว่าใครมาก่อนมาหลัง สองฝ่ายจะมีหลักประกันว่า ใครทำผิดกฎระเบียบต้องชดใช้ความเสียหายด้วยกันทั้งคู่ เพราะกฎหมายควรจะให้ความยุติธรรมกับทุกคน ไม่เช่นนั้นกฎหมายก็ไม่มีความเป็นธรรม

เขียนยาวอีกแล้ว แต่ถ้าไม่ยาวก็กลัวไม่ครอบคลุม ไม่เคลียร์น่ะค่ะ ขอโทษด้วยค่ะ T w T

หมายเหตุ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

สภาพวันนี้ เสียง 75-78 เดซิเบล วัดจากแอพ deciBel ที่ระเบียง
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ความคิดเห็นที่ 2
ย้อนรอยด้วยภาพและเสียง
คุณภาพเสียงที่ได้ยินแต่ละคลิปอาจจะต่างกันบ้างเป็นเพราะเครื่องอัดค่ะ ที่มีเสียงซ่า ๆ เยอะคือใช้ซัมซุงกาแล็กซี่ S3 อัด ส่วนที่ภาพชัด ๆ เสียงคม ๆ ได้ยินดนตรีโดดออกมาจากแบ็คกราวน์ดคือใช้แท็บเล็ตซัมซุงกาแล็กซี่ แท็บ S
อย่างกะจะรีวิวมือถือ แต่ไม่ใช่นะคะ 555 จะบอกว่า บางคลิปต้องเร่งเสียงถึงจะแยกดนตรีออกจากแบ็คกราวน์ดได้น่ะค่ะ เป็นปัญหาทางเทคนิค ความดังเสียงก็พอ ๆ กันค่ะคือเปิดหน้าต่างอยู่ที่ประมาณ 70-89 เดซิเบล (วัดจากแอพลิเคชั่น Sound meter กับ deciBel) ปิดหน้าต่างแล้วอยู่ที่ 40-60 เดซิเบล

สภาพล่าสุด มิถุนายน 2558 เสียงดังกว่าก่อนมาก ๆ ยังไม่ได้วัดเสียงมาแต่เมื่อวาน-วันนี้ดังจนต้องโทรเรียกตำรวจ พรุ่งนี้คงต้องวัดเสียงดูหน่อย
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
สามเวทีแล้ว หันหน้าเข้าคอนโด President ส่งเสียงดังตั้งแต่หัวค่ำถึงประมาณสี่ทุ่ม
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
สภาพเดือนมีนาคม 2558 เดือนที่มีการประชุมใหญ่คอนโดและนำเรื่องเสียงดังเข้าที่ประชุมเจ้าของร่วมครั้งแรกในรอบปี (จากที่นิติบุคคลรายหนึ่งบอกมา)
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
เพลงซอมบี้เป็นเพลงยอดนิยม
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอคลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
เดือนมกราคม 2558

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอคลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
เดือนพฤศจิกายน2557
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
เดือนตุลาคม2557
https://drive.google.com/file/d/0B21eH2QQLHcVOUJlX0RGTDUwMEE/view?usp=sharing
https://drive.google.com/drive/u/0/folders/0B21eH2QQLHcVYTUzX3pKQ0dNQ0k

จริง ๆ มีเยอะกว่านี้ รวมถึงคลิปคุยกับ 1111 และ 191 ด้วย ส่วนเขตมีคลิปเสียง ไม่เอามาลงนะคะ เดี๋ยวหาว่าพาดพิง-ละเมิดความเป็นส่วนตัว
เราไม่ได้เก็บไว้แบล็กเมล์ค่ะ เราเก็บไว้เป็นหลักฐานอ้างอิงการเขียนของเราว่าเป็นจริง

ปล. อีกครั้ง
เรื่องนี้แจ้งไว้ที่ ร้องทุกข์ลงป้ายนี้ แล้วสองครั้ง กำลังรอการติดต่อกลับ ได้ให้เบอร์โทรเอาไว้วันที่ 2 มิถุนายนที่ผ่านมาค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่