ขอน้อมรับคำปรึกษา ด้วยเรื่องราวคร่าว ๆ ดังนี้นะคะ
ดิฉันถูกหัวหน้างาน ผลัก ในที่ทำงาน เนื่องจากเกิดโทสะค่ะ (ดิฉันมีหลักฐานเป็นคลิปวีดีโอที่ได้จากการถ่ายจากกล้องวงจรปิดค่ะ)
ต่อมาอีกไม่นานนัก ดิฉันถูกหัวหน้างานคนเดียวกันนี้ ใช้ฟองสบู่โปะใส่หน้าค่ะ (ทั้งสองครั้งนี้ไม่ได้รับอันตรายหรือมีแผลใด ๆ นะคะ)
จากนั้น ดิฉันจึงไปฟ้อง HR และได้แจ้ง HR ว่า จะดำเนินคดีตามกฎหมาย ว่าด้วยเรื่องการถูกคุกคามร่างกาย Harashment ค่ะ
แต่ HR ขอไว้ และบอกว่าจะดำเนินเรื่องให้ (แต่ดิฉันได้ไปทำงานลงบันทึกประจำวันไว้ ที่ สน.ในพื้นที่ที่เกิดเหตุค่ะ )
HR ก็ได้เรียกหัวหน้างานของดิฉันมาพูดคุยไกล่เกลี่ยกัน โดยมีนายใหญ่เป็นพยานหลักฐานด้วย ให้หัวหน้าดิฉันขอโทษ
และรับปากว่าจะไม่เกิดเรื่องอีก
ต่อมาประมาณสามเดือน ดิฉันได้รับการแจ้งว่า บริษัทได้เลิกจ้างดิฉัน โดยมีหัวหน้างานคนนั้น เป็นผู้ทำเรื่องกับทางบริษัทค่ะ
หลังจากออกมาแล้ว ดิฉันจึงกลับไปที่ สน. ที่เคยไปลงบันทึกประจำวันไว้ ว่าจากที่คุยกับ ตร. ไว้เมื่อครั้งก่อนว่า
สามารถลงบันทึกประจำวันไว้ได้ แล้วจะมาให้ ตร. ดำเนินคดีภายหลังก็ได้ ตราบเท่าที่คดียังไม่หมดอายุความค่ะ
ซึ่งครั้งนั้น ตร. ที่ดิฉันพบ ก็ค่อนข้างบ่ายเบี่ยง จะไม่รับแจ้ง แต่ดิฉันก็ยืนยันว่าจะแจ้งค่ะ
จนกระทั่งวันนี้ ดิฉันเข้าพบ ตร. นายเดิม ตร. ก็มีทีท่าบ่ายเบี่ยงอีก บอกว่า เรื่องไม่เป็นเรื่อง ดิฉันก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร
แล้วเรื่องก็เกิดมานานแล้ว ผมขอพิจารณาการรับแจ้งออกไปก่อน ดิฉันจึงได้สอบถามกลับไปว่า เรื่องราวแบบนี้
จริง ๆ แล้วดิฉันมีสิทธิ์ที่จะแจ้งความหรือไม่ และ ตร. สามารถไม่รับแจ้งได้หรือไม่
ตร. ตอบว่า ก็แจ้งได้ แต่ผมก็ต้องให้ความยุติธรรมทั้งสองฝ่าย จะเรียกมาคุยก่อน ไกล่เกลี่ยได้ก็ไกล่เกลี่ย
ดิฉันจึงถามต่อว่า โดยขั้นตอนแล้ว จำเป็นหรือไม่ว่าต้องไกล่เกลี่ย (ไม่จำเป็น) ดิฉันจึงยืนกรานที่จะแจ้งข้อหาให้ดำเนินคดีต่อไป
แต่ ตร. ท่านนั้นก็ ถามดิฉันกลับว่า จะแจ้งความอะไร ถูกทำร้ายร่างกายก็ไม่ใช่ ดิฉันจึงแจ้งไปว่า ถูก Harashment ในที่ทำงาน
ตร. ไม่เข้าใจ ซึ่งดิฉันไม่ตอนนั้นไม่แน่ในว่าจะใช้คำไทยว่าอย่างไร จึงอธิบายไปว่า โดย กม. แล้ว นายจ้างหรือผู้ร่วมงาน
ไม่มีสิทธิ์แม้จะแตะต้องตัวดิฉัน หรือ ใคร ๆ ด้วยซ้ำไป ยิ่งมาผลักมาคุกคาม ถึงแม้จะไม่มีบาดแผลก็ตาม แต่ก็ทำให้กระทบจิตใจและเสียหน้า
เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นในที่รโหฐาน นาย ตร. บอกว่า ถ้างั้นก็ไปฟ้องศาลแรงงาน
ดิฉันจึงพยายามอธิบาย กับ ตร. ต่อไปว่า กรณีนี้มันไม่ใช่คดีแรงงาน มันคือคดีลหุโทษ ที่คนในที่ทำงานเข้าถึงเนื้อถึงตัวดิฉัน
และดิฉันมาวันนี้ ก็เพื่อ เรียกร้องสิทธิ์ของประชาชนคนหนึ่งที่พึงมี ในการขอให้ ตร. ดำเนินคดีให้ จนกว่าจะถึงที่สุด ตามแต่สมควรทาง กม.
ตร. ก็ยังยืนยันว่า ดิฉันไม่ได้รับบาดเจ็บ และ อ้างว่า พยายานที่เป็นบุคคลดิฉันก็ไม่มี ให้ดิฉันกลับมาทบทวนใหม่ก่อน
และนัดไปว่ากันอีกทีในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ค่ะ
ดิฉันควรจะต้องคุยกับ ตร. ท่านนี้ยังไงดีคะ วันนี้ดิฉันโมโหมากแล้ว ไม่อยากอยู่ต่อ เกรงว่าจะเหวี่ยงโรงพักแตก
ปกติ เหตุการณ์แบบนี้ เค้าไม่แจ้งความกันเหรอคะ ตร. บอกว่า ให้ยอม ๆ ไป เราเป็นลูกจ้างเค้า
คือ ความยุติธรรมอยู่ที่ไหนคะ บ้านเมืองมีขื่อมีแปะไว้ทำไมคะ คำที่ทำร้ายร่างกายผู้อื่น ถึงแม้จะได้รับบาดเจ็บหรือไม่ก็ตาม
แต่ก็ขึ้นชื่อว่าตั้งใจทำร้ายนะคะ
ดิฉันตั้งใจจะเอาความจริง ๆ ค่ะ ถึงแม้ว่าจะแลกไม่คุ้มเสียก็ตาม เพราะดิฉันไม่ใช่คนแรกที่หัวหน้าก้าวร้าวด้วยแบบนี้ค่ะ
รบกวนขอคำปรึกษาด้วยนะคะ หรือวิธีอื่นใดก็ตาม ที่ดิฉันสามารถเอาความหัวหน้าคนนี้ได้ค่ะ
และต่อไปดิฉันก็กำลังจะยื่นฟ้องศาลแรงงานด้วย เพราะดิฉันถูกเลิกจ้างแบบไม่มีความผิด
(ได้รับชดเชยค่ะ แต่ เสียประวัติการทำงาน เสียผลประโยชน์อื่น ๆ ที่จะได้รับ กำลังจะรับโบนัสค่ะ
เสียรายได้มาจุนเจือครอบครัว เสียสุขภาพจิต
จะไปสมัครงานที่ใหม่ ก็ไม่รู้จะไปให้สัมภาษณ์เค้าว่าอย่างไรค่ะ
ขอขอบพระคุณล่วงหน้านะคะ
ถูกหัวหน้าใช้ความรุนแรง และ ต่อมาถูกเลิกจ้าง ตำรวจก็ไม่รับแจ้ง ขอคำแนะนำค่ะ
ดิฉันถูกหัวหน้างาน ผลัก ในที่ทำงาน เนื่องจากเกิดโทสะค่ะ (ดิฉันมีหลักฐานเป็นคลิปวีดีโอที่ได้จากการถ่ายจากกล้องวงจรปิดค่ะ)
ต่อมาอีกไม่นานนัก ดิฉันถูกหัวหน้างานคนเดียวกันนี้ ใช้ฟองสบู่โปะใส่หน้าค่ะ (ทั้งสองครั้งนี้ไม่ได้รับอันตรายหรือมีแผลใด ๆ นะคะ)
จากนั้น ดิฉันจึงไปฟ้อง HR และได้แจ้ง HR ว่า จะดำเนินคดีตามกฎหมาย ว่าด้วยเรื่องการถูกคุกคามร่างกาย Harashment ค่ะ
แต่ HR ขอไว้ และบอกว่าจะดำเนินเรื่องให้ (แต่ดิฉันได้ไปทำงานลงบันทึกประจำวันไว้ ที่ สน.ในพื้นที่ที่เกิดเหตุค่ะ )
HR ก็ได้เรียกหัวหน้างานของดิฉันมาพูดคุยไกล่เกลี่ยกัน โดยมีนายใหญ่เป็นพยานหลักฐานด้วย ให้หัวหน้าดิฉันขอโทษ
และรับปากว่าจะไม่เกิดเรื่องอีก
ต่อมาประมาณสามเดือน ดิฉันได้รับการแจ้งว่า บริษัทได้เลิกจ้างดิฉัน โดยมีหัวหน้างานคนนั้น เป็นผู้ทำเรื่องกับทางบริษัทค่ะ
หลังจากออกมาแล้ว ดิฉันจึงกลับไปที่ สน. ที่เคยไปลงบันทึกประจำวันไว้ ว่าจากที่คุยกับ ตร. ไว้เมื่อครั้งก่อนว่า
สามารถลงบันทึกประจำวันไว้ได้ แล้วจะมาให้ ตร. ดำเนินคดีภายหลังก็ได้ ตราบเท่าที่คดียังไม่หมดอายุความค่ะ
ซึ่งครั้งนั้น ตร. ที่ดิฉันพบ ก็ค่อนข้างบ่ายเบี่ยง จะไม่รับแจ้ง แต่ดิฉันก็ยืนยันว่าจะแจ้งค่ะ
จนกระทั่งวันนี้ ดิฉันเข้าพบ ตร. นายเดิม ตร. ก็มีทีท่าบ่ายเบี่ยงอีก บอกว่า เรื่องไม่เป็นเรื่อง ดิฉันก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร
แล้วเรื่องก็เกิดมานานแล้ว ผมขอพิจารณาการรับแจ้งออกไปก่อน ดิฉันจึงได้สอบถามกลับไปว่า เรื่องราวแบบนี้
จริง ๆ แล้วดิฉันมีสิทธิ์ที่จะแจ้งความหรือไม่ และ ตร. สามารถไม่รับแจ้งได้หรือไม่
ตร. ตอบว่า ก็แจ้งได้ แต่ผมก็ต้องให้ความยุติธรรมทั้งสองฝ่าย จะเรียกมาคุยก่อน ไกล่เกลี่ยได้ก็ไกล่เกลี่ย
ดิฉันจึงถามต่อว่า โดยขั้นตอนแล้ว จำเป็นหรือไม่ว่าต้องไกล่เกลี่ย (ไม่จำเป็น) ดิฉันจึงยืนกรานที่จะแจ้งข้อหาให้ดำเนินคดีต่อไป
แต่ ตร. ท่านนั้นก็ ถามดิฉันกลับว่า จะแจ้งความอะไร ถูกทำร้ายร่างกายก็ไม่ใช่ ดิฉันจึงแจ้งไปว่า ถูก Harashment ในที่ทำงาน
ตร. ไม่เข้าใจ ซึ่งดิฉันไม่ตอนนั้นไม่แน่ในว่าจะใช้คำไทยว่าอย่างไร จึงอธิบายไปว่า โดย กม. แล้ว นายจ้างหรือผู้ร่วมงาน
ไม่มีสิทธิ์แม้จะแตะต้องตัวดิฉัน หรือ ใคร ๆ ด้วยซ้ำไป ยิ่งมาผลักมาคุกคาม ถึงแม้จะไม่มีบาดแผลก็ตาม แต่ก็ทำให้กระทบจิตใจและเสียหน้า
เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นในที่รโหฐาน นาย ตร. บอกว่า ถ้างั้นก็ไปฟ้องศาลแรงงาน
ดิฉันจึงพยายามอธิบาย กับ ตร. ต่อไปว่า กรณีนี้มันไม่ใช่คดีแรงงาน มันคือคดีลหุโทษ ที่คนในที่ทำงานเข้าถึงเนื้อถึงตัวดิฉัน
และดิฉันมาวันนี้ ก็เพื่อ เรียกร้องสิทธิ์ของประชาชนคนหนึ่งที่พึงมี ในการขอให้ ตร. ดำเนินคดีให้ จนกว่าจะถึงที่สุด ตามแต่สมควรทาง กม.
ตร. ก็ยังยืนยันว่า ดิฉันไม่ได้รับบาดเจ็บ และ อ้างว่า พยายานที่เป็นบุคคลดิฉันก็ไม่มี ให้ดิฉันกลับมาทบทวนใหม่ก่อน
และนัดไปว่ากันอีกทีในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ค่ะ
ดิฉันควรจะต้องคุยกับ ตร. ท่านนี้ยังไงดีคะ วันนี้ดิฉันโมโหมากแล้ว ไม่อยากอยู่ต่อ เกรงว่าจะเหวี่ยงโรงพักแตก
ปกติ เหตุการณ์แบบนี้ เค้าไม่แจ้งความกันเหรอคะ ตร. บอกว่า ให้ยอม ๆ ไป เราเป็นลูกจ้างเค้า
คือ ความยุติธรรมอยู่ที่ไหนคะ บ้านเมืองมีขื่อมีแปะไว้ทำไมคะ คำที่ทำร้ายร่างกายผู้อื่น ถึงแม้จะได้รับบาดเจ็บหรือไม่ก็ตาม
แต่ก็ขึ้นชื่อว่าตั้งใจทำร้ายนะคะ
ดิฉันตั้งใจจะเอาความจริง ๆ ค่ะ ถึงแม้ว่าจะแลกไม่คุ้มเสียก็ตาม เพราะดิฉันไม่ใช่คนแรกที่หัวหน้าก้าวร้าวด้วยแบบนี้ค่ะ
รบกวนขอคำปรึกษาด้วยนะคะ หรือวิธีอื่นใดก็ตาม ที่ดิฉันสามารถเอาความหัวหน้าคนนี้ได้ค่ะ
และต่อไปดิฉันก็กำลังจะยื่นฟ้องศาลแรงงานด้วย เพราะดิฉันถูกเลิกจ้างแบบไม่มีความผิด
(ได้รับชดเชยค่ะ แต่ เสียประวัติการทำงาน เสียผลประโยชน์อื่น ๆ ที่จะได้รับ กำลังจะรับโบนัสค่ะ
เสียรายได้มาจุนเจือครอบครัว เสียสุขภาพจิต
จะไปสมัครงานที่ใหม่ ก็ไม่รู้จะไปให้สัมภาษณ์เค้าว่าอย่างไรค่ะ
ขอขอบพระคุณล่วงหน้านะคะ