เรื่องนายกฯยิ่งลักษณ์ ไม่เข้าตอบข้อซักถามในที่ประชุม สนช.
เรื่องนี้ ชัดยิ่งกว่าชัดว่า
เป็นเกมการเมือง
เป็นเกมการเมืองที่ปักธง สมรู้ร่วมคิด วางแผนกันมาตั้งแต่ผลการเลือกตั้ง 2554 ออกมา
ดูได้จาก พอรัฐบาลเพื่อไทยเข้าทำงานได้เพียงสองวัน ป.ป.ช. ก็ทำหนังสือทักท้วงให้ยุติโครงการจำนำข้าวทันที
ต่อมา ปี 55 ปชป. ก็มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีในรัฐบาลเพื่อไทยในเรื่องจำนำข้าว
อภิปรายเสร็จ ก็ยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช. ป.ป.ช. ก็รับปั๊บ
การเอาผิดรัฐมนตรียังไม่ถึงไหน ปลายปี 56 ปชป. ก็ยื่นให้ถอดถอนยิ่งลักษณ์ ว่าปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริต
ต้นปี 57 ป.ป.ช. ก็รวมเรื่อง ถอดถอน กับ เรื่องอาญา ของยิ่งลักษณ์เข้าด้วยกัน
ทั้งที่รัฐธรรมนูญบัญญัติว่าให้แยกเป็นคนละเรื่อง
รวมคดีแล้ว ใช้เวลาแค่ 21 วัน ป.ป.ช. ก็แจ้งข้อกล่าวหานายกฯยิ่งลักษณ์
และใช้เวลาอีกสามเดือน ก็ชี้มูลว่านายกฯยิ่งลักษณ์มีความผิดตามคำร้องที่ ปชป. ร้องมา
เพื่อเข้าสู่กระบวนการถอดถอน
ประเด็นสำคัญมันอยู่ที่
การรวมเรื่องถอดถอนกับเรื่องอาญา เข้าเป็นเรื่องเดียวกัน
เรื่องอาญา ยังไม่ได้ข้อสรุป ว่าอัยการสูงสุดจะสั่งฟ้องตามที่ ป.ป.ช. เสนอมาหรือไม่
(แต่เมื่อกี้ นายวิชา มหาคุณ พูดในที่ประชุม สนช. ว่า อัยการสูงสุดเห็นตรงกันกับ ป.ป.ช.แล้ว ว่าจะสั่งฟ้อง)
ฉะนั้น การรวมเรื่องถอดถอนกับเรื่องอาญาเข้าด้วยกัน มันจึงมีผลต่อกัน
การตอบข้อซักถามในวันนี้ ย่อมมีผลต่อคดีอาญา นายกฯยิ่งลักษณ์จึงต้องระมัดระวัง รอบคอบ
เพราะต้องป้องกันตัวจากฝูงหมาป่าอย่างรัดกุม
เมื่อคดีถอดถอนกับคดีอาญา เป็นเรื่องเดียวกัน วิธีการที่เหมาะที่สุดคือ ให้ทนายความเป็นผู้ตอบคำถามแทน
หากตอบคำถามเอง อาจโดนฝูงหมาป่าใช้คำถาม-คำตอบ ไปเป็นหลักฐานในทางอาญา
หากสลิ่มนั่งฟัง (หากรู้จักศึกษาเรียนรู้เรื่องราว และรู้จักรับข้อมูล พิจารณาจากข้อเท็จจริง) การประชุมเรื่องการถอดถอนของ สนช.
ไม่ว่าของนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ นายนิคม ไวยรัชพานิช และของนายกฯยิ่งลักษณ์
จะเห็นว่า นายวิชา มหาคุณ โกหกตลอด
(แม้กระทั่งตอนนี้ก็กำลังพูดโกหกว่า ไม่เคยตัดพยานหลักฐานของยิ่งลักษณ์)
อ้างว่า ป.ป.ช. ใช้วิธีเช่นเดียวกับศาล คือหากเห็นว่าพยานหลักฐานใดไม่สำคัญ ก็ไม่รับพิจารณา ไม่รับฟัง
จึงไม่ผิด และถูกต้อง ที่ตัดพยานหลักฐานของยิ่งลักษณ์
จะเห็นว่า คำถามที่ถามต่อนายวิชา เหมือนเป็นคำถามที่ชง เพื่อให้นายวิชาเคลียร์ตัวเอง ว่า ป.ป.ช. ทำถูกต้อง เป็นธรรม
เป็นการชง
สนช. ชง วิชา ตบ
นั่งฟังสักสิบนาทีหน่อยสิสลิ่ม ฟังบ้าง อ่านบ้าง คิดบ้าง ไม่ชักหรอก
ประเด็นง่าย ๆ
เรื่องถอดถอน ป.ป.ช. บอกว่านายกฯยิ่งลักษณ์
ส่อทุจริต
เรื่องคดีอาญา ป.ป.ช. บอกว่านายกฯยิ่งลักษณ์ร่วมทุจริตฐานปล่อยปละละเลยให้ทุจริต
จะเห็นว่า มันคนละฐานความผิด คนละข้อกล่าวหา แต่ ป.ป.ช. รวมคดีทำไม ?
รวมคดีทำไม ทั้งที่รัฐธรรมนูญบัญญัติให้แยกเป็นคนละเรื่อง
เมื่อรวมคดี การซักถามในที่ประชุม สนช. จึงย่อมมีผลผูกพันกับคดีอาญา
ไม่แค่นายกฯยิ่งลักษณ์หรอกครับที่ไม่เข้าไปตอบข้อซักถามที่อาจมีผลผูกมัดตัวเอง
เป็นผม ผมก็ไม่ไปตอบ แต่จะนั่งแถลงข่าวด่ามันทั้งวันแทน
เสียดาย นายกฯยิ่งลักษณ์ด่าไม่เป็น
ถ้าเป็นผมนี่ แหลและแถเก่ง ๆ อย่างนายวิชานี่
ไม่เสียหมา อย่าเรียกผมว่าหล่อฝวัลลลล...
เข้าใจหรือยังสลิ่ม ว่าทำไมนายกฯยิ่งลักษณ์ถึงไม่เข้าตอบข้อซักถาม
ไม่เคยเรียนรู้ศึกษาเรื่องราว มีแต่มโน กับ มโน ไปวัน ๆ ประสาสลิ่มพกกะลา
เรื่องนี้ ชัดยิ่งกว่าชัดว่า เป็นเกมการเมือง
เป็นเกมการเมืองที่ปักธง สมรู้ร่วมคิด วางแผนกันมาตั้งแต่ผลการเลือกตั้ง 2554 ออกมา
ดูได้จาก พอรัฐบาลเพื่อไทยเข้าทำงานได้เพียงสองวัน ป.ป.ช. ก็ทำหนังสือทักท้วงให้ยุติโครงการจำนำข้าวทันที
ต่อมา ปี 55 ปชป. ก็มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีในรัฐบาลเพื่อไทยในเรื่องจำนำข้าว
อภิปรายเสร็จ ก็ยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช. ป.ป.ช. ก็รับปั๊บ
การเอาผิดรัฐมนตรียังไม่ถึงไหน ปลายปี 56 ปชป. ก็ยื่นให้ถอดถอนยิ่งลักษณ์ ว่าปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริต
ต้นปี 57 ป.ป.ช. ก็รวมเรื่อง ถอดถอน กับ เรื่องอาญา ของยิ่งลักษณ์เข้าด้วยกัน ทั้งที่รัฐธรรมนูญบัญญัติว่าให้แยกเป็นคนละเรื่อง
รวมคดีแล้ว ใช้เวลาแค่ 21 วัน ป.ป.ช. ก็แจ้งข้อกล่าวหานายกฯยิ่งลักษณ์
และใช้เวลาอีกสามเดือน ก็ชี้มูลว่านายกฯยิ่งลักษณ์มีความผิดตามคำร้องที่ ปชป. ร้องมา
เพื่อเข้าสู่กระบวนการถอดถอน
ประเด็นสำคัญมันอยู่ที่ การรวมเรื่องถอดถอนกับเรื่องอาญา เข้าเป็นเรื่องเดียวกัน
เรื่องอาญา ยังไม่ได้ข้อสรุป ว่าอัยการสูงสุดจะสั่งฟ้องตามที่ ป.ป.ช. เสนอมาหรือไม่
(แต่เมื่อกี้ นายวิชา มหาคุณ พูดในที่ประชุม สนช. ว่า อัยการสูงสุดเห็นตรงกันกับ ป.ป.ช.แล้ว ว่าจะสั่งฟ้อง)
ฉะนั้น การรวมเรื่องถอดถอนกับเรื่องอาญาเข้าด้วยกัน มันจึงมีผลต่อกัน
การตอบข้อซักถามในวันนี้ ย่อมมีผลต่อคดีอาญา นายกฯยิ่งลักษณ์จึงต้องระมัดระวัง รอบคอบ
เพราะต้องป้องกันตัวจากฝูงหมาป่าอย่างรัดกุม
เมื่อคดีถอดถอนกับคดีอาญา เป็นเรื่องเดียวกัน วิธีการที่เหมาะที่สุดคือ ให้ทนายความเป็นผู้ตอบคำถามแทน
หากตอบคำถามเอง อาจโดนฝูงหมาป่าใช้คำถาม-คำตอบ ไปเป็นหลักฐานในทางอาญา
หากสลิ่มนั่งฟัง (หากรู้จักศึกษาเรียนรู้เรื่องราว และรู้จักรับข้อมูล พิจารณาจากข้อเท็จจริง) การประชุมเรื่องการถอดถอนของ สนช.
ไม่ว่าของนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ นายนิคม ไวยรัชพานิช และของนายกฯยิ่งลักษณ์
จะเห็นว่า นายวิชา มหาคุณ โกหกตลอด (แม้กระทั่งตอนนี้ก็กำลังพูดโกหกว่า ไม่เคยตัดพยานหลักฐานของยิ่งลักษณ์)
อ้างว่า ป.ป.ช. ใช้วิธีเช่นเดียวกับศาล คือหากเห็นว่าพยานหลักฐานใดไม่สำคัญ ก็ไม่รับพิจารณา ไม่รับฟัง
จึงไม่ผิด และถูกต้อง ที่ตัดพยานหลักฐานของยิ่งลักษณ์
จะเห็นว่า คำถามที่ถามต่อนายวิชา เหมือนเป็นคำถามที่ชง เพื่อให้นายวิชาเคลียร์ตัวเอง ว่า ป.ป.ช. ทำถูกต้อง เป็นธรรม
เป็นการชง
สนช. ชง วิชา ตบ
นั่งฟังสักสิบนาทีหน่อยสิสลิ่ม ฟังบ้าง อ่านบ้าง คิดบ้าง ไม่ชักหรอก
ประเด็นง่าย ๆ
เรื่องถอดถอน ป.ป.ช. บอกว่านายกฯยิ่งลักษณ์ ส่อทุจริต
เรื่องคดีอาญา ป.ป.ช. บอกว่านายกฯยิ่งลักษณ์ร่วมทุจริตฐานปล่อยปละละเลยให้ทุจริต
จะเห็นว่า มันคนละฐานความผิด คนละข้อกล่าวหา แต่ ป.ป.ช. รวมคดีทำไม ?
รวมคดีทำไม ทั้งที่รัฐธรรมนูญบัญญัติให้แยกเป็นคนละเรื่อง
เมื่อรวมคดี การซักถามในที่ประชุม สนช. จึงย่อมมีผลผูกพันกับคดีอาญา
ไม่แค่นายกฯยิ่งลักษณ์หรอกครับที่ไม่เข้าไปตอบข้อซักถามที่อาจมีผลผูกมัดตัวเอง
เป็นผม ผมก็ไม่ไปตอบ แต่จะนั่งแถลงข่าวด่ามันทั้งวันแทน
เสียดาย นายกฯยิ่งลักษณ์ด่าไม่เป็น
ถ้าเป็นผมนี่ แหลและแถเก่ง ๆ อย่างนายวิชานี่
ไม่เสียหมา อย่าเรียกผมว่าหล่อฝวัลลลล...
เข้าใจหรือยังสลิ่ม ว่าทำไมนายกฯยิ่งลักษณ์ถึงไม่เข้าตอบข้อซักถาม