วันนี้ป่วยค่ะ เลยไม่ได้ไปทำงานเลย T^T แต่ก็ทำให้มีเวลามาเขียนกระทู้ต่อ ฮ่าๆๆๆๆ
พอดีช่วงนี้ยุ่งๆแบบแปลกๆค่ะ ไม่ยุ่งมาก แต่ก็เหมือนจะไม่ค่อยมีเวลาได้อยู่ติดบ้านเท่าไหร่ เนื่องจาก จขกท กำลังซ้อมละครเพลงอยู่เรื่องนึงค่ะ สนุกสนานมากมาย อิอิอิ เดี๋ยวใกล้ๆแสดงแล้วจะมาชวนไปดูน๊าาาา ^^ (ข่าวว่าหล่อนเป็นตัวประกอบวิ่งไปวิ่งมา)
ได้ฤกษ์กลับมาต่อแล้ว จากคราวที่แล้วเป็นคริสต์มาสมุ้งมิ้ง วันนี้จะมาเล่าถึงปีใหม่แรกที่บ้านคุณชายสนูปี้บ้างดีกว่า อิอิอิ
ปีนี้เป็นปีที่สองแล้วที่ จขกท ไม่ได้ฉลองปีใหม่กับที่บ้าน เพราะปีที่แล้วก็นั่งเหงาอยู่นิวยอร์คค่ะ เคาท์ดาวน์อยู่บ้านคนเดียวกับนังแมวอเล็กซิสของยัยป้าเจ้าของบ้าน มาปีนี้ก็อย่ากระนั้นเลย ไหนๆก็มีแฟน(อย่างที่ไม่ได้มีมาหลายยยยยยยยปี) เราควรเคาท์ดาวน์กับแฟนบ้างอะไรบ้างสินะ
ความสนุกมันเริ่มมาตั้งแต่วันที่30ธันวาแล้วค่ะ เพราะคุณแม่ให้หนุ่มนุปปี้ไปบ้านคุณตา ซึ่งอยู่ไม่ไกลมากนัก เพื่อไปเอาของบางอย่าง ตอนแรก จขกท ก็ไม่รู้หรอกค่ะว่ามันคืออะไร เห็นเป็นกล่องใหญ่ๆและหนักมาก กลับมาถามท่านแม่ ก็เลยรู้ว่า มันคือเครื่องทำโมจินั่นเอง ท่านแม่บอกว่า ปกติเราจะตำกันเอง (มีวีดีโอของปีโน้นนนนน สมัยนุปปี้เพิ่งจะห้าหกขวบให้ดู) แต่หลังๆมานี่เราใช้ไอ้เจ้าเครื่องนี้แหละจ้ะ และเครื่องนี้ก็อายุ40ปีแล้ว
เห้ยยยยยยยยยยย ไหว้แป๊บ สวัสดีค่ะพี่ ^^"
หน้าตาเป็นแบบนี้
เห็นท่านแม่ทำ ก็เอาข้าวที่จะใช้ทำโมจิไปแช่น้ำทิ้งไว้หลายชั่วโมง แล้วก็เอามาเทลงไปในเครื่อง เหมือนหุงข้าว กดสวิทช์ ปิดฝา รอสักพัก เปิดฝาออกมา ข้าวสุก และเครื่องก็จัดแจงปั่น...หรืออะไรทำนองนั้น จนมันออกมาเป็นก้อนเหนียวๆ ยืดๆ ร้อนๆค่ะ 55555555 (อธิบายได้ห่วยมาก โปรดอภัย)
ยืดดดดดดดดดดดดดดดดด แหมะ 55555 แต่ขอบอกเลยค่ะว่าร้อนมากกกกกก ยิ่งตอนปั้นนี่ยิ่งมันส์กว่า เพราะดึงไปมือพองไป เหนียวหนับไป ต้องเอาแป้งมาแตะๆ แตะมากไปโมจิไม่เหนียว ปั้นไม่ได้อีก ฮาาาาาาาา
เอาถั่วแดงโปะ แล้วก็ปั้นๆๆๆๆ กิน อาหย่อยยยยยยยยยยย (เค็มขี้มือนิดๆ ไม่มีใครรู้หรอก ฮาาาาา)
อันนี้ตอนทำ ท่านแม่ใส่กุ้งแห้งลงไปด้วยค่ะ รสออกเค็มๆนิดๆ ทำเสร็จก็เอามาปั้นเป้นลูกๆวางทิ้งไว้
อีกส่วนนึง ท่านพี่เอามาใส่ถุง รีดให้เป็นแบนๆ ทิ้งไว้จนเย็นแล้วท่านแม่ก็เอามาตัดเป็นแท่งๆสี่เหลี่ยมค่ะ อันนั้นจะไม่ใส่อะไรเลย มันต้องจืดแน่ๆ จขกท มัวแต่ไปนั่งจกไส้ถั่วแดงที่เหลือกิน ก็เลยไม่ทันได้สนใจค่ะ เอิ้กกกกกกกกกกกกกกก
เวลากิน เห็นตานุปปี้เอาน้ำตาลทรายแดงมาหน่อยนึง ราดซอสเค็มๆลงไปหน่อย แล้วเอาโมจิที่เก็บไว้ไปอุ่นในเตาอบซักพัก ก็เอามาจิ้มกินค่ะ เค็มๆหวานๆอร่อยดี และเพิ่รู้ว่าตอนหน้าหนาว บ้านนี้เอาอาหารที่ควรจะเข้าตู้เย็นไปวางกองไว้หน้าระเบียง เพราะตู้เย็นเต็ม ฮ่าๆๆๆๆ แต่เพราะอากาศเย็น ก็เก็บได้ดีพอๆกัน ทั้งน้ำดื่ม น้ำอัดลม เบียร์ และผักสด
กว่าจะทำกันเสร็จ ท่านแม่ก็ชวนไปกินข้าวนอกบ้านเพราะไม่มีเวลาเตรียมอาหารกันเลย ขากลับมา เจ้าของร้าน ซึ่งเป็นร้านประจำของท่านแม่ก็เลยให้ดอกไม้มาสองช่อเล็กๆ (คือเจ้าของร้านเปิดมุมนึงของร้านเป็นโซนร้านดอกไม้ให้คุณภรรยาทำค่ะ น่ารักจัง) ท่านแม่ก็หิ้วกลับบ้าน แล้วก็เอามากองไว้บนโต๊ะ ตอนนั้นพี่สาวนุปปี้ออกไปข้างนอกกับแฟน ท่านพ่อไปนอนแล้ว คุณชายก็ไปนอนเช่นกัน เพราะฮีต้องตื่นมาขับรถแต่เช้าค่ะ
นั่งมองกองดอกไม้ ท่านแม่ก็หันมาถาม "แพนจัง จัดดอกไม้ได้มั้ย" เวรละ เอาอีกแล้วววววววววว คือจัดได้ค่ะ เคยเรียนมานิดนึงที่มหาลัย แต่ลืมหมดแล้วค่ะแม่ขา แล้วท่านแม่ก็เดินไปหยิบอุปกรณ์จัดดอกไม้ เป็นแผ่นไม้กลมๆหนาเกือบนิ้ว มีตะปูตอกเต็มพรืด (โปรดนึกถึงไอ้ไม้ตะปูๆที่ทำน้ำแข็งไสสมัย จขกท ยังเด็ก แนวนั้นเลยค่ะ (เช็คอายุมากๆ)) แล้วก็บอกว่า อ่ะ ลองจัดดู
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
จขกท ก็เสียบๆมั่วๆไป จัดก็ยาก อิชั้นยิ่งมีความเป็นกุลสตรีสูงส่งอยู่นะคะคุณแม่ ให้ไปท้าตีท้าต่อยคนข้างบ้านยังง่ายกว่าเลยน่อ
ณ จุดนั้น โน้ตไว้อีกข้อเลยว่า...นอกจากเรียนทำอาหาร เอ็งจงไปเรียนจัดดอกไม้ด้วย!!!
และแล้วมันก็เสร็จ....
ถ่าแด๊มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ซูม...
ไม่ใช่ละะ 555555555
เอาเป็นว่า เราจะไม่วิจารณ์ใดๆกับกองดอกไม้นั่นก็แล้วกันนะคะ ^^"
เสร็จกิจ ท่านแม่ก็มานั่งเปิดเว็ปให้ดู เนี่ยแพนจัง จัดดอกไม้แบบญี่ปุ่น เคยเรียนมั้ย บลาๆๆ
คือแบบว่า มันสวยนะคะ สวยมากกกกกกก แต่แหม...จะให้คนอย่างอิชั้นจัดดอกไม้ มันก็ดูขัดๆกันชอบกลน่อออออ แต่ก็แอบหมายมั่นปั้นมือว่าจะแอบไปเรียน สิ้นปีนี้ไปญี่ปุ่นอีกจะไปจัดให้ท่านแม่ดูเลย บู่วววววววววว น้องแพนแคนดูนะคะบอกเลย
อา...หาโรงเรียนจัดดอกไม้แป๊บบบบบบบบ
กว่าจะมุ้งมิ้งกันเสร็จก็ปาเข้าไปตีสอง ท่านแม่เลยรีบไล่ไปนอนเพราะพรุ่งนี้เราต้องตื่นกันตีห้าครึ่งเพื่อไปตลาดปลา คุณชายบอกว่า เราจะไปซื้ออาหารทะเลกัน ทั้งกุ้งหอยปูปลา ต้องจัดดดดดดดด
แน่นอนค่ะ ตื่นมานี่สภาพเป็นศพเลย ถ้านอนน้อย ไม่ควรนอนอะ ^^"
อะเมซิ่งมากที่ท่านแม่ยังคงลั้นลาได้ตามปกติ ไม่เหมือนคนนอนนน้อยเลยซักนิด หญิงแพนก็เลยต้องอะเลิร์ทตามไปด้วย ท่านแม่ขับรถไปถึงตลาด ซึ่งแน่นอนว่ามันเย็นมากกกกกกก จขกท โดนบังคับใส่เสื้อโค้ทสองชั้นเป้นเอสกิโมกันเลยทีเดียว ในขณะที่ท่านแม่ก็เดินสวยๆเข้าไปช้อปปิ้งสบายอุรา จขกท ผู้เดินตามมาก็ดูเหมือนคนรับใช้ตามมาช่วยคุณนายเลือกของ ไม่เข้าใจอะ ทำไมท่านแม่สวยได้ตลอด24ชั่วโมงเลย ="= ไม่เข้าจายยยยยยยยยยยยยยย
ซื้อของเสร็จก็ราวๆแปดโมงเช้า เราก็ขับรถกลับบ้านกัน ท่านแม่นั่งเล่นไอแพดต่อชิวๆ พร้อมกะไล่ จขกท และตานุปปี้ให้กลับไปนอนต่อ พร้อมกับสั่งให้มาส์กหน้าทั้งคู่ด้วย เดี๋ยวหน้าโทรมนะจ๊ะเด็กๆ
ยอมเลยคนนี้...ยอมจริงๆ
ตื่นมา ท่านก็ก็นั่งดูวีดีโอคร่ำเครียดกับท่านพี่อยู่ มันคือวีดีโอตอนคอนเสิร์ตที่ตัดต่อแล้ว แต่ส่งมาให้ตรวจเช็คอีกทีเพื่อจะแก้ไขเพิ่มเติมค่ะ ตานุปปี้ก็เลยชวน จขกท ทำอาหารไทยกินกัน หันไปเห็นซองลาบสำเร็จรูปที่แม่ จขกท ส่งไปให้ ฮีก็ถาม นี่อะไรอะ หน้าตาน่ากินจัง เธอทำได้มั้ย
ดูปากน้องแพนนะคะ...
ชั้น ทำ อา หาร ไม่ เป้น ว้อยยยยยยยยยยยยยย
แต่สุดท้ายก็ต้องทำ เพราะวันนั้นซูเปอร์มาร์เก็ตปิด ขุดมาได้แค่แครอท หอมใหญ่ และไก่เหลือๆในตู้เย็น ที่ท่านแม่ไม่ได้ใช้แน่นอน เฮเลยเอาไก่มาสับทำลาบละกันฟระ อ่านวิธีทำก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรนี่นา
ทำน่ะไม่ยาก และรสชาติก็โอเค แต่พลาดไปนิด...เพิ่งรู้ว่าคนญี่ปุ่นเค้าไม่กินหัวหอมสดๆดิบๆ ^^"
ไม่รู้คนญี่ปุ่นกินมั้ย แต่บ้านนี้ไม่กินแน่นอน เพราะทุกอย่างหมดเกลี้ยง แต่เหลือหัวหอมไว้เต็มชามเลย ฮ่าๆๆๆๆๆ จขกท ผู้รักหัวหอมเป้นชีวิตจิตใจก็เลยมานั่งกินอย่างเมามันส์ ท่ามกลางสายตาตื่นตะลึงของสมาชิกครอบครัว เพราะเค้าบอกว่า มันเผ็ดมากกกก เผ็ดกว่าพริกอีกนะเธอ
เผ็ดตรงไหนฟะ ="=
คืนนั้น เรากินปูกันเป็นอาหารค่ำ ฟินไปถึงโลกหน้าเลยจริงๆ ฮี่ๆๆ
พอซักเกือบๆ 5ทุ่ม ท่านแม่ก้บอกว่า เราไปวัดกันดีกว่า ไปๆๆ ลุกๆๆๆ แล้วก็จับ จขกท ห่อเป็นเอสกิโมอีกครั้ง ก่อนจะเดินไปที่รถกัน ตอนแรกก็คิดว่าจะไปไหนใกล้ๆ ปรากฏโน่นเลยค่ะ ท่านแม่ขับไปนารา ^^" ใช้เวลาร่วมๆชั่วโมง ซึ่งพอไปถึง กว่าจะจอดรถ กว่าจะเดินไปถึงวัด ก็ไม่ทันแล้ว เราเลยได้สวัสดีปีใหม่กันกลางทางระหว่างเดินไปวัดนั่นเองค่ะ
เดินๆอยู่ จู่ๆตานุปปี้ก็เดินช้าลง...ช้าลง...จนสุดท้ายแทบจะทิ้ง นน ลงบนตัว จขกท อยู่แล้ว แต่ฮีก็ยังพยายามบอกว่าฮีไม่เป็นไร เราไม่สบายนิดหน่อย ถามอยู่นานพอสมควร ก็เลยได้รู้ว่า ฮีปวดท้อง ^^"
สรุปว่า...ปีใหม่นี้เป้นปีใหม่ที่ฮาได้ใจทีเดียว เพราะพระก็ไม่ได้ไหว้ กลายเป้นเราต้องไปยืนเป้นทหารยามเฝ้าหน้าส้วมให้แฟนข้ามปีกันเลยค่ะ รวมเบ็ดเสร็จเราต้องไปยืนเฝ้าฮีสี่รอบ หนาวก็หนาวเหน่าะ
เอาเถอะ ก็เป็นประสบการณ์ที่ตลกดีเหมือนกัน
ท่านแม่กลับจากไหว้พระก็เลยมาช่วยกันลากคุณชายกลับขึ้นรถ จขกท ถึงกับหมดแรงนอนสลบ เพราะแบกคุณชายมาร่วมๆ2ชั่วโมง (เป็นหญิงไทยต้องถึกนะคะ) ในขณะที่อีตาตัวต้นเรื่อง พอหายปวดท้อง ก็มานั่งกินนู่นกินนี่ที่พี่สาวแวะซื้อมา เยี่ยมไปเลย!!
ไม่ต้องสงสัยค่ะ กลับมาถึงบ้านตีสี่กว่า จนสิบโมงก็ไม่มีใครตื่น 555555555555
แต่ไม่นาน จขกท ตื่นคนแรก ท่านแม่ตามมาติดๆ ก็เลยเริ่มจัดอาหารปีใหม่กัน ท่านแม่ก็เข้าครัวทำซุป ท่านพี่กับแฟนเค้าก็หยิบนู่นนี่ออกมาจากในตู้เย็น แล้วก็บอกว่า จัดตามใจเลย มีกล่องข้าวสามใบ ท่านพี่หนึ่ง แพนจังหนึ่ง ท่านแม่หนึ่ง
...นั่งงงอยู่พักนึง จัดยังไงฟะ มองของท่านพี่ใกล้จะเสร็จแล้วค่ะ
หันไปมองท่านแม่ผู้มาทีหลัง ก็เริ่มจับนู่นจับนี่มาวางเรียงเช่นกัน
กรี๊ดดดดดดด ไม่ยอม เอาบ้าง หยิบๆๆๆ ยัดๆๆๆๆทันที
และก็ออกมาเป็นอย่างที่เห็นค่ะ อิอิอิ พอไหวน่า
แฟนคุณพี่สาวกำลังเก็บภาพอย่างเมามันส์
หน้าตาไม่เข้ากับใครเค้าเลยอะเธอ ^^"
จริงๆแล้ววันนั้นเราจะได้ใส่กิโมโนไปวัดกันค่ะ แต่บังเอิญหิมะตกตั้งแต่บ่ายๆ ก็เลยกลายเป้นนั่งลั้นลากันอยู่ในบ้านแทน เรียกว่า มาญี่ปุ่นคราวนี้ จขกท ไม่ได้เที่ยวอะไรมากมาย แต่ก็ได้มาใช้ชีวิตกับครอบครัวคนญี่ปุ่นจริงๆ มันก็อีกรสชาตินึงนะ อิอิอิ
อ้อ ซุปที่ท่านแม่ทำค่ะ เห็นเค้าว่าใส่โมจิที่เราทำกันวันนั้นลงไปด้วย ออกหวานๆข้นๆ แปลกๆดี แต่อร่อยนะ อิอิอิ
ปีใหม่ยังไม่จบนะคะ เดี๋ยวจะมาต่อให้อีกค่ะ ตอนนี้ จขกท เป็นหวัด ไม่ฉะบายยยยยย ขอตัวไปนอนพักก่อน บ่ายๆจะแวะมาเล่าต่อนะคะ ^_^
เต้นออกฉากไปแบบไม่ค่อยเนียนเพราะเปื่อยยยยย
เรื่องเล่าจาสาวเอ๋อ :: ปีใหม่แรกของฉันในญี่ปุ่น
พอดีช่วงนี้ยุ่งๆแบบแปลกๆค่ะ ไม่ยุ่งมาก แต่ก็เหมือนจะไม่ค่อยมีเวลาได้อยู่ติดบ้านเท่าไหร่ เนื่องจาก จขกท กำลังซ้อมละครเพลงอยู่เรื่องนึงค่ะ สนุกสนานมากมาย อิอิอิ เดี๋ยวใกล้ๆแสดงแล้วจะมาชวนไปดูน๊าาาา ^^ (ข่าวว่าหล่อนเป็นตัวประกอบวิ่งไปวิ่งมา)
ได้ฤกษ์กลับมาต่อแล้ว จากคราวที่แล้วเป็นคริสต์มาสมุ้งมิ้ง วันนี้จะมาเล่าถึงปีใหม่แรกที่บ้านคุณชายสนูปี้บ้างดีกว่า อิอิอิ
ปีนี้เป็นปีที่สองแล้วที่ จขกท ไม่ได้ฉลองปีใหม่กับที่บ้าน เพราะปีที่แล้วก็นั่งเหงาอยู่นิวยอร์คค่ะ เคาท์ดาวน์อยู่บ้านคนเดียวกับนังแมวอเล็กซิสของยัยป้าเจ้าของบ้าน มาปีนี้ก็อย่ากระนั้นเลย ไหนๆก็มีแฟน(อย่างที่ไม่ได้มีมาหลายยยยยยยยปี) เราควรเคาท์ดาวน์กับแฟนบ้างอะไรบ้างสินะ
ความสนุกมันเริ่มมาตั้งแต่วันที่30ธันวาแล้วค่ะ เพราะคุณแม่ให้หนุ่มนุปปี้ไปบ้านคุณตา ซึ่งอยู่ไม่ไกลมากนัก เพื่อไปเอาของบางอย่าง ตอนแรก จขกท ก็ไม่รู้หรอกค่ะว่ามันคืออะไร เห็นเป็นกล่องใหญ่ๆและหนักมาก กลับมาถามท่านแม่ ก็เลยรู้ว่า มันคือเครื่องทำโมจินั่นเอง ท่านแม่บอกว่า ปกติเราจะตำกันเอง (มีวีดีโอของปีโน้นนนนน สมัยนุปปี้เพิ่งจะห้าหกขวบให้ดู) แต่หลังๆมานี่เราใช้ไอ้เจ้าเครื่องนี้แหละจ้ะ และเครื่องนี้ก็อายุ40ปีแล้ว
เห้ยยยยยยยยยยย ไหว้แป๊บ สวัสดีค่ะพี่ ^^"
หน้าตาเป็นแบบนี้
เห็นท่านแม่ทำ ก็เอาข้าวที่จะใช้ทำโมจิไปแช่น้ำทิ้งไว้หลายชั่วโมง แล้วก็เอามาเทลงไปในเครื่อง เหมือนหุงข้าว กดสวิทช์ ปิดฝา รอสักพัก เปิดฝาออกมา ข้าวสุก และเครื่องก็จัดแจงปั่น...หรืออะไรทำนองนั้น จนมันออกมาเป็นก้อนเหนียวๆ ยืดๆ ร้อนๆค่ะ 55555555 (อธิบายได้ห่วยมาก โปรดอภัย)
ยืดดดดดดดดดดดดดดดดด แหมะ 55555 แต่ขอบอกเลยค่ะว่าร้อนมากกกกกก ยิ่งตอนปั้นนี่ยิ่งมันส์กว่า เพราะดึงไปมือพองไป เหนียวหนับไป ต้องเอาแป้งมาแตะๆ แตะมากไปโมจิไม่เหนียว ปั้นไม่ได้อีก ฮาาาาาาาา
เอาถั่วแดงโปะ แล้วก็ปั้นๆๆๆๆ กิน อาหย่อยยยยยยยยยยย (เค็มขี้มือนิดๆ ไม่มีใครรู้หรอก ฮาาาาา)
อันนี้ตอนทำ ท่านแม่ใส่กุ้งแห้งลงไปด้วยค่ะ รสออกเค็มๆนิดๆ ทำเสร็จก็เอามาปั้นเป้นลูกๆวางทิ้งไว้
อีกส่วนนึง ท่านพี่เอามาใส่ถุง รีดให้เป็นแบนๆ ทิ้งไว้จนเย็นแล้วท่านแม่ก็เอามาตัดเป็นแท่งๆสี่เหลี่ยมค่ะ อันนั้นจะไม่ใส่อะไรเลย มันต้องจืดแน่ๆ จขกท มัวแต่ไปนั่งจกไส้ถั่วแดงที่เหลือกิน ก็เลยไม่ทันได้สนใจค่ะ เอิ้กกกกกกกกกกกกกกก
เวลากิน เห็นตานุปปี้เอาน้ำตาลทรายแดงมาหน่อยนึง ราดซอสเค็มๆลงไปหน่อย แล้วเอาโมจิที่เก็บไว้ไปอุ่นในเตาอบซักพัก ก็เอามาจิ้มกินค่ะ เค็มๆหวานๆอร่อยดี และเพิ่รู้ว่าตอนหน้าหนาว บ้านนี้เอาอาหารที่ควรจะเข้าตู้เย็นไปวางกองไว้หน้าระเบียง เพราะตู้เย็นเต็ม ฮ่าๆๆๆๆ แต่เพราะอากาศเย็น ก็เก็บได้ดีพอๆกัน ทั้งน้ำดื่ม น้ำอัดลม เบียร์ และผักสด
กว่าจะทำกันเสร็จ ท่านแม่ก็ชวนไปกินข้าวนอกบ้านเพราะไม่มีเวลาเตรียมอาหารกันเลย ขากลับมา เจ้าของร้าน ซึ่งเป็นร้านประจำของท่านแม่ก็เลยให้ดอกไม้มาสองช่อเล็กๆ (คือเจ้าของร้านเปิดมุมนึงของร้านเป็นโซนร้านดอกไม้ให้คุณภรรยาทำค่ะ น่ารักจัง) ท่านแม่ก็หิ้วกลับบ้าน แล้วก็เอามากองไว้บนโต๊ะ ตอนนั้นพี่สาวนุปปี้ออกไปข้างนอกกับแฟน ท่านพ่อไปนอนแล้ว คุณชายก็ไปนอนเช่นกัน เพราะฮีต้องตื่นมาขับรถแต่เช้าค่ะ
นั่งมองกองดอกไม้ ท่านแม่ก็หันมาถาม "แพนจัง จัดดอกไม้ได้มั้ย" เวรละ เอาอีกแล้วววววววววว คือจัดได้ค่ะ เคยเรียนมานิดนึงที่มหาลัย แต่ลืมหมดแล้วค่ะแม่ขา แล้วท่านแม่ก็เดินไปหยิบอุปกรณ์จัดดอกไม้ เป็นแผ่นไม้กลมๆหนาเกือบนิ้ว มีตะปูตอกเต็มพรืด (โปรดนึกถึงไอ้ไม้ตะปูๆที่ทำน้ำแข็งไสสมัย จขกท ยังเด็ก แนวนั้นเลยค่ะ (เช็คอายุมากๆ)) แล้วก็บอกว่า อ่ะ ลองจัดดู
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
จขกท ก็เสียบๆมั่วๆไป จัดก็ยาก อิชั้นยิ่งมีความเป็นกุลสตรีสูงส่งอยู่นะคะคุณแม่ ให้ไปท้าตีท้าต่อยคนข้างบ้านยังง่ายกว่าเลยน่อ
ณ จุดนั้น โน้ตไว้อีกข้อเลยว่า...นอกจากเรียนทำอาหาร เอ็งจงไปเรียนจัดดอกไม้ด้วย!!!
และแล้วมันก็เสร็จ....
ถ่าแด๊มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ซูม...
ไม่ใช่ละะ 555555555
เอาเป็นว่า เราจะไม่วิจารณ์ใดๆกับกองดอกไม้นั่นก็แล้วกันนะคะ ^^"
เสร็จกิจ ท่านแม่ก็มานั่งเปิดเว็ปให้ดู เนี่ยแพนจัง จัดดอกไม้แบบญี่ปุ่น เคยเรียนมั้ย บลาๆๆ
คือแบบว่า มันสวยนะคะ สวยมากกกกกกก แต่แหม...จะให้คนอย่างอิชั้นจัดดอกไม้ มันก็ดูขัดๆกันชอบกลน่อออออ แต่ก็แอบหมายมั่นปั้นมือว่าจะแอบไปเรียน สิ้นปีนี้ไปญี่ปุ่นอีกจะไปจัดให้ท่านแม่ดูเลย บู่วววววววววว น้องแพนแคนดูนะคะบอกเลย
อา...หาโรงเรียนจัดดอกไม้แป๊บบบบบบบบ
กว่าจะมุ้งมิ้งกันเสร็จก็ปาเข้าไปตีสอง ท่านแม่เลยรีบไล่ไปนอนเพราะพรุ่งนี้เราต้องตื่นกันตีห้าครึ่งเพื่อไปตลาดปลา คุณชายบอกว่า เราจะไปซื้ออาหารทะเลกัน ทั้งกุ้งหอยปูปลา ต้องจัดดดดดดดด
แน่นอนค่ะ ตื่นมานี่สภาพเป็นศพเลย ถ้านอนน้อย ไม่ควรนอนอะ ^^"
อะเมซิ่งมากที่ท่านแม่ยังคงลั้นลาได้ตามปกติ ไม่เหมือนคนนอนนน้อยเลยซักนิด หญิงแพนก็เลยต้องอะเลิร์ทตามไปด้วย ท่านแม่ขับรถไปถึงตลาด ซึ่งแน่นอนว่ามันเย็นมากกกกกกก จขกท โดนบังคับใส่เสื้อโค้ทสองชั้นเป้นเอสกิโมกันเลยทีเดียว ในขณะที่ท่านแม่ก็เดินสวยๆเข้าไปช้อปปิ้งสบายอุรา จขกท ผู้เดินตามมาก็ดูเหมือนคนรับใช้ตามมาช่วยคุณนายเลือกของ ไม่เข้าใจอะ ทำไมท่านแม่สวยได้ตลอด24ชั่วโมงเลย ="= ไม่เข้าจายยยยยยยยยยยยยยย
ซื้อของเสร็จก็ราวๆแปดโมงเช้า เราก็ขับรถกลับบ้านกัน ท่านแม่นั่งเล่นไอแพดต่อชิวๆ พร้อมกะไล่ จขกท และตานุปปี้ให้กลับไปนอนต่อ พร้อมกับสั่งให้มาส์กหน้าทั้งคู่ด้วย เดี๋ยวหน้าโทรมนะจ๊ะเด็กๆ
ยอมเลยคนนี้...ยอมจริงๆ
ตื่นมา ท่านก็ก็นั่งดูวีดีโอคร่ำเครียดกับท่านพี่อยู่ มันคือวีดีโอตอนคอนเสิร์ตที่ตัดต่อแล้ว แต่ส่งมาให้ตรวจเช็คอีกทีเพื่อจะแก้ไขเพิ่มเติมค่ะ ตานุปปี้ก็เลยชวน จขกท ทำอาหารไทยกินกัน หันไปเห็นซองลาบสำเร็จรูปที่แม่ จขกท ส่งไปให้ ฮีก็ถาม นี่อะไรอะ หน้าตาน่ากินจัง เธอทำได้มั้ย
ดูปากน้องแพนนะคะ...ชั้น ทำ อา หาร ไม่ เป้น ว้อยยยยยยยยยยยยยย
แต่สุดท้ายก็ต้องทำ เพราะวันนั้นซูเปอร์มาร์เก็ตปิด ขุดมาได้แค่แครอท หอมใหญ่ และไก่เหลือๆในตู้เย็น ที่ท่านแม่ไม่ได้ใช้แน่นอน เฮเลยเอาไก่มาสับทำลาบละกันฟระ อ่านวิธีทำก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรนี่นา
ทำน่ะไม่ยาก และรสชาติก็โอเค แต่พลาดไปนิด...เพิ่งรู้ว่าคนญี่ปุ่นเค้าไม่กินหัวหอมสดๆดิบๆ ^^"
ไม่รู้คนญี่ปุ่นกินมั้ย แต่บ้านนี้ไม่กินแน่นอน เพราะทุกอย่างหมดเกลี้ยง แต่เหลือหัวหอมไว้เต็มชามเลย ฮ่าๆๆๆๆๆ จขกท ผู้รักหัวหอมเป้นชีวิตจิตใจก็เลยมานั่งกินอย่างเมามันส์ ท่ามกลางสายตาตื่นตะลึงของสมาชิกครอบครัว เพราะเค้าบอกว่า มันเผ็ดมากกกก เผ็ดกว่าพริกอีกนะเธอ
เผ็ดตรงไหนฟะ ="=
คืนนั้น เรากินปูกันเป็นอาหารค่ำ ฟินไปถึงโลกหน้าเลยจริงๆ ฮี่ๆๆ
พอซักเกือบๆ 5ทุ่ม ท่านแม่ก้บอกว่า เราไปวัดกันดีกว่า ไปๆๆ ลุกๆๆๆ แล้วก็จับ จขกท ห่อเป็นเอสกิโมอีกครั้ง ก่อนจะเดินไปที่รถกัน ตอนแรกก็คิดว่าจะไปไหนใกล้ๆ ปรากฏโน่นเลยค่ะ ท่านแม่ขับไปนารา ^^" ใช้เวลาร่วมๆชั่วโมง ซึ่งพอไปถึง กว่าจะจอดรถ กว่าจะเดินไปถึงวัด ก็ไม่ทันแล้ว เราเลยได้สวัสดีปีใหม่กันกลางทางระหว่างเดินไปวัดนั่นเองค่ะ
เดินๆอยู่ จู่ๆตานุปปี้ก็เดินช้าลง...ช้าลง...จนสุดท้ายแทบจะทิ้ง นน ลงบนตัว จขกท อยู่แล้ว แต่ฮีก็ยังพยายามบอกว่าฮีไม่เป็นไร เราไม่สบายนิดหน่อย ถามอยู่นานพอสมควร ก็เลยได้รู้ว่า ฮีปวดท้อง ^^"
สรุปว่า...ปีใหม่นี้เป้นปีใหม่ที่ฮาได้ใจทีเดียว เพราะพระก็ไม่ได้ไหว้ กลายเป้นเราต้องไปยืนเป้นทหารยามเฝ้าหน้าส้วมให้แฟนข้ามปีกันเลยค่ะ รวมเบ็ดเสร็จเราต้องไปยืนเฝ้าฮีสี่รอบ หนาวก็หนาวเหน่าะ
เอาเถอะ ก็เป็นประสบการณ์ที่ตลกดีเหมือนกัน
ท่านแม่กลับจากไหว้พระก็เลยมาช่วยกันลากคุณชายกลับขึ้นรถ จขกท ถึงกับหมดแรงนอนสลบ เพราะแบกคุณชายมาร่วมๆ2ชั่วโมง (เป็นหญิงไทยต้องถึกนะคะ) ในขณะที่อีตาตัวต้นเรื่อง พอหายปวดท้อง ก็มานั่งกินนู่นกินนี่ที่พี่สาวแวะซื้อมา เยี่ยมไปเลย!!
ไม่ต้องสงสัยค่ะ กลับมาถึงบ้านตีสี่กว่า จนสิบโมงก็ไม่มีใครตื่น 555555555555
แต่ไม่นาน จขกท ตื่นคนแรก ท่านแม่ตามมาติดๆ ก็เลยเริ่มจัดอาหารปีใหม่กัน ท่านแม่ก็เข้าครัวทำซุป ท่านพี่กับแฟนเค้าก็หยิบนู่นนี่ออกมาจากในตู้เย็น แล้วก็บอกว่า จัดตามใจเลย มีกล่องข้าวสามใบ ท่านพี่หนึ่ง แพนจังหนึ่ง ท่านแม่หนึ่ง
...นั่งงงอยู่พักนึง จัดยังไงฟะ มองของท่านพี่ใกล้จะเสร็จแล้วค่ะ
หันไปมองท่านแม่ผู้มาทีหลัง ก็เริ่มจับนู่นจับนี่มาวางเรียงเช่นกัน
กรี๊ดดดดดดด ไม่ยอม เอาบ้าง หยิบๆๆๆ ยัดๆๆๆๆทันที
และก็ออกมาเป็นอย่างที่เห็นค่ะ อิอิอิ พอไหวน่า
แฟนคุณพี่สาวกำลังเก็บภาพอย่างเมามันส์
หน้าตาไม่เข้ากับใครเค้าเลยอะเธอ ^^"
จริงๆแล้ววันนั้นเราจะได้ใส่กิโมโนไปวัดกันค่ะ แต่บังเอิญหิมะตกตั้งแต่บ่ายๆ ก็เลยกลายเป้นนั่งลั้นลากันอยู่ในบ้านแทน เรียกว่า มาญี่ปุ่นคราวนี้ จขกท ไม่ได้เที่ยวอะไรมากมาย แต่ก็ได้มาใช้ชีวิตกับครอบครัวคนญี่ปุ่นจริงๆ มันก็อีกรสชาตินึงนะ อิอิอิ
อ้อ ซุปที่ท่านแม่ทำค่ะ เห็นเค้าว่าใส่โมจิที่เราทำกันวันนั้นลงไปด้วย ออกหวานๆข้นๆ แปลกๆดี แต่อร่อยนะ อิอิอิ
ปีใหม่ยังไม่จบนะคะ เดี๋ยวจะมาต่อให้อีกค่ะ ตอนนี้ จขกท เป็นหวัด ไม่ฉะบายยยยยย ขอตัวไปนอนพักก่อน บ่ายๆจะแวะมาเล่าต่อนะคะ ^_^
เต้นออกฉากไปแบบไม่ค่อยเนียนเพราะเปื่อยยยยย