ความเป็นอมตะแท้จริงมันเป็น พร หรือ คำสาป

ความเป็นอมตะของเอลฟ์ในนิยายของชุดของ เจ. อาร์. อาร์. โทลคีน แท้จริงมันเป็น พร หรือ คำสาป จริงอยู่ที่ความอมตะมันเป็นสิ่งที่มนุษย์ผู้ไร้นิรันดร์ถวิลหามาไว้ในครอบครอง เพราะมนุษย์ยังยึดติดใน รัก โลภ โกรธ หลง ต่อสิ่งต่างๆที่เพียรสร้างมาทั้งชีวิต แต่พอถึงวาระที่ต้องจากไป ก็ต้องเกิดเป็นความทุกข์ใจเป็นธรรมดา
        แต่นึกถึงความเป็นอมตะ มันก็ช่างเป็นความหอมหวานที่น่าขมขื่น เราต้องผูกติดตรึงกับโลก จริงอยู่ถ้าได้อยู่กับคนรักไปนิรันดร์มันน่าจะดี แต่โอโห่อยู่กันไป พันปี อยู่กันไปหมื่นปี ถ้าไม่เหนื่อยหน่ายกันไปเสียก่อนก็อยู่กันไปแสนปี มันใช่พรหรือ ขนาดชีวิตจริงคนเราแต่งงานกันมา 30 ปี 10ปีแรกเรียกความรัก 10ปีต่อมาเรียกความผูกพันธ์ 10ปีต่อมาก็ต้องพูดว่าเมียจ๋าเธออยู่นานไปแล้ว
        และในนิยายก็ได้ใส่ปรัชญาถึงความทุกข์ใจของผู้เป็นอมตะว่า เหนื่อยหน่าย ต่อสิ่งต่างๆ หวนระลึกถึงอดีตทุกขณะจิต ต้องเผชิญต่อการพรากจากสิ่งที่ตนรัก เช่น คนรัก ของรัก เป็นต้น  แม้ในนิยายจะมีสิ่งปลอบใจคือ ให้คนเป็นเป็นอมตะเหล่านี้ไปอยู่ในที่ซึ่งเวลาไม่อาจทำให้สิ่งใดเสื่อมถอยได้ ยกเว้นจิตใจที่อาจเบื่อหน่าย

ปล. พล่ามซะยืดยาวขอประทานโทษ แต่แบบว่าอ่านนิยายของ  เจ. อาร์. อาร์. โทลคีน และเเบบว่ามันแฝงปรัชญาให้เราคิดยังไงไม่รู้ ถ้าอ่านแบบดีๆจะเห็นว่ามันมีความเป็นจริงของชีวิตอยู่ หรือไม่ผมคงเพ้อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 6
ขออภัย ผมขอโทษที่ตีความหมายคำว่า "อมตะ" ผิด เพราะ เอลฟ์ตามนิยายอยู่ในความไม่เที่ยง คือจะแก่ไปอย่างช้าๆ ช้าแบบช้ามากๆอีกทั้งยังมีความทุกข์ แต่คือทำนองใช้คำว่า มีชีวิตผูกติดกับโลก อยู่ได้เรื่อยๆจนกว่า จะตรอมใจตายหรือถูกฆ่าตายหรืออยู่จนโลกแตก

ขอโทษมากๆครับ ตีความหมายผิดร้องไห้ร้องไห้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่