เผอิญช่วงนี้มีเรื่องที่ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลบ่อยครั้งในช่วงนี้นะครับ ครั้งแรกตัวเองป่วยนอนโรงพยาบาล 1 คืนบิลชำระค่ารักษาพยาบาล 26,000กว่าบาท ถัดมาภรรยาคลอดก่อนกำหนดนอน 3 วัน เด็กอยู่ รพ.เ 4 วัน ค่ารักษาแสนนึงตึงหย่อนไม่เกิน 5000 บาท  ซึ่งพอดูรายการที่รักษาก็พบว่ามีอะไรที่เราไม่รู้เต็มไปหมดไหนจะเวชภรรณ์ อุปกรณ์การแพทย์ และอื่นๆอีกมากมาย จนไม่รู้จะขอลดตรงไหน(เผอิญวันกลับภรรยามีผื่นแดงเลยถามทางนางพยาบาล ปรากฏว่ามี เภสัชกร มาดูแป๊บนึงก็มีแพทย์ผิวหนังมาดู วินิจฉัยว่าแพ้ยาแก้ปวดเลยเปลี่ยนยาให้ใหม่   ซึ่งในบิลมีค่าใช้จ่ายแพทย เกือบค่าใช้จ่ายแพทย์เกือบทุกสาย สูติ  กุมาร  ผิวหนัง และผู้ช่วย) ประกอบกับได้มีโอกาสดูข่าวแพทย์ทำผู้ป่วยเสียชีวิตแล้วก็สายการบินแอร์เอเชียที่สูญหายในทะเล

หลายท่านคงงงว่าเกี่ยวอะไรกับสายการบินที่สูญหายในทะเลใช่มั้ยครับ สิ่งที่ผมเห็นคือการจัดการกับความเสี่ยงและการป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นครับช่
1. ค่ารักษาพยาบาลที่แพงมากเพราะ ทางเราไม่มีสิทธิ์ที่จะรู้จริงว่าเค้าจะใช้อะไรเครื่องมือไหนในการรักษา(รู้ก็ตอนที่บิลออกมาหรือรักษาไปแล้ว)
เรื่องความรู้เรามีไม่เท่าแพทย์หรอกนะครับแต่อย่างน้อยก็ช่วยแชร์ให้เราทราบหรือแจ้งสักหน่อยได้มั้ยครับตัวยาที่ใช้มีหลายแบรนด์ และหลายราคา ณรวมถึงเวชภัณฑ์ต่างๆ
2. เชื่อว่าทุกคนยินดีจ่ายค่ารักษา ถึงมันจะแสนแพงแค่ไหนก็ตา.มแต่เหตุไฉนทาง รพ. ถึงให้เราต้องเซ็นยินยอมไม่เอาความกับทาง รพ. ในกรณีที่เกิดเหตุไม่คาดคิดด้วย  ทำไมทาง รพ.ไม่จัดการความเสี่ยงเหมือนสายการบินที่ทำประกันครอบคลุมให้กับผู้ป่วยที่ไว้ใจจ่ายเงินจำนวนมากให้กับทาง รพ.

เห็นส่วนใหญ่ที่เกิดปัญหาทางแพทย์มีคำอธิบายถึงสาเหตุการเสียชีวิตได้ง่ายๆทุกครั้ง ต้องฟ้องเท่านั้นถึงจะมีโอกาสได้รับความเป็นธรรมซึ่งผมเชื่อว่าหลายกรณีที่ทางญาติมีความสงสัยแต่ปล่อยผ่านไปไหนจะต้องเสียใจกับการสูญเสียที่ไม่ทันได้เตรียมูใจ ไม่รู้จะมีใครเห็นด้วยกับผมหรือไม่ความเสี่ยงในการเดินทางกับสายการบิน  หรือเข้ารักษาต้วใน รพ. (ไม่ใช่เคสร้ายแรง)  ไม่มีใครคิดว่าจะสูญเสียหรอกครับ ทางหนึ่งทำประกันให้ ทางหนึ่งให้เซ็นยินยอมไม่เอาความ  มันช่างต่างกันเหลือเกิน