วันนี้อยากแบ่งปันเรื่องของแตงโม
คนที่ชอบทานแตงโมลองอ่านดูค่ะ เรานี่ชอบทานนแตงโมนะ แต่ไม่ค่อยรู้ว่าแตงโมมีสารอาหารและช่วยอะไรหลายๆ อย่างที่เราไม่รู้
แตงโม ภาษาอังกฤษ : Watermelon
ส่วน แตงโมชื่อวิทยาศาสตร์ : Citrullus lanatus (Thunb.) Matsum. & Nakai สำหรับชื่ออื่นๆ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะเรียกว่า “บักโม” ส่วนภาค
เหนือจะเรียกว่า “บะเต้า” แต่ถ้าเป็นคนจังหวัดตรังแล้วจะเรียกกันว่า “แตงจีน” เป็นต้น แตงโมนั้นมีต้นกำเนิดในแถบทวีปแอฟริกาในทะเลทรายคาลาฮารี
ซึ่งชาติที่แรกที่ปลูกแตงโมไว้รับประทานนั้นก็คือชาวอียิปต์ (สี่พันกว่าปีมาแล้ว) สำหรับประเทศไทยนั้นการปลูกแตงโมจะมีอยู่ทั่วทุกภาคและปลูกได้ทุกฤดู
โดยพันธุ์ที่นิยมปลูกกันมากโดยทั่วไปจะมีอยู่ 3 สายพันธุ์หลักๆ นั่นก็คือ พันธุ์ธรรมดาทั่วไป (เมล็ดมีขนาดเล็ก รสหวาน เช่น แตงโมจินตหรา แตงโม
ตอร์ปิโด แตงโมกินรี แตงโมน้ำผึ้ง แตงโมไดอานา แตงโมจิ๋ว เป็นต้น) สายพันธุ์ต่อมาก็คือ พันธุ์ไร้เมล็ด (เป็นพันธุ์ผสมผลิตเพื่อส่งออก) และพันธุ์กินเมล็ด (ปลูกเพื่อนำเมล็ดมาคั่วที่เรียกกันว่า “เม็ดก๋วยจี๋” นั่นแหละ)
แตงโม จัดเป็นพืชในตระกูลเดียวกันกับ แคนตาลูป ฟักทอง แตงกวา ซึ่งนักพฤกษศาสตร์จัดให้อยู่ในวงศ์แตง (Family CUCURBITACEAE) เป็นผลไม้ที่มีน้ำประกอบอยู่ในปริมาณมากจึงมีคุณสมบัติเย็น รับประทานแล้วหวานชื่นใจ สำหรับประโยชน์ของแตงโมนั่นก็เช่น ช่วยลดอาการไข้ คอแห้ง รักษาแผลในปาก เป็นต้น และยังเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพอีกด้วยเพราะอุดุมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด อย่างเช่นวิตามินเอ ซี วิตามินบีรวม แคลเซียม เหล็ก แมกนีเซียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส เป็นต้น แต่สำหรับผู้ที่มีกระเพาะ ม้าไม่แข็งแรง กระเพาะลำไส้อักเสบ หญิงหลังคลอด หลังป่วยหนัก หรือผู้ที่มีอาการปัสสาวะมากและบ่อย มีอาการท้องร่วงง่าย ไม่ควรรับประทานแตงโม
แตงโม มีสารอีกชนิดหนึ่งที่สำคัญอย่างมากนั่นก็คือ Citrulline (ซิทรูไลน์) ซึ่งจะพบสารนี้ในเปลือกมากกว่าส่วนของเนื้อ ดังนั้นการรับประทานแตงโมที่มีส่วนเปลือกขาวๆติดมาด้วยก็จะเป็นประโยชน์ที่ดีมากกว่าที่จะกินแต่เนื้อสดๆ สำหรับประโยชน์ของสารนี้ก็คือ จะช่วยขยายเส้นเลือด ดีต่อระบบภูมิคุ้มกันและยังเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับคนที่เป็นโรคเบาหวานและโรคอ้วนอีกด้วย เพราะมีแคลอรี่ต่ำมาก อย่างไรก็ตามก่อนที่เราจะผ่าแตงโมรับประทานควรจะล้างเปลือกให้สะอาดเสียก่อนเพื่อป้องกันสารพิษตกค้างซึ่งอาจจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ เพราะแตงโมเป็นพืชที่ถูกรบกวนได้ง่ายจากแมลงศัตรูพืชต่างๆ ชาวสวนจึงนิยมที่จะฉีดยาฆ่าแมลงเป็นปกติ
นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยว่าในเนื้อและเปลือกของแตงโมมีสารออกฤทธิ์ที่ทำงานคล้ายกับไวอากร้า หากบริโภคเข้าไปมากๆ สาร Citrulline ในแตงโมจะทำปฏิกิริยากับเอนไซม์ในร่างกายทำให้เกิดกรดอะมิโนอาร์จินีนขึ้นมา ซึ่งออกฤทธิ์กระตุ้นทำให้หลอดเลือดคลายตัวและทำให้ระบบหมุนเวียนเลือดดีขึ้นคล้ายๆกับฤทธิ์ของไวอากร้า
แต่ก็มีผู้เชี่ยวชาญแย้งว่าแม้มันจะมีคุณสมบัติดังกล่าว แต่การที่รับประทานแตงโมเข้าไปมากๆก็คงช่วยแก้อาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศไม่ได้ เพราะน่าจะมีผลแค่ทำให้ร่างกายปัสสาวะบ่อยขึ้นเท่านั้น เพราะที่ผ่านมาแตงโมจะนำไปใช้เป็นยาขับปัสสาวะมากกว่ายารักษาโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ และผลเสียที่จะตามมาก็คือ หากรับประทานแตงโมมากเกินไป น้ำตาลในผลแตงโมอาจแพร่เข้าสู่กระแสเลือดได้ ซึ่งมีผลทำให้เป็นตะคริวได้ง่ายขึ้น
อ่านเยอะหน่อยนะ แต่ก็เก็บเป็นความรู้ได้ค่ะ เผื่อว่าวันนไหนจะททานแตงโม ^^
ประโยชน์ของแตงโม
1. เป็นผลไม้ที่เหมาะกับผู้ต้องการลดความอ้วนหรือควบคุมน้ำหนักอย่างมาก เพราะมีแคลอรี่ต่ำ
2. ประโยชน์แตงโมช่วยในการควบคุมน้ำหนักไม่ให้น้ำหนักเกิน ป้องกันการสะสมของไขมันที่เป็นอันตรายกับร่างกาย ลดปริมาณไขมันที่จับอยู่ภายในเลือด
3. สรรพคุณของแตงโมแตงโมมี “ไลโคปีน” (Lycopene) ซึ่งเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งและโรคหัวใจ
4 .ช่วยบำรุงผิวพรรณและเส้นผมให้แข็งแรง เพราะประกอบไปด้วยวิามินและแร่ธาตุหลายชนิด
5. แตงโมมีกรดอะมิโน Citrulline ซึ่งมีส่วนช่วยป้องกันโรคหัวใจ
6. แตงโมมีสารออกฤทธิ์ชนิดหนึ่งที่คล้ายกับยาแก้อาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ อย่างไวอากร้า ซึ่งจะออกฤทธิ์กระตุ้นให้หลอดเลือดคลายตัวช่วยให้ระบบหมุนเวียนของเลือดดีขึ้น
7. มีส่วนช่วยบำรุงสายตา เพราะมีวิตามินเอในผลแตงโม
8. มีส่วนช่วยล้างพิษจากอาหารที่เรารับประทานเข้าไปได้ด้วย
9.ใช้รับประทานเป็นผลไม้สด ทำเป็นน้ำผลไม้ดื่มคลายร้อน ลดความร้อนในร่างกาย
10. เปลือกหรือผลอ่อนใช้ทำเป็นอาหาร อย่างแกงส้ม เป็นต้น
11.เปลือกที่มีสีเขียวอ่อนหรือขาวสามารถนำมารับประทานเป็นผักได้
12.นำไปทำเป็นไวน์ได้
13.นำไปแปรรูปเป็น แยมแตงโม เมล็ดแตงโม หรือทำเป็นสบู่แตงโมก็ได้
14.แตงโมพอกหน้า ใช้ทำเป็นทรีทเม้นท์บำรุงผิว ช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้แก่ผิว แก้ปัญหาผิวแห้งกร้าน ช่วยดูดซับความมันบนใบหน้า และลดอาการแสบแดง วิธีการง่ายๆ เพียงแค่นำเนื้อแตงโมมาฝานบางๆ แล้วนำมาวางไว้บนผ้าขาวบาง จากนั้นนำมาวางปิดลงบนใบหน้าให้ทั่วทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
สรรพคุณของแตงโม
1. ประโยชน์ของแตงโมช่วยแก้เบาหวานและดีซ่าน
2. ช่วยบำรุงสมอง (เมล็ด)
3. ช่วยบำรุงร่างกาย (เมล็ด)
4. ช่วยบำรุงปอด (เมล็ด)
5. แตงโมสรรพคุณช่วยควบคุมความดันโลหิต และมีส่วนช่วยลดความดันโลหิตลงได้ (Citrulline)
6. ช่วยรักษาโรคหลอดเลือดแดงแข็งตัวได้
7. ช่วยป้องกันและรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน
8. ช่วยป้องกันหวัด
9. ช่วยลดอาการไข้ แก้คอแห้ง (น้ำแตงโม)
10. ใช้เป็นยาลดไข้ ด้วยการใช้ใบมาชงดื่ม (ใบ)
11. ช่วยบรรเทารักษาแผลในช่องปาก (น้ำแตงโม)
12. ป้องกันการเจ็บคอ ด้วยการนำเปลือกแตงโมไปต้มเดือดแล้วเติมน้ำทรายแล้วนำน้ำมาดื่ม (เปลือก)
13. แก้อาการเมาเหล้า
14. แก้โรคตับ (เมล็ด)
15. แตงโมมีเบตาแคโรทีน ซึ่งช่วยป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร ทางเดินหายใจและระบบขับปัสสาวะ
16. ช่วยย่อยอาหาร ช่วยระบายท้อง
17 .สรรพคุณของแตงโมใช้เป็นยาถ่ายพยาธิ (เมล็ด)
18. ช่วยขับปัสสาวะ
19. แก้อาการปวดกระเพาะปัสสาวะ (เมล็ด)
20. รากมีน้ำยางใช้กินแก้อาการตกเลือดหลังการแท้ง (ราก)
21. ใช้ทารักษาแผล ด้วยการใช้เปลือกแตงโมล้างสะอาด นำมาผิงไฟหรือตากให้แห้งแล้วนำมาบดให้เป็นผงแล้วนำมาบริเวณแผล (เปลือก)
22. สรรพคุณแตงโมช่วยทำให้แผลหายเร็วขึ้น
23. ช่วยป้องกันการติดเชื้อต่างๆ
คุณค่าทางโภชนาการของผลแตงโมดิบ (ส่วนที่กินได้) ต่อ 100 กรัม
แตงโมพลังงาน 30 kcal 130 kJ
คาร์โบไฮเดรต 7.55 กรัม
น้ำตาล 6.2 กรัม
เส้นใย 0.4 กรัม
ไขมัน 0.15 กรัม
โปรตีน 0.16 กรัม
วิตามินเอ 28 ไมโครกรัม 3%
วิตามินบี1 0.033 มิลลิกรัม 3%
วิตามินบี2 0.021 มิลลิกรัม 1%
วิตามินบี3 0.178 มิลลิกรัม 1%
วิตามินบี5 0.221 มิลลิกรัม 4%
วิตามินบี6 0.045 มิลลิกรัม 3%
กรดโฟลิก 3 ไมโครกรัม 1%
วิตามินซี 8.1 มิลลิกรัม 14%
ธาตุแคลเซียม 7 มิลลิกรัม 1%
ธาตุเหล็ก 0.24 มิลลิกรัม 2%
ธาตุแมกนีเซียม 10 มิลลิกรัม 3%
ธาตุฟอสฟอรัส 11 มิลลิกรัม 2%
ธาตุโพแทสเซียม 112 มิลลิกรัม 2%
ธาตุสังกะสี 0.10 มิลลิกรัม 1%
% ร้อยละของปริมาณแนะนำที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันสำหรับผู้ใหญ่ (ข้อมูลจาก : USDA Nutrient database)
ข้อมูล แหล่งอ้างอิง : วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี, หนังสือผลไม้ 111 ชนิด คุณค่าอาหารและการกิน (นิดดา หงส์วิวัฒน์, ทวีทอง หงส์วิวัฒน์), สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
ว้าาววว!!! เห็นมั้ยหล่ะค่ะ ในแตงโม มีสารอาหาร และสรรพคุณมากมาเลย อ่านแล้วอย่าลืมแชร์นะคะ คนอื่นจะได้อ่านต่อjavascript:void(0);ไปๆๆ ^^ ขอบคุณที่เสียเวลาน้อยนิดในการอ่านนะคะ ^^
ว้าวมาดูในแตงโมมีอะไร!!! สรรพคุณและประโยชน์ของแตงโม
วันนี้อยากแบ่งปันเรื่องของแตงโม
คนที่ชอบทานแตงโมลองอ่านดูค่ะ เรานี่ชอบทานนแตงโมนะ แต่ไม่ค่อยรู้ว่าแตงโมมีสารอาหารและช่วยอะไรหลายๆ อย่างที่เราไม่รู้
แตงโม ภาษาอังกฤษ : Watermelon
ส่วน แตงโมชื่อวิทยาศาสตร์ : Citrullus lanatus (Thunb.) Matsum. & Nakai สำหรับชื่ออื่นๆ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะเรียกว่า “บักโม” ส่วนภาค
เหนือจะเรียกว่า “บะเต้า” แต่ถ้าเป็นคนจังหวัดตรังแล้วจะเรียกกันว่า “แตงจีน” เป็นต้น แตงโมนั้นมีต้นกำเนิดในแถบทวีปแอฟริกาในทะเลทรายคาลาฮารี
ซึ่งชาติที่แรกที่ปลูกแตงโมไว้รับประทานนั้นก็คือชาวอียิปต์ (สี่พันกว่าปีมาแล้ว) สำหรับประเทศไทยนั้นการปลูกแตงโมจะมีอยู่ทั่วทุกภาคและปลูกได้ทุกฤดู
โดยพันธุ์ที่นิยมปลูกกันมากโดยทั่วไปจะมีอยู่ 3 สายพันธุ์หลักๆ นั่นก็คือ พันธุ์ธรรมดาทั่วไป (เมล็ดมีขนาดเล็ก รสหวาน เช่น แตงโมจินตหรา แตงโม
ตอร์ปิโด แตงโมกินรี แตงโมน้ำผึ้ง แตงโมไดอานา แตงโมจิ๋ว เป็นต้น) สายพันธุ์ต่อมาก็คือ พันธุ์ไร้เมล็ด (เป็นพันธุ์ผสมผลิตเพื่อส่งออก) และพันธุ์กินเมล็ด (ปลูกเพื่อนำเมล็ดมาคั่วที่เรียกกันว่า “เม็ดก๋วยจี๋” นั่นแหละ)
แตงโม จัดเป็นพืชในตระกูลเดียวกันกับ แคนตาลูป ฟักทอง แตงกวา ซึ่งนักพฤกษศาสตร์จัดให้อยู่ในวงศ์แตง (Family CUCURBITACEAE) เป็นผลไม้ที่มีน้ำประกอบอยู่ในปริมาณมากจึงมีคุณสมบัติเย็น รับประทานแล้วหวานชื่นใจ สำหรับประโยชน์ของแตงโมนั่นก็เช่น ช่วยลดอาการไข้ คอแห้ง รักษาแผลในปาก เป็นต้น และยังเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพอีกด้วยเพราะอุดุมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด อย่างเช่นวิตามินเอ ซี วิตามินบีรวม แคลเซียม เหล็ก แมกนีเซียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส เป็นต้น แต่สำหรับผู้ที่มีกระเพาะ ม้าไม่แข็งแรง กระเพาะลำไส้อักเสบ หญิงหลังคลอด หลังป่วยหนัก หรือผู้ที่มีอาการปัสสาวะมากและบ่อย มีอาการท้องร่วงง่าย ไม่ควรรับประทานแตงโม
แตงโม มีสารอีกชนิดหนึ่งที่สำคัญอย่างมากนั่นก็คือ Citrulline (ซิทรูไลน์) ซึ่งจะพบสารนี้ในเปลือกมากกว่าส่วนของเนื้อ ดังนั้นการรับประทานแตงโมที่มีส่วนเปลือกขาวๆติดมาด้วยก็จะเป็นประโยชน์ที่ดีมากกว่าที่จะกินแต่เนื้อสดๆ สำหรับประโยชน์ของสารนี้ก็คือ จะช่วยขยายเส้นเลือด ดีต่อระบบภูมิคุ้มกันและยังเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับคนที่เป็นโรคเบาหวานและโรคอ้วนอีกด้วย เพราะมีแคลอรี่ต่ำมาก อย่างไรก็ตามก่อนที่เราจะผ่าแตงโมรับประทานควรจะล้างเปลือกให้สะอาดเสียก่อนเพื่อป้องกันสารพิษตกค้างซึ่งอาจจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ เพราะแตงโมเป็นพืชที่ถูกรบกวนได้ง่ายจากแมลงศัตรูพืชต่างๆ ชาวสวนจึงนิยมที่จะฉีดยาฆ่าแมลงเป็นปกติ
นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยว่าในเนื้อและเปลือกของแตงโมมีสารออกฤทธิ์ที่ทำงานคล้ายกับไวอากร้า หากบริโภคเข้าไปมากๆ สาร Citrulline ในแตงโมจะทำปฏิกิริยากับเอนไซม์ในร่างกายทำให้เกิดกรดอะมิโนอาร์จินีนขึ้นมา ซึ่งออกฤทธิ์กระตุ้นทำให้หลอดเลือดคลายตัวและทำให้ระบบหมุนเวียนเลือดดีขึ้นคล้ายๆกับฤทธิ์ของไวอากร้า
แต่ก็มีผู้เชี่ยวชาญแย้งว่าแม้มันจะมีคุณสมบัติดังกล่าว แต่การที่รับประทานแตงโมเข้าไปมากๆก็คงช่วยแก้อาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศไม่ได้ เพราะน่าจะมีผลแค่ทำให้ร่างกายปัสสาวะบ่อยขึ้นเท่านั้น เพราะที่ผ่านมาแตงโมจะนำไปใช้เป็นยาขับปัสสาวะมากกว่ายารักษาโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ และผลเสียที่จะตามมาก็คือ หากรับประทานแตงโมมากเกินไป น้ำตาลในผลแตงโมอาจแพร่เข้าสู่กระแสเลือดได้ ซึ่งมีผลทำให้เป็นตะคริวได้ง่ายขึ้น
อ่านเยอะหน่อยนะ แต่ก็เก็บเป็นความรู้ได้ค่ะ เผื่อว่าวันนไหนจะททานแตงโม ^^
ประโยชน์ของแตงโม
1. เป็นผลไม้ที่เหมาะกับผู้ต้องการลดความอ้วนหรือควบคุมน้ำหนักอย่างมาก เพราะมีแคลอรี่ต่ำ
2. ประโยชน์แตงโมช่วยในการควบคุมน้ำหนักไม่ให้น้ำหนักเกิน ป้องกันการสะสมของไขมันที่เป็นอันตรายกับร่างกาย ลดปริมาณไขมันที่จับอยู่ภายในเลือด
3. สรรพคุณของแตงโมแตงโมมี “ไลโคปีน” (Lycopene) ซึ่งเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งและโรคหัวใจ
4 .ช่วยบำรุงผิวพรรณและเส้นผมให้แข็งแรง เพราะประกอบไปด้วยวิามินและแร่ธาตุหลายชนิด
5. แตงโมมีกรดอะมิโน Citrulline ซึ่งมีส่วนช่วยป้องกันโรคหัวใจ
6. แตงโมมีสารออกฤทธิ์ชนิดหนึ่งที่คล้ายกับยาแก้อาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ อย่างไวอากร้า ซึ่งจะออกฤทธิ์กระตุ้นให้หลอดเลือดคลายตัวช่วยให้ระบบหมุนเวียนของเลือดดีขึ้น
7. มีส่วนช่วยบำรุงสายตา เพราะมีวิตามินเอในผลแตงโม
8. มีส่วนช่วยล้างพิษจากอาหารที่เรารับประทานเข้าไปได้ด้วย
9.ใช้รับประทานเป็นผลไม้สด ทำเป็นน้ำผลไม้ดื่มคลายร้อน ลดความร้อนในร่างกาย
10. เปลือกหรือผลอ่อนใช้ทำเป็นอาหาร อย่างแกงส้ม เป็นต้น
11.เปลือกที่มีสีเขียวอ่อนหรือขาวสามารถนำมารับประทานเป็นผักได้
12.นำไปทำเป็นไวน์ได้
13.นำไปแปรรูปเป็น แยมแตงโม เมล็ดแตงโม หรือทำเป็นสบู่แตงโมก็ได้
14.แตงโมพอกหน้า ใช้ทำเป็นทรีทเม้นท์บำรุงผิว ช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้แก่ผิว แก้ปัญหาผิวแห้งกร้าน ช่วยดูดซับความมันบนใบหน้า และลดอาการแสบแดง วิธีการง่ายๆ เพียงแค่นำเนื้อแตงโมมาฝานบางๆ แล้วนำมาวางไว้บนผ้าขาวบาง จากนั้นนำมาวางปิดลงบนใบหน้าให้ทั่วทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
สรรพคุณของแตงโม
1. ประโยชน์ของแตงโมช่วยแก้เบาหวานและดีซ่าน
2. ช่วยบำรุงสมอง (เมล็ด)
3. ช่วยบำรุงร่างกาย (เมล็ด)
4. ช่วยบำรุงปอด (เมล็ด)
5. แตงโมสรรพคุณช่วยควบคุมความดันโลหิต และมีส่วนช่วยลดความดันโลหิตลงได้ (Citrulline)
6. ช่วยรักษาโรคหลอดเลือดแดงแข็งตัวได้
7. ช่วยป้องกันและรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน
8. ช่วยป้องกันหวัด
9. ช่วยลดอาการไข้ แก้คอแห้ง (น้ำแตงโม)
10. ใช้เป็นยาลดไข้ ด้วยการใช้ใบมาชงดื่ม (ใบ)
11. ช่วยบรรเทารักษาแผลในช่องปาก (น้ำแตงโม)
12. ป้องกันการเจ็บคอ ด้วยการนำเปลือกแตงโมไปต้มเดือดแล้วเติมน้ำทรายแล้วนำน้ำมาดื่ม (เปลือก)
13. แก้อาการเมาเหล้า
14. แก้โรคตับ (เมล็ด)
15. แตงโมมีเบตาแคโรทีน ซึ่งช่วยป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร ทางเดินหายใจและระบบขับปัสสาวะ
16. ช่วยย่อยอาหาร ช่วยระบายท้อง
17 .สรรพคุณของแตงโมใช้เป็นยาถ่ายพยาธิ (เมล็ด)
18. ช่วยขับปัสสาวะ
19. แก้อาการปวดกระเพาะปัสสาวะ (เมล็ด)
20. รากมีน้ำยางใช้กินแก้อาการตกเลือดหลังการแท้ง (ราก)
21. ใช้ทารักษาแผล ด้วยการใช้เปลือกแตงโมล้างสะอาด นำมาผิงไฟหรือตากให้แห้งแล้วนำมาบดให้เป็นผงแล้วนำมาบริเวณแผล (เปลือก)
22. สรรพคุณแตงโมช่วยทำให้แผลหายเร็วขึ้น
23. ช่วยป้องกันการติดเชื้อต่างๆ
คุณค่าทางโภชนาการของผลแตงโมดิบ (ส่วนที่กินได้) ต่อ 100 กรัม
แตงโมพลังงาน 30 kcal 130 kJ
คาร์โบไฮเดรต 7.55 กรัม
น้ำตาล 6.2 กรัม
เส้นใย 0.4 กรัม
ไขมัน 0.15 กรัม
โปรตีน 0.16 กรัม
วิตามินเอ 28 ไมโครกรัม 3%
วิตามินบี1 0.033 มิลลิกรัม 3%
วิตามินบี2 0.021 มิลลิกรัม 1%
วิตามินบี3 0.178 มิลลิกรัม 1%
วิตามินบี5 0.221 มิลลิกรัม 4%
วิตามินบี6 0.045 มิลลิกรัม 3%
กรดโฟลิก 3 ไมโครกรัม 1%
วิตามินซี 8.1 มิลลิกรัม 14%
ธาตุแคลเซียม 7 มิลลิกรัม 1%
ธาตุเหล็ก 0.24 มิลลิกรัม 2%
ธาตุแมกนีเซียม 10 มิลลิกรัม 3%
ธาตุฟอสฟอรัส 11 มิลลิกรัม 2%
ธาตุโพแทสเซียม 112 มิลลิกรัม 2%
ธาตุสังกะสี 0.10 มิลลิกรัม 1%
% ร้อยละของปริมาณแนะนำที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันสำหรับผู้ใหญ่ (ข้อมูลจาก : USDA Nutrient database)
ข้อมูล แหล่งอ้างอิง : วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี, หนังสือผลไม้ 111 ชนิด คุณค่าอาหารและการกิน (นิดดา หงส์วิวัฒน์, ทวีทอง หงส์วิวัฒน์), สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
ว้าาววว!!! เห็นมั้ยหล่ะค่ะ ในแตงโม มีสารอาหาร และสรรพคุณมากมาเลย อ่านแล้วอย่าลืมแชร์นะคะ คนอื่นจะได้อ่านต่อjavascript:void(0);ไปๆๆ ^^ ขอบคุณที่เสียเวลาน้อยนิดในการอ่านนะคะ ^^