[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เมื่อกำหนดตาม  "วิญญาณฐิติ ๔"

ขนฺธ สํ ๑๗/๒๘๔/๔๘๓
(ดู ปฏิจจฯ หน้า ๒๐๖ ประกอบ)

ภิกษุทั้งหลาย
วิญญาณ ซึ่งเข้าถือเอา (ทรงหมายความว่า กิริยาที่รู้แจ้งที่มีอยู่ในสิ่งนั้น คือ) รูป ตั้งอยู่   (แบบ สมัยกุมารมี ปริตฺตเจตโส ?)
ก็ตั้งอยู่ได้ (ด้วย กายสติที่ไม่ได้เข้าไปตั้งไว้ ?)

เป็นวิญญาณที่มีรูปเป็นอารมณ์ (เพราะ ยังมี จิต อนุเสติในรูป ใช่หรือไม่?)
มีรูป เป็นที่ตั้งอาสัย  
มีนันทิ (ความเพลิน  คือ อาการ ความผู้จิตติดกับรูปเพราะ กายสติที่ไม่ได้เข้าไปตั้งไว้?) เป็นที่เข้าไปส้องเสพ  
ก็ถึงความเจริญ (ของ? ---- ใช่ --- ของวิญญาณ  ตามที่ตรัสตอบแก่ท้าวสักกะว่า --- วิญญาณัง โหติ ตทุปาทานัง ?)
(ความ) งอกงาม  (ของ? ---- ใช่ --- ของวิญญาณ  ตามที่ตรัสตอบแก่ท้าวสักกะว่า --- วิญญาณัง โหติ ตทุปาทานัง ?)
(ความ) ไพบูลย์  (ของ? ---- ใช่ --- ของวิญญาณ  ตามที่ตรัสตอบแก่ท้าวสักกะว่า --- วิญญาณัง โหติ ตทุปาทานัง ?)
ได้  

ในกรณีของ เวทนา  สัญญา สังขาร   ก็เช่นเดียวกับ  รูป


ภิกษุทั้งหลาย
ผู้ใด  
จะพึงกล่าวอย่างนี้ว่า
"เราจักบัญญัติ ซึ่งการมา การไป การจุติ การอุบัติ ความเจริญ ความงอกงาม และความไพบูลย์ ของวิญญาณ  โดยเว้นจากรูป เว้นจากเวทนา เว้นจากสัญญา และเว้นจากสังขาร  ดังนี้ นั้น

นี่  ไม่ใช่ฐานะที่จะมีได้เลย

จบความนำ
--------------------------------------

ประเด็นสนทนา

วิญญาณ  ตาม ปฏิจจฯ ๑๑ อาการ ๑๒ กระบวนธรรม ข้างล่าง
(อวิชชา  สังขาร ) วิญญาณ (นามรูป  สฬายตนะ ผัสสะ  เวทนา ตัณหา อุปาทาน ภพ ชาติ (ทุกข์คือ) ชรา มรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย จึงเกิดขึ้นครบถ้วน - ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมี  ด้วยอาการอย่างนี้)


ท่านพิจารณาว่า ได้แก่  วิญญาณ ?
(๑) ได้แก่ วิญญาณฐิติ ๔   ตามที่ตรัสไว้ใน ขนฺธ สํ ๑๗/๒๘๔/๔๘๓
(๒) ได้แก่ "วิญญาณัง  โหติ ตทุปาทานัง"  (ที่ตรัสแก่จอมแห่งเทวดา ที่ทูลถามเรื่องปรินิพพานในทิฏฐธรรม -- ได้แก่  วิญญาณ อันตัณหาในอารมณ์คือ รูป เสียง กลิ่น รส สิ่งสัมผัสกาย อารมร์ของใจ อาสัยแล้ว  วิญญาณนั้นคือ อุปาทาน
(๓) ได้แก่  วิญญาณธาตุ   (ตาม ธาตุ ๖  / ธรรม ๔ อย่างที่ใครค้านพระองค์ไม่ได้)
(๔) ได้แก่  วิญญาณาหาร
(๕)  ได้แก่ วิญญาณ พระสูตรอื่นจาก ที่อ้างที่ตรัสข้างบน