ราคายางต้องตกลงแน่นอน เราจึงต้องชิงลงมือก่อน เพื่อให้เยอรมันยุติการวิจัยดังกล่าว
ทีมนักวิทยาศาสตร์ในเยอรมันนีกำลังตกแต่งพันธุกรรมวัชพืชแดนดิไลออนให้เป็นแหล่งผลิตน้ำยางธรรมชาติแหล่งใหม่ที่อาจจะใช้ทดแทนต้นยางได้ในอนาคต
ต้นยางที่ปลูกในสวนยางในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นพืชที่มีความละเอียดอ่อนสูงต่อสภาพแวดล้อม มักให้ผลผลิตยางสูงหากสภาพภูมิอากาศดี มีฝนตกอย่างทั่วถึง มีแสงแดดส่องและลมจะต้องไม่แรง
นอกจากนี้ต้นยางยังเสี่ยงสูงต่อโรคพืชชนิดหนึ่งซึ่งเป็นโรคที่สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงแก่สวนยางในอเมริกาใต้ซึ่งเป็นแหล่งต้นกำเนิดของต้นยาง
ตรงกันข้าม ต้นดอกวัชพืชแดนดิไลออน (Dandelion) เป็นวัชพืชที่ทนทาน เติบโตได้แม้ในดินที่เสื่อมคุณภาพและไม่สะทกสะท้านต่อสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง
นักวิทยาศาสตร์รู้กันมานานแล้วว่าน้ำยางสีขาวจากต้นดอกวัชพืชแดนดิไลออนมียางลาเทคอยู่ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของน้ำยางดิบ ดอกวัชพืชแดนดิไลออนสายพันธุ์ที่พบในประเทศคาซัคสถานเป็นพันธุ์ที่ให้น้ำยางดิบปริมาณสูงมากที่สุด
คุณ Dirk Pruefer หัวหน้าทีมวิจัยที่สถาบัน Fraunhofer Institute for Molecule Biology and Applied Ecology ในประเทศเยอรมันนีซึ่งได้รับเงินสนับสนุนการวิจัยจากบริษัทผู้ผลิตยางรถยนต์กล่าวว่าทีมงานของเขากำลังพยายามหาทางตัดแต่งพันธุกรรมของดอกวัชพืชแดนดิไลออนสายพันธุ์จากคาซัคสถานเพื่อให้ผลิตน้ำยางในปริมาณมากเพียงพอแก่การนำไปใช้ในอุตสาหกรรมผลิตยางรถยนต์
เขากล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่าความท้าทายหลักอย่างหนึ่งที่ประสบในการวิจัยนี้ก็คือต้องคิดค้นพืชชนิดใหม่ขึ้นมาซึ่งเป็นพืชที่สามารถให้ผลผลิตยางเพิ่มขึ้น สร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจ ทางทีมงานได้ทำการวิจัยมานานหลายปีแล้วเพื่อพัฒนาพันธุกรรมของดอกวัชพืชแดนดิไลออนตัวใหม่ๆ ที่มีความคงที่และกลายเป็นแหล่งยางดิบทดแทนแหล่งใหม่ในอนาคต
ทีมนักวิจัยชี้ว่าดอกวัชพืชแดนดิไลออนที่ผ่านการทำพันธุวิศวกรรมแล้วสามารถให้ผลผลิตน้ำยางดิบห้าร้อยกิโลกรัมต่อพื้นที่ปลูก 6 ไร่ 1 งาน แต่คุณ Dirk Pruefer หัวหน้าทีมวิจัยกล่าวว่าเป้าหมายของทีมงานคือผลผลิตที่สูงกว่านั้นอีกสองเท่าตัว พวกเขามุ่งพัฒนาให้วัชพืชนี้มีความสูงมากขึ้นและใบพุ่งขึ้นสูงจากพื้นแทนที่จะราบอยู่ติดกับพื้นเพื่อปรับให้เหมาะแก่การใช้เก็บเกี่ยวด้วยเครื่องยนต์
คุณ Pruefer หัวหน้าทีมวิจัยกล่าวว่าบริษัท Continental AG ผู้ผลิตยางรถยนต์รายใหญ่รายหนึ่งกำลังทดสอบคุณภาพของยางรถยนต์ที่ผลิตจากยางต้นแดนดิไลออน อยู่ในขณะนี้
เขากล่าวว่าทางบริษัทได้ผลิตเยื่อยางออกมาเป็นจำนวนมากเพื่อทดสอบคุณภาพของยางและพบว่าคุณภาพของยางที่ได้จากต้นวัชพืชแดนดิไลออนคล้ายคลึงกับคุณภาพของยางจากต้นยาง
ทีมนักวิจัยชุดนี้คาดว่าพื้นที่รกร้างมหาศาลในยุโรปและเอเชียที่ใช้เพาะปลูกไม่ได้เนื่องจากคุณภาพดินไม่ดีอาจจะกลายเป็นพื้นที่เพาะปลูกดอกวัชพืชแดนดิไลออนเพื่อนำไปผลิตเป็นยางดิบเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมยางรถยนต์ในอนาคต
ที่มา
http://www.voathai.com/content/science-dandelion-rubber-tk/2435465.html
การแก้ ปัญหาราคายางตกต่ำ ยังวนเวียนอยู่ในอ่าง แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะแต่งตั้ง คุณอำนวย ปะติเส ที่รู้เรื่องปัญหายางมากที่สุดเป็น รัฐมนตรีช่วยเกษตรฯ เพื่อแก้ปัญหายางโดยเฉพาะวันนี้ก็เจอแรงต้านจากชาวสวนยางซึ่งต้องการให้รัฐบาล รับซื้อยางในราคากิโลกรัมละ 80 บาท
ปัญหาราคายางตกต่ำ ไม่ได้มีที่ประเทศไทยประเทศเดียว ทุกประเทศที่ปลูกยางก็เจอปัญหาเดียวกันไม่ว่า พม่า หรือมาเลเซีย
วันวาน แนวร่วมกู้ชีพชาวสวนยาง ไปยื่นเงื่อนไขกับ คุณอำนวย ปะติเส รัฐมนตรีช่วยเกษตรฯ ขอให้ถอน ร่าง พ.ร.บ.การยาง ที่ให้ยุบ สำนักงานกองทุนสงเคราะห์สวนยาง องค์การสวนยาง และ สถาบันวิจัยยาง รวมกันเป็น การยางแห่งประเทศไทย เพียงแห่งเดียว ซึ่งทำมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์
การแก้ไขปัญหาราคายางตกต่ำ หากรัฐบาลและชาวสวนยางไม่มองไปข้างหน้า มองการเปลี่ยนแปลงของโลกในอนาคต ไม่ว่าจะใช้วิธีไหน สุดท้ายผมก็เชื่อว่าไม่ยั่งยืนแก้ไม่ได้
เพราะ ยางพารา จะ ไม่มีอนาคต อีกต่อไปแล้ว ในอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า
ใน จดหมายข่าว วว. ของ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย ได้ลงข่าวจาก สำนักข่าววีโอเอ หรือ วอยซ์ ออฟ อเมริกา รายงานว่า วัชพืช Dandelion จะกลายเป็นแหล่งผลิตน้ำยางธรรมชาติในอนาคต ทดแทนน้ำยางจากต้นยางพารา
อ่านไม่ผิดหรอกครับ “วัชพืชแดนดิไลออน” อันไร้ค่า ที่ขึ้นอยู่ดาษดื่นทั่วไป มีเมล็ดกลมคล้ายร่มชูชีพ เมื่อถูกกระแสลมพัด ก็จะล่องลอยไปตามกระแสลม ตกที่ไหนก็งอกงามที่นั่น จนได้รับการเรียกขานว่า “ดอกไม้แห่งการเดินทาง” แต่กลับเป็นวัชพืชที่ให้น้ำมันสีขาวข้นเหมือนน้ำยางพารา และใช้ทดแทนน้ำยางพาราได้ร้อยเปอร์เซ็นต์
สำนักข่าววีโอเอ รายงานว่า ทีมนักวิทยาศาสตร์เยอรมนี กำลังอยู่ในช่วง ตกแต่งพันธุกรรมวัชพืชแดนดิไลออน เพื่อให้เป็น แหล่งผลิตน้ำยางธรรมชาติแหล่งใหม่ ทดแทน น้ำยางพารา จาก ต้นยาง ในอนาคต นักวิทยาศาสตร์รู้มานานแล้วว่า น้ำยางสีขาวจากดอกวัชพืชแดนดิไลออน มี “ยางลาเท็กซ์” ที่เป็นส่วนประกอบหลักของ “น้ำยางดิบ” ดอกวัชพืชแดนดิไลออนที่พบใน ประเทศคาซัคสถาน เป็นพันธุ์ที่ให้น้ำยางดิบในปริมาณสูงสุด
นอกจากนี้ วัชพืชแดนดิไลออน ยังเป็นวัชพืชที่ มีความทนทาน เติบโตได้แม้ในดินที่เสื่อมคุณภาพ ไม่สะทกสะท้านต่อสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงทุกอย่าง ตรงกันข้ามกับ ต้นยางพารา โดยเฉพาะต้นยางที่ปลูกอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้บ้านเรานี่แหละ ต้นยางมีความละเอียดอ่อนสูงต่อสภาพแวดล้อม จะให้น้ำยางมากต่อเมื่อสภาพภูมิอากาศดี มีฝนตกอย่างทั่วถึง แสงแดดและลมต้องไม่แรงเกินไป ซ้ำยังมีความเสี่ยงต่อโรคพืชที่สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อสวนยางอีกด้วย
คุณ Dirk Pruefer หัวหน้าทีมวิจัยที่ สถาบันวิจัย Fraunhofer lnstitute for Molecule Biology and Applied Ecology ซึ่งได้รับเงินสนับสนุนจาก บริษัทผู้ผลิตยางรถยนต์ กล่าวว่า ทีมงานของเขากำลังตกแต่งยีนดอกวัชพืชแดนดิไลออนสายพันธุ์คาซัคสถาน เพื่อให้ผลิตน้ำยางได้มากพอที่จะนำไปใช้ในอุตสาหกรรมผลิตยางรถยนต์ ซึ่งเวลานี้บริษัทผลิตยางรถยนต์ยักษ์ใหญ่ คอนติเนลตัล กำลังทดสอบยางรถยนต์ที่ผลิตจากยางแดนดิไลออนอยู่
ทีมงานวิจัยระบุว่า ดอกวัชพืชแดนดิไลออน ที่ผ่านการตัดต่อพันธุกรรมใหม่ สามารถผลิตน้ำยางดิบได้ถึง 500 กิโลกรัมต่อพื้นที่ปลูก 6 ไร่ 1 งาน แต่ก็ยังไม่พอใจ ทีมวิจัยตั้งเป้าว่า จะสร้างวัชพืชแดนดิไลออนที่สามารถให้น้ำยางเพิ่มขึ้นจากนี้อีก 2 เท่าตัว และจะพัฒนาให้มีความสูงเพิ่มขึ้นจากพื้นดิน เพื่อให้เก็บเกี่ยวด้วยเครื่องยนต์ได้
ต้นยางไทย 1 ไร่มีประมาณ 80 ต้น กรีดน้ำยางได้วันละ 3-4 กิโลกรัม ปีละประมาณ 220-240 กิโลกรัม แต่ละวันให้น้ำยางไม่เท่ากัน ต้นทุนคงสู้วัชพืชแดนดิไลออนไม่ได้แน่นอน
ผมเลยเอามาเล่าสู่กันฟัง โลกวันนี้เปลี่ยนไปไกลแล้ว ถ้ายังคิดแก้ปัญหาราคายางด้วยวิธีเดิมๆอีก จบเห่แน่นอน.
ที่มา THAIRATH
ทำไมไทยไม่ชิงควํ่าบาตรเยอรมันก่อนครับ เพราะนักวิจัยของเยอรมันกำลังวิจัยพืชที่ผลิตนํ้ายางได้มากกว่าต้นยางพาราหลายเท่า
ทีมนักวิทยาศาสตร์ในเยอรมันนีกำลังตกแต่งพันธุกรรมวัชพืชแดนดิไลออนให้เป็นแหล่งผลิตน้ำยางธรรมชาติแหล่งใหม่ที่อาจจะใช้ทดแทนต้นยางได้ในอนาคต
ต้นยางที่ปลูกในสวนยางในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นพืชที่มีความละเอียดอ่อนสูงต่อสภาพแวดล้อม มักให้ผลผลิตยางสูงหากสภาพภูมิอากาศดี มีฝนตกอย่างทั่วถึง มีแสงแดดส่องและลมจะต้องไม่แรง
นอกจากนี้ต้นยางยังเสี่ยงสูงต่อโรคพืชชนิดหนึ่งซึ่งเป็นโรคที่สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงแก่สวนยางในอเมริกาใต้ซึ่งเป็นแหล่งต้นกำเนิดของต้นยาง
ตรงกันข้าม ต้นดอกวัชพืชแดนดิไลออน (Dandelion) เป็นวัชพืชที่ทนทาน เติบโตได้แม้ในดินที่เสื่อมคุณภาพและไม่สะทกสะท้านต่อสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง
นักวิทยาศาสตร์รู้กันมานานแล้วว่าน้ำยางสีขาวจากต้นดอกวัชพืชแดนดิไลออนมียางลาเทคอยู่ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของน้ำยางดิบ ดอกวัชพืชแดนดิไลออนสายพันธุ์ที่พบในประเทศคาซัคสถานเป็นพันธุ์ที่ให้น้ำยางดิบปริมาณสูงมากที่สุด
คุณ Dirk Pruefer หัวหน้าทีมวิจัยที่สถาบัน Fraunhofer Institute for Molecule Biology and Applied Ecology ในประเทศเยอรมันนีซึ่งได้รับเงินสนับสนุนการวิจัยจากบริษัทผู้ผลิตยางรถยนต์กล่าวว่าทีมงานของเขากำลังพยายามหาทางตัดแต่งพันธุกรรมของดอกวัชพืชแดนดิไลออนสายพันธุ์จากคาซัคสถานเพื่อให้ผลิตน้ำยางในปริมาณมากเพียงพอแก่การนำไปใช้ในอุตสาหกรรมผลิตยางรถยนต์
เขากล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่าความท้าทายหลักอย่างหนึ่งที่ประสบในการวิจัยนี้ก็คือต้องคิดค้นพืชชนิดใหม่ขึ้นมาซึ่งเป็นพืชที่สามารถให้ผลผลิตยางเพิ่มขึ้น สร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจ ทางทีมงานได้ทำการวิจัยมานานหลายปีแล้วเพื่อพัฒนาพันธุกรรมของดอกวัชพืชแดนดิไลออนตัวใหม่ๆ ที่มีความคงที่และกลายเป็นแหล่งยางดิบทดแทนแหล่งใหม่ในอนาคต
ทีมนักวิจัยชี้ว่าดอกวัชพืชแดนดิไลออนที่ผ่านการทำพันธุวิศวกรรมแล้วสามารถให้ผลผลิตน้ำยางดิบห้าร้อยกิโลกรัมต่อพื้นที่ปลูก 6 ไร่ 1 งาน แต่คุณ Dirk Pruefer หัวหน้าทีมวิจัยกล่าวว่าเป้าหมายของทีมงานคือผลผลิตที่สูงกว่านั้นอีกสองเท่าตัว พวกเขามุ่งพัฒนาให้วัชพืชนี้มีความสูงมากขึ้นและใบพุ่งขึ้นสูงจากพื้นแทนที่จะราบอยู่ติดกับพื้นเพื่อปรับให้เหมาะแก่การใช้เก็บเกี่ยวด้วยเครื่องยนต์
คุณ Pruefer หัวหน้าทีมวิจัยกล่าวว่าบริษัท Continental AG ผู้ผลิตยางรถยนต์รายใหญ่รายหนึ่งกำลังทดสอบคุณภาพของยางรถยนต์ที่ผลิตจากยางต้นแดนดิไลออน อยู่ในขณะนี้
เขากล่าวว่าทางบริษัทได้ผลิตเยื่อยางออกมาเป็นจำนวนมากเพื่อทดสอบคุณภาพของยางและพบว่าคุณภาพของยางที่ได้จากต้นวัชพืชแดนดิไลออนคล้ายคลึงกับคุณภาพของยางจากต้นยาง
ทีมนักวิจัยชุดนี้คาดว่าพื้นที่รกร้างมหาศาลในยุโรปและเอเชียที่ใช้เพาะปลูกไม่ได้เนื่องจากคุณภาพดินไม่ดีอาจจะกลายเป็นพื้นที่เพาะปลูกดอกวัชพืชแดนดิไลออนเพื่อนำไปผลิตเป็นยางดิบเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมยางรถยนต์ในอนาคต
ที่มา http://www.voathai.com/content/science-dandelion-rubber-tk/2435465.html
การแก้ ปัญหาราคายางตกต่ำ ยังวนเวียนอยู่ในอ่าง แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะแต่งตั้ง คุณอำนวย ปะติเส ที่รู้เรื่องปัญหายางมากที่สุดเป็น รัฐมนตรีช่วยเกษตรฯ เพื่อแก้ปัญหายางโดยเฉพาะวันนี้ก็เจอแรงต้านจากชาวสวนยางซึ่งต้องการให้รัฐบาล รับซื้อยางในราคากิโลกรัมละ 80 บาท
ปัญหาราคายางตกต่ำ ไม่ได้มีที่ประเทศไทยประเทศเดียว ทุกประเทศที่ปลูกยางก็เจอปัญหาเดียวกันไม่ว่า พม่า หรือมาเลเซีย
วันวาน แนวร่วมกู้ชีพชาวสวนยาง ไปยื่นเงื่อนไขกับ คุณอำนวย ปะติเส รัฐมนตรีช่วยเกษตรฯ ขอให้ถอน ร่าง พ.ร.บ.การยาง ที่ให้ยุบ สำนักงานกองทุนสงเคราะห์สวนยาง องค์การสวนยาง และ สถาบันวิจัยยาง รวมกันเป็น การยางแห่งประเทศไทย เพียงแห่งเดียว ซึ่งทำมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์
การแก้ไขปัญหาราคายางตกต่ำ หากรัฐบาลและชาวสวนยางไม่มองไปข้างหน้า มองการเปลี่ยนแปลงของโลกในอนาคต ไม่ว่าจะใช้วิธีไหน สุดท้ายผมก็เชื่อว่าไม่ยั่งยืนแก้ไม่ได้
เพราะ ยางพารา จะ ไม่มีอนาคต อีกต่อไปแล้ว ในอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า
ใน จดหมายข่าว วว. ของ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย ได้ลงข่าวจาก สำนักข่าววีโอเอ หรือ วอยซ์ ออฟ อเมริกา รายงานว่า วัชพืช Dandelion จะกลายเป็นแหล่งผลิตน้ำยางธรรมชาติในอนาคต ทดแทนน้ำยางจากต้นยางพารา
อ่านไม่ผิดหรอกครับ “วัชพืชแดนดิไลออน” อันไร้ค่า ที่ขึ้นอยู่ดาษดื่นทั่วไป มีเมล็ดกลมคล้ายร่มชูชีพ เมื่อถูกกระแสลมพัด ก็จะล่องลอยไปตามกระแสลม ตกที่ไหนก็งอกงามที่นั่น จนได้รับการเรียกขานว่า “ดอกไม้แห่งการเดินทาง” แต่กลับเป็นวัชพืชที่ให้น้ำมันสีขาวข้นเหมือนน้ำยางพารา และใช้ทดแทนน้ำยางพาราได้ร้อยเปอร์เซ็นต์
สำนักข่าววีโอเอ รายงานว่า ทีมนักวิทยาศาสตร์เยอรมนี กำลังอยู่ในช่วง ตกแต่งพันธุกรรมวัชพืชแดนดิไลออน เพื่อให้เป็น แหล่งผลิตน้ำยางธรรมชาติแหล่งใหม่ ทดแทน น้ำยางพารา จาก ต้นยาง ในอนาคต นักวิทยาศาสตร์รู้มานานแล้วว่า น้ำยางสีขาวจากดอกวัชพืชแดนดิไลออน มี “ยางลาเท็กซ์” ที่เป็นส่วนประกอบหลักของ “น้ำยางดิบ” ดอกวัชพืชแดนดิไลออนที่พบใน ประเทศคาซัคสถาน เป็นพันธุ์ที่ให้น้ำยางดิบในปริมาณสูงสุด
นอกจากนี้ วัชพืชแดนดิไลออน ยังเป็นวัชพืชที่ มีความทนทาน เติบโตได้แม้ในดินที่เสื่อมคุณภาพ ไม่สะทกสะท้านต่อสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงทุกอย่าง ตรงกันข้ามกับ ต้นยางพารา โดยเฉพาะต้นยางที่ปลูกอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้บ้านเรานี่แหละ ต้นยางมีความละเอียดอ่อนสูงต่อสภาพแวดล้อม จะให้น้ำยางมากต่อเมื่อสภาพภูมิอากาศดี มีฝนตกอย่างทั่วถึง แสงแดดและลมต้องไม่แรงเกินไป ซ้ำยังมีความเสี่ยงต่อโรคพืชที่สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อสวนยางอีกด้วย
คุณ Dirk Pruefer หัวหน้าทีมวิจัยที่ สถาบันวิจัย Fraunhofer lnstitute for Molecule Biology and Applied Ecology ซึ่งได้รับเงินสนับสนุนจาก บริษัทผู้ผลิตยางรถยนต์ กล่าวว่า ทีมงานของเขากำลังตกแต่งยีนดอกวัชพืชแดนดิไลออนสายพันธุ์คาซัคสถาน เพื่อให้ผลิตน้ำยางได้มากพอที่จะนำไปใช้ในอุตสาหกรรมผลิตยางรถยนต์ ซึ่งเวลานี้บริษัทผลิตยางรถยนต์ยักษ์ใหญ่ คอนติเนลตัล กำลังทดสอบยางรถยนต์ที่ผลิตจากยางแดนดิไลออนอยู่
ทีมงานวิจัยระบุว่า ดอกวัชพืชแดนดิไลออน ที่ผ่านการตัดต่อพันธุกรรมใหม่ สามารถผลิตน้ำยางดิบได้ถึง 500 กิโลกรัมต่อพื้นที่ปลูก 6 ไร่ 1 งาน แต่ก็ยังไม่พอใจ ทีมวิจัยตั้งเป้าว่า จะสร้างวัชพืชแดนดิไลออนที่สามารถให้น้ำยางเพิ่มขึ้นจากนี้อีก 2 เท่าตัว และจะพัฒนาให้มีความสูงเพิ่มขึ้นจากพื้นดิน เพื่อให้เก็บเกี่ยวด้วยเครื่องยนต์ได้
ต้นยางไทย 1 ไร่มีประมาณ 80 ต้น กรีดน้ำยางได้วันละ 3-4 กิโลกรัม ปีละประมาณ 220-240 กิโลกรัม แต่ละวันให้น้ำยางไม่เท่ากัน ต้นทุนคงสู้วัชพืชแดนดิไลออนไม่ได้แน่นอน
ผมเลยเอามาเล่าสู่กันฟัง โลกวันนี้เปลี่ยนไปไกลแล้ว ถ้ายังคิดแก้ปัญหาราคายางด้วยวิธีเดิมๆอีก จบเห่แน่นอน.
ที่มา THAIRATH