ผมเป็นคนรักเด็กครับ มีลูกแล้ว2คน อยากได้คนที่สามแต่ไม่มา ปีนี้อายุ38ปี เป็นเจ้าของอพาร์ทเมนต์เล็กๆให้เช่า เวลาที่เหลือเรียนวิศวกรรมศาสตร์คอมพิวเตอร์ปริญญาเอก คณิตศาสตร์เลิศ เกรดเฉลี่ยตอนเรียนตอนแก่4.00 ในวิชาคณิตศาสตร์โหดๆทุกตัว
งานวิจัยด้านการใช้สถิติเพื่อการตรวจจับรับรู้ในภาพ (เช่น กล้องที่สามารรับรู้ได้ว่ามีรถมาจอดในที่ห้ามจอดโดยไม่ต้องมีคนดู กล้องส่งให้คอม แล้วคอมรับรู้เองว่ามีคนมาจอดในที่ห้ามจอด)
ผมเป็นคนชนชั้นกลางครับ มีรายได้ครอบครัวแค่5หมื่น (แต่ถ้าจบ ป เอก ไปเป็นอาจารย์ คงได้เพิ่มอีก30,000)
แต่ว่ามีที่ดินมรดกที่กำลังจะตกทอดมา (ยังไม่เกิดขึ้น กำลังจะเกิด)
เพราะเรื่องภาษีมรดก ทำให้หลายคนกำลังโอนที่ดินให้ลูกก่อนตาย เพื่อลดภาษีตรงนี้
(ขอร้อง อย่าดราม่า ผมใช้ชีวิตปกติ ไม่ได้รวย ภาษีมันคิดตามราคาประเมิน
คนมีที่ดินมูลค่าหลักสิบล้าน ไม่ได้แปลว่ามีเงินหลักล้านไปจ่ายภาษี เขาจะเอาราคาประเมิน10บาท เอาภาษี1บาท
พ่อผมมีที่ดิน แต่ไม่มีเงินจ่ายภาษี)
ตอนนี้แบ่งมาถึงผมก็(น่าจะ)ประมาณ 80ไร่ กระจายกันอยู่ตามต่างจังหวัดไม่ได้มีราคาแพงมาก ทำอย่างอื่นไม่ได้นอกจากการเกษตร
ลูกผมสองคน ผมอยากให้เขาไปศึกษาแนววิทยาศาสตร์ คืออยากให้เป็นนักวิทยาศาสตร์ไปตั้งบริษัทเทคโนโลยีแห่งอนาคต
แต่ที่ดินจำนวนตั้งเยอะ ผมอยากทำการเกษตร แต่ก็ไม่มีเวลาและปัญญาเนื่องจากตนเองเรียนสายวิทย์
ผมก็อยากมีลูกคนที่สาม จะได้มาเติมความฝันตรงนี้ แต่ถ้ามีไม่ได้ ผมกำลังคิดว่า ผมอยากจะรับอุปการะเด็กที่พ่อแม่ท้องไม่พร้อม
มาเพื่อทำความฝันตรงนี้ ผมเป็นคนบ้าสงครามโลกครั้งที่สาม ผมคิดว่ามันจะเกิดขึ้นจริงในอนาคตอีกสัก50 ปี
ผมอยากจะนำที่ดินมรดกมาสร้างเป็นอาณาจักรการเกษตรที่ปกป้องลูกหลานของผมในกรณีแบบนั้น (และถึงไม่มีสงครามโลก การมีไร่นา ฟาร์มเป็นของตัวเองก็มีแต่ดีกับดี)
เผื่อเขาไม่ชอบ ผมอยากจะเลี้ยงไว้สักสองคน เผื่อว่า1ใน2 นี้จะชอบ คือถ้าสองคนชอบก็ยิ่งดี แน่นอนว่าผมคิดแบบนี้ก็ต้องอยากส่งเขาเรียนเกษตรตั้งแต่จบ ม ต้น
ใครจะคิดว่าการเรียนวิทยาศาสตร์จบไปรับเงินเดือนสูงๆมันดี ผมคิดว่าวันที่สงครามมา ราคาจะพุ่งไม่หยุด น้ำ,ข้าวปลาคือของจริง คนที่มีสิ่งเหล่านี้ก็คือชาวนา เจ้าของฟาร์ม และต้องมีปืนป้องกัน แต่ตอนนี้จะเตรียมปืนยังเร็วไป เพราะแนวโน้มโลกยังคงไม่ถึงจะเกิดสงครามเร็วๆนี้
แนวคิดแบบนี้ จะว่าไปก็เหมือนกับการต้องการแรงงานเกษตร แต่ผมพร้อมจะยกที่ดินต่อให้กับลูกบุญธรรมของผมถ้าเขาทำการเกษตรในที่แปลงนั้นจริงๆ
ผมไม่รู้ว่าแนวคิดแบบนี้ดีหรือไม่ดีครับ ตามที่ผมคิดไว้ น่าจะไม่มีอะไรเสีย เพราะการเรียนด้านการเกษตรในประเทศมันไม่แพงอยู่แล้ว เด็กกำพร้าก็วิน-วิน เพราะแทนที่จะอยู่กับครอบครัวที่ไม่พร้อม ก็มาอยู่กับเราที่มีความพร้อม แก่ตัวไปก็เป็นเจ้าของฟาร์มแน่ๆ ห่วงอย่างเดียวคือจะมาทำร้ายลูกผม เพราะทะเลาะกันในอนาคต ห่วงอีกอย่างคือ(เมียผมจะ)ให้ความรักลูกตัวเองกับลูกเลี้ยงไม่เท่ากัน เกิดการแบ่งแยก ซึ่งต้องเกิดแน่ เพราะตอนนี้ลูกผมสองคนเรียนโรงเรียนอินเตอร์ ส่วนเด็กที่จะรับมาเลี้ยงก็จะให้เรียนโรงเรียนไทย(มียี่ห้อ) มันมีวิธีกัน หรือแก้หรือไม่ครับ?
โปรดแนะนำด้วย
ผมอยากรับเลี้ยงลูกบุญธรรมเพื่อเป็นแรงงาน/เจ้าของที่ดินด้านการเกษตร ดีหรือไม่?
งานวิจัยด้านการใช้สถิติเพื่อการตรวจจับรับรู้ในภาพ (เช่น กล้องที่สามารรับรู้ได้ว่ามีรถมาจอดในที่ห้ามจอดโดยไม่ต้องมีคนดู กล้องส่งให้คอม แล้วคอมรับรู้เองว่ามีคนมาจอดในที่ห้ามจอด)
ผมเป็นคนชนชั้นกลางครับ มีรายได้ครอบครัวแค่5หมื่น (แต่ถ้าจบ ป เอก ไปเป็นอาจารย์ คงได้เพิ่มอีก30,000)
แต่ว่ามีที่ดินมรดกที่กำลังจะตกทอดมา (ยังไม่เกิดขึ้น กำลังจะเกิด)
เพราะเรื่องภาษีมรดก ทำให้หลายคนกำลังโอนที่ดินให้ลูกก่อนตาย เพื่อลดภาษีตรงนี้
(ขอร้อง อย่าดราม่า ผมใช้ชีวิตปกติ ไม่ได้รวย ภาษีมันคิดตามราคาประเมิน
คนมีที่ดินมูลค่าหลักสิบล้าน ไม่ได้แปลว่ามีเงินหลักล้านไปจ่ายภาษี เขาจะเอาราคาประเมิน10บาท เอาภาษี1บาท
พ่อผมมีที่ดิน แต่ไม่มีเงินจ่ายภาษี)
ตอนนี้แบ่งมาถึงผมก็(น่าจะ)ประมาณ 80ไร่ กระจายกันอยู่ตามต่างจังหวัดไม่ได้มีราคาแพงมาก ทำอย่างอื่นไม่ได้นอกจากการเกษตร
ลูกผมสองคน ผมอยากให้เขาไปศึกษาแนววิทยาศาสตร์ คืออยากให้เป็นนักวิทยาศาสตร์ไปตั้งบริษัทเทคโนโลยีแห่งอนาคต
แต่ที่ดินจำนวนตั้งเยอะ ผมอยากทำการเกษตร แต่ก็ไม่มีเวลาและปัญญาเนื่องจากตนเองเรียนสายวิทย์
ผมก็อยากมีลูกคนที่สาม จะได้มาเติมความฝันตรงนี้ แต่ถ้ามีไม่ได้ ผมกำลังคิดว่า ผมอยากจะรับอุปการะเด็กที่พ่อแม่ท้องไม่พร้อม
มาเพื่อทำความฝันตรงนี้ ผมเป็นคนบ้าสงครามโลกครั้งที่สาม ผมคิดว่ามันจะเกิดขึ้นจริงในอนาคตอีกสัก50 ปี
ผมอยากจะนำที่ดินมรดกมาสร้างเป็นอาณาจักรการเกษตรที่ปกป้องลูกหลานของผมในกรณีแบบนั้น (และถึงไม่มีสงครามโลก การมีไร่นา ฟาร์มเป็นของตัวเองก็มีแต่ดีกับดี)
เผื่อเขาไม่ชอบ ผมอยากจะเลี้ยงไว้สักสองคน เผื่อว่า1ใน2 นี้จะชอบ คือถ้าสองคนชอบก็ยิ่งดี แน่นอนว่าผมคิดแบบนี้ก็ต้องอยากส่งเขาเรียนเกษตรตั้งแต่จบ ม ต้น
ใครจะคิดว่าการเรียนวิทยาศาสตร์จบไปรับเงินเดือนสูงๆมันดี ผมคิดว่าวันที่สงครามมา ราคาจะพุ่งไม่หยุด น้ำ,ข้าวปลาคือของจริง คนที่มีสิ่งเหล่านี้ก็คือชาวนา เจ้าของฟาร์ม และต้องมีปืนป้องกัน แต่ตอนนี้จะเตรียมปืนยังเร็วไป เพราะแนวโน้มโลกยังคงไม่ถึงจะเกิดสงครามเร็วๆนี้
แนวคิดแบบนี้ จะว่าไปก็เหมือนกับการต้องการแรงงานเกษตร แต่ผมพร้อมจะยกที่ดินต่อให้กับลูกบุญธรรมของผมถ้าเขาทำการเกษตรในที่แปลงนั้นจริงๆ
ผมไม่รู้ว่าแนวคิดแบบนี้ดีหรือไม่ดีครับ ตามที่ผมคิดไว้ น่าจะไม่มีอะไรเสีย เพราะการเรียนด้านการเกษตรในประเทศมันไม่แพงอยู่แล้ว เด็กกำพร้าก็วิน-วิน เพราะแทนที่จะอยู่กับครอบครัวที่ไม่พร้อม ก็มาอยู่กับเราที่มีความพร้อม แก่ตัวไปก็เป็นเจ้าของฟาร์มแน่ๆ ห่วงอย่างเดียวคือจะมาทำร้ายลูกผม เพราะทะเลาะกันในอนาคต ห่วงอีกอย่างคือ(เมียผมจะ)ให้ความรักลูกตัวเองกับลูกเลี้ยงไม่เท่ากัน เกิดการแบ่งแยก ซึ่งต้องเกิดแน่ เพราะตอนนี้ลูกผมสองคนเรียนโรงเรียนอินเตอร์ ส่วนเด็กที่จะรับมาเลี้ยงก็จะให้เรียนโรงเรียนไทย(มียี่ห้อ) มันมีวิธีกัน หรือแก้หรือไม่ครับ?
โปรดแนะนำด้วย