คือผมได้พบข้อเท็จจริงว่า มีข้อความซึ่งปรากฏอยู่ระหว่าง ธัมมจักรกัปปวัตตนสูตร และ อนัตตลักขณสูตร
ซึ่งระบุว่า พระพุทธเจ้าตรัสสอน พระอัสสชิ ดังนี้
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=4&A=446&Z=478&pagebreak=0
"วันต่อมา เมื่อพระผู้มีพระภาคทรงประทานโอวาทสั่งสอนด้วยธรรมีกถาอยู่ ดวงตาเห็น
ธรรม ปราศจากธุลี ปราศจากมลทินได้เกิดขึ้นแก่ท่านพระมหานามะและท่านพระอัสสชิว่า สิ่งใด
สิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งมวลมีความดับเป็นธรรมดา. ท่านทั้งสองได้เห็น
ธรรมแล้ว ได้บรรลุธรรมแล้ว ได้รู้ธรรมแจ่มแจ้งแล้ว มีธรรมอันหยั่งลงแล้ว ข้ามความสงสัย
ได้แล้ว ปราศจากถ้อยคำแสดงความสงสัย ถึงความเป็นผู้แกล้วกล้า
ไม่ต้องเชื่อผู้อื่นในคำสอน
ของพระศาสดา ได้ทูลคำนี้ต่อพระผู้มีพระภาคว่า ขอข้าพระองค์ทั้งสอง พึงได้บรรพชา พึงได้
อุปสมบทในสำนักพระผู้มีพระภาค พระพุทธเจ้าข้า."
ข้อความในตอนท้าย ระบุว่า ผู้ได้ดวงตาเห็นธรรม "ไม่ต้องเชื่อผู้อื่น ในคำสอนของพระศาสดา" ถ้านำมาเปรียบเทียบ
พิจารณา กับเรื่องที่ถกเถียงกันอยู่ ผมเข้าใจว่า ผู้ที่ไม่ต้องฟังคำสาวก ควรหมายถึง ท่านผู้เป็น อริยบุคคล
ความคิดเห็นอันนี้ พอจะมีความเป็นไปได้ไหมครับท่าน ?
คำว่าฟัง ควรจะหมายถึงอะไรบ้างหละครับท่าน ?
ฟังเฉยๆ ไม่ต้องเชื่อก็ได้ หรือว่าฟังแล้วต้องเชื่อ ?
ตกลง คำว่าฟัง มันหมายความว่าอย่างไรกันแน่ครับท่าน ?
ก็ข้อความในพระวินัยบอกว่า ท่านพระอัสสชิไม่ต้องเชื่อใครๆ ในคำสอนของพระพุทธเจ้า
ควรแปลความหมายว่าอย่างไรครับท่าน ?
มันควรหมายความว่า ท่านต้องฟัง หรือ ควรฟังคำสาวก หรือไม่ ?
เช่นว่า ควรฟัง แต่ไม่จำเป็นต้องเชื่อ เพราะท่านสามารถพิจารณาธรรมเหล่านั้นตามแนวคำสอนของพระพุทธเจ้าได้เอง
ท่านสามารถพิจารณาและตัดสินได้เองว่า ควรเชื่อ หรือไม่ควรเชื่อ
ซึ่งเราๆท่านๆ ที่เป็นปุถุชน ผู้หนักในทางความเชื่อ อาจทำไม่ได้อย่างท่าน
แต่พระพุทธเจ้าก็ทรงให้หลักมหาปเทสเอาไว้สำหรับพิจารณาว่าเข้ากันได้กับคำสอนของพระองค์หรือไม่
ที่เป็นอย่างนี้ ก็เพราะ เราพิจารณาเองไม่ได้ เหมือนพระอริยบุคคล ใช่ไหมครับท่าน ?
ส่วนเรื่องสามเณรกับท่านพระสารีบุตร ที่มีบางท่านยกขึ้นอ้าง ผมฟังแล้วตลกดี นะครับท่าน
เรื่องการนุ่งห่มจีวร ไม่เกี่ยวกับเรื่องมรรคผลสักหน่อย ท่านยกมาอ้างทำไมครับ ?
ขอคำอธิบายจากท่านผู้รู้ด้วยนะครับว่า ผมคิด ผิดหรือถูกอย่างไร ?
และข้อเท็จจริง จริงๆ ที่ผมอาจไม่ทราบ มีเป็นอย่างอื่นบ้างหรือไม่ครับท่าน ?
พระอริยบุคคล เช่น ท่านพระอัสสชิ ต้องฟังคำสาวกหรือไม่ และอย่างไร ครับท่าน ?
ซึ่งระบุว่า พระพุทธเจ้าตรัสสอน พระอัสสชิ ดังนี้
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=4&A=446&Z=478&pagebreak=0
"วันต่อมา เมื่อพระผู้มีพระภาคทรงประทานโอวาทสั่งสอนด้วยธรรมีกถาอยู่ ดวงตาเห็น
ธรรม ปราศจากธุลี ปราศจากมลทินได้เกิดขึ้นแก่ท่านพระมหานามะและท่านพระอัสสชิว่า สิ่งใด
สิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งมวลมีความดับเป็นธรรมดา. ท่านทั้งสองได้เห็น
ธรรมแล้ว ได้บรรลุธรรมแล้ว ได้รู้ธรรมแจ่มแจ้งแล้ว มีธรรมอันหยั่งลงแล้ว ข้ามความสงสัย
ได้แล้ว ปราศจากถ้อยคำแสดงความสงสัย ถึงความเป็นผู้แกล้วกล้า ไม่ต้องเชื่อผู้อื่นในคำสอน
ของพระศาสดา ได้ทูลคำนี้ต่อพระผู้มีพระภาคว่า ขอข้าพระองค์ทั้งสอง พึงได้บรรพชา พึงได้
อุปสมบทในสำนักพระผู้มีพระภาค พระพุทธเจ้าข้า."
ข้อความในตอนท้าย ระบุว่า ผู้ได้ดวงตาเห็นธรรม "ไม่ต้องเชื่อผู้อื่น ในคำสอนของพระศาสดา" ถ้านำมาเปรียบเทียบ
พิจารณา กับเรื่องที่ถกเถียงกันอยู่ ผมเข้าใจว่า ผู้ที่ไม่ต้องฟังคำสาวก ควรหมายถึง ท่านผู้เป็น อริยบุคคล
ความคิดเห็นอันนี้ พอจะมีความเป็นไปได้ไหมครับท่าน ?
คำว่าฟัง ควรจะหมายถึงอะไรบ้างหละครับท่าน ?
ฟังเฉยๆ ไม่ต้องเชื่อก็ได้ หรือว่าฟังแล้วต้องเชื่อ ?
ตกลง คำว่าฟัง มันหมายความว่าอย่างไรกันแน่ครับท่าน ?
ก็ข้อความในพระวินัยบอกว่า ท่านพระอัสสชิไม่ต้องเชื่อใครๆ ในคำสอนของพระพุทธเจ้า
ควรแปลความหมายว่าอย่างไรครับท่าน ?
มันควรหมายความว่า ท่านต้องฟัง หรือ ควรฟังคำสาวก หรือไม่ ?
เช่นว่า ควรฟัง แต่ไม่จำเป็นต้องเชื่อ เพราะท่านสามารถพิจารณาธรรมเหล่านั้นตามแนวคำสอนของพระพุทธเจ้าได้เอง
ท่านสามารถพิจารณาและตัดสินได้เองว่า ควรเชื่อ หรือไม่ควรเชื่อ
ซึ่งเราๆท่านๆ ที่เป็นปุถุชน ผู้หนักในทางความเชื่อ อาจทำไม่ได้อย่างท่าน
แต่พระพุทธเจ้าก็ทรงให้หลักมหาปเทสเอาไว้สำหรับพิจารณาว่าเข้ากันได้กับคำสอนของพระองค์หรือไม่
ที่เป็นอย่างนี้ ก็เพราะ เราพิจารณาเองไม่ได้ เหมือนพระอริยบุคคล ใช่ไหมครับท่าน ?
ส่วนเรื่องสามเณรกับท่านพระสารีบุตร ที่มีบางท่านยกขึ้นอ้าง ผมฟังแล้วตลกดี นะครับท่าน
เรื่องการนุ่งห่มจีวร ไม่เกี่ยวกับเรื่องมรรคผลสักหน่อย ท่านยกมาอ้างทำไมครับ ?
ขอคำอธิบายจากท่านผู้รู้ด้วยนะครับว่า ผมคิด ผิดหรือถูกอย่างไร ?
และข้อเท็จจริง จริงๆ ที่ผมอาจไม่ทราบ มีเป็นอย่างอื่นบ้างหรือไม่ครับท่าน ?