คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 27
ทั้งหมด เพราะคุณ จขกท. เข้าใจว่า ศาสนาพุทธ มีเพียง ศีล 5 ครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้นั่นอาจบ่งบอกว่าคุณ จขกท. ยังไม่เข้าใจในพุทธศาสนา (และขอพูดถึงเฉพาะศาสนาพุทธครับ) ว่าศาสนาพุทธ คืออะไร สอนอะไร สอนระดับใดบ้าง (เป้าหมายคืออะไร และลดระดับลงมาตามระดับการเข้าถึงหรือให้เหมาะสมต่อความเห็นของแต่ละบุคคลที่ยืนอยู่บนคนละระดับอย่างไร)
ศาสนาพุทธ แม้จะอยู่คนเดียวในโลก ความจริงต่อธรรมย่อมไม่เปลี่ยนครับ
แต่หลักปฏิบัติบางอย่างอาจเปลี่ยนไปบ้าง
ให้เห็นชัดๆง่ายๆ
ระดับศีล หรือผลของการรักษาศีลและการผิดศีล ส่วนใหญ่จะเกี่ยวพันกับบุคคลอื่น หรือสิ่งอื่นมาก
อาจมีเหตุจากบุคคลอื่น และผลน้ันกระทบต่อเราได้
และเหตุจากเรา ผลนั้นก็กระทบคนอื่นได้
แต่ก็มิได้มุ่งเน้นที่บุคคลอื่นเพียงด้านเดียว
ยังมุ่งกลับมาที่ผลที่เกิดขึ้นกับจิตใจของผู้น้ันเองด้วย (โดยเนื่องอยู่กับภายนอกส่วนหนึ่ง)
เพื่ออบรมการกระทำให้ช่วยอบรมจิตใจ(อย่างหยาบ)ให้เหมาะกับการก้าวต่อไปในการอบรมระดับที่ละเอียดขึ้น
เช่น
-หากอยู่คนเดียวบนเกาะ ศีลข้อ 2 อาจไม่จำเป็นต้องมี เพราะไม่ใช่ทรัพย์สินของผู้ใด เราไม่ได้ขโมยของใคร ไม่ได้ลักทรัพย์ของใคร ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน แต่ความอยากได้ ในจิตใจเรา ก็ยังคงมีอยู่ (และการที่ไม่ใช่ของๆคนอื่นนั้น จะนับว่าเป็นของๆเรา ได้หรือไม่?)
-หากอยากได้ของบนเกาะอื่น ซึ่งมีคนอื่นอยู่ ศีลข้อ 2 ก็ยังจำเป็นอยู่ครับ
-หากมีของชิ้นหนึ่งตกลงมาบนเกาะ ที่มีเราผู้เดียว ของน้ันเป็นของเราหรือไม่? (ความยึดถือต่อสถานที่หรือเกาะ เกาะเป็นของเราหรือไม่? หรือเราแค่อาศัยอยุ่บนเกาะ?)
-สิ่งที่เกิดขึ้น เป็นกุศลหรืออกุศล
-ทำให้เกิดกิเลส สะสมกิเลส ทำให้กิเลสเจริญ หรือทำให้ลดกิเลส
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
และคงเป็นคห. ที่ไม่ระลึกถึงหรือไม่รู้ว่ามีระดับภาวนา (สมาธิ และปัญญา) รึเปล่าครับ
นี่เองที่เป็นสิ่งที่ได้เกริ่นไว้ตอนต้นว่า ไม่จำเป็นต้องมีใครอื่น อยู่บนเกาะ หรือแม้แต่อยู่คนเดียวบนโลก ก็จำเป็นที่จะต้องมีศาสนา หรือว่าให้ตรงคือ มีหลักปฏิบัติของศาสนา(พุทธ)และปฏิบัติธรรมครับ
(ไม่ใช่ศาสนาในความหมาย เช่น
ไม่ใช่เพียง การมีคนนับถืออะไรบางอย่างร่วมกัน จึงต้องมีสังคม
ไม่ใช่เพียง การมีสิ่งยึดเหนี่ยวทางจิตใจร่วมกัน ของคนในสังคม
ไม่ใช่เพียง พิธีกรรม ที่กระทำร่วมกันของคนในสังคม
หรือไม่ใช่เพียงการไม่เบียดเบียนกันของคนในสังคมเมื่อมีการอยู่ร่วมกันเป็นสังคม เพื่อให้สังคมเป็นสุข
หรือการไม่มีคนอื่นนอกจากเราแล้ว ไปสร้างความเบียนเบียนสัตว์หรือไม่?)
ซึ่งผู้นั้นก็ต้องเห็นในประโยชน์และคุณของการปฏิบัติธรรมหรือเข้าใจในธรรมของศาสนาพุทธครับ
และการอยู่คนเดียว สิ่งที่เกิดขึ้นในจิตใจของผู้น้ันเอง ย่อมมี
ธรรมย่อมเกิด
ความที่เรามองว่า เรา คือผู้เดียวในเกาะ หรือในโลก
ก็ยังทำให้เรามีตัวตนอยู่ แต่อาจเปลี่ยนรูปแบบไปในอีกรูปแบบ ซึ่งก็เป็น อัตตา เป็นตัวเป็นตนอยู่นั่นเอง
ธรรมที่เกิดขึ้นกับตน จึงยังคงมีอยู่ ทำให้เกิดสุข เกิดทุกข์ เป็นผู้สุข ผู้ทุกข์ได้ ทุกเมื่อ
ความเหงา ความกังวล ความกลัว ความโกรธ ไม่ว่าจะมีคนอื่นหรือไม่ ย่อมเกิดขึ้นได้กับจิตใจของมนุษย์ครับ
ขึ้นอยู่กับว่าจะยึดถือในเรื่องใด มากน้อยแค่ไหน
ไม่เกี่ยวกับบุคคลอื่นโดยตรง
แม้สิ่งที่อยู่รอบตัวเรา ที่ไม่ใช่คน เช่น สัตว์ แมลง ภูมิอากาศ น้ำ ดิน หิน ภัยธรรมชาติ อาหารการกิน ที่อยู่อาศัย โรคภัยไข้เจ็บ ความตาย ความลำบาก ฯลฯ
ล้วนเป็นเหตุกระทบกายใจให้เราเกิดความคิด ความรู้สึกสุข ทุกข์ได้ทั้งสิ้น
(แต่การอยู่กับคน หรืออยู่เป็นสังคม จะมีเรื่องให้กระทบ ให้ปรุงแต่งได้มากกว่า)
กุศล สติ สมาธิ เมตตา ปัญญา ย่อมต้องมีในกายในใจนี้ครับ ไม่ว่าจะมีคนหรือไม่มี มีสังคมหรือไม่มี ก็ตาม
นี่คือส่วนที่เกี่ยวข้องกับศาสนา(พุทธ) ที่คุณ จขกท. ไม่ได้กล่าวถึงไว้ หรือไม่ได้พิจารณาถึงไว้
ความเข้าใจต่อศาสนา
ว่าศาสนาคืออะไร มีเนื้อหาอย่างไร ให้อะไรแก่เรา พาเราไปไหน
ศาสนาจำเป็นหรือไม่ อย่างไร
จึงเป็นฐานในการพิจารณาครับ
โดยเฉพาะศาสนาพุทธ ซึงมุ่งเน้นเข้ามาที่จิตใจ สิ่งที่เกิดขึ้นในจิตใจของผู้นั้น
ไม่วาจะมีคนอื่นหรือไม่ ไม่ว่าจะอยู่เป็นสังคมหรือไม่
จึงไม่ได้เกินขอบเขตของศาสนาพุทธ ไม่เกิดกายใจของเรานี้ ครับ
หากคำถามจะถามว่า 'ถ้าคนติดเกาะอยู่คนเดียว ต้องคำนึงถึงหรือตระหนักในนิพพาน หรือไม่ และหากรู้ทางที่จะไปถึงนิพพานได้แล้ว จะสามารถไปให้ถึงนิพพานได้หรือไม่'
ทั้งหมดนี้คงพอตอบได้ครับ
แต่ถ้าถามว่า 'แล้วถ้าคนติดเกาะอยู่คนเดียวสามารถเข้าถึงนิพพานได้ไหม'
คงตอบไม่ได้ครับ เพราะขึ้นอยู่กับว่า
ผู้น้ันได้พบเจอพระพุทธศาสนาแล้วหรือไม่
ผู้น้ันเห็นแล้วหรือไม่ว่า ตนควรถึงนิพพาน เพราะอะไร (เพราะทุกข์หรือไม่ เพราะเห็นโทษภัยในสังสารวัฏแล้วหรือไม่)
ผู้น้ันเห็นแล้วหรือไม่ว่า นิพพานคืออะไร ความพ้นทุกข์คืออะไร ดีอย่างไร
ผู้น้ันเห็นแล้วหรือไม่ว่า ทางที่จะดำเนินสู่นิพพานคืออะไร ต้องทำอย่างไร
ผู้น้ันเห็นแล้วหรือไม่ว่า แม้ตน ก็สามารถถึงนิพพานได้ ด้วยข้อปฏิบัติ ด้วยหนทางที่มีอยู่นั้น
ผู้น้ันเห็นแล้วหรือไม่ว่า ตนต้องเริ่มกระทำเพื่อให้ถึงนิพพานแล้ว
และ
ผู้น้ันเห็นแล้วหรือไม่ว่า ต้องกระทำด้วยความเพียร อย่างไร
กรอบพิจารณาที่คับแคบ ย่อมทำให้เห็นได้คับแคบ
กรอบพิจารณาที่ตื้นเขิน ย่อมทำให้เห็นได้ตื้นเขิน
การจะตีความในสิ่งที่ตนยังไม่รู้ ยังไม่เข้าใจดีพอ คงเป็นเรื่องยากครับ
อยากให้ลองศึกษามากขึ้นอย่างที่พุทธศาสนาเป็น
แล้วคุณ จขกท. จะพบว่าพุทธศาสนาเป็นอะไรมากกว่าที่เราเข้าใจ ณ ตอนนี้มากครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้นั่นอาจบ่งบอกว่าคุณ จขกท. ยังไม่เข้าใจในพุทธศาสนา (และขอพูดถึงเฉพาะศาสนาพุทธครับ) ว่าศาสนาพุทธ คืออะไร สอนอะไร สอนระดับใดบ้าง (เป้าหมายคืออะไร และลดระดับลงมาตามระดับการเข้าถึงหรือให้เหมาะสมต่อความเห็นของแต่ละบุคคลที่ยืนอยู่บนคนละระดับอย่างไร)
ศาสนาพุทธ แม้จะอยู่คนเดียวในโลก ความจริงต่อธรรมย่อมไม่เปลี่ยนครับ
แต่หลักปฏิบัติบางอย่างอาจเปลี่ยนไปบ้าง
ให้เห็นชัดๆง่ายๆ
ระดับศีล หรือผลของการรักษาศีลและการผิดศีล ส่วนใหญ่จะเกี่ยวพันกับบุคคลอื่น หรือสิ่งอื่นมาก
อาจมีเหตุจากบุคคลอื่น และผลน้ันกระทบต่อเราได้
และเหตุจากเรา ผลนั้นก็กระทบคนอื่นได้
แต่ก็มิได้มุ่งเน้นที่บุคคลอื่นเพียงด้านเดียว
ยังมุ่งกลับมาที่ผลที่เกิดขึ้นกับจิตใจของผู้น้ันเองด้วย (โดยเนื่องอยู่กับภายนอกส่วนหนึ่ง)
เพื่ออบรมการกระทำให้ช่วยอบรมจิตใจ(อย่างหยาบ)ให้เหมาะกับการก้าวต่อไปในการอบรมระดับที่ละเอียดขึ้น
เช่น
-หากอยู่คนเดียวบนเกาะ ศีลข้อ 2 อาจไม่จำเป็นต้องมี เพราะไม่ใช่ทรัพย์สินของผู้ใด เราไม่ได้ขโมยของใคร ไม่ได้ลักทรัพย์ของใคร ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน แต่ความอยากได้ ในจิตใจเรา ก็ยังคงมีอยู่ (และการที่ไม่ใช่ของๆคนอื่นนั้น จะนับว่าเป็นของๆเรา ได้หรือไม่?)
-หากอยากได้ของบนเกาะอื่น ซึ่งมีคนอื่นอยู่ ศีลข้อ 2 ก็ยังจำเป็นอยู่ครับ
-หากมีของชิ้นหนึ่งตกลงมาบนเกาะ ที่มีเราผู้เดียว ของน้ันเป็นของเราหรือไม่? (ความยึดถือต่อสถานที่หรือเกาะ เกาะเป็นของเราหรือไม่? หรือเราแค่อาศัยอยุ่บนเกาะ?)
-สิ่งที่เกิดขึ้น เป็นกุศลหรืออกุศล
-ทำให้เกิดกิเลส สะสมกิเลส ทำให้กิเลสเจริญ หรือทำให้ลดกิเลส
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
และคงเป็นคห. ที่ไม่ระลึกถึงหรือไม่รู้ว่ามีระดับภาวนา (สมาธิ และปัญญา) รึเปล่าครับ
นี่เองที่เป็นสิ่งที่ได้เกริ่นไว้ตอนต้นว่า ไม่จำเป็นต้องมีใครอื่น อยู่บนเกาะ หรือแม้แต่อยู่คนเดียวบนโลก ก็จำเป็นที่จะต้องมีศาสนา หรือว่าให้ตรงคือ มีหลักปฏิบัติของศาสนา(พุทธ)และปฏิบัติธรรมครับ
(ไม่ใช่ศาสนาในความหมาย เช่น
ไม่ใช่เพียง การมีคนนับถืออะไรบางอย่างร่วมกัน จึงต้องมีสังคม
ไม่ใช่เพียง การมีสิ่งยึดเหนี่ยวทางจิตใจร่วมกัน ของคนในสังคม
ไม่ใช่เพียง พิธีกรรม ที่กระทำร่วมกันของคนในสังคม
หรือไม่ใช่เพียงการไม่เบียดเบียนกันของคนในสังคมเมื่อมีการอยู่ร่วมกันเป็นสังคม เพื่อให้สังคมเป็นสุข
หรือการไม่มีคนอื่นนอกจากเราแล้ว ไปสร้างความเบียนเบียนสัตว์หรือไม่?)
ซึ่งผู้นั้นก็ต้องเห็นในประโยชน์และคุณของการปฏิบัติธรรมหรือเข้าใจในธรรมของศาสนาพุทธครับ
และการอยู่คนเดียว สิ่งที่เกิดขึ้นในจิตใจของผู้น้ันเอง ย่อมมี
ธรรมย่อมเกิด
ความที่เรามองว่า เรา คือผู้เดียวในเกาะ หรือในโลก
ก็ยังทำให้เรามีตัวตนอยู่ แต่อาจเปลี่ยนรูปแบบไปในอีกรูปแบบ ซึ่งก็เป็น อัตตา เป็นตัวเป็นตนอยู่นั่นเอง
ธรรมที่เกิดขึ้นกับตน จึงยังคงมีอยู่ ทำให้เกิดสุข เกิดทุกข์ เป็นผู้สุข ผู้ทุกข์ได้ ทุกเมื่อ
ความเหงา ความกังวล ความกลัว ความโกรธ ไม่ว่าจะมีคนอื่นหรือไม่ ย่อมเกิดขึ้นได้กับจิตใจของมนุษย์ครับ
ขึ้นอยู่กับว่าจะยึดถือในเรื่องใด มากน้อยแค่ไหน
ไม่เกี่ยวกับบุคคลอื่นโดยตรง
แม้สิ่งที่อยู่รอบตัวเรา ที่ไม่ใช่คน เช่น สัตว์ แมลง ภูมิอากาศ น้ำ ดิน หิน ภัยธรรมชาติ อาหารการกิน ที่อยู่อาศัย โรคภัยไข้เจ็บ ความตาย ความลำบาก ฯลฯ
ล้วนเป็นเหตุกระทบกายใจให้เราเกิดความคิด ความรู้สึกสุข ทุกข์ได้ทั้งสิ้น
(แต่การอยู่กับคน หรืออยู่เป็นสังคม จะมีเรื่องให้กระทบ ให้ปรุงแต่งได้มากกว่า)
กุศล สติ สมาธิ เมตตา ปัญญา ย่อมต้องมีในกายในใจนี้ครับ ไม่ว่าจะมีคนหรือไม่มี มีสังคมหรือไม่มี ก็ตาม
นี่คือส่วนที่เกี่ยวข้องกับศาสนา(พุทธ) ที่คุณ จขกท. ไม่ได้กล่าวถึงไว้ หรือไม่ได้พิจารณาถึงไว้
ความเข้าใจต่อศาสนา
ว่าศาสนาคืออะไร มีเนื้อหาอย่างไร ให้อะไรแก่เรา พาเราไปไหน
ศาสนาจำเป็นหรือไม่ อย่างไร
จึงเป็นฐานในการพิจารณาครับ
โดยเฉพาะศาสนาพุทธ ซึงมุ่งเน้นเข้ามาที่จิตใจ สิ่งที่เกิดขึ้นในจิตใจของผู้นั้น
ไม่วาจะมีคนอื่นหรือไม่ ไม่ว่าจะอยู่เป็นสังคมหรือไม่
จึงไม่ได้เกินขอบเขตของศาสนาพุทธ ไม่เกิดกายใจของเรานี้ ครับ
หากคำถามจะถามว่า 'ถ้าคนติดเกาะอยู่คนเดียว ต้องคำนึงถึงหรือตระหนักในนิพพาน หรือไม่ และหากรู้ทางที่จะไปถึงนิพพานได้แล้ว จะสามารถไปให้ถึงนิพพานได้หรือไม่'
ทั้งหมดนี้คงพอตอบได้ครับ
แต่ถ้าถามว่า 'แล้วถ้าคนติดเกาะอยู่คนเดียวสามารถเข้าถึงนิพพานได้ไหม'
คงตอบไม่ได้ครับ เพราะขึ้นอยู่กับว่า
ผู้น้ันได้พบเจอพระพุทธศาสนาแล้วหรือไม่
ผู้น้ันเห็นแล้วหรือไม่ว่า ตนควรถึงนิพพาน เพราะอะไร (เพราะทุกข์หรือไม่ เพราะเห็นโทษภัยในสังสารวัฏแล้วหรือไม่)
ผู้น้ันเห็นแล้วหรือไม่ว่า นิพพานคืออะไร ความพ้นทุกข์คืออะไร ดีอย่างไร
ผู้น้ันเห็นแล้วหรือไม่ว่า ทางที่จะดำเนินสู่นิพพานคืออะไร ต้องทำอย่างไร
ผู้น้ันเห็นแล้วหรือไม่ว่า แม้ตน ก็สามารถถึงนิพพานได้ ด้วยข้อปฏิบัติ ด้วยหนทางที่มีอยู่นั้น
ผู้น้ันเห็นแล้วหรือไม่ว่า ตนต้องเริ่มกระทำเพื่อให้ถึงนิพพานแล้ว
และ
ผู้น้ันเห็นแล้วหรือไม่ว่า ต้องกระทำด้วยความเพียร อย่างไร
กรอบพิจารณาที่คับแคบ ย่อมทำให้เห็นได้คับแคบ
กรอบพิจารณาที่ตื้นเขิน ย่อมทำให้เห็นได้ตื้นเขิน
การจะตีความในสิ่งที่ตนยังไม่รู้ ยังไม่เข้าใจดีพอ คงเป็นเรื่องยากครับ
อยากให้ลองศึกษามากขึ้นอย่างที่พุทธศาสนาเป็น
แล้วคุณ จขกท. จะพบว่าพุทธศาสนาเป็นอะไรมากกว่าที่เราเข้าใจ ณ ตอนนี้มากครับ
▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
ศาสนาพุทธ
พระไตรปิฎก
สำหรับผู้ที่ไม่เชื่อว่า ศีลธรรม ศาสนาเกิดขึ้นเพราะคนมีสังคม จะแสดงเหตุและผลให้ดู
ศีลธรรม ศาสนาเกิดขึ้นเพราะคนมีสังคมใช่ไหม ถ้าสมมติติดเกาะอยู่คนเดียว ศีลธรรม ศาสนาก็ไม่จำเป็นใช่หรือเปล่า
http://ppantip.com/topic/33031738
-----------------------
สมมติถ้าติดเกาะอยู่คนเดียว ศีลห้าก็ไม่มีความหมาย
ข้อ 1 ห้ามฆ่า ไม่มีอะไรให้ฆ่า เพราะติดเกาะอยู่
ข้อ 2 ห้ามลักขโมย ไม่มีของๆใครให้ขโมยอีก
ข้อ 3 ห้ามประพฤติผิดในกาม จะไปเป็นกิ๊กกับใครก็ไม่ได้อีก
ข้อ 4 ห้ามพูดปด ไม่มีคนให้คุยด้วยอีก จะไปพูดปดได้อย่างไร
ข้อ 5 ห้ามดื่มเหล้า ข้อนี้ห้ามเพราะการดื่มเหล้าจะไปทำให้คนอื่นเดือดร้อน ดื่มไปเมาก็หลับ เพราะติดเกาะอยู่คนเดียว ะไปทำอะไรใครได้
จะเห็นว่าศาสนาพุทธ สอนเรื่องการมีความสัมพันธ์กับคนอื่นๆ ดังนั้นศาสนาไม่ได้มีอยู่แต่แรก คนรวมกัน มีสังคม ศาสนาจึงตามมา
ดังนั้นอยู่คนเดียวศาสนาก็ไม่มีประโยชน์ อยู่คนเดียวก็นิพพานไม่ได้ จะเห็นว่าเรื่องศีลธรรมเรื่องนิพพาน นั้นต้องมีคนอื่นมามีส่วนด้วย
------------------------------------------------
ใครไม่เชื่อแนวคิดนี้ โปรดแสดงความเห็นโดยการใช้เหตุผล