เรื่องเล่า จากหอใน

ด้วยความที่เป็นคนที่มีประสาทสัมผัสรับรู้เรื่องพวกนี้อยู่พอสมควร อารมณ์ประมาณว่า จะรับรู้ว่าตรงไหนมีไม่มีอะไรประมาณนี้คะ      เรื่องนี้เกี่ยวกับมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก ที่นิสิตชั้นปีที่ 1 ทุกคนต้องเข้ามาอยู่หอพักของมหาวิทยาลัย ในปีของ จขกท เป็นปีแรกที่ใช้ระบบสุ่มห้อง และเมท จขกท สุ่มได้หอพักฝั่งหญิงล้วน ที่อยู่ในสุดนะคะ หอพักแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องความหลอนพอสมควร  มีประวัติจากที่รุ่นพี่เล่าก็ไม่น้อย เนื่องจากเป็นปีแรกที่ทางมหาลัยเปิดเทอมตามอาเซียน ทำให้ในปีนี้เปิดไม่ตรงกับวันสถปนามอคะ รุ่นพี่เล่าให้ฟังว่า วันสถาปนามอเนี่ย จะเจออย่างนั้น อย่างนี้บลาๆๆ เราก็เฉยๆ ด้วยความเคยชิน  เจอมาจนชิน  พอถึงวันย้ายของเข้าคะ จขกท ได้เตียง A  วันนั้นมีเมทย้ายของมาไว้ที่ห้องครบทุกเตียงคะ แต่อยู่ในห้องกันแค่ จขกท กับ เตียง C 2คน เมทก็ทำตามความเชื่อคะ ซื้อเตียงเอย เอาพวกมาลัยมาแขวน บลาๆ ส่วนเรายกมือไหว้นอนจบ !!  พอวันที่ 2 เราก็ตะเวนหาเพื่อนคณะเดียวกันที่อยู่หอนี้ จขกท  จนได้ไปนั่งเล่นในห้องเพื่อนคนหนึ่งคะ อยู่ชั้นเดียวกัน แตห้องเพื่อนอยู่ติดกับทางบันไดหนีไฟที่เป็นป่าคะ ตอนน้นเป็นช่วงรับน้องมีกิจกรรม ทำให้กว่าจะกลับก็ค่ำๆ พอถึงหอก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำ พออาบเสร็จ อารมณ์เจอเพื่อนใหม่ก็ไปเม้ามอยส์สักหน่อย ช่วงนั้นประมาณสี่ห้าทุ่ม จขกท เดินไปห้องเพื่อนที่อยู่ติดบันไดหนีไฟคะ แต่บันไดหนีไฟตอนกลางคืนของชั้นนี้จะไม่ปิดประตู ตาเจ้ากรรม ดันบังเอิญไปเห็นขาคนคะ จำได้ว่า  เป็นขาคนสีขาวซีดเดินขึ้นบันไดหนีไปชั้นบน (หอพักมี4ชั้นคะ) เราก็รู้ละว่ามันไม่ปกติ ก็เลยกลับห้องดีกว่า 555 ถึงจะบอกว่าชิน แต่เวลาเจอจริงก็ไม่สู้นะคะ พออยู่มานานๆเข้าก็เริ่มคุ้นเคยกับ สิ่งที่อยู่ตรงบันไดหนีไฟคะ บางครั้งชอบมาแอบบมองบ้าง เดินขึ้นเดินลงบ้าง ไม่รู้ว่าปัจจุบันเธอจะยังอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้ 555 ..................คราวนี้เป็นเรื่องภายในห้องของ จขกท  เองนะคะ คือ จขกทอยู่ห้องกลางๆคะ ชอบอยู่ห้องตอนเมทไม่อยู่ ก็จะเจอมากวนบ้าง ตอนแรกก็ยังไม่ได้รับรู้นะคะว่าเป็นเพศไหนวัยใด แต่มีอยู่คืนหนึ่งคืนนั้น จขกท กำลังจะหลับคะ อารมณ์ประมาณกึ่งหลับกึ่งตื่น สะลึมสะลือ มีความรู้สึกว่าจะต้องมองไปที่ปลายเตียงคะ พอมองไปปุ๊ปเจอคนแก่ผู้หญิงคะ ส่เสื้อสีน้ำตาลลายดอกแดงดอกเล็กๆนะคะ ยืนอยู่กับเด็กผู้หญิงใส่ชุดสีชมพู พอเราเห็นปุ๊ปก็เลยนึกในใจว่า “รู้แล้วว่ามี รู้แล้วว่าอยู่ที่นี้ ต่างคนต่างอยู่ ไปได้แล้วคนจะนอน” จากพูดเสร็จเค้าก็หายไปทั้งคู่ มีอยู่วันหนึ่งเมทกลับบ้านหมด จขกท เลยชวนเพื่อนมานอนห้องคะ เพื่อนก็นั่งทำงานอยู่โต๊ะเขียนหนังสือของเตียง B สักพักมันโวยวายบอกหาไม้บรรทัดไม่เจอ เราก็ไปช่วยมาหา จับกระดาษออกทุกแผ่น หาใต้โต๊ะ ใต้เตียง  คราวนี้นึกได้ว่าเพื่อนมานอนยังไม่ได้บอกเจ้าของเก่าเลย เราก็เลยบ่นๆว่า “เอาไปเล่นไหนจะใช้ทำงาน” เพื่อนมันก็รู้คะว่าในห้องเรามีอะไรเพราะเล่าให้มันฟังตลอด มันก็เลยพูดว่า “จะทำงานอย่าแกล้งกัน” พอพูดจบก็หากันต่อ เพื่อนมันก็ไปหาตรงกระดาษที่รื้อทีละแผ่นอีกรอบ คราวนี้เจอคะ เจอไม้บรรทัดอยู่ใต้กระดาษ ทั้งๆที่ตอนแรกหาไม่เจอ .......... พออยู่ๆมาจะจบเทอมหนึ่งคะ วันนั้นเป็นวันดีเมทอยู่กันครบองค์ประชุม มีเพื่อนจากห้องข้างล่างเดินมาเคาะห้อง พวกแกๆทำไมพวกแกชอบลากโต๊ะ และก็วิ่งเล่น กันตอนดึกๆจัง เรานอนไม่ได้เลย แทบทั้งวันคืนคือห้องของ จขกท ไม่ค่อยมีใครอยู่ห้องตอนกลางวันเพราะต้องไปเรียน ตอนกลางคืนก็กลับดึกกัน เมทเตียงบีบ้านอยู่พิษณุโลกก็กลับไปนอนบ้านบ่อย เมทเตียงดีก็ไปนอนห้องเพื่อนบ่อย เมทเตียงซีก็ทำกิจกรรมรับน้องกลับดึก  จขกท  ก็ติดเม้ากลับดึก ใครว่ะมันจะมีอารมณ์ไปลากโต๊ะแล้วก็วิ่งเล่น  จขกท เลยบอกให้พวกชั้นล่างลงไปก่อน เพราะเมทเริ่มหน้าเสียกันแล้ว คือ จขกท ไม่เคยเล่าเรื่องที่เจอในห้องให้เมทฟัง เล่าแต่ให้เพื่อนฟัง แล้วก็นั่งปลอบเมทว่า ไม่มีอะไรหรอก น่าจะเป็นชั้นบนมันเล่นกันเฉยๆ  แต่ในใจเรารู้แล้วละว่าเป็นเด็กในห้อง พอวันรุ่งขึ้นเราเลยแอบไปซื้อขนมกับน้ำแดงมาไว้บนหลังตู้เสื้อผ้า แล้วพอว่า ต่างคนต่างอยู่ อย่ามาทำให้เดือดร้อน จากนั้นก็ไม่มีใครเจออะไร พอหมดเทอมหนึ่ง จขกท ก็ออกมาอยู่หอนอก กลับไปนอนหอในบ้างเป็นครั้งคราว จนจบปี1ก็ย้ายออกมา เดี๋ยวจะมาต่อเรื่องในคณะกับที่เจอประปรายหลายๆที่ในมอ  
ปล.นี้เป็นกระทู้แรกของ  จขกท  เล่าเรื่องยาวๆไม่ค่อยเก่ง หากผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยนะคะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่