เรื่องน่ากลัวนี้เกิดขึ้นกับเพื่อนของพี่สาวเราเมื่อหกปีมาแล้วค่ะ (ขออนุญาตเพื่อนพี่แลัวนะคะ) ขอเรียกว่าพี่มะปรางนะคะ ตอนนั้นพี่มะปรางจับฉลากได้เข้าอยู่หอในหญิง แต่เพื่อนๆในกลุ่มที่มาจากรร.เดียวกันไม่มีใครจับฉลากได้เลยสักคน จึงทำให้พวกเพื่อนๆต้องออกไปหาหอพักข้างนอก พี่มะปรางด้วยความที่ติดเพื่อนมากก็เลยงอแงอยากจะไปพักด้วย แต่เนื่องจากที่บ้านไม่อนุญาตเธอเลยอดไปอยู่กับเพื่อนๆ ก็เลยต้องจำใจอยู่ไป วันแรกที่ขนของเข้ามาในห้อง เธอเป็นคนแรกเลยที่ย้ายเข้ามา จึงมีโอกาสได้เลือกเตียงก่อน ซึ่งทางหอในจะมีนศอยู่ไม่เกินห้องละ4คน พี่มะปรางเลือกเตียงข้างล่าง
ลักษณะห้องจะไม่ได้ใหญ่มากนะคะ เปิดประตูเข้ามาก็ถึงเตียงเลย หากมองไปจากหน้าประตู ก็จะตรงกับประตูระเบัยงห้อง ซึ่งพี่มะปรางบอกว่าไม่ชอบเลย เพราะเคยได้ยินผู้ใหญ่เขาพูดกันว่า หากประตูตรงกับประตูมันไม่ดี จะมีพวกสัมภเวสีเดินผ่านไปมารบกวน บางรายอาจโดนผีหลอก หรือบางรายอาจจะป่วยเลยก็ได้ แต่ในเมื่อมาอยู่อย่างเลี่ยงไม่ได้แล้วก็เลยต้องจำใจอยู่ไป
พี่มะปรางเล่าให้ฟังว่า ตอนนั้นหลังจากที่จัดการเรื่องขนของเข้ามาในห้องแล้ว เธอเลยกวาดห้องแล้วตามมาด้วยถูห้อง เพื่อที่เพื่อนๆเข้ามาใหม่จะได้ไม่ต้องเสียเวลาทำ อีกอย่างห้องก็ฝุ่นเยอะมากๆด้วยซึ่งต่างจากเพื่อนๆที่อาศัยอยู่ในห้องอื่นๆ (พี่มะปรางไปเมคเฟรนเรียบร้อย)
พี่มะปรางกวาดห้อง แล้วก็ต้องเอาไม้กวาดบล้วงเข้าไปใต้เตียงของเตียงคู่อีกฝั่ง เธอบอกว่าตอนนั้นเอง รู้สึกเหมือนมีวัตถุบางอย่างอยู่ข้างใต้ แต่ใช้ไม้กวาดลากออกมาไม่ได้ เลยส่องไฟฉายดู เห็นเป็นแท่งอะไรไม่รู้เล็กๆดำๆ พี่ปรางเลยใช้มือล้วงหยิบออกมา เห็นเป็นตุ๊กตาตัวเล็กๆทำด้วยโลหะเหล็กสีดำ มีเชือกสีแดงๆพันอยู่รอบๆเลย พี่มะปรางตกใจเลยทิ้งมันลงบนเตียง เธอบอกว่าลักษณะคือน่าจะเป็นของพวกคุณไสยหรือไม่ก็เป็นกุมาร(เคยดูมาจากในหนัง)พี่มะปรางรู้สึกใจเสียท่ี่ตัวเองใช้มือหยิบแทนที่จะใช้ผ้าหรือด้ามไม้กวาดเขี่ยออกมา เลยวิ่งไปล้างมือในห้องน้ำข้างนอก จนกลับมาที่ห้องแล้วก็ใช้ด้ามไม้กวาดค่อยๆเขี่ยวัตุนั้นลงที่โกยขยะแล้วเอาไปทิ้งลงถังขยะใบเล็กที่วางอยู่หน้าระเบียง จนเวลาผ่านพ้นไปราวๆเกือบๆสองทุ่ม พี่มะปรางเธอบอกว่าตอนนั้นเธอปวดท้องหิวข้าวมาก เลยหยิบกุญแจแล้วก็กระเป๋าตังค์ลงไปหาอะไรทานข้างล่าง ซึ่งโชคดีมากที่ข้างหอเธอเป็นตลาดเล็กๆซึ่งเธอไม่ต้องเดินไปไกลเพื่อซื้อของกินเลย แต่แย่หน่อยที่ผู้คนในตลาดแออัดไป
พี่มะปรางขึ้นห้องมาพร้อมกับก๋วยเตี๋ยว1ถุงแล้วก็ลูกชิ้นย่างอีกสี่ไม้ น้ำเก๊กฮวยอีก1แก้วเล็ก เธอบอกว่าทันทีที่เปิดประตูเข้ามา บรรยากาศในห้องดูเปลี่ยนไปจากตอนที่เธออยู่ข้างนอกมากๆเลย คือมันจะรู้สึกอึดอัด อึมครึม ดูเก่าๆอย่างไรก็ไม่รู้ แต่ก็คิดหลอกตัวเองว่าอาจจะเป็นเพราะข้างล่างอากาศถ่ายเทสะดวกจึงทำให้ไม่รู้สึกอึดอัดก็เป็นได้ ด้วยความหิวเธอเลยเดินไปหยิบจานแล้วก็เทของใส่ลงในชามเดียวกัน ก่อนจะก้มหน้าก้มตากินลูกเดียว จนมารู้สึกตัวอีกทีเมื่อได้ยินเสียงคล้ายกับมีคนเคาะประตูระเบียง แต่จะว่าเคาะก็ไม่ใช่ มันเป็นเหมือนเสียงใครใช้เล็บขูดประตูมากกว่า ดังแกรกแกรก พี่ปรางตกใจเลยรีบลุกขึ้นไปเปิดประตูแต่ก็ไม่เจออะไร เธอเลยเปิดประตูทิ้งไว้(เพื่อให้อากาศถ่ายเท)แล้วเดินกลับมานั่งกินก๋วยเตี๋ยวต่อ จนเวลาผ่านไปสามทุ่มกว่าๆก็เริ่มง่วงเพราะกินเยอะ เลยขึ้นไปนอนบนเตียงโดยที่เปิดประตูระเบียงทิ้งเอาไว้..
พี่ปรางฝันว่า ในความฝันเหมือนเธอนอนอยู่แล้วเธอก็ลืมตาตื่นแล้วนอนอยู่บนเตียง ในความฝันเธอขยับตัวไม่ได้ เมื่อเพ่งมองไปรอบๆก็เห็นว่าห้องที่เธออยู่นั้นเปลี่ยนไป คือจะไม่มีเตียงคู่แล้ว และตรงตู้เสื้อผ้าอผ้าที่ตั้งอยู่ใกล้ๆประตูระเบียงก็เปลี่ยนเป็นตู้เย็นสีเขยวแทน แต่ความน่าสนใจมันอยู่ตรงตู้เย็นนี่แหละ เพราะในความฝันภาพที่เธอเห็นมันจะออกสีส้มๆอ่อนๆแล้วก็จะเห็นเป็นลางๆคือไม่สามารถมองให้ชัดได้ แต่มีเพียงตรงตู้เย็นอย่างเดียวที่พี่มะปรางเห็นชัดแจ๋ว ตู้เย็นนั้นทั้งดูเก่าและน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก พี่มะปรางบอกว่าถึงเธอจะขยับได้แค่ลูกตาแต่ตอนนั้นก็ไม่สามารถบังคับให้มองไปทางอื่นได้ยกเว้นที่ตู้เย็น... แล้วก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อเห็นว่าตู้เย็นมันสั่นอย่างกับว่ามีใครเขย่ามันอย่างนั้น พี่ปรางบอกว่าพอมองดูดีๆตู้เย็นจากที่สั้นๆก็หยุด แล้วก็มีเลือดค่อยๆไหลออกมาจากตู้เย็น มีลิ่มเ_ือดด้วย ถึงกองเลือดนั้นจะไม่เยอะแต่ก็ทำให้พี่ปรางกลัวจนต้องไห้ออกมา กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วห้อง จนพี่มะปรางกลัวสุดขีด แต่ความกลัวยังไม่หยุดอยู่แค่นั้น เมื่อมีเด็กผู้ชายคนหนึ่งอายุประมาณห้าหกขวบ มายืนชี้หน้าพี่มะปรางอยู่ข้างๆเตียง แล้วก็ตะโกนออกมาว่า "ตื่นได้แล้ว"
โดนผีหลอกเมื่ออยู่ในหอพักแห่งหนึ่ง
ลักษณะห้องจะไม่ได้ใหญ่มากนะคะ เปิดประตูเข้ามาก็ถึงเตียงเลย หากมองไปจากหน้าประตู ก็จะตรงกับประตูระเบัยงห้อง ซึ่งพี่มะปรางบอกว่าไม่ชอบเลย เพราะเคยได้ยินผู้ใหญ่เขาพูดกันว่า หากประตูตรงกับประตูมันไม่ดี จะมีพวกสัมภเวสีเดินผ่านไปมารบกวน บางรายอาจโดนผีหลอก หรือบางรายอาจจะป่วยเลยก็ได้ แต่ในเมื่อมาอยู่อย่างเลี่ยงไม่ได้แล้วก็เลยต้องจำใจอยู่ไป
พี่มะปรางเล่าให้ฟังว่า ตอนนั้นหลังจากที่จัดการเรื่องขนของเข้ามาในห้องแล้ว เธอเลยกวาดห้องแล้วตามมาด้วยถูห้อง เพื่อที่เพื่อนๆเข้ามาใหม่จะได้ไม่ต้องเสียเวลาทำ อีกอย่างห้องก็ฝุ่นเยอะมากๆด้วยซึ่งต่างจากเพื่อนๆที่อาศัยอยู่ในห้องอื่นๆ (พี่มะปรางไปเมคเฟรนเรียบร้อย)
พี่มะปรางกวาดห้อง แล้วก็ต้องเอาไม้กวาดบล้วงเข้าไปใต้เตียงของเตียงคู่อีกฝั่ง เธอบอกว่าตอนนั้นเอง รู้สึกเหมือนมีวัตถุบางอย่างอยู่ข้างใต้ แต่ใช้ไม้กวาดลากออกมาไม่ได้ เลยส่องไฟฉายดู เห็นเป็นแท่งอะไรไม่รู้เล็กๆดำๆ พี่ปรางเลยใช้มือล้วงหยิบออกมา เห็นเป็นตุ๊กตาตัวเล็กๆทำด้วยโลหะเหล็กสีดำ มีเชือกสีแดงๆพันอยู่รอบๆเลย พี่มะปรางตกใจเลยทิ้งมันลงบนเตียง เธอบอกว่าลักษณะคือน่าจะเป็นของพวกคุณไสยหรือไม่ก็เป็นกุมาร(เคยดูมาจากในหนัง)พี่มะปรางรู้สึกใจเสียท่ี่ตัวเองใช้มือหยิบแทนที่จะใช้ผ้าหรือด้ามไม้กวาดเขี่ยออกมา เลยวิ่งไปล้างมือในห้องน้ำข้างนอก จนกลับมาที่ห้องแล้วก็ใช้ด้ามไม้กวาดค่อยๆเขี่ยวัตุนั้นลงที่โกยขยะแล้วเอาไปทิ้งลงถังขยะใบเล็กที่วางอยู่หน้าระเบียง จนเวลาผ่านพ้นไปราวๆเกือบๆสองทุ่ม พี่มะปรางเธอบอกว่าตอนนั้นเธอปวดท้องหิวข้าวมาก เลยหยิบกุญแจแล้วก็กระเป๋าตังค์ลงไปหาอะไรทานข้างล่าง ซึ่งโชคดีมากที่ข้างหอเธอเป็นตลาดเล็กๆซึ่งเธอไม่ต้องเดินไปไกลเพื่อซื้อของกินเลย แต่แย่หน่อยที่ผู้คนในตลาดแออัดไป
พี่มะปรางขึ้นห้องมาพร้อมกับก๋วยเตี๋ยว1ถุงแล้วก็ลูกชิ้นย่างอีกสี่ไม้ น้ำเก๊กฮวยอีก1แก้วเล็ก เธอบอกว่าทันทีที่เปิดประตูเข้ามา บรรยากาศในห้องดูเปลี่ยนไปจากตอนที่เธออยู่ข้างนอกมากๆเลย คือมันจะรู้สึกอึดอัด อึมครึม ดูเก่าๆอย่างไรก็ไม่รู้ แต่ก็คิดหลอกตัวเองว่าอาจจะเป็นเพราะข้างล่างอากาศถ่ายเทสะดวกจึงทำให้ไม่รู้สึกอึดอัดก็เป็นได้ ด้วยความหิวเธอเลยเดินไปหยิบจานแล้วก็เทของใส่ลงในชามเดียวกัน ก่อนจะก้มหน้าก้มตากินลูกเดียว จนมารู้สึกตัวอีกทีเมื่อได้ยินเสียงคล้ายกับมีคนเคาะประตูระเบียง แต่จะว่าเคาะก็ไม่ใช่ มันเป็นเหมือนเสียงใครใช้เล็บขูดประตูมากกว่า ดังแกรกแกรก พี่ปรางตกใจเลยรีบลุกขึ้นไปเปิดประตูแต่ก็ไม่เจออะไร เธอเลยเปิดประตูทิ้งไว้(เพื่อให้อากาศถ่ายเท)แล้วเดินกลับมานั่งกินก๋วยเตี๋ยวต่อ จนเวลาผ่านไปสามทุ่มกว่าๆก็เริ่มง่วงเพราะกินเยอะ เลยขึ้นไปนอนบนเตียงโดยที่เปิดประตูระเบียงทิ้งเอาไว้..
พี่ปรางฝันว่า ในความฝันเหมือนเธอนอนอยู่แล้วเธอก็ลืมตาตื่นแล้วนอนอยู่บนเตียง ในความฝันเธอขยับตัวไม่ได้ เมื่อเพ่งมองไปรอบๆก็เห็นว่าห้องที่เธออยู่นั้นเปลี่ยนไป คือจะไม่มีเตียงคู่แล้ว และตรงตู้เสื้อผ้าอผ้าที่ตั้งอยู่ใกล้ๆประตูระเบียงก็เปลี่ยนเป็นตู้เย็นสีเขยวแทน แต่ความน่าสนใจมันอยู่ตรงตู้เย็นนี่แหละ เพราะในความฝันภาพที่เธอเห็นมันจะออกสีส้มๆอ่อนๆแล้วก็จะเห็นเป็นลางๆคือไม่สามารถมองให้ชัดได้ แต่มีเพียงตรงตู้เย็นอย่างเดียวที่พี่มะปรางเห็นชัดแจ๋ว ตู้เย็นนั้นทั้งดูเก่าและน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก พี่มะปรางบอกว่าถึงเธอจะขยับได้แค่ลูกตาแต่ตอนนั้นก็ไม่สามารถบังคับให้มองไปทางอื่นได้ยกเว้นที่ตู้เย็น... แล้วก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อเห็นว่าตู้เย็นมันสั่นอย่างกับว่ามีใครเขย่ามันอย่างนั้น พี่ปรางบอกว่าพอมองดูดีๆตู้เย็นจากที่สั้นๆก็หยุด แล้วก็มีเลือดค่อยๆไหลออกมาจากตู้เย็น มีลิ่มเ_ือดด้วย ถึงกองเลือดนั้นจะไม่เยอะแต่ก็ทำให้พี่ปรางกลัวจนต้องไห้ออกมา กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วห้อง จนพี่มะปรางกลัวสุดขีด แต่ความกลัวยังไม่หยุดอยู่แค่นั้น เมื่อมีเด็กผู้ชายคนหนึ่งอายุประมาณห้าหกขวบ มายืนชี้หน้าพี่มะปรางอยู่ข้างๆเตียง แล้วก็ตะโกนออกมาว่า "ตื่นได้แล้ว"