นอนทับที่

เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ เป็นเรื่องที่เกิดกับเราสมัยเรียนอยู่มหาวิทยาลัย ปี1

ตอนนั้นเราเข้าอยู่หอใน ตามกฎของมหาวิทยาลัยรัฐส่วนใหญ่ ที่นักศึกษาชั้นปีที่1 จะต้องพักอยู่หอในของมหาวิทยาลัย
หอในของมหาวิทยาลัยที่ได้เข้าไปอยู่ เป็นหอพักใหม่เพิ่งสร้างเสร็จในปีนั้น กำหนดให้พักห้องละ 4คน โดยเป็นเตียงเดี่ยว4เตียง แยกคนละมุม
ตรงกลางระหว่างหัวเตียงหนึ่งไปอีกหัวเตียงหนึ่งจะมีตู้เสื้อผ้าเล็กๆแบบบิ้วอินติดผนัง
ส่วนโต๊ะเขียนหนังสือจะอยู่ข้างหัวเตียงอีกฝั่ง ตรงกลางห้องจะมีพื้นที่ว่างอเนกประสงค์
ส่วนห้องน้ำอยู่นอกระเบียง จากเลเอาท์ห้อง ประตูหน้าห้องกับประตูระเบียงจะตรงกันพอดี
ตอนแรกที่ย้ายเข้าไปภายในห้องยังมีกลิ่นสี และกลิ่นอับเฟอร์นิเจอร์ใหม่อยู่
แต่โดยรวม พื้นที่ใช้สอยทั้งหมดในห้อง ถือว่าสะดวกมากที่เดียว

ในพวกเราทั้ง 4คน มีเรากับเพื่อนอีกคน ขอแทนชื่อเพื่อนว่า ยิ้ม
ยิ้มกับเรา เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ม.ปลาย จึงจับคู่กันลงชื่อเข้าอยู่หอพัก
ส่วนรูมเมทอีก 2คนที่เหลือ ถูกทางหอพักจับมาลงให้ครบจำนวนคน
เมื่อครบจำนวนสมาชิกทั้ง 4คนแล้ว พวกเราก็จัดแจงขนย้ายของเข้าห้องพัก และเลือกเตียงที่ตัวเองชอบคนละมุม

เรากับยิ้มนอนเตียงตรงข้ามกัน ปลายเท้าหันชนกัน ส่วนเตียงข้างๆเรา เป็นรูมเมทชื่อหนิง หนิงเป็นชาวเขาเผ่าม้ง
และตรงกันข้ามกันเป็นรูมเมทอีกคนชื่อเจ ทุกคนนิสัยน่ารัก และพวกเราคุยกันถูกคอมาก

วันแรกที่เข้าหอ บรรยากาศในหอพักครึกครื้น บางคนก็ชวนกันไปจุดธูปบอกกล่าวเจ้าที่
แต่เราวุ่นอยู่กับการจัดของเลยไม่ได้ไป
ผ่านมาเกือบเดือน จนสุดท้ายเราก็ลืมไปไหว้เจ้าที่เจ้าทาง

อยู่มาวันหนึ่ง ตรงกับช่วงหยุดยาว 3วัน ชาวหอพักส่วนใหญ่เดินทางกลับบ้าน หลังจากที่ไม่ได้เจอครอบครัวมาแรมเดือน
หนิงก็เดินทางกลับบ้านเช่นกัน เหลือเพียงสามสาวอยู่เฝ้าหอพัก

ตกเย็นบรรยากาศภายในหอเริ่มเงียบเหงา ทุกคนเดินทางกลับบ้านกันหมด
เราพากันออกไปกินข้าวที่โรงอาหาร และได้เจอกับเกมส์
เกมส์เป็นเพื่อนในเอกเดียวกัน พอเกมส์รู้ว่าพวกเราไม่กลับบ้าน เกมส์จึงขอมานอนด้วย
เพราะรูมเมทของเกมส์กลับบ้านกันหมด ไม่อยากนอนคนเดียว

คืนนั้นเราให้เกมส์นอนเตียงเรา ส่วนเราไปนอนเตียงหนิง พวกเราเข้านอนกันปกติ
ปกติเราไม่ชอบไหว้พระก่อนนอน ครั้งนี้ก็เช่นกัน คิดว่าแค่ย้ายเตียงไม่น่าจะเป็นอะไร
ในคืนนั้นเราฝัน ในฝันเหมือนจริงมาก เป็นภาพที่เราลืมตาตื่นขึ้นมา เรานอนอยู่ที่เตียงหนิง
ส่วนเพื่อนอีกสามคนก็นอนที่เตียงตัวเองปกติ ทุกคนหลับสนิท

เราได้ยินเสียงขบวนแห่ เป็นดนตรีพื้นเมืองคล้ายของทางเหนือ แต่ทำนองแปลกหู ดังใกล้เข้ามาทางห้องเราเรื่อยๆ
ในฝัน ประตูหน้าห้องและประตูระเบียงถูกเปิดทิ้งไว้ มีแสงไฟจากข้างนอกส่องเข้ามาพอเห็นภาพได้ชัดเจน

เสียงเพลงดังใกลเข้ามา ขบวนแห่ผ่านเข้ามาในห้องเราจากประตูหน้าห้อง
ทุกคนในขบวนแห่ แต่งกายด้วยชุดพื้นเมืองที่เราไม่รู้จัก มีผู้หญิงฟ้อนนำขบวนสามสี่คน ท่าทางการฟ้อนรำแขนขาบิดเกร็งดูน่ากลัว
และมีนัดดนตรีเล่นเครื่องดนตรีเดินตาม และมีคนอื่นๆอีก รวมทั้งหมดน่าจะประมาณสิบกว่าคน เหมือนทุกคนไม่เห็นว่าเราแอบดูอยู่
เราไม่กล้าสบตากับใคร กลัวเขาจะรู้ว่าเราดูอยู่

ขบวนเคลื่อนผ่านไปทางประตูระเบียงอย่างช้าๆ และค่อยๆลับหายไป
ความรู้สึกตอนนั้นคือกลัวมาก หัวใจเราเต้นไม่เป็นจังหวะ แต่พอหันไม่มองดูเพื่อนๆ ทุกคนหลับสนิท

สักพักมีผู้ชายวัยประมาณห้าสิบปลายๆถึงหกสิบ แต่งกายใส่กางเกงสแล็กและเสื้อเชิ้ตตามยุคปัจจุบัน เดินเข้ามาในห้อง
แต่ลักษณะการเดินคือ เดินบนเพดานและเอาหัวห้อยลงมา

ตอนนี้คิดว่าตัวเองเจอดีเข้าให้แล้ว เราพยายามนอนนิ่งๆไม่ขยับ ไม่ให้เขารู้ว่าเราแอบดูอยู่ แต่จริงๆคือสั่นไปทั้งตัว เหงื่อแตกพลั่ก
ผู้ชายคนนั้นเดินมาหยุดที่ปลายเตียงเรา ค่อยๆบิดคอหันหน้ามามองเรา และค่อยๆฉีกยิ้มให้เรา เป็นรอยยิ้มที่เย็นวาบและน่ากลัวมาก

ตอนนั้นเราพยายามเรียกทุกคน ทั้งส่งเสียง ร้องไห้ และเอามือทุบตู้เสื้อผ้า จนเจ็บมือ แต่ก็ไม่มีใครได้ยิน
พยายามดิ้นแต่ก็ขยับไม่ได้ จึงรวบรวมกำลังลุกขึ้นจนสุดแรง ทันใดนั้นเราลืมตาตื่นขึ้นมา ตัวโชกไปด้วยเหงื่อ พอลุกขึ้นมาได้ เราวิ่งไปที่เตียงเกมส์ทันที

“เกมส์! ตื่นๆๆ เราโดนผีหลอก”

ทุกคนตกใจตื่นและเปิดไฟ เราเล่าเรื่องทั้งหมดให้ทุกคนฟัง
ยิ้มบอกให้เราไหว้พระก่อน “ฝันร้ายกลายเป็นดีนะแก ไหว้พระให้ใจเย็นก่อนนะ”
เหลือบดูนาฬิกาเป็นเวลาตีสามกว่า เราจึงนอนเบียดเตียงเดียวกับเกมส์จนถึงเช้า

ตอนสาย เราไปเก็บที่นอนให้หนิง ระหว่างที่หยิบหมอนขึ้นมาจัด เราเจอมีดกริชเล่มเล็กๆ ไม่คมสภาพค่อนข้างเก่าวางอยู่ใต้หมอน
เราคิดว่านี่อาจจะเป็นเครื่องรางที่ช่วยปกปักรักษาหนิง แต่พอเราที่เป็นคนอื่นไปนอนทับที่โดยไม่บอกกล่าว จึงเจอกับเหตุการณ์ดังเช่นเมื่อคืน
ตอนที่หนิงกลับมา เราได้เล่าเรื่องนี้ให้หนิงฟัง แต่หนิงก็ยิ้มๆไม่ตอบอะไร

เรายังสงสัยจนถึงทุกวันนี้เกี่ยวกับสิ่งที่เราเห็นในคืนนั้นและเรื่องมีดใต้หมอน
หรือแค่เรื่องบังเอิญที่ฝันไป
เพื่อนๆคนไหนมีความรู้เกี่ยวกับเครื่องรางหรือเรื่องคล้ายๆกับที่เราเจอในคืนนั้น
เอามาแชร์กันได้นะคะ

ขอบคุณค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่