ตอนสมัยเด็กๆ หมู่บ้านที่ผมอยู่ ความเจริญยังเพิ่งเข้าถึงใหม่ๆ
ถนนหนทางในหมู่บ้านเพิ่งจะเปลี่ยนจากดินลูกรังเป็นถนนคอนกรีตได้ไม่นาน
ไฟฟ้าเข้ามาเป็นสิบปีแล้ว แต่ไฟส่องทางตามถนนยังไม่มี ดังนั้นตกยามค่ำคืนทางในหมู่บ้านจึงมืดมิดสุดจะพรรณนา
ตอนนั้นอยู่ป.1 ไม่เคยได้ดูละครหลังข่าวแบบเต็มอิ่มเลย (เรื่องแก้วขนเหล็ก อยากดูแต่กลัวมาก) ประมาณการ์ตูนหลังข่าวจบก็โดนไล่ให้เข้านอน
ทุกคืนจะมียายมานอนเป็นเพื่อน คืนนี้ก็เช่นกัน พอการ์ตูนหลังข่าวจบก็โดนไล่ให้เข้านอน จำได้ว่าหลับในห้องคนเดียวนานพอดู
รู้ตัวอีกทีคือยายปิดทีวี ปิดไฟ แล้วมานอนด้วย งัวเงียอยู่แป๊บเดียวก็ผลอยหลับอีกรอบ
สะดุ้งตื่นกลางดึกอีกทีเพราะเสียงอะไรบางอย่าง ดังอยู่กลางถนน
ห้องนอนผมอยู่ชั้นสอง หันหัวไปทางถนนพอดี หน้าต่างก็อยู่บนหัวนอน จึงได้ยินเสียงชัดมาก
กร็อบแกร็บ..
กร็อบแกร็บ..
เสียงเหมือนมีใครมาเล่นเดินกะลากลางดึก แต่คืนนั้นเป็นคืนเดือนหงาย คงมีใครอุตริมาเล่นกะลากลางคืนละมั้ง
ง่วงก็ง่วง อยากเห็นก็อยากเห็น แต่ความง่วงมีมากกว่าความอยากรู้ ขี้คร้านจะใส่ใจ เลยได้แต่ฟังเสียงกะลาค่อยๆห่างออกไปจนไกลลิบ
หลังจากนั้นก็หลับยาวจนรุ่งเช้า
ล้างหน้าแปรงฟันเสร็จถามยายว่าเมื่อคืนเหมือนได้ยินใครเล่นกะลาผ่านถนนบนหัวนอน
ยายเล่าว่า
เมื่อคืนยายก็ได้ยินเหมือนกัน ก็สงสัยอยู่ว่าเด็กที่ไหนมาเล่นกะลากลางคืนเดือนหงาย ก็เลยลุกขึ้นดูผ่านหน้าต่าง
จึงได้เห็นบางอย่าง ที่ไม่ใช่มนุษย์
แสงคืนเดือนหงายส่องสว่างขาวนวล
กระทบเข้ากับร่างๆหนึ่ง ที่กำลังวิ่งเหยาะๆบนถนน กำลังใกล้เข้ามา
เท้ามีกีบเหมือนม้า
ลำตัวเป็นคน
แต่สองแขนเป็นเหมือนเท้าม้ายื่นไปข้างหน้า
ที่แปลกก็คือ
มีหัวเป็นคน!
มันวิ่งเหยาะๆผ่านถนนบนหัวนอนไปจนกระทั่งลับตา คงเหลือแต่เสียงกร็อบแกร็บแผ่วจาง
ยายบอกว่าเป็นผีม้าบ้อง!
ซึ่งกลางวันจะเป็นเหมือนคนปกติ แต่พอตกกลางคืนก็จะกลายเป็นอมนุษย์คอยหากินของเน่าของเหม็น
ผีครึ่งคนประเภทนี้มักไม่มีใครทำบุญให้ เพราะยังไม่ตาย
จะต้องเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆจนกว่าจะเสียชีวิตตามอายุขัย
แต่ถ้าหากตอนอยู่ในร่างอมุษย์ หากถูกใครรู้จักแล้วละก็ มักจะเสียชีวิตในเวลาไม่นาน
ฟังยายเล่าไปกลัวก็กลัว เลยถามว่าทำไมไม่เรียกให้มาดูด้วย
แกบอกว่า กลัวเราจะกลัวเลยไม่เรียกขึ้นมาดู
เรื่องนี้กลายเป็นทอร์คออฟเดอะทาวน์ไปเป็นอาทิตย์เลย เพราะได้ยินและเห็นเหมือนกันหลายบ้านที่มันวิ่งผ่าน
พอนึกย้อนไปแล้วเสียดายมาก ที่ไม่ได้เห็น
ถ้าเป็นตอนนี้นะ จะอัดคลิปให้หนำใจเลย
เดือนหงายคืนนั้น
ถนนหนทางในหมู่บ้านเพิ่งจะเปลี่ยนจากดินลูกรังเป็นถนนคอนกรีตได้ไม่นาน
ไฟฟ้าเข้ามาเป็นสิบปีแล้ว แต่ไฟส่องทางตามถนนยังไม่มี ดังนั้นตกยามค่ำคืนทางในหมู่บ้านจึงมืดมิดสุดจะพรรณนา
ตอนนั้นอยู่ป.1 ไม่เคยได้ดูละครหลังข่าวแบบเต็มอิ่มเลย (เรื่องแก้วขนเหล็ก อยากดูแต่กลัวมาก) ประมาณการ์ตูนหลังข่าวจบก็โดนไล่ให้เข้านอน
ทุกคืนจะมียายมานอนเป็นเพื่อน คืนนี้ก็เช่นกัน พอการ์ตูนหลังข่าวจบก็โดนไล่ให้เข้านอน จำได้ว่าหลับในห้องคนเดียวนานพอดู
รู้ตัวอีกทีคือยายปิดทีวี ปิดไฟ แล้วมานอนด้วย งัวเงียอยู่แป๊บเดียวก็ผลอยหลับอีกรอบ
สะดุ้งตื่นกลางดึกอีกทีเพราะเสียงอะไรบางอย่าง ดังอยู่กลางถนน
ห้องนอนผมอยู่ชั้นสอง หันหัวไปทางถนนพอดี หน้าต่างก็อยู่บนหัวนอน จึงได้ยินเสียงชัดมาก
กร็อบแกร็บ..
กร็อบแกร็บ..
เสียงเหมือนมีใครมาเล่นเดินกะลากลางดึก แต่คืนนั้นเป็นคืนเดือนหงาย คงมีใครอุตริมาเล่นกะลากลางคืนละมั้ง
ง่วงก็ง่วง อยากเห็นก็อยากเห็น แต่ความง่วงมีมากกว่าความอยากรู้ ขี้คร้านจะใส่ใจ เลยได้แต่ฟังเสียงกะลาค่อยๆห่างออกไปจนไกลลิบ
หลังจากนั้นก็หลับยาวจนรุ่งเช้า
ล้างหน้าแปรงฟันเสร็จถามยายว่าเมื่อคืนเหมือนได้ยินใครเล่นกะลาผ่านถนนบนหัวนอน
ยายเล่าว่า
เมื่อคืนยายก็ได้ยินเหมือนกัน ก็สงสัยอยู่ว่าเด็กที่ไหนมาเล่นกะลากลางคืนเดือนหงาย ก็เลยลุกขึ้นดูผ่านหน้าต่าง
จึงได้เห็นบางอย่าง ที่ไม่ใช่มนุษย์
แสงคืนเดือนหงายส่องสว่างขาวนวล
กระทบเข้ากับร่างๆหนึ่ง ที่กำลังวิ่งเหยาะๆบนถนน กำลังใกล้เข้ามา
เท้ามีกีบเหมือนม้า
ลำตัวเป็นคน
แต่สองแขนเป็นเหมือนเท้าม้ายื่นไปข้างหน้า
ที่แปลกก็คือ
มีหัวเป็นคน!
มันวิ่งเหยาะๆผ่านถนนบนหัวนอนไปจนกระทั่งลับตา คงเหลือแต่เสียงกร็อบแกร็บแผ่วจาง
ยายบอกว่าเป็นผีม้าบ้อง!
ซึ่งกลางวันจะเป็นเหมือนคนปกติ แต่พอตกกลางคืนก็จะกลายเป็นอมนุษย์คอยหากินของเน่าของเหม็น
ผีครึ่งคนประเภทนี้มักไม่มีใครทำบุญให้ เพราะยังไม่ตาย
จะต้องเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆจนกว่าจะเสียชีวิตตามอายุขัย
แต่ถ้าหากตอนอยู่ในร่างอมุษย์ หากถูกใครรู้จักแล้วละก็ มักจะเสียชีวิตในเวลาไม่นาน
ฟังยายเล่าไปกลัวก็กลัว เลยถามว่าทำไมไม่เรียกให้มาดูด้วย
แกบอกว่า กลัวเราจะกลัวเลยไม่เรียกขึ้นมาดู
เรื่องนี้กลายเป็นทอร์คออฟเดอะทาวน์ไปเป็นอาทิตย์เลย เพราะได้ยินและเห็นเหมือนกันหลายบ้านที่มันวิ่งผ่าน
พอนึกย้อนไปแล้วเสียดายมาก ที่ไม่ได้เห็น
ถ้าเป็นตอนนี้นะ จะอัดคลิปให้หนำใจเลย