มันเป็นแบบนี้หลายครั้งแล้ว เวลาไปสมัครงานตามที่ต่าง เราสอบผ่านข้อเขียนเกือบทุกครั้ง แต่พอถึงเวลาสอบสัมภาษณ์กลับไม่ผ่าน
วันนี้เราเลยขอเอาบทสัมภาษณ์งานของเรามาลง แล้วให้ทุกคนช่วยวิเคราะห์หน่อยค่ะ ว่าเราทำอะไรผิดพลาดไปบ้าง
อันนี้เป็นเหตุการณ์ที่เราไปสอบสัมภาษณ์งานที่ธนาคารแห่งหนึ่ง ตำแหน่งลูกจ้าง (หลังจากสอบผ่านข้อเขียนแล้ว)
บุคลิกของเรา >> ตัวเล็ก เตี้ย ท่าทางนิ่งๆ เนิบๆ และเรียบร้อย แต่งกายเรียบร้อย ใส่สูทสีดำ-กระโปรง แต่งหน้าอ่อนๆ รวบผมเป็นหางม้า
ตัวอย่างบทสัมภาษณ์ เท่าที่จำได้
เรา : (เดินเข้าไปในห้อง ยกมือไหว้ กล่าวสวัสดีกรรมการทุกคน ก่อนจะนั่งลง)
กรรมการ : "แนะนำตัวเองหน่อยค่ะ"
เรา : "ค่ะ หนูชื่อ..... ชื่อเล่นว่า.... อายุ...ปี มีภูมิลำเนาอยู่ที่..... จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย...... คณะ.....สาขาการบริหารทรัพยากรมนุษย์ ระหว่างที่ศึกษาเคยทำกิจกรรมชมรม....ในตำแหน่งเลขานุการ เคยฝึกงานที่.....และ.....(เราเคยฝึกงาน 2 ที่) และเมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วมีประสบการณ์ทำงานที่..... ตำแหน่งพนักงานขาย เป็นเวลา 4 เดือน และที่.....(ห้างสรรพสินค้า) ตำแหน่ง.....เป็นเวลา 6 เดือน และตำแหน่งเจ้าหน้าที่ให้บริการลูกค้า เป็นเวลา 6 เดือน นี่คือประสบการณ์ทั้งหมดของหนูค่ะ" (สรุปว่าใน 1 ปีกว่าๆ เราเคยทำงานมา 2 ที่ 3 ตำแหน่ง)
กรรมการ : "ทำไมถึงลาออกจากงานเก่า"
เรา : "เพราะงานที่ทำยังไม่ตอบโจทย์ความต้องการของหนูค่ะ และเวลาทำงานก็ไม่เอื้ออำนวยต่อสุขภาพค่ะ เพราะเป็นงานกะ เข้างานเช้าสุดเวลา 05.30 น. และเลิกงานดึกสุดเวลา 22.00 น. ซึ่งบางครั้งก็มีการโดดกะ คือเลิกงานเวลา 22.00 น. แล้วต้องมาทำงานวันต่อไปเวลา 05.30 น. ทำให้รู้สึกล้า ไม่ค่อยสบาย และทำงานได้ไม่เต็มที่ จึงตัดสินใจลาออกดีกว่าค่ะ" (เราตอบตามความจริง เพราะไม่ชอบโกหก แต่ก็อุตส่าห์เลี่ยงไม่พูดถึงเรื่องเจ้านายและเพื่อนร่วมงาน จริงๆเราเสียดายมากเลยที่ไม่พูดเสริมไปด้วยว่า ลักษณะการทำงานแบบนี้ทำให้เราไม่ค่อยมีเวลาไปไหนกับครอบครัวหรือเพื่อนๆ วันหยุดเทศกาลทั้งที แทนที่จะได้หยุด ก็กลับไม่ได้หยุด เสียดายที่ลืมพูดตรงนี้ไป)
กรรมการ : "อะไรเป็นแรงจูงใจให้มาสมัครงานที่นี่"
เรา : "เพราะหนูได้ยินชื่อเสียงของธนาคาร....มานานว่าเป็นองค์กรที่มีความมั่นคง มีความยั่งยืน และสวัสดิการที่ดีให้แก่พนักงาน หนูมีคนรู้จักที่ทำงานที่นี่ด้วย เขาก็ให้การสนับสนุนว่าที่นี่เป็นองค์กรที่มีระบบการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ น่าร่วมงานด้วยเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้หนูก็เคยมาใช้บริการที่นี่เป็นเวลานาน ซึ่งก็ได้รับการบริการที่ดีมาโดยตลอด ทำให้หนูรู้สึกชื่นชอบและต้องการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของธนาคารแห่งนี้ค่ะ"
กรรมการ : "นั่นคือสิ่งที่คนภายนอกมอง แต่จริงๆแล้ว งานธนาคารเดี๋ยวนี้ต้องทำงานล่วงเวลา แทบไม่มีวันหยุด และก็ต้องขายผลิตภัณฑ์ของธนาคาร พี่ว่ามันก็คงไม่เอื้ออำนวยต่อสุขภาพน้องเหมือนกัน น้องคิดว่าจะทำได้เหรอ"
เรา : "ทำได้ค่ะ เพราะเป็นสายงานที่หนูสนใจ" (ตอบสั้นๆแบบนี้แหละ เพราะตอนนั้นคิดไม่ออก มาคิดได้ตอนหลังว่า อย่างน้อยงานธนาคารมันก็ไม่ใช่งานกะ มีวันหยุดปกติ เฮ้อ คิดช้าไป จึงอดตอบ)
กรรมการ : "น้องคิดว่าตำแหน่งลูกจ้างของที่นี่ต้องทำอะไรบ้าง
เรา : "มีหน้าที่คอยให้บริการลูกค้าในเรื่องของการทำธุรกรรมทางการเงิน มีการพูดคุย ให้ข้อมูลต่างๆ และเสนอขายผลิตภัณฑ์ของธนาคาร นอกจากนี้ก็เป็นงานด้านเอกสารค่ะ" (เอาเถอะ อย่างน้อยเราก็เคยมีประสบการณ์ด้านงานบริการ)
กรรมการ : "ถ้าน้องต้องขายประกัน จะมีแนวทางในการหาลูกค้าอย่างไร"
เรา : (ข้อนี้เราไม่รู้จริงๆ เพราะไม่เคยทำงานธนาคาร) "ก็จะขายทั้งลูกค้าภายใน คือลูกค้าที่มาใช้บริการที่ธนาคารนี้ และขายให้กับลูกค้าภายนอก โดยอาจเริ่มจากคนที่รู้จักก่อน ก็จะขายได้ง่ายกว่าค่ะ"
กรรมการ : "น้องเป็นคนตัวเล็ก แล้วจะยกของไหวไหม"
เรา : "ไหวค่ะ หากมีความตั้งใจ และความกระตือรือร้นที่จะทำ ก็ไม่เป็นปัญหาหรอกค่ะ" (ไม่ชอบคำถามนี้เลย เขาจะให้เรายกของอะไรหว่า)
กรรมการ : "ถ้าต้องไปอยู่ประจำที่ต่างจังหวัด ซึ่งบางจังหวัดก็มีความเสี่ยง หรือเป็นสาขาอื่นที่ไม่ใช่ใกล้บ้าน สามารถไปได้ไหม"
เรา : "ได้ค่ะ ไม่มีปัญหา" (คิดในใจว่า มานั่งอยู่ตรงนี้แล้วก็ต้องตอบว่าได้เท่านั้นแหละ)
กรรมการ : "น้องมีอะไรจะถามพี่ไหม"
เรา : "ตอนนี้ไม่มีค่ะ เพราะได้ศึกษาข้อมูลจากทางเว็บไซต์แล้ว" (ไม่รู้จะถามอะไร อยากถามว่า แล้วพี่จะรับหนูไหม ก็ไม่กล้าถาม)
กรรมการ : "งั้นขอให้โชคดีนะคะ ผลสัมภาษณ์จะส่งไปทางอีเมล ขอบคุณค่ะ"
เรา : "ขอบคุณค่ะ สวัสดีค่ะ" (ยกมือไหว้กรรมการ แล้วเดินออกไปจากห้อง)
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ใช้เวลาสัมภาษณ์ประมาณ 15 นาที แต่ผลสุดท้ายเราก็ไม่ผ่าน ไม่ได้งาน จริงๆบทสัมภาษณ์มีเยอะกว่านี้ แต่เราเอามาโพสต์เท่าที่เราจำได้ เราคิดว่าการตอบคำถามของเราอาจไม่ได้ดูดีมาก บางคำถามเราก็ตอบผิด แต่เราก็พยายามตอบอย่างมั่นใจ แสดงถึงความเป็นตัวเรา เพราะไม่ค่อยอยากเฟค ใช้น้ำเสียงราบเรียบ สีหน้ายิ้มแย้มและดูสงบ และมองตาท่านกรรมการตลอด ถ้าถามว่าเรามีการเตรียมตัวก่อนจะไปสัมภาษณ์ไหม ตอบได้ว่าเราเตรียมตัว แต่กรรมการก็ไม่ค่อยถามในสิ่งที่เราเตรียมตัวไป อยากให้ผู้อ่านช่วยวิเคราะห์หน่อยค่ะ เราพูดอะไรผิดพลาดไปบ้าง(เรารู้ว่าต้องมีข้อผิดพลาดแน่นอน) เราจะได้ปรับปรุงค่ะ เพราะชอบตกม้าตายตอนสัมภาษณ์ทุกที
สัมภาษณ์งานไม่เคยผ่าน แสดงว่าเราตอบคำถามไม่ดีใช่ไหม
วันนี้เราเลยขอเอาบทสัมภาษณ์งานของเรามาลง แล้วให้ทุกคนช่วยวิเคราะห์หน่อยค่ะ ว่าเราทำอะไรผิดพลาดไปบ้าง
อันนี้เป็นเหตุการณ์ที่เราไปสอบสัมภาษณ์งานที่ธนาคารแห่งหนึ่ง ตำแหน่งลูกจ้าง (หลังจากสอบผ่านข้อเขียนแล้ว)
บุคลิกของเรา >> ตัวเล็ก เตี้ย ท่าทางนิ่งๆ เนิบๆ และเรียบร้อย แต่งกายเรียบร้อย ใส่สูทสีดำ-กระโปรง แต่งหน้าอ่อนๆ รวบผมเป็นหางม้า
ตัวอย่างบทสัมภาษณ์ เท่าที่จำได้
เรา : (เดินเข้าไปในห้อง ยกมือไหว้ กล่าวสวัสดีกรรมการทุกคน ก่อนจะนั่งลง)
กรรมการ : "แนะนำตัวเองหน่อยค่ะ"
เรา : "ค่ะ หนูชื่อ..... ชื่อเล่นว่า.... อายุ...ปี มีภูมิลำเนาอยู่ที่..... จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย...... คณะ.....สาขาการบริหารทรัพยากรมนุษย์ ระหว่างที่ศึกษาเคยทำกิจกรรมชมรม....ในตำแหน่งเลขานุการ เคยฝึกงานที่.....และ.....(เราเคยฝึกงาน 2 ที่) และเมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วมีประสบการณ์ทำงานที่..... ตำแหน่งพนักงานขาย เป็นเวลา 4 เดือน และที่.....(ห้างสรรพสินค้า) ตำแหน่ง.....เป็นเวลา 6 เดือน และตำแหน่งเจ้าหน้าที่ให้บริการลูกค้า เป็นเวลา 6 เดือน นี่คือประสบการณ์ทั้งหมดของหนูค่ะ" (สรุปว่าใน 1 ปีกว่าๆ เราเคยทำงานมา 2 ที่ 3 ตำแหน่ง)
กรรมการ : "ทำไมถึงลาออกจากงานเก่า"
เรา : "เพราะงานที่ทำยังไม่ตอบโจทย์ความต้องการของหนูค่ะ และเวลาทำงานก็ไม่เอื้ออำนวยต่อสุขภาพค่ะ เพราะเป็นงานกะ เข้างานเช้าสุดเวลา 05.30 น. และเลิกงานดึกสุดเวลา 22.00 น. ซึ่งบางครั้งก็มีการโดดกะ คือเลิกงานเวลา 22.00 น. แล้วต้องมาทำงานวันต่อไปเวลา 05.30 น. ทำให้รู้สึกล้า ไม่ค่อยสบาย และทำงานได้ไม่เต็มที่ จึงตัดสินใจลาออกดีกว่าค่ะ" (เราตอบตามความจริง เพราะไม่ชอบโกหก แต่ก็อุตส่าห์เลี่ยงไม่พูดถึงเรื่องเจ้านายและเพื่อนร่วมงาน จริงๆเราเสียดายมากเลยที่ไม่พูดเสริมไปด้วยว่า ลักษณะการทำงานแบบนี้ทำให้เราไม่ค่อยมีเวลาไปไหนกับครอบครัวหรือเพื่อนๆ วันหยุดเทศกาลทั้งที แทนที่จะได้หยุด ก็กลับไม่ได้หยุด เสียดายที่ลืมพูดตรงนี้ไป)
กรรมการ : "อะไรเป็นแรงจูงใจให้มาสมัครงานที่นี่"
เรา : "เพราะหนูได้ยินชื่อเสียงของธนาคาร....มานานว่าเป็นองค์กรที่มีความมั่นคง มีความยั่งยืน และสวัสดิการที่ดีให้แก่พนักงาน หนูมีคนรู้จักที่ทำงานที่นี่ด้วย เขาก็ให้การสนับสนุนว่าที่นี่เป็นองค์กรที่มีระบบการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ น่าร่วมงานด้วยเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้หนูก็เคยมาใช้บริการที่นี่เป็นเวลานาน ซึ่งก็ได้รับการบริการที่ดีมาโดยตลอด ทำให้หนูรู้สึกชื่นชอบและต้องการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของธนาคารแห่งนี้ค่ะ"
กรรมการ : "นั่นคือสิ่งที่คนภายนอกมอง แต่จริงๆแล้ว งานธนาคารเดี๋ยวนี้ต้องทำงานล่วงเวลา แทบไม่มีวันหยุด และก็ต้องขายผลิตภัณฑ์ของธนาคาร พี่ว่ามันก็คงไม่เอื้ออำนวยต่อสุขภาพน้องเหมือนกัน น้องคิดว่าจะทำได้เหรอ"
เรา : "ทำได้ค่ะ เพราะเป็นสายงานที่หนูสนใจ" (ตอบสั้นๆแบบนี้แหละ เพราะตอนนั้นคิดไม่ออก มาคิดได้ตอนหลังว่า อย่างน้อยงานธนาคารมันก็ไม่ใช่งานกะ มีวันหยุดปกติ เฮ้อ คิดช้าไป จึงอดตอบ)
กรรมการ : "น้องคิดว่าตำแหน่งลูกจ้างของที่นี่ต้องทำอะไรบ้าง
เรา : "มีหน้าที่คอยให้บริการลูกค้าในเรื่องของการทำธุรกรรมทางการเงิน มีการพูดคุย ให้ข้อมูลต่างๆ และเสนอขายผลิตภัณฑ์ของธนาคาร นอกจากนี้ก็เป็นงานด้านเอกสารค่ะ" (เอาเถอะ อย่างน้อยเราก็เคยมีประสบการณ์ด้านงานบริการ)
กรรมการ : "ถ้าน้องต้องขายประกัน จะมีแนวทางในการหาลูกค้าอย่างไร"
เรา : (ข้อนี้เราไม่รู้จริงๆ เพราะไม่เคยทำงานธนาคาร) "ก็จะขายทั้งลูกค้าภายใน คือลูกค้าที่มาใช้บริการที่ธนาคารนี้ และขายให้กับลูกค้าภายนอก โดยอาจเริ่มจากคนที่รู้จักก่อน ก็จะขายได้ง่ายกว่าค่ะ"
กรรมการ : "น้องเป็นคนตัวเล็ก แล้วจะยกของไหวไหม"
เรา : "ไหวค่ะ หากมีความตั้งใจ และความกระตือรือร้นที่จะทำ ก็ไม่เป็นปัญหาหรอกค่ะ" (ไม่ชอบคำถามนี้เลย เขาจะให้เรายกของอะไรหว่า)
กรรมการ : "ถ้าต้องไปอยู่ประจำที่ต่างจังหวัด ซึ่งบางจังหวัดก็มีความเสี่ยง หรือเป็นสาขาอื่นที่ไม่ใช่ใกล้บ้าน สามารถไปได้ไหม"
เรา : "ได้ค่ะ ไม่มีปัญหา" (คิดในใจว่า มานั่งอยู่ตรงนี้แล้วก็ต้องตอบว่าได้เท่านั้นแหละ)
กรรมการ : "น้องมีอะไรจะถามพี่ไหม"
เรา : "ตอนนี้ไม่มีค่ะ เพราะได้ศึกษาข้อมูลจากทางเว็บไซต์แล้ว" (ไม่รู้จะถามอะไร อยากถามว่า แล้วพี่จะรับหนูไหม ก็ไม่กล้าถาม)
กรรมการ : "งั้นขอให้โชคดีนะคะ ผลสัมภาษณ์จะส่งไปทางอีเมล ขอบคุณค่ะ"
เรา : "ขอบคุณค่ะ สวัสดีค่ะ" (ยกมือไหว้กรรมการ แล้วเดินออกไปจากห้อง)
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ใช้เวลาสัมภาษณ์ประมาณ 15 นาที แต่ผลสุดท้ายเราก็ไม่ผ่าน ไม่ได้งาน จริงๆบทสัมภาษณ์มีเยอะกว่านี้ แต่เราเอามาโพสต์เท่าที่เราจำได้ เราคิดว่าการตอบคำถามของเราอาจไม่ได้ดูดีมาก บางคำถามเราก็ตอบผิด แต่เราก็พยายามตอบอย่างมั่นใจ แสดงถึงความเป็นตัวเรา เพราะไม่ค่อยอยากเฟค ใช้น้ำเสียงราบเรียบ สีหน้ายิ้มแย้มและดูสงบ และมองตาท่านกรรมการตลอด ถ้าถามว่าเรามีการเตรียมตัวก่อนจะไปสัมภาษณ์ไหม ตอบได้ว่าเราเตรียมตัว แต่กรรมการก็ไม่ค่อยถามในสิ่งที่เราเตรียมตัวไป อยากให้ผู้อ่านช่วยวิเคราะห์หน่อยค่ะ เราพูดอะไรผิดพลาดไปบ้าง(เรารู้ว่าต้องมีข้อผิดพลาดแน่นอน) เราจะได้ปรับปรุงค่ะ เพราะชอบตกม้าตายตอนสัมภาษณ์ทุกที