รบ.เมียนมาร์ยันผู้ต้องหาคดีเกาะเต่าบริสุทธิ์
เผยแพร่เมื่อ 18 ธ.ค. 2014
เมียนมาร์แถลงแรงงานเมียนมาร์2คนที่ถูกกล่าวหาว่าฆ่านทท.ชาวอังกฤษ 2 คนบนเกาะเต่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ย้ำพยานปากสำคัญไม่กล้าให้การเพราะกลัวจนท.ไทย
วันนี้(19 ธ.ค.57) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า คณะกรรมการสอบสวนของรัฐบาลเมียนมาร์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ประเทศเมียนมาร์ เมื่อวันพฤหัสบดีว่า เขาเชื่อว่าแรงงานชายชาวเมียนมาร์ 2 คน ที่ถูกกล่าวหาว่า ฆาตกรรมนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ 2 คนในประเทศไทย เป็นผู้บริสุทธิ์ แต่ผู้เห็นเหตุการณ์ที่สามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของ 2 แรงงานชาวเมียนมาร์ได้นั้น จะไม่ไปให้ปากคำ เพราะพวกเขากลัวเจ้าหน้าที่ตำรวจของไทย ทั้งนี้ นางสาวฮันนาห์วิเทริดจ์ วัย 23 ปี และเดวิด มิลเลอร์ วัย 24 ปี ถูกพบเป็นศพเมื่อวันที่ 15 กันยายนที่ผ่านมา บนชายหายแห่งหนึ่งที่เกาะเต่าภาคใต้ของไทย ซึ่งจากผลการชันสูตรพลิกศพ พบว่า ทั้ง 2 คนได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะอย่างรุนแรง และนางสาววิเทริดจ์ ถูกข่มขืนด้วย
ขณะที่แรงงานชาวเมียนมาร์ 2 คน คือนายซอว์ ลินและวิน เปียว วัย 21 ปีทั้งคู่ เบื้องต้นยอมรับสารภาพว่า เป็นผู้ก่อเหตุฆาตกรรม แต่ในเวลาต่อมา กลับคำรับสารภาพ โดยกล่าวว่า พวกเขาถูกทำร้ายและข่มขู่จากตำรวจ ขณะที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจของไทย กล่าวว่า ผลการตรวจดีเอ็นเอจากผู้ต้องหาทั้ง 2 ตรงกับตัวอย่างที่เก็บได้จากเหยื่อ อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมา ผู้ต้องหาทั้ง 2 ไม่ยอมรับผิดในข้อหาหลายกระทง ซึ่งรวมทั้งร่วมกันฆ่าและข่มขืน
นายฮะตู จิต โฆษกของคณะกรรมการสอบสวนเมียนมาร์ กล่าวเมื่อวันพฤหับดีว่า อะไรก็ตาม ที่ทางการไทยตัดสินในคดีนี้ เราเชื่อว่าแรงงานชาวเมียนมาร์ทั้ง 2 คน ไม่ได้ก่ออาชญากรรมครั้งนี้
ทั้งนี้ คดีดังกล่าวกลายเป็นประเด็นความสนใจของนานาชาติเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกัน ก็มีการตั้งคำถามเกี่ยวกับการปฏิบัติต่อแรงงานต่างด้าวทั้งหมดที่กำลังทำงานอยู่ในประเทศไทยด้วย
ด้านนายฮะตู จิต กล่าวเพิ่มเติมว่า การปฏิบัติของไทยในคดีฆาตกรรมเกาะเต่านั้น ไม่เพียงแต่เป็นคดีของแรงงานชาวเมียนมาร์ทั้ง 2 คนนี้เท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาร์ และแรงงานต่างด้าวจากกัมพูชา, ลาว และประเทศอื่น ๆ อีกหลายล้านคนที่ทำงานอยู่ในไทยด้วย
สถานทูตเมียนมาร์ ในกรุงเทพฯ ตั้งคณะกรรมการสอบสวนคดีนี้ ซึ่งสมาชิกของคณะกรรมการชุดนี้ กล่าวว่า พวกเขาสอบปากคำแรงงานชาวเมียนมาร์ประมาณ 40 คน ซึ่งทำงานอยู่บนเกาะเต่า ในเวลาเดียวกับการเกิดเหตุฆาตกรรม แต่ได้เดินทางกลับประเทศ เนื่องจากกลัวว่า จะถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ นายคะยอว์ ตอง ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะกรรมการสอบสวน กล่าวว่า บางคนที่ให้สัมภาษณ์นั้น ถือเป็นพยานที่หนักแน่น ซึ่งอาจชี้แจงหลักฐานให้ผู้ต้องหาชาวเมียนมาร์ 2 คนพ้นผิดได้ แต่พวกเขาก็ลังเลที่จะให้ปากคำ เนื่องจากหากพวกเขาพูดในสิ่งที่พวกเขารู้เห็น พวกเขาจะถูกไล่ออกจากงาน พวกเขากลัวตำรวจและนายจ้างของไทย มันจึงเป็นปัญหาที่ยากลำบากสำหรับพวกเรา
นายคะยอว์ ตอง กล่าวว่า คณะกรรมการชุดนี้ จะประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลเมียนมาร์ เพื่อหารือแนวทางในการรักษาความปลอดภัยให้พยาน ที่ตกลงจะให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่
การสอบสวนคดีนี้ของตำรวจไทยถูกครหาว่าไร้ความสามารถและทรมานผู้ต้องสงสัย ซึ่งผู้ต้องสงสัยกล่าวว่า พวกเขาถูกตำรวจทำร้ายร่างกาย และข่มขู่ ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิเสธ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
Credit:
http://www.tnnthailand.com/news_detail.php?id=49905&t=news (TNN24 NEWS)
https://www.youtube.com/watch?v=nhCQvgzjy8I&feature=youtu.be (YouTube) >>ดูคลิปได้ที่นี่
https://www.facebook.com/CSILA90210 (CSI LA)
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
ความเห็นส่วนตัว ขอให้ท่านที่จะติดตามคดีนี้ รับฟังข่าวสารทั้งสองทาง ทั้งจากฝ่ายโจทก์ คือตำรวจ อัยการ ซึ่งจะมาจากหนังสือพิมพ์หัวเขียวเป็นหลัก และจากฝ่ายจำเลย คือทนายชาวไทยของจำเลยพม่า รัฐบาลและเจ้าหน้าที่ของพม่า ซึ่งมาจาก CSI LA หรือสื่ออื่นๆที่ไม่ใช่หนังสือพิมพ์หัวเขียว
คดีนี้ เราได้รับฟังข่าวสารว่าจำเลยรับสารภาพแล้ว และกลับคำให้การ แต่ทนายจำเลยกล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า " ยกตัวอย่างเช่น คำว่า 'กลับคำ' เราไม่รู้ว่าที่ผ่านมา ผู้ต้องหาให้การว่าอะไร มีสื่อมวลชนเคยเห็นไหมว่าผู้ต้องหาพูดว่ายังไง ไม่มีครับ มีแต่คำที่ตำรวจกล่าวอ้าง แต่ว่าสิ่งที่ผู้ต้องหาให้การยืนยันตลอดมาหลังจากที่ทนายความเข้าไปพบเขา เขาพูดผ่านทนายความด้วยการเขียนออกมาเป็นเอกสารปั๊ม ลงลายมือชื่อยื่นหนังสือถึงอัยการจังหวัดเกาะสมุย ต่อมาพ่อแม่เข้าไปเยี่ยม เขาก็ยืนยันคำเดิมฝากพ่อแม่เขามา สถานทูตพม่าเขาไปเยี่ยม เขาก็ฝากสถานทูตพม่าออกมาอีก โดยยืนยันว่าเขาไม่ได้ทำ เขาบริสุทธิ์
ถ้าดูจากถ้อยคำเหล่านี้ จะพบว่าเขายืนยันตลอดมาเป็นเสียงเดียว ไม่มีเสียงอื่นเลย ไม่ใช่เขาเคยรับว่าทำแล้วกลับคำว่าไม่ทำ ซึ่งเขาก็ยืนยันในข้อมูลว่าเขาถูกบังคับให้เซ็นโดยที่ไม่รู้เรื่องเลย ล่ามก็ไม่ถูกต้อง กระบวนการก็ไม่ถูกต้อง ทนายที่ไหนก็ไม่รู้ แล้ลวก็ไม่ได้แสดงตัวว่าเป็นทนายให้เขารู้เลย นี่คือข้อเท็จจริง" ซึ่งตามที่เขากล่าวมา ไม่ใช่การรับสารภาพและกลับคำให้การ แต่ไม่เคยรับสารภาพเลยต่างหากครับ
PS. ผมจะนำความคืบหน้า ข่าวคราวจากทั้ง2ฝ่ายมาลงต่อเนื่องทุกครั้งที่มี เพื่อให้สังคมนี้ได้จับตาดูกระบวนการยุติธรรมในบ้านเมืองนี้ต่อไป
และขออนุญาตที่จะแท็กที่ห้องต่างๆ ตามเหตุผลดังนี้
1) บางขุนพรหม ห้องรายการข่าว เพื่อเป็นการกระจายข่าว (อันนี้ถ้าไม่ตรงลบได้ครับ)
2) ราชดำเนิน ห้องการเมือง อันนี้เกี่ยวข้องในส่วนปกครองของไทย อังกฤษ และพม่า
3) ศาลาประชาคม ห้องปัญหาสังคม อันนี้เกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจหน้าที่ของรัฐ เป็นหนึ่งในปัญหาที่มีในสังคมไทยทุกวันนี้
4) หว้ากอ ห้องวิทยาศาสตร์ อันนี้เกี่ยวข้องในเรื่องการวิเคราะห์ต่างๆในกระบวนกรนิติวิทยาศาสตร์ หลักฐานของคดี ซึ่งเป็นตัวชี้วัดคำตัดสินของคดี
5) ห้องสมุด ภาษาอังกฤษ อันนี้เกี่ยวข้องในกรณีข่าวที่ได้มาเป็ฯภาษาอังกฤษ ซึ่งผมเองคงเอามาอาจจะมีแปลหรือไม่มี และไม่เชี่ยวชาญในการแปลหรือสร้างควาถูกต้องในตัวภาษาเองได้ ซึ่งคนในห้องนี้ทำได้ดีกว่าอย่างมาก
หากการแท็กตามห้องต่างๆนี้ไม่ถูกต้อง และสร้างปัญหา ผมขออภัยไว้ล่วงหน้ามา ณ ที่นี้ด้วยครับ
รบ.เมียนมาร์ยันผู้ต้องหาคดีเกาะเต่าบริสุทธิ์
เผยแพร่เมื่อ 18 ธ.ค. 2014
เมียนมาร์แถลงแรงงานเมียนมาร์2คนที่ถูกกล่าวหาว่าฆ่านทท.ชาวอังกฤษ 2 คนบนเกาะเต่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ย้ำพยานปากสำคัญไม่กล้าให้การเพราะกลัวจนท.ไทย
วันนี้(19 ธ.ค.57) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า คณะกรรมการสอบสวนของรัฐบาลเมียนมาร์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ประเทศเมียนมาร์ เมื่อวันพฤหัสบดีว่า เขาเชื่อว่าแรงงานชายชาวเมียนมาร์ 2 คน ที่ถูกกล่าวหาว่า ฆาตกรรมนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ 2 คนในประเทศไทย เป็นผู้บริสุทธิ์ แต่ผู้เห็นเหตุการณ์ที่สามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของ 2 แรงงานชาวเมียนมาร์ได้นั้น จะไม่ไปให้ปากคำ เพราะพวกเขากลัวเจ้าหน้าที่ตำรวจของไทย ทั้งนี้ นางสาวฮันนาห์วิเทริดจ์ วัย 23 ปี และเดวิด มิลเลอร์ วัย 24 ปี ถูกพบเป็นศพเมื่อวันที่ 15 กันยายนที่ผ่านมา บนชายหายแห่งหนึ่งที่เกาะเต่าภาคใต้ของไทย ซึ่งจากผลการชันสูตรพลิกศพ พบว่า ทั้ง 2 คนได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะอย่างรุนแรง และนางสาววิเทริดจ์ ถูกข่มขืนด้วย
ขณะที่แรงงานชาวเมียนมาร์ 2 คน คือนายซอว์ ลินและวิน เปียว วัย 21 ปีทั้งคู่ เบื้องต้นยอมรับสารภาพว่า เป็นผู้ก่อเหตุฆาตกรรม แต่ในเวลาต่อมา กลับคำรับสารภาพ โดยกล่าวว่า พวกเขาถูกทำร้ายและข่มขู่จากตำรวจ ขณะที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจของไทย กล่าวว่า ผลการตรวจดีเอ็นเอจากผู้ต้องหาทั้ง 2 ตรงกับตัวอย่างที่เก็บได้จากเหยื่อ อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมา ผู้ต้องหาทั้ง 2 ไม่ยอมรับผิดในข้อหาหลายกระทง ซึ่งรวมทั้งร่วมกันฆ่าและข่มขืน
นายฮะตู จิต โฆษกของคณะกรรมการสอบสวนเมียนมาร์ กล่าวเมื่อวันพฤหับดีว่า อะไรก็ตาม ที่ทางการไทยตัดสินในคดีนี้ เราเชื่อว่าแรงงานชาวเมียนมาร์ทั้ง 2 คน ไม่ได้ก่ออาชญากรรมครั้งนี้
ทั้งนี้ คดีดังกล่าวกลายเป็นประเด็นความสนใจของนานาชาติเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกัน ก็มีการตั้งคำถามเกี่ยวกับการปฏิบัติต่อแรงงานต่างด้าวทั้งหมดที่กำลังทำงานอยู่ในประเทศไทยด้วย
ด้านนายฮะตู จิต กล่าวเพิ่มเติมว่า การปฏิบัติของไทยในคดีฆาตกรรมเกาะเต่านั้น ไม่เพียงแต่เป็นคดีของแรงงานชาวเมียนมาร์ทั้ง 2 คนนี้เท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาร์ และแรงงานต่างด้าวจากกัมพูชา, ลาว และประเทศอื่น ๆ อีกหลายล้านคนที่ทำงานอยู่ในไทยด้วย
สถานทูตเมียนมาร์ ในกรุงเทพฯ ตั้งคณะกรรมการสอบสวนคดีนี้ ซึ่งสมาชิกของคณะกรรมการชุดนี้ กล่าวว่า พวกเขาสอบปากคำแรงงานชาวเมียนมาร์ประมาณ 40 คน ซึ่งทำงานอยู่บนเกาะเต่า ในเวลาเดียวกับการเกิดเหตุฆาตกรรม แต่ได้เดินทางกลับประเทศ เนื่องจากกลัวว่า จะถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ นายคะยอว์ ตอง ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะกรรมการสอบสวน กล่าวว่า บางคนที่ให้สัมภาษณ์นั้น ถือเป็นพยานที่หนักแน่น ซึ่งอาจชี้แจงหลักฐานให้ผู้ต้องหาชาวเมียนมาร์ 2 คนพ้นผิดได้ แต่พวกเขาก็ลังเลที่จะให้ปากคำ เนื่องจากหากพวกเขาพูดในสิ่งที่พวกเขารู้เห็น พวกเขาจะถูกไล่ออกจากงาน พวกเขากลัวตำรวจและนายจ้างของไทย มันจึงเป็นปัญหาที่ยากลำบากสำหรับพวกเรา
นายคะยอว์ ตอง กล่าวว่า คณะกรรมการชุดนี้ จะประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลเมียนมาร์ เพื่อหารือแนวทางในการรักษาความปลอดภัยให้พยาน ที่ตกลงจะให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่
การสอบสวนคดีนี้ของตำรวจไทยถูกครหาว่าไร้ความสามารถและทรมานผู้ต้องสงสัย ซึ่งผู้ต้องสงสัยกล่าวว่า พวกเขาถูกตำรวจทำร้ายร่างกาย และข่มขู่ ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิเสธ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
Credit: http://www.tnnthailand.com/news_detail.php?id=49905&t=news (TNN24 NEWS)
https://www.youtube.com/watch?v=nhCQvgzjy8I&feature=youtu.be (YouTube) >>ดูคลิปได้ที่นี่
https://www.facebook.com/CSILA90210 (CSI LA)
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
ความเห็นส่วนตัว ขอให้ท่านที่จะติดตามคดีนี้ รับฟังข่าวสารทั้งสองทาง ทั้งจากฝ่ายโจทก์ คือตำรวจ อัยการ ซึ่งจะมาจากหนังสือพิมพ์หัวเขียวเป็นหลัก และจากฝ่ายจำเลย คือทนายชาวไทยของจำเลยพม่า รัฐบาลและเจ้าหน้าที่ของพม่า ซึ่งมาจาก CSI LA หรือสื่ออื่นๆที่ไม่ใช่หนังสือพิมพ์หัวเขียว
คดีนี้ เราได้รับฟังข่าวสารว่าจำเลยรับสารภาพแล้ว และกลับคำให้การ แต่ทนายจำเลยกล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า " ยกตัวอย่างเช่น คำว่า 'กลับคำ' เราไม่รู้ว่าที่ผ่านมา ผู้ต้องหาให้การว่าอะไร มีสื่อมวลชนเคยเห็นไหมว่าผู้ต้องหาพูดว่ายังไง ไม่มีครับ มีแต่คำที่ตำรวจกล่าวอ้าง แต่ว่าสิ่งที่ผู้ต้องหาให้การยืนยันตลอดมาหลังจากที่ทนายความเข้าไปพบเขา เขาพูดผ่านทนายความด้วยการเขียนออกมาเป็นเอกสารปั๊ม ลงลายมือชื่อยื่นหนังสือถึงอัยการจังหวัดเกาะสมุย ต่อมาพ่อแม่เข้าไปเยี่ยม เขาก็ยืนยันคำเดิมฝากพ่อแม่เขามา สถานทูตพม่าเขาไปเยี่ยม เขาก็ฝากสถานทูตพม่าออกมาอีก โดยยืนยันว่าเขาไม่ได้ทำ เขาบริสุทธิ์
ถ้าดูจากถ้อยคำเหล่านี้ จะพบว่าเขายืนยันตลอดมาเป็นเสียงเดียว ไม่มีเสียงอื่นเลย ไม่ใช่เขาเคยรับว่าทำแล้วกลับคำว่าไม่ทำ ซึ่งเขาก็ยืนยันในข้อมูลว่าเขาถูกบังคับให้เซ็นโดยที่ไม่รู้เรื่องเลย ล่ามก็ไม่ถูกต้อง กระบวนการก็ไม่ถูกต้อง ทนายที่ไหนก็ไม่รู้ แล้ลวก็ไม่ได้แสดงตัวว่าเป็นทนายให้เขารู้เลย นี่คือข้อเท็จจริง" ซึ่งตามที่เขากล่าวมา ไม่ใช่การรับสารภาพและกลับคำให้การ แต่ไม่เคยรับสารภาพเลยต่างหากครับ
PS. ผมจะนำความคืบหน้า ข่าวคราวจากทั้ง2ฝ่ายมาลงต่อเนื่องทุกครั้งที่มี เพื่อให้สังคมนี้ได้จับตาดูกระบวนการยุติธรรมในบ้านเมืองนี้ต่อไป
และขออนุญาตที่จะแท็กที่ห้องต่างๆ ตามเหตุผลดังนี้
1) บางขุนพรหม ห้องรายการข่าว เพื่อเป็นการกระจายข่าว (อันนี้ถ้าไม่ตรงลบได้ครับ)
2) ราชดำเนิน ห้องการเมือง อันนี้เกี่ยวข้องในส่วนปกครองของไทย อังกฤษ และพม่า
3) ศาลาประชาคม ห้องปัญหาสังคม อันนี้เกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจหน้าที่ของรัฐ เป็นหนึ่งในปัญหาที่มีในสังคมไทยทุกวันนี้
4) หว้ากอ ห้องวิทยาศาสตร์ อันนี้เกี่ยวข้องในเรื่องการวิเคราะห์ต่างๆในกระบวนกรนิติวิทยาศาสตร์ หลักฐานของคดี ซึ่งเป็นตัวชี้วัดคำตัดสินของคดี
5) ห้องสมุด ภาษาอังกฤษ อันนี้เกี่ยวข้องในกรณีข่าวที่ได้มาเป็ฯภาษาอังกฤษ ซึ่งผมเองคงเอามาอาจจะมีแปลหรือไม่มี และไม่เชี่ยวชาญในการแปลหรือสร้างควาถูกต้องในตัวภาษาเองได้ ซึ่งคนในห้องนี้ทำได้ดีกว่าอย่างมาก
หากการแท็กตามห้องต่างๆนี้ไม่ถูกต้อง และสร้างปัญหา ผมขออภัยไว้ล่วงหน้ามา ณ ที่นี้ด้วยครับ