นิทาน Middle-earth บทที่ 2 จ้า เรามาเล่าเรื่องกำเนิดอาณาจักรของเสด็จพ่อธรันดูอิลกันดีกั่ว
ในช่วงต้นยุคที่สองของมิดเดิ้ลเอิร์ธภายหลังจากการล่มสลายของอังค์บัน (Angband) อาณาจักรอันชั่วร้ายของมอร์ก็อธ (Morgoth) เจ้านายเก่าของเซารอนแล้ว เซารอนยังคงอยู่ในมิดเดิ้ลเอิร์ธหลบหนีจากหหมายศาลให้ไปมอบตัวแก่เหล่าเทพวาลาร์ ก่อนที่เซารอนจะเริ่มสร้างอาณาจักรมอร์ดอร์ของต้น เหล่าเอล์ฟที่เหลือรอดจากการล่มสลายของแผ่นดินเบเลริอันท์ (Belerian) ก็เริ่มอพยพลึกเข้ามาจากตะวันออกของมิดเดิ้ลเอิร์ธ พวกนี้ส่วนมากคือชาว
ซิลวัน (Silvan) ซินดาร์ (Sindar) ที่รอดจากการล่มสลายของอาณาจักรโดริอัธ (Doriath) หนึ่งในนั้นคือ โอโรแฟร์ (Oropher) ผู้ซึ่งกำลังจะก้าวขึ้นมาเป็นกษัตริย์เหนือพวกเอล์ฟชาวซิลวัน (Silvan) และบุตรชายของเขา ธรันดูอิล (Thranduil) นั่นเอง
ประชากรที่จะกลายมาเป็นประชาชนของอาณาจักรป่า (Woodland Realm) ในยุคหลังนั้น เกิดมาจากเอล์ฟสองกลุ่มคือ พวกนันดอร์ (Nandorin) เหล่าเทเลรินเอล์ฟ (Telerin) ที่ละทิ้งการเดินทางไปยังวาลินอร์ในยุคแรก และเหล่าอวารี (Avari) เอล์ฟผู้ปฏิเสธการเดินทางไปวาลินอร์ ทั้งสองต่างก็ไม่เคยเห็นแสงศักดิ์สิทธิ์แห่งวาลินอร์และจัดว่าเป็นเอล์ฟที่มีความรู้ ทักษะต่ำกว่าเอล์ฟทุกเผ่า และในภายหลังได้รวมกันเข้ากลายเป็นซิลวันเอล์ฟ (Silvan) หรือเอล์ฟป่า (Wood Elf) อาศัยกระจายอยู่ในดินแดนระหว่างเทือกเขามิสตี้ (Misty Mountain) และดินแดนทางตะวันออกของมิดเดิ้ลเอิร์ธ พวกเขานับเป็นญาติใกล้ชิดกันกับเอล์ฟซึ่งภายหลังกลายมาเป็นประชากรหลักในอาณาจักรลอธลอริเอน (Loth Lorien)
ภายหลังจากการล่มสลายของแผ่นดินเบเลริอันท์ เหล่าโนลดอร์และซิลดาร์ส่วนหนึ่งรวมกันภายใต้ธงของจอมกษัตริย์กิล-กาลัด (Gil-galad) แห่งอาณาจักรลินดอน (Lindon) และอาณาจักรเอเรกิออน (Eregion) ของเคเลบริมบอร์ (Celebrimbor) เคเลบอร์น (Celeborn) และกาลาเดรียล (Galadriel) แต่โอโรแฟร์และบุตรชายไม่ต้องการที่จะอยู่ใต้อาณัติของชาวโนลดอร์จึงได้รวมเอล์ฟชาวนันดอร์เข้าด้วยกันและอพยพข้ามเทือกเขามิสตี้ไปยังป่าใหญ่กรีนวู้ด (Greenwood the Great) เนื่องจากชาวซิลวันนั้นไม่มีทักษะและสติปัญญาเทียบเท่าเหล่าโนลดอร์หรือซิลดาร์ ทั้งไม่ชำนาญในการสู้รบ ชาวซิลวันที่อาศัยอยู่ทางตอนใต้ของป่านั้นจึงได้ยกโอโรแฟร์ขึ้นเป็นกษัตริย์ของพวกเขา
โอโรแฟร์สร้างอาณาจักรแรกของเขาขึ้นบนยอดเขาที่สูงที่สุดทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของป่าใหญ่กรีนวู้ด แล้วตั้งชื้อป้อมปราสาทของเขาว่า อะมอนลัค (Amon Lanc) ซึ่งหมายถึงยอดเขาหัวโล้นอันเนื่องมาจากไม่มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นปกคลุมบนยอดเขานั้นเลย ในภายหลังข่าวลือเรื่องวิญญาณร้ายของเซารอนได้หวนคืนมายังมิดเดิ้ลเอิร์ธหลังจากการล่มสลายของอาณาจักรนูเมนอร์ (Numenor) อิทธิพลของคนแคระในคาซัดดูม (Khazad-dum) หรือมอเรีย (Moria) ในภายหลัง และการมาถึงยังลอริเอนของกาลาเดรียล โอโรแฟร์จึงตัดสินใจอพยพขึ้นเหนือถึงสามระลอก ไปยังเทือกเขาแห่งเมิร์ควู้ด (Emyn Duir)
ทั้งนี้เนื่องมาจากการเรืองอำนาจของเซารอนทางตะวันออกอีกครั้ง โอโรแฟร์และอัมเดียร์ (Amdir) กษัตริย์แห่งลอริเอนตระหนักถึงสันติสุขที่จะไม่มีวันมาถึงหากเซารอนไม่ถูกกำราบให้เด็ดขาด และไกลออกไปทางตะวันตก กองทัพชาวโนลดอร์ของจอมกษัตริย์กิล-กาลัดและกองทัพชาวอาร์นอร์ (Arnor) ภายใต้การนำของกษัตริย์เอเลนดิล (Elendil) กำลังกรีฑาทัพไปรวมกับทัพแห่งกอนดอร์ (Gondor) ของอิสซิลดูร์ (Isildur) และอนาริออน (Anarion) ในสงครามพันธมิตรครั้งสุดท้าย (War of the Last Alliance of Elves and Men) โอโรแฟร์และอัมเดียร์จึงตัดสินใจเข้าร่วมเพื่อจุดประสงค์เดียว คือ ปราบเซารอนให้สิ้นซาก
ในสงคราม ณ สถานที่ที่จะกลายมาเป็นบึงมรณะ (Dead Marches) กองทัพทั้งสองเผชิญหน้ากัน ระหว่างกองทัพพันธมิตรแห่งเอล์ฟและมนุษย์ ประจันหน้ากับกองทัพแห่งมอร์ดอร์ ไม่ทันที่กิล-กาลัดจะให้สัญญาณโจมตี โอโรแฟร์กลับใจร้อนทั้งยังถือตนไม่ยอมรับคำสั่งจากกษัตริย์โนลดอร์ เขานำทัพชาวซิลวันของตนตะลุยออกไปเป็นทัพแรก เนื่องจากอาวุธของซิลวันนั้นไม่อาจเทียบกับดาบและเกราะของโนลดอร์ กองทัพของโอโรแฟร์จึงประสบแก่หายนะและพ่ายแพ้อย่างย่อยยับ ทั้งตัวกษัตริย์เองก็ถึงกับสิ้นพระชนม์ไปด้วย ภายหลังจากการสิ้นพระชนม์ของกิล-กาลัดและเอเลนดิลจากการปะทะตัวต่อตัวกับเซารอน อิสซิลดูร์ก็สามารถคว้าดาบหักของพระบิดาตัดเอาแหวนออกจากนิ้วเซารอน ชาวโนลดอร์เกือบทั้งหมดสิ้นชีพอาณาจักรลินดอนของชาวโนลดอร์ก็ถึงแก่ล่มสลายไปด้วย แต่ทางฝั่งของซิลวันนั้นเจ้าชายธรันดูอิลยังคงทรงพระชนม์ชีพอยู่จึงได้นำประชาชนที่เหลืออยู่ไม่ถึงหนึ่งในสามของเดิมของตนกลับไปยังอาณาจักรป่าแห่งกรีนวู้ด และขึ้นครองราชย์ต่อจากพระบิดากลายเป็นกษัตริย์เอล์ฟองค์สุดท้ายแห่งมิดเดิ้ลเอิร์ธ
หลังจากขึ้นครองราชย์แล้วธรันดูอิลหวนระลึกไปถึงครั้งที่อาณาจักรโดริอัธของชาวซินดาร์ยังคงรุ่งเรือง ภาพของท้องพระโรงเมเนกร็อด (Menegroth) สหัสคูหาของกษัตริย์ธิงโกล (Thingol) ยังคงประทับแน่นอยู่ในใจ ธรันดูอิลจึงมีดำริที่จะสร้างพระราชวังในภูเขาเฉกเช่นเดียวกันขึ้น ทว่าน่าเศร้านักเมื่อปราศจากความช่วยเหลือของชาวแคระเฉกเช่นครั้งที่ธิงโกลรังสรรค์เมเนกร็อธ ฝีมือของชาวซิลวันเองทั้งหยาบกระด้างและใจร้อนยิ่งนักไม่อาจเปรียบกับทักษะฝีมืออันเลอเลิศของชาวโนลดอร์หรือกระทั่งซินดาร์ ท้องพระโรงของธรันดูอิลจึงไม่อาจเทียบได้กับเมเนกร็อธแม้เพียงส่วนเสี้ยว
เหล่าเอล์ฟแห่งกรีนวู้ดอาศัยอย่างสงบและทวีจำนวนขึ้นอย่างช้าๆ ในประมาณศักราชที่ 1000 ของยุคที่สามอำนาจบางอย่างได้เข้าครอบงำป้อมร้างแห่งอะมอนลัค ภายใต้ฝีมือของเนโครมันเซอร์ (Necromancer) และเปลี่ยนให้นครหลวงเก่าของชาวกรีนวู้ดกลายมาเป็นโดลกูดูร์ (Dolgudur) ป้อมปราการแห่งมนต์ดำที่เต็มไปด้วยออร์คและแมงมุมยักษ์ ป่ากรีนวู้ดกลายเป็นสถานที่ที่อันตรายและน่าหวั่นเกรง ผู้คนเรียกขานใหม่ในนามเมิร์ควู้ด (Mirkwood) ป่าอันน่ากลัว อาณาจักรของธรันดูอิลเป็นทางผ่านของคณะคนแคระของธอริน โอเคนชีลผู้โด่งดังในภารกิจกู้คืนเอเรบอร์ (Erebor) ทำให้ประชาชนของเขาต้องเข้ามีส่วนกับสงครามห้าทัพ (Battle of the Five Armies) อันเป็นบทโหมโรงของสงครามแห่งแหวนที่จะดำเนินต่อมาในอีกเจ็ดสิบปีให้หลัง
ในช่วงก่อนสงครามแหวนไม่นานพ่อมดแกนดัล์ฟและอารากอนจับตัวกอลลั่มมาฝากให้พวกเอล์ฟแห่งเมิร์ควู้ดดูแล หากแต่กอลลั่มสามารถหลบหนีไปได้ภายใต้การช่วยเหลือของพวกออร์ค กษัตริย์ธรันดูอิลจึงส่งตัวบุตรชาย เลโกลัส (Legolas) เพื่อไปส่งข่าวยังริเวนเดล (Rivendel) เลโกลัสกลายมาเป็นหนึ่งในคณะพันธมิตรแห่งแหวน (The Fellowship of the Ring) ในช่วงท้ายของอาณาจักรของธรันดูอิลถูกโดลกูดูร์โจมตี แต่กองทัพของเอล์ฟเป็นฝ่ายมีชัย จึงยกไปทางตะวันตกเพื่อช่วยเหลือมนุษย์แห่งเดล (Dale) และคนแคระแห่งเอเรบอร์รบกับชาวอีสเตอร์ลิงค์ (Easterlings) และเคลื่อนทัพต่อไปทางใต้เพื่อกำราบโดลกูดูร์ ณ ที่นั้นเองเขาได้พบกองทัพจากลอริเอนที่นำโดยเคเลบอร์น ทั้งสองได้ตกลงเป็นพันธมิตรกัน ภายหลังจากที่ทุกสิ่งยุติละสันติสุขกลับคืนมาทางตอนใต้ของเมิร์ควู้ดกลายมาเป็นลอริเอนตะวันออก และทางตอนเหนือทั้งหมดเป็นของธรันดูอิล ทั้งสองขนานนามป่าใหม่ให้กลายเป็นอีริน ลาสกาเลน (Eryn Lasgalen) ป่าแห่งใบไม้สีเขียว
ภายหลังต่อมาในยุคที่สี่ธรันดูอิลยังคงเป็นกษัตริย์ปกครองอาณาจักรป่าต่อไป เขาเลือกที่จะดำรงอยู่เป็นอาณาจักรเอล์ฟอาณาจักรสุดท้าย หรือเลือกที่จะเดินทางไปยังดินแดนอันเป็นนิรันดร์นั้นตำนานมิได้กล่าวไว้ ส่วนบุตรชายเลโกลัสภายหลังจากการสิ้นพระชนม์ของสหายรัก กษัตริย์เอเลสซาร์ (Elessar) หรืออารากอน เขาได้ทำตามเสียงเรียกร้องในหัวใจ จึงได้ชักชวนคนแคระกิมลี (Gimli) ล่องเรือข้ามมหาสมุทรไปสู่อาณาจักรอันเป็นนิรันดร์ เป็นอันสิ้นสุดของสมาชิกสองคนสุดท้ายของคณะพันธมิตรแห่งแหวน
Middle-earth tales ฉบับพิเศษ Part II ว่าด้วยธรันดูอิล และกำเนิดอาณาจักร Woodland Realm
ในช่วงต้นยุคที่สองของมิดเดิ้ลเอิร์ธภายหลังจากการล่มสลายของอังค์บัน (Angband) อาณาจักรอันชั่วร้ายของมอร์ก็อธ (Morgoth) เจ้านายเก่าของเซารอนแล้ว เซารอนยังคงอยู่ในมิดเดิ้ลเอิร์ธหลบหนีจากหหมายศาลให้ไปมอบตัวแก่เหล่าเทพวาลาร์ ก่อนที่เซารอนจะเริ่มสร้างอาณาจักรมอร์ดอร์ของต้น เหล่าเอล์ฟที่เหลือรอดจากการล่มสลายของแผ่นดินเบเลริอันท์ (Belerian) ก็เริ่มอพยพลึกเข้ามาจากตะวันออกของมิดเดิ้ลเอิร์ธ พวกนี้ส่วนมากคือชาว
ซิลวัน (Silvan)ซินดาร์ (Sindar) ที่รอดจากการล่มสลายของอาณาจักรโดริอัธ (Doriath) หนึ่งในนั้นคือ โอโรแฟร์ (Oropher) ผู้ซึ่งกำลังจะก้าวขึ้นมาเป็นกษัตริย์เหนือพวกเอล์ฟชาวซิลวัน (Silvan) และบุตรชายของเขา ธรันดูอิล (Thranduil) นั่นเองประชากรที่จะกลายมาเป็นประชาชนของอาณาจักรป่า (Woodland Realm) ในยุคหลังนั้น เกิดมาจากเอล์ฟสองกลุ่มคือ พวกนันดอร์ (Nandorin) เหล่าเทเลรินเอล์ฟ (Telerin) ที่ละทิ้งการเดินทางไปยังวาลินอร์ในยุคแรก และเหล่าอวารี (Avari) เอล์ฟผู้ปฏิเสธการเดินทางไปวาลินอร์ ทั้งสองต่างก็ไม่เคยเห็นแสงศักดิ์สิทธิ์แห่งวาลินอร์และจัดว่าเป็นเอล์ฟที่มีความรู้ ทักษะต่ำกว่าเอล์ฟทุกเผ่า และในภายหลังได้รวมกันเข้ากลายเป็นซิลวันเอล์ฟ (Silvan) หรือเอล์ฟป่า (Wood Elf) อาศัยกระจายอยู่ในดินแดนระหว่างเทือกเขามิสตี้ (Misty Mountain) และดินแดนทางตะวันออกของมิดเดิ้ลเอิร์ธ พวกเขานับเป็นญาติใกล้ชิดกันกับเอล์ฟซึ่งภายหลังกลายมาเป็นประชากรหลักในอาณาจักรลอธลอริเอน (Loth Lorien)
ภายหลังจากการล่มสลายของแผ่นดินเบเลริอันท์ เหล่าโนลดอร์และซิลดาร์ส่วนหนึ่งรวมกันภายใต้ธงของจอมกษัตริย์กิล-กาลัด (Gil-galad) แห่งอาณาจักรลินดอน (Lindon) และอาณาจักรเอเรกิออน (Eregion) ของเคเลบริมบอร์ (Celebrimbor) เคเลบอร์น (Celeborn) และกาลาเดรียล (Galadriel) แต่โอโรแฟร์และบุตรชายไม่ต้องการที่จะอยู่ใต้อาณัติของชาวโนลดอร์จึงได้รวมเอล์ฟชาวนันดอร์เข้าด้วยกันและอพยพข้ามเทือกเขามิสตี้ไปยังป่าใหญ่กรีนวู้ด (Greenwood the Great) เนื่องจากชาวซิลวันนั้นไม่มีทักษะและสติปัญญาเทียบเท่าเหล่าโนลดอร์หรือซิลดาร์ ทั้งไม่ชำนาญในการสู้รบ ชาวซิลวันที่อาศัยอยู่ทางตอนใต้ของป่านั้นจึงได้ยกโอโรแฟร์ขึ้นเป็นกษัตริย์ของพวกเขา
โอโรแฟร์สร้างอาณาจักรแรกของเขาขึ้นบนยอดเขาที่สูงที่สุดทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของป่าใหญ่กรีนวู้ด แล้วตั้งชื้อป้อมปราสาทของเขาว่า อะมอนลัค (Amon Lanc) ซึ่งหมายถึงยอดเขาหัวโล้นอันเนื่องมาจากไม่มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นปกคลุมบนยอดเขานั้นเลย ในภายหลังข่าวลือเรื่องวิญญาณร้ายของเซารอนได้หวนคืนมายังมิดเดิ้ลเอิร์ธหลังจากการล่มสลายของอาณาจักรนูเมนอร์ (Numenor) อิทธิพลของคนแคระในคาซัดดูม (Khazad-dum) หรือมอเรีย (Moria) ในภายหลัง และการมาถึงยังลอริเอนของกาลาเดรียล โอโรแฟร์จึงตัดสินใจอพยพขึ้นเหนือถึงสามระลอก ไปยังเทือกเขาแห่งเมิร์ควู้ด (Emyn Duir)
ทั้งนี้เนื่องมาจากการเรืองอำนาจของเซารอนทางตะวันออกอีกครั้ง โอโรแฟร์และอัมเดียร์ (Amdir) กษัตริย์แห่งลอริเอนตระหนักถึงสันติสุขที่จะไม่มีวันมาถึงหากเซารอนไม่ถูกกำราบให้เด็ดขาด และไกลออกไปทางตะวันตก กองทัพชาวโนลดอร์ของจอมกษัตริย์กิล-กาลัดและกองทัพชาวอาร์นอร์ (Arnor) ภายใต้การนำของกษัตริย์เอเลนดิล (Elendil) กำลังกรีฑาทัพไปรวมกับทัพแห่งกอนดอร์ (Gondor) ของอิสซิลดูร์ (Isildur) และอนาริออน (Anarion) ในสงครามพันธมิตรครั้งสุดท้าย (War of the Last Alliance of Elves and Men) โอโรแฟร์และอัมเดียร์จึงตัดสินใจเข้าร่วมเพื่อจุดประสงค์เดียว คือ ปราบเซารอนให้สิ้นซาก
ในสงคราม ณ สถานที่ที่จะกลายมาเป็นบึงมรณะ (Dead Marches) กองทัพทั้งสองเผชิญหน้ากัน ระหว่างกองทัพพันธมิตรแห่งเอล์ฟและมนุษย์ ประจันหน้ากับกองทัพแห่งมอร์ดอร์ ไม่ทันที่กิล-กาลัดจะให้สัญญาณโจมตี โอโรแฟร์กลับใจร้อนทั้งยังถือตนไม่ยอมรับคำสั่งจากกษัตริย์โนลดอร์ เขานำทัพชาวซิลวันของตนตะลุยออกไปเป็นทัพแรก เนื่องจากอาวุธของซิลวันนั้นไม่อาจเทียบกับดาบและเกราะของโนลดอร์ กองทัพของโอโรแฟร์จึงประสบแก่หายนะและพ่ายแพ้อย่างย่อยยับ ทั้งตัวกษัตริย์เองก็ถึงกับสิ้นพระชนม์ไปด้วย ภายหลังจากการสิ้นพระชนม์ของกิล-กาลัดและเอเลนดิลจากการปะทะตัวต่อตัวกับเซารอน อิสซิลดูร์ก็สามารถคว้าดาบหักของพระบิดาตัดเอาแหวนออกจากนิ้วเซารอน ชาวโนลดอร์เกือบทั้งหมดสิ้นชีพอาณาจักรลินดอนของชาวโนลดอร์ก็ถึงแก่ล่มสลายไปด้วย แต่ทางฝั่งของซิลวันนั้นเจ้าชายธรันดูอิลยังคงทรงพระชนม์ชีพอยู่จึงได้นำประชาชนที่เหลืออยู่ไม่ถึงหนึ่งในสามของเดิมของตนกลับไปยังอาณาจักรป่าแห่งกรีนวู้ด และขึ้นครองราชย์ต่อจากพระบิดากลายเป็นกษัตริย์เอล์ฟองค์สุดท้ายแห่งมิดเดิ้ลเอิร์ธ
หลังจากขึ้นครองราชย์แล้วธรันดูอิลหวนระลึกไปถึงครั้งที่อาณาจักรโดริอัธของชาวซินดาร์ยังคงรุ่งเรือง ภาพของท้องพระโรงเมเนกร็อด (Menegroth) สหัสคูหาของกษัตริย์ธิงโกล (Thingol) ยังคงประทับแน่นอยู่ในใจ ธรันดูอิลจึงมีดำริที่จะสร้างพระราชวังในภูเขาเฉกเช่นเดียวกันขึ้น ทว่าน่าเศร้านักเมื่อปราศจากความช่วยเหลือของชาวแคระเฉกเช่นครั้งที่ธิงโกลรังสรรค์เมเนกร็อธ ฝีมือของชาวซิลวันเองทั้งหยาบกระด้างและใจร้อนยิ่งนักไม่อาจเปรียบกับทักษะฝีมืออันเลอเลิศของชาวโนลดอร์หรือกระทั่งซินดาร์ ท้องพระโรงของธรันดูอิลจึงไม่อาจเทียบได้กับเมเนกร็อธแม้เพียงส่วนเสี้ยว
เหล่าเอล์ฟแห่งกรีนวู้ดอาศัยอย่างสงบและทวีจำนวนขึ้นอย่างช้าๆ ในประมาณศักราชที่ 1000 ของยุคที่สามอำนาจบางอย่างได้เข้าครอบงำป้อมร้างแห่งอะมอนลัค ภายใต้ฝีมือของเนโครมันเซอร์ (Necromancer) และเปลี่ยนให้นครหลวงเก่าของชาวกรีนวู้ดกลายมาเป็นโดลกูดูร์ (Dolgudur) ป้อมปราการแห่งมนต์ดำที่เต็มไปด้วยออร์คและแมงมุมยักษ์ ป่ากรีนวู้ดกลายเป็นสถานที่ที่อันตรายและน่าหวั่นเกรง ผู้คนเรียกขานใหม่ในนามเมิร์ควู้ด (Mirkwood) ป่าอันน่ากลัว อาณาจักรของธรันดูอิลเป็นทางผ่านของคณะคนแคระของธอริน โอเคนชีลผู้โด่งดังในภารกิจกู้คืนเอเรบอร์ (Erebor) ทำให้ประชาชนของเขาต้องเข้ามีส่วนกับสงครามห้าทัพ (Battle of the Five Armies) อันเป็นบทโหมโรงของสงครามแห่งแหวนที่จะดำเนินต่อมาในอีกเจ็ดสิบปีให้หลัง
ในช่วงก่อนสงครามแหวนไม่นานพ่อมดแกนดัล์ฟและอารากอนจับตัวกอลลั่มมาฝากให้พวกเอล์ฟแห่งเมิร์ควู้ดดูแล หากแต่กอลลั่มสามารถหลบหนีไปได้ภายใต้การช่วยเหลือของพวกออร์ค กษัตริย์ธรันดูอิลจึงส่งตัวบุตรชาย เลโกลัส (Legolas) เพื่อไปส่งข่าวยังริเวนเดล (Rivendel) เลโกลัสกลายมาเป็นหนึ่งในคณะพันธมิตรแห่งแหวน (The Fellowship of the Ring) ในช่วงท้ายของอาณาจักรของธรันดูอิลถูกโดลกูดูร์โจมตี แต่กองทัพของเอล์ฟเป็นฝ่ายมีชัย จึงยกไปทางตะวันตกเพื่อช่วยเหลือมนุษย์แห่งเดล (Dale) และคนแคระแห่งเอเรบอร์รบกับชาวอีสเตอร์ลิงค์ (Easterlings) และเคลื่อนทัพต่อไปทางใต้เพื่อกำราบโดลกูดูร์ ณ ที่นั้นเองเขาได้พบกองทัพจากลอริเอนที่นำโดยเคเลบอร์น ทั้งสองได้ตกลงเป็นพันธมิตรกัน ภายหลังจากที่ทุกสิ่งยุติละสันติสุขกลับคืนมาทางตอนใต้ของเมิร์ควู้ดกลายมาเป็นลอริเอนตะวันออก และทางตอนเหนือทั้งหมดเป็นของธรันดูอิล ทั้งสองขนานนามป่าใหม่ให้กลายเป็นอีริน ลาสกาเลน (Eryn Lasgalen) ป่าแห่งใบไม้สีเขียว
ภายหลังต่อมาในยุคที่สี่ธรันดูอิลยังคงเป็นกษัตริย์ปกครองอาณาจักรป่าต่อไป เขาเลือกที่จะดำรงอยู่เป็นอาณาจักรเอล์ฟอาณาจักรสุดท้าย หรือเลือกที่จะเดินทางไปยังดินแดนอันเป็นนิรันดร์นั้นตำนานมิได้กล่าวไว้ ส่วนบุตรชายเลโกลัสภายหลังจากการสิ้นพระชนม์ของสหายรัก กษัตริย์เอเลสซาร์ (Elessar) หรืออารากอน เขาได้ทำตามเสียงเรียกร้องในหัวใจ จึงได้ชักชวนคนแคระกิมลี (Gimli) ล่องเรือข้ามมหาสมุทรไปสู่อาณาจักรอันเป็นนิรันดร์ เป็นอันสิ้นสุดของสมาชิกสองคนสุดท้ายของคณะพันธมิตรแห่งแหวน