ชีวิตต่างแดน...การผจญภัยของเด็กผู้ชายคนหนึ่ง


ชีวิตของคนนั้น ตั้งแต่เกิดมาหลายคนย่อมดำเนินไปตามทางที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับการเลือกเดิน ปัจจัยรอบข้าง หรือแม้กระทั่งพรหมลิขิต และใครจะไปคิด ว่าคนที่ไม่ได้ภาษาอย่างผมจะได้ไปลุยอเมริกาคนเดียว ไหนจะโดนไล่ออกจากงาน ไหนจะต้องหนีไปอีกเมือง สิ่งสำคัญที่สุดที่คิดอยู่เสมอคือ “เราต้องรอด”

บทที่ 1 จุดเริ่มต้นกับความวุ่นวายต่างๆ

พฤษภาคม 2553
จุดเริ่มต้นเกิดจากการที่เพื่อนสนิทผม 2 คน
ไปเวิร์กแอนทราเวลที่อเมริกา แล้วมาเล่าให้ฟัง
จากที่ได้ฟังเพื่อนเล่ามาแล้วมันก็ยังอดน้อยใจไม่ได้
ไปเมืองนอกไม่ชวนเราเล้ยยย พวกเวรนี่
แต่ภาษาอย่างเราจะไปได้มั้ยเนี่ยยยย
ด้วยความบังเอิญ เจอรุ่นน้องคณะเค้าสนใจเหมือนกัน ก็เลยคุยกันจริงๆจังๆ
จนบางครั้งก็อดคิดไม่ได้ว่า เฮ้ยยย เราจะได้ไปจริงๆแล้วหรอเนี่ยยย ไม่น่าเชื่อ!!!

มิถุนายน 2553
และแล้วก็ไปสมัครตามคำชวนของรุ่นน้อง ในโครงการของ CCUSA
รวมถึงวางแผนในการเรียนพิเศษภาษาอังกฤษกับคนบ้าสองสามคน ฮ่าๆ

กรกฎาคม 2553
ช่วงนี้กิจกรรมเยอะเป็นพิเศษ
เป็นนักศึกษาชั้นปี 4 พารุ่นน้องทำกิจกรรมน้องใหม่
ไหนจะต้องลงเรียนแก้เอฟอีกสองตัว
ไหนจะต้องเรียนพิเศษภาษาอังกฤษตอนเย็นอีก
คิดแล้วก็ปวดกะบาลมากมาย
...
และแล้วก็มาถึงวันสอบข้อเขียนของโครงการ CCUSA
ข้อสอบเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดเลย อันเป็นด่านแรก
ปรากฎว่า ผ่านฉลุยแบบเดาๆงงๆ
ทั้งรุ่นพี่รุ่นน้อง มั่วได้ใจมาก
สุดท้ายก็ไปตกที่สัมภาษณ์
ไม่ไหวจริงๆ ไม่รู้จะเดายังไง ไม่รู้เรื่องด้วย
ลาก่อน CCUSA เราไปด้วยกันไม่ได้จริงๆ
เจ้ที่เป็นพี่โครงการทำหน้าเศร้าๆ บอกน้องเรียนโท แล้วค่อยมาใหม่ก็ได้นะ
ไอเราก็พยักหน้า ในใจอยากจะบอกเจ้ว่า พวกผมไปโครงการอื่นก็ได้เว้ย  ฮ่าๆๆ


สิงหาคม 2553
หลังจากแยกทางกับ CCUSA ยังไม่ทันจะได้เงินคืน
ก็มาเจอเพื่อนสนิทที่เคยเล่าเรื่องไปเวิร์กแอนทราเวลให้ฟัง
พวกมันเล่าให้ฟังทั้งรายละเอียด พร้อมบอกว่าพวกมันไปกับโครงการ Global-X !!!
มันมาอีกแล้วกับความหวังที่จะได้ไปเมืองนอก ฮ่าๆๆ
...
จากนั้นก็ได้ไปพบพี่ที่ศูนย์ Global-X ไปถึงก็ได้ทดสอบภาษาเลย
ทดสอบออกมาได้ 5 เต็ม 10 !!!
พี่เค้าปรบมือให้แปะๆๆ พร้อมทั้งบอกว่า
น้องสามารถทำงานได้หลายอย่าง ทั้ง เฮ้าส์ เสิร์ฟ อื่นๆ รวมไปถึงล้างจาน!!!
ทั้งๆที่ CCUSA บอกว่า ภาษาแบบเรา ไปล้างจานก็ยังไม่ได้เล้ยยยยย ซะง้านนนนนน
สุดท้ายก็จ่ายตังรอบแรกเสร็จสรรพประมาณ 3,000 บาท

ตุลาคม 2553
หลังจากสอบปลายภาคเสร็จก็ต้องกลับบ้านนอก
ไร้ซึ่งคลื่นโทรศัพท์ ยังดีนะที่มีโทรศัพท์บ้าน
กลุ่มน้องๆที่สมัครโครงการด้วยกันโทรเข้ามาโทรศัพท์บ้านพอดี
บอกให้โอนตังค่าวีซ่าไปให้พี่โครงการ พร้อมทั้งส่งแฟ็กต์เอกสารให้ด้วย
ไอ้เราก็บ่นยิ้มแล้ว ส่งแฟ็กต์ที่ไหนฟะ
หาทั่วเมือง ก็ไม่เจอ (ไม่อยากบอกว่าเมือง ชื่อ เชียงคาน)
สุดท้ายกำลังขับรถคอตกกลับบ้าน
แวะซื้อไรกินสักหน่อยน่า
เดินไปที่ร้านเจอเครื่องถ่ายเอกสารอยู่หลังร้าน
ถามแบบลมๆแล้งๆ “เอ่อ ไม่ทราบว่ารับส่งแฟ็กต์ รึปล่าวครับ”
“รับค่ะ”
อ้าวววว  ฮ่าๆๆ ก็เลยได้ส่งแฟ็กต์ในวันนั้นเอง

พฤศจิกายน 2553
เดือนหฤโหดของจริง กับการเป็นนักศึกษาชั้นปี 4
แล้วการเตรียมกิจกรรมมหาวิทยาลัยนี่ยุ่งสุดๆ
พี่โครงการโทรตามละ ให้จ่ายตัง 42,500 บาท
ขอพ่อมาแค่ 35,000 เท่านั้น ที่เหลือออกเองหมด
...
เมื่อจ่ายครบถ้วนเรียบร้อยแล้ววว ปรากฎว่า เกรดก็ยังไม่ออกนะคร๊าบบบบ
ซึ่งคณะอื่นเค้าก็ออกครบตั้งแต่ปิดเทอมละ
จะตัดสินใจได้ยังไงล่ะ จะเรียนจบรึปล่าวก็ยังไม่รู้เลย
จะได้เรียนซัมเมอร์ต่อไปก็ไม่รู้
...
“เฮ้ยยยย เกรดออกแล้วนะเว้ยยย” สิ้นเสียงเพื่อนตะโกนในห้องเรียน
แค่นั้นแหละ ทิ้งทุกอย่างไปดูเกรดทันที
สิ่งที่เห็นตรงหน้าคือ...
แม่จ้าววว ติด F สามวิชา
โอววว ตายละ ใบหน้าเริ่มชาไปทั่ว มือไม้สั่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เดินคอตกออกจากบริเวณนั้น และโทรหาพี่โครงการทันที
“พี่ครับ พอดีผมติด F สามตัวละ ขอยกเลิกโครงการนะครับ แค่นี้นะ”
ได้ผล โครงการไป Work & Travel ของเรา ถูก Cancel ไปเรียบร้อย
...
วันรุ่งขึ้น ไปติดต่อพี่เจ้าหน้าที่ที่คณะ
ถามถึงความเป็นไปได้ในการเปิดซัมเมอร์ในรายวิชาที่ติดเอฟ  
พร้อมเหตุผลในการวางแผนไปเวิร์กแอนทราเวล
ซึ่งตอนนั้นก็ยกเลิกโครงการไปเรียบร้อยแล้วล่ะ
แต่ได้คำตอบกลับมาว่า
“คณะไม่สนับสนุนให้นักศึกษาไปโครงการ Work & Travel นะคะ” ซะงั้นเลย
สรุปก็ไม่รู้ว่าจะได้ลงเรียนซัมเมอร์ไหม -_-|||

ธันวาคม 2553
โทรหาพี่โครงการ Global-X อีกรอบ
“พี่ครับ ถ้าผมยกเลิกโครงการไปแล้ว เพราะเหตุผลนี้ ผมจะได้เงินคืนมั้ยครับ”
พี่เค้าตอบกลับมาเสียงอ่อยๆ
“มันก็ยังไม่เคยเกิดเคสแบบนี้เลยนะ แต่พี่จะลองถามเค้าดูละกันนะ”
“รบกวนด้วยนะพี่ ขอบคุณครับ”
ผมวางสาย พร้อมกับความกังวลใจ

มกราคม 2554
ช่วงปีใหม่ ผมกลับบ้านที่เชียงคาน
ว่างๆ ก็ขับรถขึ้นไปบนภูทอก
นั่งกินลมชมวิวอยู่นาน ก็ฉุกคิดขึ้นได้
หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถามพี่โครงการอีกรอบ
“ฮัลโหล สวัสดีครับพี่ครับ อยากรู้ว่าเรื่องที่ยกเลิกโครงการไปแล้วน่ะ จะได้คืนมั้ยครับ”
“ตอนนี้เรื่องกำลังดำเนินอยู่ เดี๋ยวพี่ติดต่อกลับนะ”
“ขอบคุณครับ”
-_-|||

กุมภาพันธ์ 2554
ตัดสินใจเข้าไปยังคณะอีกครั้ง
สอบถามเรื่องความเป็นไปได้ในการเปิดซัมเมอร์ของรายวิชาที่ติด F
ได้คำตอบกลับมาว่า ยังไม่แน่นอนนะคะ ขึ้นอยู่กับอาจารย์ผู้ที่จะมาสอนและคณะกรรมการค่ะ
สรุปคือยังไม่มีความแน่นอนอะไรให้สักอย่าง
ผมเริ่มจะมีอารมณ์โมโหละ
ตัดสินใจโทรหาที่ปรึกษาโครงการเวิร์กแอนทราเวลอีกครั้ง
“สวัสดีครับพี่ เงินของผมนี่จะได้คืนมั้ยครับ”
“ไม่ได้คืนแล้วนะตัวเอง เพราะของเรายกเลิกโครงการเองน่ะ ไม่ใช่สัมภาษณ์วีซ่าแล้วก็ตก”
“ไม่มีวิธีอื่นเลยหรอครับ ผมจำเป็นจริงๆนะครับ”
“ไม่มีเลยอ่า”
“งั้น ผมเปลี่ยนใจไปละกันนะครับ พี่”
“เดี๋ยวพี่ขอเช็คดูก่อนนะว่าได้มั้ย เพราะเรายกเลิกโครงการไปแล้ว ต้องทำอะไรใหม่หมดเลย”
“โอเคครับ ขอบคุณครับ พี่”
...
และแล้วผมก็สมัครใหม่จนได้
จากที่ได้งานตัดหญ้าที่นิวเจอร์ซี่ และ โรงงานช๊อกโกแลทที่เมืองเฮอร์ชี่ ชิฟ(กะ)สอง
ก็ต้องเปลี่ยนมาเป็น โรงงานช๊อกโกแล็ทที่เมืองเฮอร์ชี่ ชิฟ(กะ)หนึ่ง ซะแล้ววว
รอฉันก่อนนะ เพนซิเวเนีย อิอิอิ

24 กุมภาพันธ์ 2554
วันนี้ผมมีนัดสัมภาษณ์งานผ่าน Skype กับ อิตา Dimitry
Dimitry เป็นเอเจนซี่ที่ต้องดูแลเราอยู่ที่อเมริกา
ซึ่งก่อนหน้านี้วันหนึ่ง ได้ฟังการสัมภาษณ์คนก่อนหน้านี้มาแล้ว
คิดว่าไม่น่าจะยาก แต่ก็ตื่นเต้นไม่น้อย
...
ตอนแรกจะนั่งที่คณะ ห้องสมุดดันปิดอีก
เลยต้องไปคอมเพล็ก ต่อเน็ตตั้งนานกว่าจะได้
และแล้วก็ถึงเวลาสัมภาษณ์งาน
เตรียมการไว้เลย
เปิดจอ Skype อยู่ข้างซ้าย Google แปลภาษาอยู่ข้างขวา
ไม่ได้ก็ให้มันรู้ไปฟะ ฮ่าๆ
ออนรอตั้งนาน รอแล้วรอเล่าจนพี่โครงการโทรมา
พี่เค้าถามว่าสัมภาษณ์เสร็จยัง ไอ้เราก็บอกว่ายัง
ที่ไหนได้ เราดันไปรอ Reggie Eckley (นายจ้าง)ซะงั้น ฮ่าๆๆๆ
ไอ้ Dimitry(เอเจนซี่) มันออนรออยู่ตั้งนานแล้ว
ก็เลยเข้าไปทักมันก่อน ทีนี้แหละครับ ของจริงละ เหอะๆ
......
Dimitry ยิงคำถามมาเป็นชุดๆ
ไอ้เราก็ตอบ เยสๆโนๆ ไปตามสคริป
พอช่วงหลังๆเริ่มออกนอกเรื่อง
เน็ตดันช้า google แปลภาษา แปลยังไงก็ไม่ขึ้น
ซวยสิครับงานนี้ ได้แต่มองหน้า Dimitry ละก็ยิ้มแห้งๆ
ถามไรมา เราก็เงียบ  Dimitry เริ่มส่ายหัว
ถามเป็นภาษาอังกฤษว่า คุณมานี่ คุณจะมีปัญหามั้ย
ไอ้เราก็ซื่อ ตอบว่า เยสซะง้านนนน
มันก็บายยย ละก็ปิดหน้าจอ Skype ไปเลย
ไอเราก็นึกใจใจว่ายิ้มแล้ว จะได้ไปมั้ยเนี่ยยย
สุดท้ายโทรหาพี่โครงการ
พี่เค้าก็บอกว่า เตรียมมาสัมภาษณ์วีซ่าวันที่ 28 กุมภาพันธ์ นะ
ไอ้เราก็งง อ้าว ซะงั้นเลย ฮ่าๆ

27 กุมภาพันธ์ 2554
เตรียมตัวออกจากขอนแก่น พร้อมกับบ่นอยู่ในใจ
นึกว่าจะมีเวลาอ่านหนังสืออีกสองสามวัน เพราะสอบวันที่ 1 มีนาคม
ที่ไหนได้ เดือนกุมภาพันธ์มี 28 วัน เหอะๆ

...
ตอนนั้นโทรศัพท์หาญาติ ติดต่อที่อยู่ที่กรุงเทพได้ละ
ก็เลยจะไปแต่หัวค่ำซะเลย จะได้มีเวลาไปนอนก่อน
ตามปกติแล้วออกเดินทาง 4 ทุ่ม จะต้องไปถึงกรุงเทพฯประมาณ ตี 4 ครับ
เนื่องจากนครชัยแอร์ว่างอีกที ตี 1
ผมจึงมาขึ้นรถกับชาญทัวร์ ได้เรื่องครับ
รถไปเสียอยู่ที่ บขส.โคราช ประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆ
ผมหงุดหงิดมาก เดินไปถามพนักงานรถ
“พี่ครับรถเป็นไรหรอครับ นานแล้วนะเนี่ย”
“เฮ้ยน้อง คนอื่นเค้าก็รอเหมือนกัน”
“งั้นผมขอเงินคืนครับ ผมจะไปกับคันอื่น”
เท่านั้นแหละ เปลี่ยนรถคันใหม่ให้ทันที
สุดท้าย ก็ต้องออกเดินทางแบบอารมณ์เสีย กับรถที่ห่วยลงกว่าเดิม
...
ลุงข้างๆเล่าให้ผมฟังว่า
“ลุงมากับรถชาญทัวร์ทีไรนะ รถเสียร้อยเปอร์เซ็นต์
ครั้งที่แล้วไปเสียตรงระหว่างทางที่สีคิ้ว กว่าจะได้ไปก็นานโข
รถคันที่เรานั่งมาเมื่อกี้ คนขับเค้าแจ้งซ่อมไปแล้วนะ
เถ้าแก่เค้าบอกว่าให้เอามาขับไปก่อน
แล้วมันก็เสียอย่างที่เห็น มันเห็นชีวิตผู้โดยสารเป็นของเล่น”
แล้วผมก็ถึงบางอ้อครับ ว่าทำไม ตอนผมไปซื้อตั๋วนครชัยแอร์
แล้วมันบอกว่ารถว่างอีกทีตอนตีหนึ่ง
แต่มาที่ชาญทัวร์ ได้รอบสี่ทุ่มซะงั้น
นี่โชคดีแค่ไหนที่จองรอบสี่ทุ่ม
ถ้าจองรอบดึกๆ มีหวังไปไม่ทันแหงๆเลย เหอะๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่