((ประสบการณ์การผ่าไส้ติ่ง ในวันลาพักร้อน))
กระเป๋าเดินทางใบนั้น ถูกบรรจุของชิ้นแรกมาตั้งแต่คืนวันอาทิตย์ มีเพียงแค่เครื่องอาบน้ำ และชุดบิกินี่ 3 ชุดเท่านั้น และหวังว่าคืนวันอังคาร มันจะถูกรูดซิปปิด เพื่อเตรียมออกเดินทางในรุ่งขึ้นของเช้าวันพุธ มุ่งหน้าสู่เกาะมุก จังหวัดตรัง
แต่..... ชีวิตมันไม่ง่ายอย่างงั้นค่าาาาาาาาา
ค่ำวันอังคารที่ 9 ธันวาคม เออีสาวแห่งบริษัทโฆษณาดัง อยู่เคลียร์งานรัวๆ เพื่อเตรียมพร้อมกับการพักผ่อนแบบสุดสวิง 4 วัน 3 คืน ที่เกาะมุกท้องทะเลอันดามัน ภาคใต้ของไทย เย็นย่ำ...เธอชวนลูกน้องสุดรักลงไปหาอะไรหน้าตึกมาทานเป็นมื้อเย็น ยำเจ้าประจำ เป็นสิ่งที่เธอเลือก
ซักสองสามทุ่ม...เธอรอคุยงานกับเจ้านาย ตอนนั้นเธอเริ่มมีอาการปวดท้องจี๊ดๆแล้ว เธอคิดว่าคงเป็นโรคกระเพาะมาเยี่ยมเยียนแบบที่เธอเคยเป็นประจำ กัดฟันทนทำงานต่อไป จนเหลือเป็นคนสุดท้ายในออฟฟิศ ก่อนกลับบ้าน เธอรู้สึกพะอืดพะอม จึงไปยืนสารภาพโอ้กอ้ากกับคอห่านมา 1 ครั้ง น้ำหูน้ำตาไหลริน ตามประสาคนต้องเบ่งกล้ามท้องขย้อนออกปากเยอะ
พบหมอครั้งแรก
เมื่องานเสร็จ เธอจึงแวะโรงพยาบาลประจำก่อนเข้าบ้าน เพียงเพื่อหวังใจจะให้หมอฉีดยาให้หายเร็วพลัน เพื่อพรุ่งนี้จะได้ลั่นล้าท้าแดดอย่างที่ได้ตั้งใจแพลนทริปมาตั้งแต่กลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
แน่ล่ะค่ะ...เธอไปถึงโรงพยาบาลห้าทุ่ม จำต้องไปพบหมอเวรในห้องฉุกเฉิน คุณหมอกดท้อง ถามอาการ และขอเจาะเลือดตรวจเผื่อเธออาจจะเป็นไส้ติ่ง
“แปลกวุ้ย ปกติหมอจับๆกดๆ แล้วก็วินิจฉัยว่าเป็นกระเพาะลำไส้อักเสบ คราวนี้ขอตรวจเลือด” เธอคิดในใจ
เธอไม่เคยกลัวเข็ม บริจาคเลือดมาแล้วนับ 10 ครั้ง เจาะเลือดแค่นี้สบายมากกกกก
ปรากฏว่า เจ็บอิ๊บอ๋าย ค่าาาาาาา พยาบาลเจาะเลือดที่หลังมือซ้ายของเธอ แต่มิได้นำไซริงค์ดูดเลือดไปตรวจนะคะ คุณพยาบาลเจาะแบบที่มีไกด์เข็มคาที่มือ แล้วก็บีบๆเค้นๆเลือดออกจากเส้น ตะแคงมือเธอเพื่อเทเลือดลงหลอดบรรจุ เกิดมาก็เพิ่งเคยเจอแบบนี้ น้ำตาเธอจิเล็ด T T
นอนรอผลเลือดอย่างอ้างว้างในห้องฉุกเฉิน อิเด็กเตียงข้างๆนี่ก็ร้องไห้บิ๊วซะกุแทบร้องตามมม (อุ๊ย โทดๆ)
แล้วหมอโต้ย (ได้ยินชื่อหมอตอนพยาบาลชวนหมอกินมะม่วงน้ำปลาหวาน) ก็เดินมาข้างเตียง แล้วบอกว่า....”ผลเลือดปกติครับ” ได้ยินเข่นนั้น เธอจึงขอให้คุณหมอฉีดยาแก้ปวดให้ จะได้รีบหาย รีบกลับไปจัดกระเป๋าต่อ คุณหมอจัดให้ 2 เข็ม เป็นยาแก้ปวด และยาลดกรด จิ้มเข้าให้ที่ข้อพับขวา (ตบหาเส้นตั้งนานนน นี่ 6 วันละ ยังเขียวไม่หายเลออ)
นอนดูอาการซักพัก ยังไม่ดีขึ้น คุณพยาบาลถามว่าจะแอดมิทมั้ยคะ แต่ไม่ค่ะ!!! เรามีภาระที่ยิ่งใหญ่รออยู่ จึงฝืนสังขารขับรถกลับบ้านในยามราตรี..เพียงลำพัง
ปล.การพบแพทย์ครั้งนี้ เธอไม่บอกแม่ กลัวแม่ไม่ให้เที่ยว ไม่บอกใครทั้งนั้น นางแข็งแกร่งมากจริงๆ (จริงๆบอกแฟน แต่แฟนช่วยอะไรไม่ได้ จบ)
กลับบ้านในค่ำคืนอันทรมาน
ถึงบ้านเอาเกือบตีหนึ่ง เก็บกระเป๋าต่อไม่ไหว ไม่มีแรงอาบน้ำ เธอถ่าย 1 ครั้งแล้วหลับไป ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตีสาม หวังใจว่าจะดีขึ้นแล้วตื่นมาเก็บเสื้อผ้าต่อ แล้วในคืนนั้น...ตื่นทุกครึ่งชั่วโมงค่ะ ทั้งถ่าย ทั้งอาเจียนสลับกัน อาการปวดท้องก็เริ่มรุนแรงขึ้น และอาการก็ชัดเจนขึ้น ค่ะ..เธอปวดท้องด้านขวา และทรมานทุกครั้งที่มีการเคลื่อนไหวร่างกาย
เธอเริ่มทนไม่ไหว...ตอนนั้นแฟนหนุ่มของเธออัพเดทอาการทางโทรศัพท์เป็นระยะๆ
จากประสบการณ์อาหารเป็นพิษของเธอเมื่อปีก่อน ทำให้เธอฉุกคิดว่า การถ่าย 4 อาเจียน 2 ของเธอ ทำให้ร่างกายเธอขาดน้ำ (เธอรู้สึกได้ว่าหัวใจเธอเต้นเร็วซึ่งเป็นอาการจากการขาดน้ำ ที่หมอบอกเมื่อแอดมิทปีที่แล้ว) และเธอ..ควรไปพบแพทย์อีกครั้ง!!!!
ตอนนั้นเกือบตีสี่ เธอทำใจได้แล้ว ว่าเธอคงไม่ได้ไปทะเลแล้วล่ะ เธอไลน์ไปบอกเพื่อนร่วมทางคนนึง ฝากให้เพื่อนคนนั้น นอนห้องที่เธอจองไว้ให้ที เธอคงต้องไปนอนห้องหักวิวน้ำเกลือแทนวิวน้ำทะเลแล้ว T T
และเธอก็นัดแนะแฟนหนุ่มของเธอให้มารับ 6 โมงเช้า (นี่มันเวลาที่ชั้นต้องไปสนามบินนะ!!) เพื่อไปโรงพยาบาล อีกครั้ง!!!
**มีต่อในคอมเม้นค่ะ**
กระเป๋าที่ยังจัดไม่เสร็จ..... ((ประสบการณ์การผ่าไส้ติ่ง ในวันลาพักร้อน))
กระเป๋าเดินทางใบนั้น ถูกบรรจุของชิ้นแรกมาตั้งแต่คืนวันอาทิตย์ มีเพียงแค่เครื่องอาบน้ำ และชุดบิกินี่ 3 ชุดเท่านั้น และหวังว่าคืนวันอังคาร มันจะถูกรูดซิปปิด เพื่อเตรียมออกเดินทางในรุ่งขึ้นของเช้าวันพุธ มุ่งหน้าสู่เกาะมุก จังหวัดตรัง
แต่..... ชีวิตมันไม่ง่ายอย่างงั้นค่าาาาาาาาา
ค่ำวันอังคารที่ 9 ธันวาคม เออีสาวแห่งบริษัทโฆษณาดัง อยู่เคลียร์งานรัวๆ เพื่อเตรียมพร้อมกับการพักผ่อนแบบสุดสวิง 4 วัน 3 คืน ที่เกาะมุกท้องทะเลอันดามัน ภาคใต้ของไทย เย็นย่ำ...เธอชวนลูกน้องสุดรักลงไปหาอะไรหน้าตึกมาทานเป็นมื้อเย็น ยำเจ้าประจำ เป็นสิ่งที่เธอเลือก
ซักสองสามทุ่ม...เธอรอคุยงานกับเจ้านาย ตอนนั้นเธอเริ่มมีอาการปวดท้องจี๊ดๆแล้ว เธอคิดว่าคงเป็นโรคกระเพาะมาเยี่ยมเยียนแบบที่เธอเคยเป็นประจำ กัดฟันทนทำงานต่อไป จนเหลือเป็นคนสุดท้ายในออฟฟิศ ก่อนกลับบ้าน เธอรู้สึกพะอืดพะอม จึงไปยืนสารภาพโอ้กอ้ากกับคอห่านมา 1 ครั้ง น้ำหูน้ำตาไหลริน ตามประสาคนต้องเบ่งกล้ามท้องขย้อนออกปากเยอะ
พบหมอครั้งแรก
เมื่องานเสร็จ เธอจึงแวะโรงพยาบาลประจำก่อนเข้าบ้าน เพียงเพื่อหวังใจจะให้หมอฉีดยาให้หายเร็วพลัน เพื่อพรุ่งนี้จะได้ลั่นล้าท้าแดดอย่างที่ได้ตั้งใจแพลนทริปมาตั้งแต่กลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
แน่ล่ะค่ะ...เธอไปถึงโรงพยาบาลห้าทุ่ม จำต้องไปพบหมอเวรในห้องฉุกเฉิน คุณหมอกดท้อง ถามอาการ และขอเจาะเลือดตรวจเผื่อเธออาจจะเป็นไส้ติ่ง
“แปลกวุ้ย ปกติหมอจับๆกดๆ แล้วก็วินิจฉัยว่าเป็นกระเพาะลำไส้อักเสบ คราวนี้ขอตรวจเลือด” เธอคิดในใจ
เธอไม่เคยกลัวเข็ม บริจาคเลือดมาแล้วนับ 10 ครั้ง เจาะเลือดแค่นี้สบายมากกกกก
ปรากฏว่า เจ็บอิ๊บอ๋าย ค่าาาาาาา พยาบาลเจาะเลือดที่หลังมือซ้ายของเธอ แต่มิได้นำไซริงค์ดูดเลือดไปตรวจนะคะ คุณพยาบาลเจาะแบบที่มีไกด์เข็มคาที่มือ แล้วก็บีบๆเค้นๆเลือดออกจากเส้น ตะแคงมือเธอเพื่อเทเลือดลงหลอดบรรจุ เกิดมาก็เพิ่งเคยเจอแบบนี้ น้ำตาเธอจิเล็ด T T
นอนรอผลเลือดอย่างอ้างว้างในห้องฉุกเฉิน อิเด็กเตียงข้างๆนี่ก็ร้องไห้บิ๊วซะกุแทบร้องตามมม (อุ๊ย โทดๆ)
แล้วหมอโต้ย (ได้ยินชื่อหมอตอนพยาบาลชวนหมอกินมะม่วงน้ำปลาหวาน) ก็เดินมาข้างเตียง แล้วบอกว่า....”ผลเลือดปกติครับ” ได้ยินเข่นนั้น เธอจึงขอให้คุณหมอฉีดยาแก้ปวดให้ จะได้รีบหาย รีบกลับไปจัดกระเป๋าต่อ คุณหมอจัดให้ 2 เข็ม เป็นยาแก้ปวด และยาลดกรด จิ้มเข้าให้ที่ข้อพับขวา (ตบหาเส้นตั้งนานนน นี่ 6 วันละ ยังเขียวไม่หายเลออ)
นอนดูอาการซักพัก ยังไม่ดีขึ้น คุณพยาบาลถามว่าจะแอดมิทมั้ยคะ แต่ไม่ค่ะ!!! เรามีภาระที่ยิ่งใหญ่รออยู่ จึงฝืนสังขารขับรถกลับบ้านในยามราตรี..เพียงลำพัง
ปล.การพบแพทย์ครั้งนี้ เธอไม่บอกแม่ กลัวแม่ไม่ให้เที่ยว ไม่บอกใครทั้งนั้น นางแข็งแกร่งมากจริงๆ (จริงๆบอกแฟน แต่แฟนช่วยอะไรไม่ได้ จบ)
กลับบ้านในค่ำคืนอันทรมาน
ถึงบ้านเอาเกือบตีหนึ่ง เก็บกระเป๋าต่อไม่ไหว ไม่มีแรงอาบน้ำ เธอถ่าย 1 ครั้งแล้วหลับไป ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตีสาม หวังใจว่าจะดีขึ้นแล้วตื่นมาเก็บเสื้อผ้าต่อ แล้วในคืนนั้น...ตื่นทุกครึ่งชั่วโมงค่ะ ทั้งถ่าย ทั้งอาเจียนสลับกัน อาการปวดท้องก็เริ่มรุนแรงขึ้น และอาการก็ชัดเจนขึ้น ค่ะ..เธอปวดท้องด้านขวา และทรมานทุกครั้งที่มีการเคลื่อนไหวร่างกาย
เธอเริ่มทนไม่ไหว...ตอนนั้นแฟนหนุ่มของเธออัพเดทอาการทางโทรศัพท์เป็นระยะๆ
จากประสบการณ์อาหารเป็นพิษของเธอเมื่อปีก่อน ทำให้เธอฉุกคิดว่า การถ่าย 4 อาเจียน 2 ของเธอ ทำให้ร่างกายเธอขาดน้ำ (เธอรู้สึกได้ว่าหัวใจเธอเต้นเร็วซึ่งเป็นอาการจากการขาดน้ำ ที่หมอบอกเมื่อแอดมิทปีที่แล้ว) และเธอ..ควรไปพบแพทย์อีกครั้ง!!!!
ตอนนั้นเกือบตีสี่ เธอทำใจได้แล้ว ว่าเธอคงไม่ได้ไปทะเลแล้วล่ะ เธอไลน์ไปบอกเพื่อนร่วมทางคนนึง ฝากให้เพื่อนคนนั้น นอนห้องที่เธอจองไว้ให้ที เธอคงต้องไปนอนห้องหักวิวน้ำเกลือแทนวิวน้ำทะเลแล้ว T T
และเธอก็นัดแนะแฟนหนุ่มของเธอให้มารับ 6 โมงเช้า (นี่มันเวลาที่ชั้นต้องไปสนามบินนะ!!) เพื่อไปโรงพยาบาล อีกครั้ง!!!
**มีต่อในคอมเม้นค่ะ**