สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 12 ธ.ค.ว่า เหล่าผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินชื่อดังได้ออกมาแสดงทัศนะชี้ว่า ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะร่วงตกอย่างหนักอย่างแน่นอน ซึ่งอาจเกิดขึ้นในช่วงเร็ว ๆ นี้ และเป็นไปอย่างหนักหน่วงรุนแรง
โดยนายมาร์ค สปิตซ์เนกัล ผู้บริหารกองทุน"Marc Faber" ผู้เคยมองว่า โลกจะเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจการเงินเมื่อปี 2008 ได้อย่างถูกต้อง และสามารถหากำไรจากวิกฤตดังกล่าวเป็นมูลค่ากว่าหลายพันล้านดอลลาร์ ระบุว่า เขาเชื่อว่า ตลาดหุ้นโลกจะต้องดิ่งร่วงอย่างแน่นอน อยู่ที่ว่าจะเร็วหรือช้าเท่านั้น และหากเกิดขึ้นเร็ว ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจใด ๆ ทั้งสิ้น และว่า ขณะนี้ โลกได้มาถึงจุดฟองสบู่ทางการเงินโลกขนาดใหญ่ใกล้แตกตัวแล้ว โดยตลาดหุ้นวอลล์สตรีทอาจดิ่งร่วงกว่า 50 เปอร์เซนต์
นอกจากนี้ นายมาร์ค ยังได้กล่าวโจมตีนโยบายของรัฐบาลสหรัฐ และนโยบายการใช้ดอกเบี้ยต่ำของเฟด ซี่งเขามองว่า เป็นมาตรการลงโทษผู้หารายได้ และประชาชนผู้เก็บออม ซึ่งถูกบีบให้ต้องนำเงินมาลงทุนในตลาดหุ้น และตลาดอสังหาริมทรัพย์ ทั้งที่อยู่ภายใต้ภาวะเสี่ยง
รายงานระบุด้วยว่า นายวอร์เรน บัฟเฟต์ พ่อมดการเงินโลก ก็ยังเตรียมตัวรับมือกับสถานการณ์วิกฤตเศรษกิจโลกครั้งใหม่นี้ด้วย โดยดัชนีเตือนภัยทางเศรษฐกิจของเขา หรือ"The Warren Buffet Indicator"ชี้ว่า ภาวะตลาดหุ้นล่มอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ และกองทุนของเขาได้แห่ขายหุ้นทิ้งอย่างมากด้วย
ขณะที่นักวิเคราะห์บอกว่า หากวิกฤตดังกล่าวเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ทางเลือกที่ผู้คนจะต้องทำก็คือ รีบเทขายหุ้นทิ้งให้หมด และแปรสภาพหุ้นเป็นเงิน หรือไม่ก็รอเสี่ยงให้หุ้นรูดดิ่งจนกลายเป็นสินทรัพย์ที่ไร้ค่า
อย่างไรก็ตาม ด้านนายฌอน ไฮแมน ผู้ก่อตั้งกองทุน"Absolute Profits"มองต่างมุม โดยมองว่า ที่ผ่านมา มีบางหุ้นบางกลุ่มที่มีผลประการที่ดี และการเทขายหุ้นทิ้ง จะทำให้ตลาดเกิดความปั่นป่วนโดยดัชนีเตือนภัยทางเศรษฐกิจ และว่า เขาได้ออกแบบระบบเตือนภัยทางเศรษฐกิจเพื่อเตือนนักลงทุน โดยหากตลาดหุ้นเริ่มดิ่งร่วง ระบบของเขาจะออกสัญญาณเตือนนักลงทุนให้เทขายหุ้นทิ้ง
ทั้งนี้ ในปี 2013 นายไฮแมนได้พยากรณ์ได้อย่างถูกต้องว่า ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะพุ่งทะลุหลัก 15,000 จุด แม้ว่าก่อนหน้านั้นจะเกิดภาวะการเทขายหุ้นทิ้งที่สร้างความตื่นตระหนักให้แก่นักลงทุนก็ตาม
ที่มา
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1418632263
ระทึก เหล่ากูรูชี้ วอลล์สตรีทใกล้ดิ่งร่วงหนัก"ฟองสบู่การเงินแตก"-"วอร์เรน บัฟเฟต์"แห่ขายทิ้งหุ้นแล้ว
โดยนายมาร์ค สปิตซ์เนกัล ผู้บริหารกองทุน"Marc Faber" ผู้เคยมองว่า โลกจะเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจการเงินเมื่อปี 2008 ได้อย่างถูกต้อง และสามารถหากำไรจากวิกฤตดังกล่าวเป็นมูลค่ากว่าหลายพันล้านดอลลาร์ ระบุว่า เขาเชื่อว่า ตลาดหุ้นโลกจะต้องดิ่งร่วงอย่างแน่นอน อยู่ที่ว่าจะเร็วหรือช้าเท่านั้น และหากเกิดขึ้นเร็ว ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจใด ๆ ทั้งสิ้น และว่า ขณะนี้ โลกได้มาถึงจุดฟองสบู่ทางการเงินโลกขนาดใหญ่ใกล้แตกตัวแล้ว โดยตลาดหุ้นวอลล์สตรีทอาจดิ่งร่วงกว่า 50 เปอร์เซนต์
นอกจากนี้ นายมาร์ค ยังได้กล่าวโจมตีนโยบายของรัฐบาลสหรัฐ และนโยบายการใช้ดอกเบี้ยต่ำของเฟด ซี่งเขามองว่า เป็นมาตรการลงโทษผู้หารายได้ และประชาชนผู้เก็บออม ซึ่งถูกบีบให้ต้องนำเงินมาลงทุนในตลาดหุ้น และตลาดอสังหาริมทรัพย์ ทั้งที่อยู่ภายใต้ภาวะเสี่ยง
รายงานระบุด้วยว่า นายวอร์เรน บัฟเฟต์ พ่อมดการเงินโลก ก็ยังเตรียมตัวรับมือกับสถานการณ์วิกฤตเศรษกิจโลกครั้งใหม่นี้ด้วย โดยดัชนีเตือนภัยทางเศรษฐกิจของเขา หรือ"The Warren Buffet Indicator"ชี้ว่า ภาวะตลาดหุ้นล่มอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ และกองทุนของเขาได้แห่ขายหุ้นทิ้งอย่างมากด้วย
ขณะที่นักวิเคราะห์บอกว่า หากวิกฤตดังกล่าวเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ทางเลือกที่ผู้คนจะต้องทำก็คือ รีบเทขายหุ้นทิ้งให้หมด และแปรสภาพหุ้นเป็นเงิน หรือไม่ก็รอเสี่ยงให้หุ้นรูดดิ่งจนกลายเป็นสินทรัพย์ที่ไร้ค่า
อย่างไรก็ตาม ด้านนายฌอน ไฮแมน ผู้ก่อตั้งกองทุน"Absolute Profits"มองต่างมุม โดยมองว่า ที่ผ่านมา มีบางหุ้นบางกลุ่มที่มีผลประการที่ดี และการเทขายหุ้นทิ้ง จะทำให้ตลาดเกิดความปั่นป่วนโดยดัชนีเตือนภัยทางเศรษฐกิจ และว่า เขาได้ออกแบบระบบเตือนภัยทางเศรษฐกิจเพื่อเตือนนักลงทุน โดยหากตลาดหุ้นเริ่มดิ่งร่วง ระบบของเขาจะออกสัญญาณเตือนนักลงทุนให้เทขายหุ้นทิ้ง
ทั้งนี้ ในปี 2013 นายไฮแมนได้พยากรณ์ได้อย่างถูกต้องว่า ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะพุ่งทะลุหลัก 15,000 จุด แม้ว่าก่อนหน้านั้นจะเกิดภาวะการเทขายหุ้นทิ้งที่สร้างความตื่นตระหนักให้แก่นักลงทุนก็ตาม
ที่มา http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1418632263