สวัสดีครับ ผมเองก็ไม่ได้เป็นนักวิ่งอาชีพ หรือนักล่ารางวัลอะไร มันเริ่มมาจากเพราะผมมีปัญหา Over Weight แค่นั้นเอง
ผมเริ่มวิ่งอย่างเป็นทางการก็แค่ช่วงปลายๆๆๆๆเดือน ต.ค. แค่นั้นเอง.......จนมาถึงวันนี้ ประมาณ 1 เดือนกับอีก 17 วัน
ถ้านับรายการที่นำรูปมาลงนี่ด้วย (Thailand International Half Marathon 2014) ก็จะเป็นรายการที่ 2 พอดีๆ ไม่ขาดไม่เกิน งานนี้ผมลงระยะ 10.5K ครับ ค่อนข้างมั่นใจในการวิ่งพอสมควร เพราะเดือน พ.ย. นี่วิ่ง 10K ได้แบบ ขนมๆเลย อาจไมใช่ขนมหวาน แต่ก็น่าจะเป็นลักษณะ Hamburger (ไม่ใช่อาหารหลัก แต่ก็ไม่ใช่อาหารว่าง) ประมาณนั้น
ฺBackground:
Smoke : Yes
Allergic to weather : Yes, cold air.
Age : 32
ผมขอเล่าแบบ Time Order แล้วกันนะครับ จะได้อ่านไปแล้วเห็นภาพตาม
คืนก่อนวิ่ง (เสาร์ที่ 13)
จำได้เลยว่าคืนนั้นมีบอลคู่ เวสบอม-วิลล่า กว่าจะจบก็เที่ยงคืน กว่าจะได้นอนก็ตี 1 ครึ่ง ว่าจะได้หลับจริงๆก็ตีสอง
ตั้งนาฬิกาปลุกไว้กันเหนียว 03:50 กับ 04:00
เช้าวันวิ่ง
จริงๆนาฬิกาปลุกมันก็ทำงานตามหน้าที่ของมันหละครับ
ผมก็ตื่นมาปิดด้วยสติอันครบถ้วนตอน 03:50 แต่ด้วความชล่าใจ จัดต่อ คิดว่าอีก 10 นาทีคงไม่มีผลต่อสติ แต่ที่ไหนได้ ลากยาวไป 04:30 กว่าจะได้ออกจากบ้านก็เกือบตี 5 ขนาดเปิด-ปิดประตูบ้าน มาขึ้นรถก็ยังต้องวิ่งเลยครับ กลัวไม่ทัน ถือโอกาส warm-up ไปในตัว
ขับรถเองก็รีบเหยียบจากปากเกร็ดไปถึงสนามหลวงก็ 20 นาทีเห็นจะได้ มีรูไหนให้แซง แซงมันหมดทุกรูแต่ไม่มีการฝ่าไฟแดง
กว่าจะมาถึงใต้สะพานพระราม 8 ก็น่าจะสัก 05:40 แล้วก็เดือนเข้าในในส่วนสาธารณะ กำลังจะ warm เลยครับแต่ก่อน warm ด้วยการวิ่งเบา ก็อยากจะทำยืดเหยียดก่อน เริ่มจากช่วงบน แล้วค่อยไล่ลงไปที่ช่วงล่าง ระยะรวมๆก็น่าจะสัก 15-20 นาที แต่ทันใดนั้นเอง แค่ยืดช่วงบน (แขน) ยังไม่ทันเสร็จก็ เรียก check-in แล้ว (ยืดไปได้แค่ 2 นาทีเอง)
นึกใจใจเอาวะ เดี๋ยวช่วง start ค่อยๆวิ่งเป็นการ warm เอา
ตอน check-in ก็เรียกได้ว่าเป็นแถวหน้าๆเลยครับ มีเด็กๆรุ่นเล็กๆอยู่ส่วนหนึ่งคิดว่าเดี๋ยวจะวิ่งเกาะกลุ่มกับน้องๆพวกนี้ไปเพราะเด็กพวกนี้ไม่น่าจะวิ่งเร็วนัก
ออก start
หลังเสียงแตรดังขึ้น........เด็กๆเค้าก็ออกตัวอย่างรวดเร็ว แก่ๆอย่างผมก็ตามสิครับ รออะไรเล่า (ขืนช้าโดนข้างหลังเหยียบแน่ๆ)
ตรงนี้ยังไม่ปัญหาอะไรครับ จนกระทั่งทางวิ่งขึ้นสะพานบรมฯ พอขึ้นสะพานขั้นมาตอนนี้หละครับ เด็กๆพวกนั้นที่เราว่าเค้าไม่เท่าไรหน่ะ วิ่งห่างผมไปเกือบๆ 50 เมตรเห็นจะได้ แล้วก็มีเด็กตัวเล็กๆๆๆ กำลังจะแซงผมไปอีก (โอ้แม่เจ้า......นี่มันเด็กปีศาจชัดๆ)
ก่อน กม. แรก
ปัญหาแรกก็เกิดกับผม ณ จุดนี้ครับ
ตรงจุดนี้ผมน่าจะห่างจากผู้นำประมาณ 100 เมตร ก็เกิดอาหารแสบหน้าอกขึ้นมา ด้วยความที่ว่าวันนี้อากาศเย็น ถึง เย็นมาก และผมเองก็แพ้อากาศเย็นอยู่แล้ว บุหรีก็สูบ คิดอายุไม่น่าจะมีผล แต่..........ที่จะมีผลมากก็คือไม่ได้ warm
tip: warm up หลายๆคนเค้าเน้นที่ external organs preparation แต่เอาจริงๆแล้วมันเป็นการทำ internal organ preparation ด้วยนะครับ ทำให้หัวใจ, ปอด และอื่นๆได้เริ่มทำงานใน mode ออกกำลังกาย
แต่ก็ผ่าน ก.ม. 1 มาได้ด้วย pace 4.12 (สถิติใหม่ของตัวเอง)
กม. 1 เข้า กม. 2
อาการแสบหน้าออกที่ว่านั่นผมรู้ทันทีว่ามันเป็นอาการหลอดลมอักเสบแน่นอนเพราเป็นบ่อย
ยิ่งแสบก็ยิ่งไอ ยิ่งไอก็ยิ่งแสบ ณ ตอนนั้นมี 2 choices ให้เลือก
1.ประคองๆไปจนเข้าเส้น ทั้งๆที่เหลืออีก 8 โลกว่าๆ หรือ
2.เดินย้อนกลับไปอีกประมาณ โลครึ่งแล้วก็เตรียมกลับบ้าน
แต่ผมไม่เลือกอะไรทั้งสิ้นครับ ใจอยู่กับหลอดลมที่แสบซ่าน ขาก็ก้าวไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่เรียกว่าเดิน....pace ตอนนั้นน่าจะอยู่ที่ 14 min/km
และก่อนเข้า ก.ม. 2 พอดีเจอจุดรับน้ำก็รับตามปกติ เลยถือโอกาศนี้เดินให้เบาแสบหน่อย......และก็ผ่าน ก.ม. สองมาได้ด้วยเวลา 09:19 (5'06" จาก ก.ม. 1)
07:06 min/mile (สถิติใหม่ของตัวเอง)
ก.ม. 2 - ก.ม. 4
ตอนผมเข้า ก.ม. 2 นี้กลุ่มผู้น้ำไป ก.ม. 3 กันแล้วหละครับ เห็นไกลๆริบๆๆๆๆ ห่างงงงงงออกไปเลย
อาการแสบหน้าออกของผมมันยังไม่หายไป หนักขึ้นด้วย แต่ก็ฝืนๆวิ่งไป จะเร็วจะช้าก็ตามอาการ
หวังว่าจะเบา กลับหนักขึ้น มีน้ำมูกไหล ไหลๆๆๆ เสมหะเต็มคอไปหมด ทำไงหละครับทีนี้ ก็ต้องเอาออกสิครับ ดูซ้ายดูขวา ไม่มีคนอยู่ในรัศมีโดนผลกระทบก็เอาออกทีนึง กินน้ำบ้างอะไรบ้างก็ว่ากันไป
จุดกลับตัว - เส้นชัย
ตรงจุดกลับตัวนี้เองเป็นจุดช่วยชีวิตผมเอาไว้ ได้ถือโอกาสนั่งพักสักหน่อยด้วยการผู้เชือกรองเท้าใหม่ ใช้เวลาตรงนี้ไป 1 นาทีเห็นจะได้ แล้วก็วิ่งด้วย pace สบายๆ ที่ 5 นิดๆไปเรื่อยๆจนถึงเส้นชัย
แต่ชีวิตมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นครับ อาการแสบอกที่เรียกหลอดลมอักเสบนั้นมันเบาก็จริง แต่มันพาพวกมันมา มันพาอาการไข้อ่อนๆมาครับ ตัวมันก็รุ่มๆนิดๆ ตอนแรกคิดว่า over heat แต่ว่าคิดว่าไม่ใช่ (อันนี้มานึกได้ที่หลัง ตอนนั้นคิดว่าเป็น over heat) สิ่งที่ทำไปตอนนั้นคือ น้ำเย็นๆที่แวะรับใส่กระบอกมานี่หละครับ ค่อยๆบีบราดทั่วตัวเลย (ปกติไม่ค่อยได้เอาน้ำราดตัว แต่ครั้งนี้ผมว่ามีเกินลิตร)
แล้วก็ทำแบบนี้หละครับจนเข้าเส้นชัย
Conclusion
ผมเคยย้อนกลับมามองตัวเองหลายต่อหลายครั้ง ผมมันเป็นพวกดื้อแพ่ง ใครเตือนอะไรก็ไม่รู้จักเชื่อ(แต่ฟัง)
อย่างกรณี warm เนี่ย ถือว่าเป็นระเบียบวินัยของนักกีฬาเลยก็ว่าได้ว่าต้อง warm ก่อน ผมก็ไม่ได้ warm (ต้องว่ากันตรงๆว่าอันนี้เราเองก็ใจร้อนไป check-in)
ไหนจะเรื่องวิ่งแข่งกะชาวบ้าน: ผู้เชี่ยวชาญก็เตือนแล้วว่าอย่าไปวิ่งแข่งกันคนอื่นเค้า ผมก็ทะลึ่งไปไล่บี้กะเด็กๆพวกนั้น เล่นซะตัวเองเกือบตาย
เกือบตายจริงๆนะครับ ไม่ได้ดราม่า เตือนไว้ก่อนนะครับสำหรับนักวิ่งหน้าใหม่ ถ้าท่านไม่แน่จริงแล้วคิดไปแข่งกับน้องๆเด็กๆพวกนี้เนี่ย อย่างน้อยๆท่านต้องมี "
ม้า" นะคร๊าบบบ ไม่งั้นกวดเค้าไม่ทันนะ
่ส่วนเรื่องแสบหน้าออก: ถ้าเป็นเมื่อก่อนนี้ผมอาจต้องหาหมอ ดีไม่ดีก็นอนโทรมอยู่บ้านไปเลย มาทำงานทำการไม่ได้ไป 2-3 วัน แต่นี่ร่างกายแข็งแรงดีขึ้นครับตั้งแต่เล่นกีฬาแบบจริงๆจัง กลับมานอนอยู่ 6 ช.ม. หาย(เกือบ)ดีเลยครับ
ผมเองก็หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นข้อเตือนใจสำหรับนักวิ่งใหม่ๆได้ และถ้านักวิ่งที่มี ปสก. เข้ามาเจอ จะกรุณาให้คำแนะนำผมก็ขอบคุณล่วงหน้านะครับ
ป.ล. ขอ Tag ลดความอ้วนด้วยนะครับ เผื่อใครใช้การวิ่งเป็นวิธีลดความอ้วนอยู่
ประสบการณ์สำหรับนักวิ่งรุ่นใหม่(อย่างผม) ที่เกือบจะเป็นประสบการณ์ที่เลวร้ายที่สุดในการวิ่ง
สวัสดีครับ ผมเองก็ไม่ได้เป็นนักวิ่งอาชีพ หรือนักล่ารางวัลอะไร มันเริ่มมาจากเพราะผมมีปัญหา Over Weight แค่นั้นเอง
ผมเริ่มวิ่งอย่างเป็นทางการก็แค่ช่วงปลายๆๆๆๆเดือน ต.ค. แค่นั้นเอง.......จนมาถึงวันนี้ ประมาณ 1 เดือนกับอีก 17 วัน
ถ้านับรายการที่นำรูปมาลงนี่ด้วย (Thailand International Half Marathon 2014) ก็จะเป็นรายการที่ 2 พอดีๆ ไม่ขาดไม่เกิน งานนี้ผมลงระยะ 10.5K ครับ ค่อนข้างมั่นใจในการวิ่งพอสมควร เพราะเดือน พ.ย. นี่วิ่ง 10K ได้แบบ ขนมๆเลย อาจไมใช่ขนมหวาน แต่ก็น่าจะเป็นลักษณะ Hamburger (ไม่ใช่อาหารหลัก แต่ก็ไม่ใช่อาหารว่าง) ประมาณนั้น
ฺBackground:
Smoke : Yes
Allergic to weather : Yes, cold air.
Age : 32
ผมขอเล่าแบบ Time Order แล้วกันนะครับ จะได้อ่านไปแล้วเห็นภาพตาม
คืนก่อนวิ่ง (เสาร์ที่ 13)
จำได้เลยว่าคืนนั้นมีบอลคู่ เวสบอม-วิลล่า กว่าจะจบก็เที่ยงคืน กว่าจะได้นอนก็ตี 1 ครึ่ง ว่าจะได้หลับจริงๆก็ตีสอง
ตั้งนาฬิกาปลุกไว้กันเหนียว 03:50 กับ 04:00
เช้าวันวิ่ง
จริงๆนาฬิกาปลุกมันก็ทำงานตามหน้าที่ของมันหละครับ
ผมก็ตื่นมาปิดด้วยสติอันครบถ้วนตอน 03:50 แต่ด้วความชล่าใจ จัดต่อ คิดว่าอีก 10 นาทีคงไม่มีผลต่อสติ แต่ที่ไหนได้ ลากยาวไป 04:30 กว่าจะได้ออกจากบ้านก็เกือบตี 5 ขนาดเปิด-ปิดประตูบ้าน มาขึ้นรถก็ยังต้องวิ่งเลยครับ กลัวไม่ทัน ถือโอกาส warm-up ไปในตัว
ขับรถเองก็รีบเหยียบจากปากเกร็ดไปถึงสนามหลวงก็ 20 นาทีเห็นจะได้ มีรูไหนให้แซง แซงมันหมดทุกรูแต่ไม่มีการฝ่าไฟแดง
กว่าจะมาถึงใต้สะพานพระราม 8 ก็น่าจะสัก 05:40 แล้วก็เดือนเข้าในในส่วนสาธารณะ กำลังจะ warm เลยครับแต่ก่อน warm ด้วยการวิ่งเบา ก็อยากจะทำยืดเหยียดก่อน เริ่มจากช่วงบน แล้วค่อยไล่ลงไปที่ช่วงล่าง ระยะรวมๆก็น่าจะสัก 15-20 นาที แต่ทันใดนั้นเอง แค่ยืดช่วงบน (แขน) ยังไม่ทันเสร็จก็ เรียก check-in แล้ว (ยืดไปได้แค่ 2 นาทีเอง)
นึกใจใจเอาวะ เดี๋ยวช่วง start ค่อยๆวิ่งเป็นการ warm เอา
ตอน check-in ก็เรียกได้ว่าเป็นแถวหน้าๆเลยครับ มีเด็กๆรุ่นเล็กๆอยู่ส่วนหนึ่งคิดว่าเดี๋ยวจะวิ่งเกาะกลุ่มกับน้องๆพวกนี้ไปเพราะเด็กพวกนี้ไม่น่าจะวิ่งเร็วนัก
ออก start
หลังเสียงแตรดังขึ้น........เด็กๆเค้าก็ออกตัวอย่างรวดเร็ว แก่ๆอย่างผมก็ตามสิครับ รออะไรเล่า (ขืนช้าโดนข้างหลังเหยียบแน่ๆ)
ตรงนี้ยังไม่ปัญหาอะไรครับ จนกระทั่งทางวิ่งขึ้นสะพานบรมฯ พอขึ้นสะพานขั้นมาตอนนี้หละครับ เด็กๆพวกนั้นที่เราว่าเค้าไม่เท่าไรหน่ะ วิ่งห่างผมไปเกือบๆ 50 เมตรเห็นจะได้ แล้วก็มีเด็กตัวเล็กๆๆๆ กำลังจะแซงผมไปอีก (โอ้แม่เจ้า......นี่มันเด็กปีศาจชัดๆ)
ก่อน กม. แรก
ปัญหาแรกก็เกิดกับผม ณ จุดนี้ครับ
ตรงจุดนี้ผมน่าจะห่างจากผู้นำประมาณ 100 เมตร ก็เกิดอาหารแสบหน้าอกขึ้นมา ด้วยความที่ว่าวันนี้อากาศเย็น ถึง เย็นมาก และผมเองก็แพ้อากาศเย็นอยู่แล้ว บุหรีก็สูบ คิดอายุไม่น่าจะมีผล แต่..........ที่จะมีผลมากก็คือไม่ได้ warm
แต่ก็ผ่าน ก.ม. 1 มาได้ด้วย pace 4.12 (สถิติใหม่ของตัวเอง)
กม. 1 เข้า กม. 2
อาการแสบหน้าออกที่ว่านั่นผมรู้ทันทีว่ามันเป็นอาการหลอดลมอักเสบแน่นอนเพราเป็นบ่อย
ยิ่งแสบก็ยิ่งไอ ยิ่งไอก็ยิ่งแสบ ณ ตอนนั้นมี 2 choices ให้เลือก
1.ประคองๆไปจนเข้าเส้น ทั้งๆที่เหลืออีก 8 โลกว่าๆ หรือ
2.เดินย้อนกลับไปอีกประมาณ โลครึ่งแล้วก็เตรียมกลับบ้าน
แต่ผมไม่เลือกอะไรทั้งสิ้นครับ ใจอยู่กับหลอดลมที่แสบซ่าน ขาก็ก้าวไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่เรียกว่าเดิน....pace ตอนนั้นน่าจะอยู่ที่ 14 min/km
และก่อนเข้า ก.ม. 2 พอดีเจอจุดรับน้ำก็รับตามปกติ เลยถือโอกาศนี้เดินให้เบาแสบหน่อย......และก็ผ่าน ก.ม. สองมาได้ด้วยเวลา 09:19 (5'06" จาก ก.ม. 1)
ก.ม. 2 - ก.ม. 4
ตอนผมเข้า ก.ม. 2 นี้กลุ่มผู้น้ำไป ก.ม. 3 กันแล้วหละครับ เห็นไกลๆริบๆๆๆๆ ห่างงงงงงออกไปเลย
อาการแสบหน้าออกของผมมันยังไม่หายไป หนักขึ้นด้วย แต่ก็ฝืนๆวิ่งไป จะเร็วจะช้าก็ตามอาการ
หวังว่าจะเบา กลับหนักขึ้น มีน้ำมูกไหล ไหลๆๆๆ เสมหะเต็มคอไปหมด ทำไงหละครับทีนี้ ก็ต้องเอาออกสิครับ ดูซ้ายดูขวา ไม่มีคนอยู่ในรัศมีโดนผลกระทบก็เอาออกทีนึง กินน้ำบ้างอะไรบ้างก็ว่ากันไป
จุดกลับตัว - เส้นชัย
ตรงจุดกลับตัวนี้เองเป็นจุดช่วยชีวิตผมเอาไว้ ได้ถือโอกาสนั่งพักสักหน่อยด้วยการผู้เชือกรองเท้าใหม่ ใช้เวลาตรงนี้ไป 1 นาทีเห็นจะได้ แล้วก็วิ่งด้วย pace สบายๆ ที่ 5 นิดๆไปเรื่อยๆจนถึงเส้นชัย
แต่ชีวิตมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นครับ อาการแสบอกที่เรียกหลอดลมอักเสบนั้นมันเบาก็จริง แต่มันพาพวกมันมา มันพาอาการไข้อ่อนๆมาครับ ตัวมันก็รุ่มๆนิดๆ ตอนแรกคิดว่า over heat แต่ว่าคิดว่าไม่ใช่ (อันนี้มานึกได้ที่หลัง ตอนนั้นคิดว่าเป็น over heat) สิ่งที่ทำไปตอนนั้นคือ น้ำเย็นๆที่แวะรับใส่กระบอกมานี่หละครับ ค่อยๆบีบราดทั่วตัวเลย (ปกติไม่ค่อยได้เอาน้ำราดตัว แต่ครั้งนี้ผมว่ามีเกินลิตร)
แล้วก็ทำแบบนี้หละครับจนเข้าเส้นชัย
Conclusion
ผมเคยย้อนกลับมามองตัวเองหลายต่อหลายครั้ง ผมมันเป็นพวกดื้อแพ่ง ใครเตือนอะไรก็ไม่รู้จักเชื่อ(แต่ฟัง)
อย่างกรณี warm เนี่ย ถือว่าเป็นระเบียบวินัยของนักกีฬาเลยก็ว่าได้ว่าต้อง warm ก่อน ผมก็ไม่ได้ warm (ต้องว่ากันตรงๆว่าอันนี้เราเองก็ใจร้อนไป check-in)
ไหนจะเรื่องวิ่งแข่งกะชาวบ้าน: ผู้เชี่ยวชาญก็เตือนแล้วว่าอย่าไปวิ่งแข่งกันคนอื่นเค้า ผมก็ทะลึ่งไปไล่บี้กะเด็กๆพวกนั้น เล่นซะตัวเองเกือบตาย เกือบตายจริงๆนะครับ ไม่ได้ดราม่า เตือนไว้ก่อนนะครับสำหรับนักวิ่งหน้าใหม่ ถ้าท่านไม่แน่จริงแล้วคิดไปแข่งกับน้องๆเด็กๆพวกนี้เนี่ย อย่างน้อยๆท่านต้องมี "ม้า" นะคร๊าบบบ ไม่งั้นกวดเค้าไม่ทันนะ
่ส่วนเรื่องแสบหน้าออก: ถ้าเป็นเมื่อก่อนนี้ผมอาจต้องหาหมอ ดีไม่ดีก็นอนโทรมอยู่บ้านไปเลย มาทำงานทำการไม่ได้ไป 2-3 วัน แต่นี่ร่างกายแข็งแรงดีขึ้นครับตั้งแต่เล่นกีฬาแบบจริงๆจัง กลับมานอนอยู่ 6 ช.ม. หาย(เกือบ)ดีเลยครับ
ผมเองก็หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นข้อเตือนใจสำหรับนักวิ่งใหม่ๆได้ และถ้านักวิ่งที่มี ปสก. เข้ามาเจอ จะกรุณาให้คำแนะนำผมก็ขอบคุณล่วงหน้านะครับ
ป.ล. ขอ Tag ลดความอ้วนด้วยนะครับ เผื่อใครใช้การวิ่งเป็นวิธีลดความอ้วนอยู่