สวัสดีค่า เพื่อนๆชาวมนุษย์โลก เอ๊ย ชาวพันทิพ
ปกติเราชอบอ่านอะนะ แต่วันนี้ขอเขียนกับเค้าบ้าง
พอดีสอบเสร็จ คุณแฟนก็เพิ่งกลับไป
ว่าง และคิดถึง เลยขอตั้งกระทู้เม้ามอยฮีสักเล็กน้อย
เกริ่นนำ ก่อนนะคะ แฟนเราเป็นคนฝรั่งเศส
เราสองคนพบรักกันที่ The lost horizon แชงกรีล่า หยวินหนัน
หรือคนไทยเรียกว่า ยูนนาน นั่นเอง
ใช่ค่า สาวไทย ไปพบรักกับหนุ่มฝรั่งเศส ที่ประเทศจีนนนนู่นนนน
ไม่ไกลเท่าไหร่หรอกคร้าาา
ก็แค่นั่งเครื่องจากไทยไปลงกวางเจา 3 ชม
จากกวางเจา นั่งรถไฟต่อไปคุนหมิง ประมาณ 24 ชม
จากคุนหมิง นั่งรถไฟต่อไปต้าหลี่ ก็ 8 ชม
จากต้าหลี่ ต่อไปลี่เจียง ก็ 2 ชม
สุดท้ายแล้วค่า สุดท้าย
จากลี่เจียงนั่งบัสต่อไปแชงกรีล่า ก็อีก 4 ชม
แฮ่กๆๆ เริ่มเหนื่อยรึยังคะคุณขาาาาา
ยังค่ะ อย่าเพิ่งเหนื่อย!!!
เพราะทางคุณแฟนเราก็มาไกลไม่แพ้กัน
แต่ เดี๋ยวก่อนนน
วันนี้เราไม่ได้จะมาเม้า เรื่องราวการพบรักกันของเราสองคน เพราะมันค่อนข้างจะมหากาพย์
ทู้นี้เราเลยขอเม้าแค่เรื่องราวฮาๆ ระหว่างหนุ่มสาวสองคนที่มาจากดาวคนละดวง
ทำให้เกิดเรื่องราวขำปนเพลีย ละเหี่ยกันไปหลายตลบ
เผื่อใครที่กำลังตัดสินใจจะคบกับหนุ่มต่างชาติ หรือหนุ่มฝรั่งเศส
จะได้นำไปประกอบการตัดสินใจ ว่าพร้อมจะไฝว้เพื่อเขาคนนั้นอย่างสุดหัวใจหรือยัง
เพื่อนๆคนไหนมีประสบการณ์คล้ายๆกัน แจมกันได้เลยน้าาา
อ้อ ออกตัวนิดนุงส์ว่า สิ่งที่เราจะเล่าต่อไปนี้เป็น ปสก ส่วนบุคคล
คนฝรั่งเศสหลายคนอาจไม่ได้เป็นแบบนี้
และชาวต่างชาติที่เพื่อนๆท่านอื่นพบเจอก็อาจไม่ได้มีพฤติกรรมหรือลักษณะนิสัยเช่นนี้
เพราะฉะนั้น ถือว่าเล่าสู่กันฟัง เพื่อความชุ่มชื่นในหัวใจละกันเน้ออ
ครุคริครุคริ
มามะ เริ่มกันเลยดีกว่า
เรื่องที่ หนึ่ง เรื่องพูดล่ะที่หนึ่ง
เอ้า งงมั้ยคะ ฮ่าๆๆ
ถ้าใครเคยคุ้นกับคนฝรั่งเศส จะทราบว่า มนุษย์ชาตินี้นั้นมีนิสัย พูดได้ไม่หยุด จนติดนิสัย ไม่ค่อยจะฟังใครพูดสักเท่าไหร่
เพราะถ้าหยุดปุ๊บ คนอื่นจะแย่งพูดทันที
และถ้ายอมฟังก็จะแปลว่า เค้ายอมรับในสิ่งที่ฝ่ายตรงข้ามพูด
ถ้าฟังคนฝรั่งเศสคุยกัน จะเห็นว่า แต่ละคนนี่ แทบไม่เปิดช่องให้อีกฝ่ายได้พูด
และมีหรือที่พี่แกจะยอมมมมมมแพ้
สกิลการฟังจึงถือว่าไม่ได้สูงไปกว่าความสูงของหอยทาก
แต่สกิลการพูดนี้สูงทะลุไอเฟลทาวเวอร์ไปไกลลิบบบ
ก่อนหน้านี้เราเคยสอนภาษาไทยให้ชาวต่างชาติ
และเคยมี นร สองคน เป็นคนฝรั่งเศส
ทั้งสองคน สามารถพูดภาษาไทยได้แคล่วคล่องในสิ่งที่พวกเขาต้องการจะสื่อ
แต่พอครูอ้าปากพูด
พวกเค้าจะถามซ้ำว่า อะไรนะ อะไรนะ
ต้องพูดซ้ำกันอยู่หลายรอบกว่าจะเข้าใจ
ไม่น่าเชื่อว่าวันหนึ่งเราต้องมาเผชิญวิบากนี้..ทุกวัน ทุกวัน (ฮาาาาา)
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเราสองคนต้องมาใช้ภาษาอังกฤษ ที่ไม่ใช่ภาษาแม่ของเราทั้งสองคน
ความละเหี่ยมันอยู่ตรงที่ คุณแฟนไม่เพียงแต่มีสกิลการฟังต่ำ แต่พี่แกดันมักฟังผิดอีกตะหาก
หลายครั้งที่พอเราตอบไรไป ละพี่แกฟังผิดคิดว่าเราไม่เข้าใจที่แกพูด
ก็จะรีบพูดแทรกขึ้นมาทันใด...ว่า LISTEN!! !
(น้ำเสียงเข้ม เพราะจะเน้นว่าสำคัญมาก หน้าตาซีเรียส ทั้งๆที่บางทีมันก็แค่เรื่องไก่กาอาราเล่สุดๆ หุหุหุ)
ตัวอย่างเหตุการณ์
แฟนเรากับเรานัดกันว่า ตอนบ่ายจะติดต่อกันยังไง โดยที่เค้าบอกว่า
เด๋วประมาณเที่ยงครึ่งถึงบ่ายโมงจะโทรหาเรา
สิบนาทีผ่านไป คุยกันนู่นนี่นั่น ละเรากะลังเก็บของใส่กระเป๋าเพื่อจะออกจากบ้าน เราจึงคอนเฟิร์มเค้าอีกครั้งว่า
เรา : So you are going to call me around 1230 to one o'clock after my class?
เค้า : ( เสียงเข้ม และซีเรียส) No, No! Listen!
I am not going to come to you after your class. LISTEN!
นอกจากฮีจะฟังเราผิดแล้ว
ฮีก็พยายามเรียกความสนใจเราค้าาา คงคิดว่าเราไม่ได้ฟังอยู่
ที่สำคัญคือ จะทำเสียงเข้มเพื่ออออออ
ฟังแล้วหงุดหงิดสิคร้าาา คุณขราาา
แหมมมมมมมมม่
อยู่ดีๆมาทำเสียงดุเรานิ
เราเลยสวนไปก่อนฮีจะพูดจบว่า
"YOU" are the one who needs to listen. I said you are going to CALL me after class.
CALL not COME! That's what I said.
พูดพร้อมทำมือเป็นท่าโทรศัพท์แนบหู และทำหน้าเพลียใส่...
ชิส์ อีตาบร้าาาา
แบบนี้แหละค่ะ เราจึงได้ยินกันบ่อยๆว่า คนฝรั่งเศสนั้น เป็นคอมเพลนเนอร์ หรือนักบ่นมืออาชีพ
บ่นได้เรื่อยเปื่อย สากกะเบือยันเรือรบ
มีที่ให้เม้น ให้วิจารณ์ได้สาระพัด
ใครคิดจะมีแฟนคนฝรั่งเศส แนะนำว่าเตรียมหู เตรียมฝีปากมาให้ดี
เปิดประสาทสัทผัสทั้งห้าให้กว้างๆเข้าไว้ จะได้รับมือ(ฝีปาก)ทัน
(ฮาาาาา)
ที่พูดมากๆนั่น ก็ไม่ได้บ่นเก่งอย่างเดียวนะคะ
แต่ชอบมีมุก มีเสียดสี กวนบาทา น่าเตะ น่าหยิก มาเป็นระยะๆ
ทุกเช้าตื่นนอน เราลืมตาปุ๊บนี่มาละ
บทสนทนาไม่เคยซ้ำกันในแต่ละวันเลยค่า
เช่น
เช้าวันจันทร์ หลังลืมตาตื่น ยังไม่ทันจะลุกจากเตียง
ตกลงว่า ผมว่า ผมจะไปซื้อล้อที่เราไปดูเมื่อวานกันอะ ดูสิๆ มาดูนี่ ผมหาในเน็ท เจอราคาดีๆเยอะเลย
(แล้วสุดท้ายฮีก็ไม่ได้ซื้อหรอกคร้า แต่นั่งหาข้อมูลและพูดเรื่องนี้อยู่ได้เป็นวันๆ)
คืนวันอังคาร
ตกลงคุณปิดเทอมแล้วเราไปเที่ยวไหนกันดี (ยาวร่วมสาม ชม อีกเช่นกันค่า)
วันพุธ นั่งทานข้าวเที่ยง
เรากะลังจะแกะตะเกียบแบบใช้แล้วทิ้งที่มานแถมมาตอนไปซื้อข้าว
ซึ่งมานวางอยู่ตรงนั้นมาชาติเศษ ไม่มีคนใช้
พี่แกก็พูดขึ้นมาว่า
เนี่ยนะ คุณรู้มั้ยว่า คนเราทิ้งขยะวันๆนึงเยอะมากเลยนะ คุณยังจะใช้อีกเหรอ ตะเกียบเนี่ย
และเรื่องโลกร้อนอื่นๆอีกมากมาย ยาวเป็นกิโล
พฤหัส
คนจีนนี่ ไม่มีความคิดสร้างสรรค์กันเลยเนอะ เค้าอยู่กันได้ไงเนี่ย
บลาๆๆๆๆ
เริ่มเมื่อยหูรึยังคะ นี่ไล่ยังไม่ครบอาทิตย์นะเนี่ย ฮ่าๆๆๆๆ
เรื่องที่สอง เรื่องเถียงก็ไม่แพ้ใคร
คนฝรั่งเศสชอบถก และเถียงคร้า มันต่อเนื่องจากข้อข้างบนนั่นแหละ
บางทีเราก็คิดว่า ที่เค้าถกๆเถียงๆนั่นแค่เพราะอยากมีเรื่องพูดเท่านั้นเองใช่มั้ย ไม่งั้นคงเฉาปากมากใช่มั้ยคะะะ
ถามว่าดีมั้ย
ถ้าเป็นไปในทางสร้างสรรค์มันก็ดีนะคะ
อย่างเราไปเยี่ยมครอบครัวเค้า
หลานเค้าวัยรุ่น สิบเจ็ดสิบเก้าปี ก็มานั่งถกปัญหาครอบครัวตั้งแต่สมัยรุ่นปู่ย่าตายาย ปัญหารัฐบาลก็ร่วมวงขอบ่นด้วยคน
เห็นด้วยไม่เห็นด้วย ก็ถกกันหน้าดำหน้าแดง
โอ้วววว ถกกันไปได้เรื่อย ยันเรื่องศาสนาจนทะเลาะร้องห่มร้องไห้กันเลยแหละค่า
ขุ่นพระ ดิฉันขอเอามือทาบอก!
เรื่องบางเรื่องไม่ต้องถกกันจริงจังขนาดนั้นก็ได้มั้ย
นี่คนในครอบครัวนะ ไม่ใช่กะลังรบพุ่งแย่งดินแดนกันอยู่
แหมมมมมมมมมมม่
ตัวอย่างเหตุการณ์
เราสองคนไปเดินตลาดในจีนละคำนวณค่าเงินกัน
เรา : หนึ่งพันหยวน ก็ประมาณห้าพันบาทนิดๆอะ
เพราะฉะนั้น ยูโรก็ประมาณร้อยสามสิบได้
(หนึ่งหยวนประมาณ 5.3 บาท อันนี้เราคำนวณแม่นเว่อ)
เค้า : (จริงจังอีกแล้วคับท่าน เสียงเข้ม หน้าดำหน้าแดง) ไม่จริงไม่จริง
หนึ่งพันหยวนก็ประมาณสองร้อยห้าสิบยูโร
เรา : ชั้นรู้ค่าเงินนะ (แล้วก็หยิบเครื่องคิดเลขออกมากด แล้วยื่นให้ดู
พี่แกก็ไม่ยอม
ดูเครื่องคิดเลขเราแล้วก็บอกว่า
NO! NO! THIS IS WRONG! ผิดชัวร์ๆ
เรา : (ทำหน้าเซ็ง เสียงเนือยๆ) ให้ยืมเครื่องคิดเลขมั้ย
พี่แกก็ไม่ยอมยืม
เดินเถียงกันจนหาที่นั่ง พี่แกก็พูดอยู่นั่น ว่ามันผิดๆ พันหยวนคือ สองร้อยห้าสิบยูโร
แถมไม่ยอมกดเครื่องคิดเลขอีก
สุดท้าย พี่แกเห็นเราทำหน้าเซ็ง เลยบอกว่า ยังไม่ต้องคิดตอนนี้ก็ได้
กลับบ้านก่อน เด๋วจะไปเปิดเว็บค่าเงินให้ดู (แน่ะ มีการฝากไว้ก่อน)
เราก็เซ็งกับความหัวดื้อของคุณแฟน เลยพากันเดินข้ามถนนจะไปขึ้นใต้ดินเพื่อกลับบ้านละ
พี่แกก็ยังงึมๆงำๆ คำนวณๆ
สักพักก็พูดขึ้นมา อ๊ะ อ๊ะ หรือว่าคุณอาจจะถูกก็ได้นะ
โอ๊ะ จริงด้วย คุณพูดถูกแล้ว โอ้
พันหยวนคือประมาณร้อยสามสิบยูโรจริงด้วย
I am sorryyyyy
- -'
น่าจะรู้ตั้งนานแล้วนะยะพ่อคู้นนน
กดเครื่องคิดเลขก็จบละ
แหมมมมมมมมมมมมมม่
ตัวอย่างอีกเรื่อง
อันนี้ฮามวากกก
ตอนนั้นเราไปเที่ยวกะคุณแฟนที่ตุรกี ละเจอรูปปั้นเทพธิดาประจำเมืองหรือไงเนี่ยแหละ
ข้างรูปปั้นมีเขียนบรรยายว่า นางมีความเกี่ยวพันกับ Eros
เราก็เปรยขึ้นว่า อ๋ออ อีรอส ก็คิวปิดสินะ
ฮีก็บอก คิวปิดอะไร
เราก็บอก ก็นี่ไง มีรูปอยู่เนี่ย
เด็กตัวจิ๋วๆ มีปีก คอยยิงธนูให้คนรักกันนี่ไง
ฮีก็เถียงทันทีคร้าาา
"นี่มันคิวปิดองงงงงงงงงง"
เราก็ฮาค่า บอกว่า "เออ ภาษาฝรั่งเศสคุณจะเรียกอะไรก็แล้วแต่อะนะ
แต่ถ้าภาษาอังกฤษ ไอ่ตัวนี้เค้าเรียกกันว่า คิวปิดนะจ๊ะดาร์ลิ้งง"
"ไม่จริงๆๆๆๆ คิวปิดองๆๆๆๆ
คิวปิดมาจากไหนเนี่ยยยยย"
ก็เถียงกันอยู่งี้แหละค่ะ เป็นนานสองนาน
คิวปิด
คิวปิดอง
คิวปิด
คิวปิดอง
สุดท้าย เราเลยหยิบดิคออกมาเปิดให้ฮีดู
ฮีก็ทำหน้าเหมือนโดนค้อนปอนด์ทุบหัวคร้าาา
ถามแบบตกอยู่ในภวังค์ว่า
แล้วไอ่เพลงที่ผมฟังตอนเด็กๆนี่ มันแปลว่าไรเนี่ยยย
เราก็ยิ่งฮาเข้าไปใหญ่ แล้วฮัมเพลงออกมา
yeah yeah set me freeeee!
Stupid cupid ! stop picking on me!
"You know this song?"
ฮีถามพร้อมกับหันมามองเรา เหมือนเราเพิ่งถอดแว่นดำออกจากตาฮี แล้วฮีก็พบว่า ฝนไม่ได้จะตก ฮีแค่ใส่แว่นดำอยู่ ฮ่าๆๆๆ
เราก็ขำก๊ากกก เลยค่า "Of course!!"
ฮีก็บอก "โอ้วววว แล้วเนื้อเพลงมันแปลว่าไรอะ"
"มันก็แปลว่า ไอ่คิวปิดบ้า เลิกจับผิดชั้นซะที ไปยิงศรใส่คนอื่นไป๊
วันๆชั้นคิดถึงแต่เค้าจนไม่เป็นอันทำอะไรแล้วเนี่ยยย...น่ะสิ"
"นี่ผมเข้าใจผิดมาตลอดเลยเหรอ
คิวปิดภาษาฝรั่งเศสแปลว่า selfish
ผมก็นึกว่า เค้าร้องว่า ไอ่คนเห็นแก่ตัววว
คิวปิดดองถึงจะแปลว่า กามเทพ
โหย เนี่ย คนฝรั่งเศสถึงได้งงไง เวลาพูดภาษาอังกฤษ
ไม่ยุติธรรมเลย เห็นมั้ย
ภาษาอังกฤษชอบเอาไปใช้แปลกๆ
โอ้ววว อะไรกันเนี่ยยยย "
(ยังจะโทษภาษาอังกฤษอีก คิดดูละกัน - -')
แล้วฮีก็เดินกลับบ้านแบบทำหน้ามึนๆ ราวกับเพิ่งรู้ว่าพระอาทิตย์ขึ้นตอนกลางวัน และพระจันทร์ขึ้นตอนกลางคืน
ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ตอนหลังสำนึกได้ว่าตัวเองเข้าใจผิด
ฮีก็บอกว่า อีโก้ผมเองแหละ ที่ทำให้เถียงไม่เลิก
แต่ยังมีการบ่นกระปอดกระแปดว่า
"แต่ที่คุณหัวเราะผมเนี่ย no mercy no mercy"
55555555555555
เมอร์ซี่เค้าไม่ได้มีไว้ให้แฟนหัวดื้อจ้ะที่รักกก
เรื่องที่สาม ธรรมชาตินิยมและขี้เล่น
พักเบรกจากเรื่องพูดไม่หยุด พาน๊อตหลุดไปนอกโลก
มาเรื่องแหววๆปนอี๋ๆกันบ้าง
แฟนเราเป็นคนติดดิน รักธรรมชาติ และไม่ถือเรื่องส่วนตัวอะไรกับเราเลย
เรื่องส่วนตัวที่ว่า หมายถึงแบบว่า ส่วนตั๊ววว ส่วนตัวน่ะค่ะ
ตัวอย่างเหตุการณ์
เวลาทำธุระส่วนตัวก็ยังจะมาจูจุ๊บเรา แล้วบอกว่า
"สู้ๆนะ ผมอยู่ข้างคุณเสมอ"
( เล่นเอาเบ่งไม่ออกเลยค่ะตอนนั้น หุหุหุ
บางทีก็อยากจะมีโมเม้นแอบเบ่งเงียบๆคนเดียวบ้างไรบ้างนะคะคุณแฟนที่ร้ากกก)
เวลาเราบ่นว่า ขี้เกียจอาบน้ำ
ฮีก็จะบอกว่า ไม่ต้องอาบหรอก ผมชอบกลิ่นตัวคุณ แล้วก็พุ่งมาปล้ำเราอย่างกะซูโม่ เห้อออออ (หลายๆครั้งก็ แอร๊ยยยย นะ อิอิอิ)
ชอบเอานิ้วตัวเองมาแหย่รูจมูกเรา
แล้วบอกว่า ไม่ยุติธรรมเลย ทำไมผมเอานิ้วเข้ารูจมูกคุณไม่ได้ ทีคุณยังเอานิ้วเข้ามาในรูจมูกผมได้เลย (พร้อมแกล้งทำท่าเศร้า)
คือฮีนิ้วใหญ่มาก เลยทำแบบนั้นกะเราไม่ได้ ฮ่าๆๆๆ
นั่งๆคุยๆกอดๆกันอยู่ ก็แลบลิ้นเลียหน้าผากเราเป็นทางยาวจากซ้ายไปขวา (แหวะะะ ไม่ต้องซื้อโกลเด้น รีทรีฟเวอร์มาเลี้ยงเลยตรู)
ตอนกินหม้อไฟก็เอามือหยิบเนื้อหยิบหมูใส่ลงหม้อ
พอกินเสร็จก็เทน้ำชาล้างมือ
เช็ดแล้วก็มาจับผม มากอดเรา ลูบหลังลูบไหล่เรา
เราบอก มือสะอาดป่าวเนี่ย อี๋
ฮีก็จะบอก ผมล้างด้วยน้ำชาแล้วนะ ดมดูสิ
- -'
ตอนเช้าตรู่ เวลาเราสะลึมสะลือ ตื่นมาแล้วจะลุกไปเข้าห้องน้ำ
พี่แกชอบเอามือมากอดก่ายเราไว้
บอกว่า you 're leaving me????? noooooo! Dont leave me!
แล้วก็ดึงๆๆเราไว้แบบนั้น
(เข้าใจอารมณ์คนปวดฉี่มั้ยคะ แถมสะลึมสะลืออีก
ฮึ่ยยยย มุกนี้เล่นได้ทุกกกวัน ถ้าเราลุกจากเตียงก่อนเค้า)
มีเช้าวันนึง พี่แกตามกอดก่ายเราแบบนี้มาจนถึงปลายเตียง เราก็สะลึมสะลือค่ะ จนแบบเตียงมันยวบ
เราก็รู้สึกนะ แต่เราคิดว่าเค้าคงไม่ปล่อยเราตกหรอก ตัวใหญ่แข็งแรงจะตาย
ปรากฎว่า เตียงมันก็ยวบๆๆๆ ละเค้าก็กอดเราแบบแน่นๆๆๆ แล้วเรากับเค้าก็ไหลลงมาตามแรงโน้มถ่วงโลก
เสียงเรากรี๊ดว่า What are you doinggggg??
ตามด้วยเสียงหัวเราโหม่งพื้น
ปึ้ก!!
..
..
..
..
..
..
มาแชร์เรื่องราวขำๆปนเพลีย ละเหี่ยฮา ระหว่างมนุษย์ดาวอังคารและมนุษย์ดาวศุกร์กันเต๊อะ
ปกติเราชอบอ่านอะนะ แต่วันนี้ขอเขียนกับเค้าบ้าง
พอดีสอบเสร็จ คุณแฟนก็เพิ่งกลับไป
ว่าง และคิดถึง เลยขอตั้งกระทู้เม้ามอยฮีสักเล็กน้อย
เกริ่นนำ ก่อนนะคะ แฟนเราเป็นคนฝรั่งเศส
เราสองคนพบรักกันที่ The lost horizon แชงกรีล่า หยวินหนัน
หรือคนไทยเรียกว่า ยูนนาน นั่นเอง
ใช่ค่า สาวไทย ไปพบรักกับหนุ่มฝรั่งเศส ที่ประเทศจีนนนนู่นนนน
ไม่ไกลเท่าไหร่หรอกคร้าาา
ก็แค่นั่งเครื่องจากไทยไปลงกวางเจา 3 ชม
จากกวางเจา นั่งรถไฟต่อไปคุนหมิง ประมาณ 24 ชม
จากคุนหมิง นั่งรถไฟต่อไปต้าหลี่ ก็ 8 ชม
จากต้าหลี่ ต่อไปลี่เจียง ก็ 2 ชม
สุดท้ายแล้วค่า สุดท้าย
จากลี่เจียงนั่งบัสต่อไปแชงกรีล่า ก็อีก 4 ชม
แฮ่กๆๆ เริ่มเหนื่อยรึยังคะคุณขาาาาา
ยังค่ะ อย่าเพิ่งเหนื่อย!!!
เพราะทางคุณแฟนเราก็มาไกลไม่แพ้กัน
แต่ เดี๋ยวก่อนนน
วันนี้เราไม่ได้จะมาเม้า เรื่องราวการพบรักกันของเราสองคน เพราะมันค่อนข้างจะมหากาพย์
ทู้นี้เราเลยขอเม้าแค่เรื่องราวฮาๆ ระหว่างหนุ่มสาวสองคนที่มาจากดาวคนละดวง
ทำให้เกิดเรื่องราวขำปนเพลีย ละเหี่ยกันไปหลายตลบ
เผื่อใครที่กำลังตัดสินใจจะคบกับหนุ่มต่างชาติ หรือหนุ่มฝรั่งเศส
จะได้นำไปประกอบการตัดสินใจ ว่าพร้อมจะไฝว้เพื่อเขาคนนั้นอย่างสุดหัวใจหรือยัง
เพื่อนๆคนไหนมีประสบการณ์คล้ายๆกัน แจมกันได้เลยน้าาา
อ้อ ออกตัวนิดนุงส์ว่า สิ่งที่เราจะเล่าต่อไปนี้เป็น ปสก ส่วนบุคคล
คนฝรั่งเศสหลายคนอาจไม่ได้เป็นแบบนี้
และชาวต่างชาติที่เพื่อนๆท่านอื่นพบเจอก็อาจไม่ได้มีพฤติกรรมหรือลักษณะนิสัยเช่นนี้
เพราะฉะนั้น ถือว่าเล่าสู่กันฟัง เพื่อความชุ่มชื่นในหัวใจละกันเน้ออ
ครุคริครุคริ
มามะ เริ่มกันเลยดีกว่า
เรื่องที่ หนึ่ง เรื่องพูดล่ะที่หนึ่ง
เอ้า งงมั้ยคะ ฮ่าๆๆ
ถ้าใครเคยคุ้นกับคนฝรั่งเศส จะทราบว่า มนุษย์ชาตินี้นั้นมีนิสัย พูดได้ไม่หยุด จนติดนิสัย ไม่ค่อยจะฟังใครพูดสักเท่าไหร่
เพราะถ้าหยุดปุ๊บ คนอื่นจะแย่งพูดทันที
และถ้ายอมฟังก็จะแปลว่า เค้ายอมรับในสิ่งที่ฝ่ายตรงข้ามพูด
ถ้าฟังคนฝรั่งเศสคุยกัน จะเห็นว่า แต่ละคนนี่ แทบไม่เปิดช่องให้อีกฝ่ายได้พูด
และมีหรือที่พี่แกจะยอมมมมมมแพ้
สกิลการฟังจึงถือว่าไม่ได้สูงไปกว่าความสูงของหอยทาก
แต่สกิลการพูดนี้สูงทะลุไอเฟลทาวเวอร์ไปไกลลิบบบ
ก่อนหน้านี้เราเคยสอนภาษาไทยให้ชาวต่างชาติ
และเคยมี นร สองคน เป็นคนฝรั่งเศส
ทั้งสองคน สามารถพูดภาษาไทยได้แคล่วคล่องในสิ่งที่พวกเขาต้องการจะสื่อ
แต่พอครูอ้าปากพูด
พวกเค้าจะถามซ้ำว่า อะไรนะ อะไรนะ
ต้องพูดซ้ำกันอยู่หลายรอบกว่าจะเข้าใจ
ไม่น่าเชื่อว่าวันหนึ่งเราต้องมาเผชิญวิบากนี้..ทุกวัน ทุกวัน (ฮาาาาา)
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเราสองคนต้องมาใช้ภาษาอังกฤษ ที่ไม่ใช่ภาษาแม่ของเราทั้งสองคน
ความละเหี่ยมันอยู่ตรงที่ คุณแฟนไม่เพียงแต่มีสกิลการฟังต่ำ แต่พี่แกดันมักฟังผิดอีกตะหาก
หลายครั้งที่พอเราตอบไรไป ละพี่แกฟังผิดคิดว่าเราไม่เข้าใจที่แกพูด
ก็จะรีบพูดแทรกขึ้นมาทันใด...ว่า LISTEN!! !
(น้ำเสียงเข้ม เพราะจะเน้นว่าสำคัญมาก หน้าตาซีเรียส ทั้งๆที่บางทีมันก็แค่เรื่องไก่กาอาราเล่สุดๆ หุหุหุ)
ตัวอย่างเหตุการณ์
แฟนเรากับเรานัดกันว่า ตอนบ่ายจะติดต่อกันยังไง โดยที่เค้าบอกว่า
เด๋วประมาณเที่ยงครึ่งถึงบ่ายโมงจะโทรหาเรา
สิบนาทีผ่านไป คุยกันนู่นนี่นั่น ละเรากะลังเก็บของใส่กระเป๋าเพื่อจะออกจากบ้าน เราจึงคอนเฟิร์มเค้าอีกครั้งว่า
เรา : So you are going to call me around 1230 to one o'clock after my class?
เค้า : ( เสียงเข้ม และซีเรียส) No, No! Listen!
I am not going to come to you after your class. LISTEN!
นอกจากฮีจะฟังเราผิดแล้ว
ฮีก็พยายามเรียกความสนใจเราค้าาา คงคิดว่าเราไม่ได้ฟังอยู่
ที่สำคัญคือ จะทำเสียงเข้มเพื่ออออออ
ฟังแล้วหงุดหงิดสิคร้าาา คุณขราาา
แหมมมมมมมมม่
อยู่ดีๆมาทำเสียงดุเรานิ
เราเลยสวนไปก่อนฮีจะพูดจบว่า
"YOU" are the one who needs to listen. I said you are going to CALL me after class.
CALL not COME! That's what I said.
พูดพร้อมทำมือเป็นท่าโทรศัพท์แนบหู และทำหน้าเพลียใส่...
ชิส์ อีตาบร้าาาา
แบบนี้แหละค่ะ เราจึงได้ยินกันบ่อยๆว่า คนฝรั่งเศสนั้น เป็นคอมเพลนเนอร์ หรือนักบ่นมืออาชีพ
บ่นได้เรื่อยเปื่อย สากกะเบือยันเรือรบ
มีที่ให้เม้น ให้วิจารณ์ได้สาระพัด
ใครคิดจะมีแฟนคนฝรั่งเศส แนะนำว่าเตรียมหู เตรียมฝีปากมาให้ดี
เปิดประสาทสัทผัสทั้งห้าให้กว้างๆเข้าไว้ จะได้รับมือ(ฝีปาก)ทัน
(ฮาาาาา)
ที่พูดมากๆนั่น ก็ไม่ได้บ่นเก่งอย่างเดียวนะคะ
แต่ชอบมีมุก มีเสียดสี กวนบาทา น่าเตะ น่าหยิก มาเป็นระยะๆ
ทุกเช้าตื่นนอน เราลืมตาปุ๊บนี่มาละ
บทสนทนาไม่เคยซ้ำกันในแต่ละวันเลยค่า
เช่น
เช้าวันจันทร์ หลังลืมตาตื่น ยังไม่ทันจะลุกจากเตียง
ตกลงว่า ผมว่า ผมจะไปซื้อล้อที่เราไปดูเมื่อวานกันอะ ดูสิๆ มาดูนี่ ผมหาในเน็ท เจอราคาดีๆเยอะเลย
(แล้วสุดท้ายฮีก็ไม่ได้ซื้อหรอกคร้า แต่นั่งหาข้อมูลและพูดเรื่องนี้อยู่ได้เป็นวันๆ)
คืนวันอังคาร
ตกลงคุณปิดเทอมแล้วเราไปเที่ยวไหนกันดี (ยาวร่วมสาม ชม อีกเช่นกันค่า)
วันพุธ นั่งทานข้าวเที่ยง
เรากะลังจะแกะตะเกียบแบบใช้แล้วทิ้งที่มานแถมมาตอนไปซื้อข้าว
ซึ่งมานวางอยู่ตรงนั้นมาชาติเศษ ไม่มีคนใช้
พี่แกก็พูดขึ้นมาว่า
เนี่ยนะ คุณรู้มั้ยว่า คนเราทิ้งขยะวันๆนึงเยอะมากเลยนะ คุณยังจะใช้อีกเหรอ ตะเกียบเนี่ย
และเรื่องโลกร้อนอื่นๆอีกมากมาย ยาวเป็นกิโล
พฤหัส
คนจีนนี่ ไม่มีความคิดสร้างสรรค์กันเลยเนอะ เค้าอยู่กันได้ไงเนี่ย
บลาๆๆๆๆ
เริ่มเมื่อยหูรึยังคะ นี่ไล่ยังไม่ครบอาทิตย์นะเนี่ย ฮ่าๆๆๆๆ
เรื่องที่สอง เรื่องเถียงก็ไม่แพ้ใคร
คนฝรั่งเศสชอบถก และเถียงคร้า มันต่อเนื่องจากข้อข้างบนนั่นแหละ
บางทีเราก็คิดว่า ที่เค้าถกๆเถียงๆนั่นแค่เพราะอยากมีเรื่องพูดเท่านั้นเองใช่มั้ย ไม่งั้นคงเฉาปากมากใช่มั้ยคะะะ
ถามว่าดีมั้ย
ถ้าเป็นไปในทางสร้างสรรค์มันก็ดีนะคะ
อย่างเราไปเยี่ยมครอบครัวเค้า
หลานเค้าวัยรุ่น สิบเจ็ดสิบเก้าปี ก็มานั่งถกปัญหาครอบครัวตั้งแต่สมัยรุ่นปู่ย่าตายาย ปัญหารัฐบาลก็ร่วมวงขอบ่นด้วยคน
เห็นด้วยไม่เห็นด้วย ก็ถกกันหน้าดำหน้าแดง
โอ้วววว ถกกันไปได้เรื่อย ยันเรื่องศาสนาจนทะเลาะร้องห่มร้องไห้กันเลยแหละค่า
ขุ่นพระ ดิฉันขอเอามือทาบอก!
เรื่องบางเรื่องไม่ต้องถกกันจริงจังขนาดนั้นก็ได้มั้ย
นี่คนในครอบครัวนะ ไม่ใช่กะลังรบพุ่งแย่งดินแดนกันอยู่
แหมมมมมมมมมมม่
ตัวอย่างเหตุการณ์
เราสองคนไปเดินตลาดในจีนละคำนวณค่าเงินกัน
เรา : หนึ่งพันหยวน ก็ประมาณห้าพันบาทนิดๆอะ
เพราะฉะนั้น ยูโรก็ประมาณร้อยสามสิบได้
(หนึ่งหยวนประมาณ 5.3 บาท อันนี้เราคำนวณแม่นเว่อ)
เค้า : (จริงจังอีกแล้วคับท่าน เสียงเข้ม หน้าดำหน้าแดง) ไม่จริงไม่จริง
หนึ่งพันหยวนก็ประมาณสองร้อยห้าสิบยูโร
เรา : ชั้นรู้ค่าเงินนะ (แล้วก็หยิบเครื่องคิดเลขออกมากด แล้วยื่นให้ดู
พี่แกก็ไม่ยอม
ดูเครื่องคิดเลขเราแล้วก็บอกว่า
NO! NO! THIS IS WRONG! ผิดชัวร์ๆ
เรา : (ทำหน้าเซ็ง เสียงเนือยๆ) ให้ยืมเครื่องคิดเลขมั้ย
พี่แกก็ไม่ยอมยืม
เดินเถียงกันจนหาที่นั่ง พี่แกก็พูดอยู่นั่น ว่ามันผิดๆ พันหยวนคือ สองร้อยห้าสิบยูโร
แถมไม่ยอมกดเครื่องคิดเลขอีก
สุดท้าย พี่แกเห็นเราทำหน้าเซ็ง เลยบอกว่า ยังไม่ต้องคิดตอนนี้ก็ได้
กลับบ้านก่อน เด๋วจะไปเปิดเว็บค่าเงินให้ดู (แน่ะ มีการฝากไว้ก่อน)
เราก็เซ็งกับความหัวดื้อของคุณแฟน เลยพากันเดินข้ามถนนจะไปขึ้นใต้ดินเพื่อกลับบ้านละ
พี่แกก็ยังงึมๆงำๆ คำนวณๆ
สักพักก็พูดขึ้นมา อ๊ะ อ๊ะ หรือว่าคุณอาจจะถูกก็ได้นะ
โอ๊ะ จริงด้วย คุณพูดถูกแล้ว โอ้
พันหยวนคือประมาณร้อยสามสิบยูโรจริงด้วย
I am sorryyyyy
- -'
น่าจะรู้ตั้งนานแล้วนะยะพ่อคู้นนน
กดเครื่องคิดเลขก็จบละ
แหมมมมมมมมมมมมมม่
ตัวอย่างอีกเรื่อง
อันนี้ฮามวากกก
ตอนนั้นเราไปเที่ยวกะคุณแฟนที่ตุรกี ละเจอรูปปั้นเทพธิดาประจำเมืองหรือไงเนี่ยแหละ
ข้างรูปปั้นมีเขียนบรรยายว่า นางมีความเกี่ยวพันกับ Eros
เราก็เปรยขึ้นว่า อ๋ออ อีรอส ก็คิวปิดสินะ
ฮีก็บอก คิวปิดอะไร
เราก็บอก ก็นี่ไง มีรูปอยู่เนี่ย
เด็กตัวจิ๋วๆ มีปีก คอยยิงธนูให้คนรักกันนี่ไง
ฮีก็เถียงทันทีคร้าาา
"นี่มันคิวปิดองงงงงงงงงง"
เราก็ฮาค่า บอกว่า "เออ ภาษาฝรั่งเศสคุณจะเรียกอะไรก็แล้วแต่อะนะ
แต่ถ้าภาษาอังกฤษ ไอ่ตัวนี้เค้าเรียกกันว่า คิวปิดนะจ๊ะดาร์ลิ้งง"
"ไม่จริงๆๆๆๆ คิวปิดองๆๆๆๆ
คิวปิดมาจากไหนเนี่ยยยยย"
ก็เถียงกันอยู่งี้แหละค่ะ เป็นนานสองนาน
คิวปิด
คิวปิดอง
คิวปิด
คิวปิดอง
สุดท้าย เราเลยหยิบดิคออกมาเปิดให้ฮีดู
ฮีก็ทำหน้าเหมือนโดนค้อนปอนด์ทุบหัวคร้าาา
ถามแบบตกอยู่ในภวังค์ว่า
แล้วไอ่เพลงที่ผมฟังตอนเด็กๆนี่ มันแปลว่าไรเนี่ยยย
เราก็ยิ่งฮาเข้าไปใหญ่ แล้วฮัมเพลงออกมา
yeah yeah set me freeeee!
Stupid cupid ! stop picking on me!
"You know this song?"
ฮีถามพร้อมกับหันมามองเรา เหมือนเราเพิ่งถอดแว่นดำออกจากตาฮี แล้วฮีก็พบว่า ฝนไม่ได้จะตก ฮีแค่ใส่แว่นดำอยู่ ฮ่าๆๆๆ
เราก็ขำก๊ากกก เลยค่า "Of course!!"
ฮีก็บอก "โอ้วววว แล้วเนื้อเพลงมันแปลว่าไรอะ"
"มันก็แปลว่า ไอ่คิวปิดบ้า เลิกจับผิดชั้นซะที ไปยิงศรใส่คนอื่นไป๊
วันๆชั้นคิดถึงแต่เค้าจนไม่เป็นอันทำอะไรแล้วเนี่ยยย...น่ะสิ"
"นี่ผมเข้าใจผิดมาตลอดเลยเหรอ
คิวปิดภาษาฝรั่งเศสแปลว่า selfish
ผมก็นึกว่า เค้าร้องว่า ไอ่คนเห็นแก่ตัววว
คิวปิดดองถึงจะแปลว่า กามเทพ
โหย เนี่ย คนฝรั่งเศสถึงได้งงไง เวลาพูดภาษาอังกฤษ
ไม่ยุติธรรมเลย เห็นมั้ย
ภาษาอังกฤษชอบเอาไปใช้แปลกๆ
โอ้ววว อะไรกันเนี่ยยยย "
(ยังจะโทษภาษาอังกฤษอีก คิดดูละกัน - -')
แล้วฮีก็เดินกลับบ้านแบบทำหน้ามึนๆ ราวกับเพิ่งรู้ว่าพระอาทิตย์ขึ้นตอนกลางวัน และพระจันทร์ขึ้นตอนกลางคืน
ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ตอนหลังสำนึกได้ว่าตัวเองเข้าใจผิด
ฮีก็บอกว่า อีโก้ผมเองแหละ ที่ทำให้เถียงไม่เลิก
แต่ยังมีการบ่นกระปอดกระแปดว่า
"แต่ที่คุณหัวเราะผมเนี่ย no mercy no mercy"
55555555555555
เมอร์ซี่เค้าไม่ได้มีไว้ให้แฟนหัวดื้อจ้ะที่รักกก
เรื่องที่สาม ธรรมชาตินิยมและขี้เล่น
พักเบรกจากเรื่องพูดไม่หยุด พาน๊อตหลุดไปนอกโลก
มาเรื่องแหววๆปนอี๋ๆกันบ้าง
แฟนเราเป็นคนติดดิน รักธรรมชาติ และไม่ถือเรื่องส่วนตัวอะไรกับเราเลย
เรื่องส่วนตัวที่ว่า หมายถึงแบบว่า ส่วนตั๊ววว ส่วนตัวน่ะค่ะ
ตัวอย่างเหตุการณ์
เวลาทำธุระส่วนตัวก็ยังจะมาจูจุ๊บเรา แล้วบอกว่า
"สู้ๆนะ ผมอยู่ข้างคุณเสมอ"
( เล่นเอาเบ่งไม่ออกเลยค่ะตอนนั้น หุหุหุ
บางทีก็อยากจะมีโมเม้นแอบเบ่งเงียบๆคนเดียวบ้างไรบ้างนะคะคุณแฟนที่ร้ากกก)
เวลาเราบ่นว่า ขี้เกียจอาบน้ำ
ฮีก็จะบอกว่า ไม่ต้องอาบหรอก ผมชอบกลิ่นตัวคุณ แล้วก็พุ่งมาปล้ำเราอย่างกะซูโม่ เห้อออออ (หลายๆครั้งก็ แอร๊ยยยย นะ อิอิอิ)
ชอบเอานิ้วตัวเองมาแหย่รูจมูกเรา
แล้วบอกว่า ไม่ยุติธรรมเลย ทำไมผมเอานิ้วเข้ารูจมูกคุณไม่ได้ ทีคุณยังเอานิ้วเข้ามาในรูจมูกผมได้เลย (พร้อมแกล้งทำท่าเศร้า)
คือฮีนิ้วใหญ่มาก เลยทำแบบนั้นกะเราไม่ได้ ฮ่าๆๆๆ
นั่งๆคุยๆกอดๆกันอยู่ ก็แลบลิ้นเลียหน้าผากเราเป็นทางยาวจากซ้ายไปขวา (แหวะะะ ไม่ต้องซื้อโกลเด้น รีทรีฟเวอร์มาเลี้ยงเลยตรู)
ตอนกินหม้อไฟก็เอามือหยิบเนื้อหยิบหมูใส่ลงหม้อ
พอกินเสร็จก็เทน้ำชาล้างมือ
เช็ดแล้วก็มาจับผม มากอดเรา ลูบหลังลูบไหล่เรา
เราบอก มือสะอาดป่าวเนี่ย อี๋
ฮีก็จะบอก ผมล้างด้วยน้ำชาแล้วนะ ดมดูสิ
- -'
ตอนเช้าตรู่ เวลาเราสะลึมสะลือ ตื่นมาแล้วจะลุกไปเข้าห้องน้ำ
พี่แกชอบเอามือมากอดก่ายเราไว้
บอกว่า you 're leaving me????? noooooo! Dont leave me!
แล้วก็ดึงๆๆเราไว้แบบนั้น
(เข้าใจอารมณ์คนปวดฉี่มั้ยคะ แถมสะลึมสะลืออีก
ฮึ่ยยยย มุกนี้เล่นได้ทุกกกวัน ถ้าเราลุกจากเตียงก่อนเค้า)
มีเช้าวันนึง พี่แกตามกอดก่ายเราแบบนี้มาจนถึงปลายเตียง เราก็สะลึมสะลือค่ะ จนแบบเตียงมันยวบ
เราก็รู้สึกนะ แต่เราคิดว่าเค้าคงไม่ปล่อยเราตกหรอก ตัวใหญ่แข็งแรงจะตาย
ปรากฎว่า เตียงมันก็ยวบๆๆๆ ละเค้าก็กอดเราแบบแน่นๆๆๆ แล้วเรากับเค้าก็ไหลลงมาตามแรงโน้มถ่วงโลก
เสียงเรากรี๊ดว่า What are you doinggggg??
ตามด้วยเสียงหัวเราโหม่งพื้น
ปึ้ก!!
..
..
..
..
..
..