.
.
นักวิจัยและนักประวัติศาสตร์ได้ค้นพบว่ามี
เรื่องราวในประวัติศาสตร์ 3 เรื่อง
ที่เชื่อกันว่าจริงมายาวนาน แต่มันไม่ใช่เรื่องจริง
หรือมีข้อมูลที่ผิดพลาดกันมาอย่างช้านาน
จากรายงานของหนังสือพิมพ์อังกฤษ Daily Mirror
1. ความสูงของ Napoleon Bonaparte
Napoleon Bonaparte
ตามที่เรียนรู้ต่อ ๆ กันมาในประวัติศาสตร์
คือ คนร่างเล็กและเต็มเปี่ยมไปด้วยความทะเยอทะยาน
ดังนั้นใครก็ตามที่ร่างเล็กและทะเยอทะยาน
มักจะถูกเรียกว่า อาการโรคแบบนโปลีออง
Napoleon syndrome
ความสูงผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของฝรั่งเศสที่ระบุว่าสูง 5.2 ฟุต
มักจะมีข้อโต้แย้งว่าเกิดจากความผิดพลาด
ในการแปลงหน่วยวัดจากระบบหนึ่งไปอีกระบบหนึ่ง
จากระบบอังกฤษมาเป็นระบบเมกตริก
ดังนั้นความสูงของ Napoleon
น่าจะอยู่ที่ 5.65 ฟุต (172.21 ซม)
หรือสูงกว่า 5.2 ฟุต (158.49 ซม.)
มีข้อถกเถียงกันมากในเรื่องความสูง Napoleon
ตามเอกสารส่วนมาก
มักระบุว่านโปลีอองเป็นคนตัวเตี้ย
ค่าเฉลี่ยความสูงของผู้ชายในยุคศตวรรษที่ 18 กับ 19
มีค่าเฉลี่ยที่ 5.5 ฟุต (167.64 ซม.)
Naploen จึงจัดว่าเตี้ยกว่าคนทั่วไป
หมายเหตุ
Francesco Antommarchi แพทย์ประจำตัว Napoleon
ได้วัดความสูงของนโปลีอองได้ 5.2 ฟุตตอนเสียชีวิต
นโปลีอองมีฉายาว่า Le Petit Caporal คนร่างเล็ก/เตี้ย
เมื่อเปรียบเทียบกับ Josephine ภริยาคนแรก
ที่สูง 5.4 ฟุต (164.59 ซม)
Napoleon จึงห้ามเธอสวมหมวกเวลาเดินเคียงข้าง
เพราะจะทำให้เธอดูสูงจนข่มสามีว่าเตี้ยกว่า
น่าจะเป็นข้อสรุปอนุมานว่าความสูง Napoleon อยู่ที่ 5.2 ฟุต
ที่มา
http://goo.gl/lZX8pu และ
http://goo.gl/6rrjRX
นโปลีอองถูกประนามจากสำนักวาติกัน
และหลายประเทศว่าเป็นมหาโจรกับผู้ทรยศต่อพระผู้เป็นเจ้า
เพราะปล้นชิงทรัพย์สินจากชาติต่าง ๆ ขนกับฝรั่งเศสจำนวนมาก
รวมทั้งข้าวของในพระราชวังวาติกันของพระสันตปาปา
2. Cleopatra เสียชีวิตเพราะงูพิษกัด
ตำนานเล่าว่าจักรพรรดินีอียิปต์ฆ่าตัวตาย
ด้วยการให้งูพิษกัดในช่วงเดือนสิงหาคม
ศตวรรษที่ 12 หรือ 30 ปีก่อนคริสตศักราช
แต่นักประวัติศาสตร์และนักพิษวิทยา
ระบุว่าเป็นเรื่องเหลวไหลไร้สาระ
ศาสตราจารย์ Christoph Haifa ชาวเยอรมันระบุว่า
Cleopatra ใช้ยาพิษร้ายแรงผสม
เพื่อต้องการตายอย่างรวดเร็ว
เพราะถ้าให้งูพิษกัดตนเองกว่าจะตาย
ต้องใช้เวลาทนทุกข์ทรมานอีกหลายวัน
และมีผลทำให้ศพไม่สวยน่าขยะแขยง
เพราะ Cleopatra ต้องการคงความสวยไว้ตามตำนาน
ดังนั้นยาพิษจะต้องทำให้เธอตายอย่างรวดเร็ว
และไม่มีอาการทุกข์ทรมานโดยใช้เวลาไม่นานนัก
หมายเหตุ
ราชวงศ์ Cleopatra เป็นพวกเชื้อสายกรีก
เชื้อสายสหายร่วมรบจักรพรรด์ Alexandre
มหาโจรที่พิชิตอัฟกานิสถานจนจบแม่น้ำสินธุอินเดีย
(คำประนามนักประวัติศาสตร์รุ่นใหม่)
ไม่ใช่พวกอาหรับหรือชนพื้นเมืองแต่อย่างใด
3. Marie Antoinette ไม่เคยพูดว่า
ไปกินขนมเค็กแทนขนมปัง
Marie Antoinette พระชายา King Louis XVI
บอกกับชาวนายากไร้ที่ทำงานในนาหลวง
ที่กำลังอดหยากขาดแคลนขนมปัง(อาหารประจำวัน)
โดยการพูดเป็นภาษาฝรั่งเศสว่า
” Qu’ils mangent de la brioche.”
" ให้พวกมันไปหาขนมเค็กกินแทนซะ "
(ils ในภาษาฝรั่งเศสใช้กับสัตว์และสิ่งของ)
วลีนี้มีการพูดกันอย่างแพร่หลาย
หรือมีการแปลเป็นภาษาอังกฤษว่า “let them eat cake.”
ความจริงคำว่า brioche
ไม่ได้แปลว่า ขนมบิสกิต หรือ ขนมเค็ก
แต่เป็นขนมปังอีกประเภทหนึ่ง
Antonia Fraser Katah ผู้เรียบเรียงประวัติ
Marie Antoinette ค้นคว้าเรื่องราวและระบุว่า
เธอชอบบริจาคข้าวของต่าง ๆ มาก
เธอเป็นสตรีที่เรียบร้อยจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะพูดวลีนั้น
เชื่อกันว่าวลีดังกล่าวตัดต่อมาจากข้อเขียน
Jean-Jacques Rousseau นักปรัชญาฝ่ายต่อต้านราชวงศ์
เขียนไว้ในหนังสือเล่มหนึ่งในปี 1766
ก่อนการปฏิวัติฝรั่งเศสที่เกิดขึ้นในปี 1789
หมายเหตุ
ยุโรปสมัยก่อนอาหารการกินขาดแคลนมาก
จนได้มันฝรั่งจากละตินอเมริกาที่ให้ผลผลิตมาก
จึงรอดตายจากการขาดอาหารและมีเรี่ยวแรง
ตีชิงปล้นประเทศด้อยพัฒนาต่าง ๆ ไปทั่วโลก
มาดามคูรี ช่วงเรียนในฝรั่งเศสรอดตายเพราะมันฝรั่ง
มีการเขียนไว้ในประวัติของเธอ
และอ่านเจอในหนังสือหลายเล่มเกี่ยวกับ
บทบาทและความเป็นมาของมันฝรั่ง
ของดราชาศัพท์เพราะความจำกัดทางด้านภาษา
เรียบเรียง/ที่มา
http://goo.gl/52i7is
http://goo.gl/j2zGbg
เพิ่มเติมภาพที่ชอบแชร์กันมาก
เบื้องหลังภาพนี้ไม่มีความเศร้าหรือเป็นภาพเด็กไร้แม่
จริง ๆ เป็นภาพหลานสาวศิลปินอเมริกัน เชื้อสายอิหร่าน
ที่ชอบเล่นซุกซนแล้วชอบหลับบนถนนในลานบ้านตนเอง
เธอจึงขีดชอร์ครอบตัวหลานสาวเธอ
แล้วยืนบนเก้าอี้ถ่ายภาพนี้ขึ้นมาเป็นงานศิลป์ของเธอ
แต่มีคนไปตัดต่อแล้วมโนสร้างเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย
ที่มา.
http://ppantip.com/topic/31618491
3 เรื่องราวในประวัติศาสตร์ที่เชื่อถือต่อ ๆ กันมาแบบผิด ๆ
..
นักวิจัยและนักประวัติศาสตร์ได้ค้นพบว่ามี
เรื่องราวในประวัติศาสตร์ 3 เรื่อง
ที่เชื่อกันว่าจริงมายาวนาน แต่มันไม่ใช่เรื่องจริง
หรือมีข้อมูลที่ผิดพลาดกันมาอย่างช้านาน
จากรายงานของหนังสือพิมพ์อังกฤษ Daily Mirror
1. ความสูงของ Napoleon Bonaparte
Napoleon Bonaparte
ตามที่เรียนรู้ต่อ ๆ กันมาในประวัติศาสตร์
คือ คนร่างเล็กและเต็มเปี่ยมไปด้วยความทะเยอทะยาน
ดังนั้นใครก็ตามที่ร่างเล็กและทะเยอทะยาน
มักจะถูกเรียกว่า อาการโรคแบบนโปลีออง
Napoleon syndrome
ความสูงผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของฝรั่งเศสที่ระบุว่าสูง 5.2 ฟุต
มักจะมีข้อโต้แย้งว่าเกิดจากความผิดพลาด
ในการแปลงหน่วยวัดจากระบบหนึ่งไปอีกระบบหนึ่ง
จากระบบอังกฤษมาเป็นระบบเมกตริก
ดังนั้นความสูงของ Napoleon
น่าจะอยู่ที่ 5.65 ฟุต (172.21 ซม)
หรือสูงกว่า 5.2 ฟุต (158.49 ซม.)
มีข้อถกเถียงกันมากในเรื่องความสูง Napoleon
ตามเอกสารส่วนมาก
มักระบุว่านโปลีอองเป็นคนตัวเตี้ย
ค่าเฉลี่ยความสูงของผู้ชายในยุคศตวรรษที่ 18 กับ 19
มีค่าเฉลี่ยที่ 5.5 ฟุต (167.64 ซม.)
Naploen จึงจัดว่าเตี้ยกว่าคนทั่วไป
หมายเหตุ
Francesco Antommarchi แพทย์ประจำตัว Napoleon
ได้วัดความสูงของนโปลีอองได้ 5.2 ฟุตตอนเสียชีวิต
นโปลีอองมีฉายาว่า Le Petit Caporal คนร่างเล็ก/เตี้ย
เมื่อเปรียบเทียบกับ Josephine ภริยาคนแรก
ที่สูง 5.4 ฟุต (164.59 ซม)
Napoleon จึงห้ามเธอสวมหมวกเวลาเดินเคียงข้าง
เพราะจะทำให้เธอดูสูงจนข่มสามีว่าเตี้ยกว่า
น่าจะเป็นข้อสรุปอนุมานว่าความสูง Napoleon อยู่ที่ 5.2 ฟุต
ที่มา http://goo.gl/lZX8pu และ http://goo.gl/6rrjRX
นโปลีอองถูกประนามจากสำนักวาติกัน
และหลายประเทศว่าเป็นมหาโจรกับผู้ทรยศต่อพระผู้เป็นเจ้า
เพราะปล้นชิงทรัพย์สินจากชาติต่าง ๆ ขนกับฝรั่งเศสจำนวนมาก
รวมทั้งข้าวของในพระราชวังวาติกันของพระสันตปาปา
2. Cleopatra เสียชีวิตเพราะงูพิษกัด
ตำนานเล่าว่าจักรพรรดินีอียิปต์ฆ่าตัวตาย
ด้วยการให้งูพิษกัดในช่วงเดือนสิงหาคม
ศตวรรษที่ 12 หรือ 30 ปีก่อนคริสตศักราช
แต่นักประวัติศาสตร์และนักพิษวิทยา
ระบุว่าเป็นเรื่องเหลวไหลไร้สาระ
ศาสตราจารย์ Christoph Haifa ชาวเยอรมันระบุว่า
Cleopatra ใช้ยาพิษร้ายแรงผสม
เพื่อต้องการตายอย่างรวดเร็ว
เพราะถ้าให้งูพิษกัดตนเองกว่าจะตาย
ต้องใช้เวลาทนทุกข์ทรมานอีกหลายวัน
และมีผลทำให้ศพไม่สวยน่าขยะแขยง
เพราะ Cleopatra ต้องการคงความสวยไว้ตามตำนาน
ดังนั้นยาพิษจะต้องทำให้เธอตายอย่างรวดเร็ว
และไม่มีอาการทุกข์ทรมานโดยใช้เวลาไม่นานนัก
หมายเหตุ
ราชวงศ์ Cleopatra เป็นพวกเชื้อสายกรีก
เชื้อสายสหายร่วมรบจักรพรรด์ Alexandre
มหาโจรที่พิชิตอัฟกานิสถานจนจบแม่น้ำสินธุอินเดีย
(คำประนามนักประวัติศาสตร์รุ่นใหม่)
ไม่ใช่พวกอาหรับหรือชนพื้นเมืองแต่อย่างใด
3. Marie Antoinette ไม่เคยพูดว่า
ไปกินขนมเค็กแทนขนมปัง
Marie Antoinette พระชายา King Louis XVI
บอกกับชาวนายากไร้ที่ทำงานในนาหลวง
ที่กำลังอดหยากขาดแคลนขนมปัง(อาหารประจำวัน)
โดยการพูดเป็นภาษาฝรั่งเศสว่า
” Qu’ils mangent de la brioche.”
" ให้พวกมันไปหาขนมเค็กกินแทนซะ "
(ils ในภาษาฝรั่งเศสใช้กับสัตว์และสิ่งของ)
วลีนี้มีการพูดกันอย่างแพร่หลาย
หรือมีการแปลเป็นภาษาอังกฤษว่า “let them eat cake.”
ความจริงคำว่า brioche
ไม่ได้แปลว่า ขนมบิสกิต หรือ ขนมเค็ก
แต่เป็นขนมปังอีกประเภทหนึ่ง
Antonia Fraser Katah ผู้เรียบเรียงประวัติ
Marie Antoinette ค้นคว้าเรื่องราวและระบุว่า
เธอชอบบริจาคข้าวของต่าง ๆ มาก
เธอเป็นสตรีที่เรียบร้อยจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะพูดวลีนั้น
เชื่อกันว่าวลีดังกล่าวตัดต่อมาจากข้อเขียน
Jean-Jacques Rousseau นักปรัชญาฝ่ายต่อต้านราชวงศ์
เขียนไว้ในหนังสือเล่มหนึ่งในปี 1766
ก่อนการปฏิวัติฝรั่งเศสที่เกิดขึ้นในปี 1789
หมายเหตุ
ยุโรปสมัยก่อนอาหารการกินขาดแคลนมาก
จนได้มันฝรั่งจากละตินอเมริกาที่ให้ผลผลิตมาก
จึงรอดตายจากการขาดอาหารและมีเรี่ยวแรง
ตีชิงปล้นประเทศด้อยพัฒนาต่าง ๆ ไปทั่วโลก
มาดามคูรี ช่วงเรียนในฝรั่งเศสรอดตายเพราะมันฝรั่ง
มีการเขียนไว้ในประวัติของเธอ
และอ่านเจอในหนังสือหลายเล่มเกี่ยวกับ
บทบาทและความเป็นมาของมันฝรั่ง
ของดราชาศัพท์เพราะความจำกัดทางด้านภาษา
เรียบเรียง/ที่มา
http://goo.gl/52i7is
http://goo.gl/j2zGbg
เพิ่มเติมภาพที่ชอบแชร์กันมาก
เบื้องหลังภาพนี้ไม่มีความเศร้าหรือเป็นภาพเด็กไร้แม่
จริง ๆ เป็นภาพหลานสาวศิลปินอเมริกัน เชื้อสายอิหร่าน
ที่ชอบเล่นซุกซนแล้วชอบหลับบนถนนในลานบ้านตนเอง
เธอจึงขีดชอร์ครอบตัวหลานสาวเธอ
แล้วยืนบนเก้าอี้ถ่ายภาพนี้ขึ้นมาเป็นงานศิลป์ของเธอ
แต่มีคนไปตัดต่อแล้วมโนสร้างเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย
ที่มา. http://ppantip.com/topic/31618491