มาดาม ลาลอร์รี่ Madam lalaurie เรื่องราวของเธอปรากฏในตอนหนึ่งของซีรีส์ American horror story ด้วยซึ่งเธอมีตัวตนอยู่จริงในสมัยที่ยังมีการค้าทาสกันอยู่ เธอเกิดวันที่19 มีนาคม 1787 ด้วยชื่อแรกเกิด มารี เดลฟีน แม็คคาที เธอเกิดในชุมชนชาวคลีโอลCleo ในนิวออร์ลีน (ชาวคลีโอลหมายถึงลูกครึ่งฝรั่งเศสและเสปนซึ่งเป็นลูกของชาวยุโรปใต้ที่ใช้ภาษาละตินที่เกิดในประเทศอาณานิคม นอกจากนี้คลีโอลยังหมายถึงชุมชนลูกผสมจากประเทศอาณานิคมได้อีกด้วย เช่นชุมชนคนอินโดนีเซียมุสลิมที่มีเชื้ออาหรับก็สามารถเรียกว่าชุมชนชาวคลีโอลได้เช่นกัน มักนิยมใช้คำนี้กับชุมชนที่มีลูกผสมกับชาวคอร์เคเซียนสายใต้เช่น ชาวสเปน โปรตุเกส ฝรั่งเศส อาหรับ
มารี เดลฟีน แม็คคาที Marie Delphine McCarthy เป็นลูกสาวของผู้มีอันจะกินในชุมชนเธอเป็นคนที่สวยและมีท่าทางการวางตัวที่สง่างา
แม่ของมารีเดลฟีน คือ มารี จีน เมเปิ้ล เป็นแม่ม่ายทรงเครื่องชาวฝรั่งเศสที่แต่งงานสองครั้ง มารี เดลฟีน เป็นลูกที่เกิดกับสามีคนที่สองของแม่ซึ่งเป็นนายทหารชาวไอรีส เบเทลเลมี เดอ แม็คคาที Barthelemy de McCarty …… ลุงของมารีเดลฟีน เป็นชาวสเปนคาตาลูญญ่าโดยกำเนิดนามว่า เอสเตบัน โรดรีกีซ มิโร่ Esteban Rodríguez Miró ซึ่งถูกส่งให้มาทำงานที่ชุมชนชาวคลีโอลในอเมริกาและเป็นนายกเทศมนตรีของ Spanish American province แห่งหลุยส์เซียน่าและฟอริด้าในขณะที่ลูกพี่ลูกน้องฝั่งพ่อของเธอเป็นผู้ว่าการรัฐนิวออร์ลีนในสมัยนั้น
พออายุย่างเข้าวัยรุ่นแค่13เธอก็ถูกจับให้แต่งงานกับ
ตอน รามอง เดอ โลเปซ อังเจโล่ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสเปน ในเวลาต่อมาเธอก็ตามตอนไปเสปน ขณะที่ทั้งตอนและเดลฟีกำลังเดินทางไปมาดริดในขณะที้มารีเดลฟีนตั้งครรภ์หลังแต่งงาน ตอนเกิดเสียชีวิตที่ฮาวาน่า ไม่กี่วันหลังจากการตายของเขา เดลฟีนให้กำเนิดลูกสาวของเขาชื่อ
มารี บอร์เจีย ชื่อเล่นว่า บอร์กีต้า "Borquita" เดลฟีนซึ่งกลายเป็นม่ายสาวจึงพาลูกของเธอกลับไปที่นิวออร์ลีนส์
ปี 2351 เดลฟีนแต่งงานอีกครั้งกับฌอง Blanque ซึ่งเป็นนายธนาคารพ่อค้าใหญ่และทนายความของสภานิติบัญญัติได้ ในช่วงเวลาของการแต่งงานเขาซื้อบ้านเลขที่ 409 บนถนนหลวงในนิวออร์ลีนส์สำหรับครอบครัวซึ่งต่อมาได้กลายเป็นที่รู้จักในฐานะวิลล่า Blanque เดลฟีนให้กำเนิดลูกอีกสี่คนกับสามีคนที่สอง ชื่อ มารี หลุยส์ พอลลีน Marie Louise Pauline, หลุยส์ มารี ลอเร่ Louise Marie Laure, มารี หลุยส์ จีน Marie Louise Jeanne และคนสุดท้องเป็นลูกชายชื่อ จีน ปิแยร์ พอลลิน Jean Pierre Paulin และสามีของเธอคนที่สองก็เสีนชีวิตอีกในปี 2359……. ซึ่งบางคนกล่าวว่าเธอเป็น"หญิงกินผัว"
วันที่ 25 มิถุนายน 2368 เดลฟีนแต่งงานอีกครั้งกับสามีคนที่สามของเธอชื่อหมอ ลีโอนาร์ด หลุยส์ นิโคลัส
ลาลอร์รี่ LaLaurie ซึ่งอายุน้อยกว่าเธอมาก เธอซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่ถนน 1140 ซึ่งเธอจัดการในชื่อของเธอเองทั้งที่เป็นเงินจากการช่วยเหลือของสามีของเธอ…… เดลฟีนเป็นผู้หญิงประเภทgold digger เธอทำได้ทุกอย่างเพื่อเงินแม้จะต้องแต่งงานหลายๆครั้ง ในปี 1832 เธอเปลี่ยนที่ดินเป็นคฤหาสน์ 2 ชั้นสร้างพร้อมกับที่พักทาสและเธอก็อาศัยอยู่ที่นั่นกับสามีคนที่สามและลูกสาวสองคนของเธอ
ในไม่ช้าชีวิตแต่งงานของเธอก็เริ่มแสดงความวิปโยค 16 พฤศจิกายน 2375 เธอยื่นขอแยกทางกับสามีเพราะอ้างว่าเขาเป็นพวกชอชใช้อำนาจให้ต้องทำตามคำสั่งของเขาโดยใช้ลูกจากการสมรสกับสามีคนที่สองมาช่วยยืนยันข้ออ้าง
เรื่องราวความสยองขวัญระหว่างมาดาม ลาลอร์รี่ก็เริ่มขึ้น ในปี1831 ผู้คนกล่าวว่าบรรดาทาสผิวดำในคฤหาสน์ของมาดามผู้นี้ช่างดูซีดเซียวและอนาถายิ่งนัก แฮเรียส มาติโน่ นักสังคมสงเคราะห์ชาวบริติชในเวลานั้นกล่าวว่าพฤติกรรมของ
มาดามลาลอร์รี่ที่มีต่อทาสผิวดำนั้นเป็นอะไรที่ดูงงๆ เพราะเวลาอยู่ด้านนอกในที่สาธารณะเธอดูจะเป็นสุภาพสตรีที่มีความเมตตาอ่อนโยน เธอเสวนากับคนผิวดำด้วยถ้อยคำวาจาที่สุภาพอ่อนโยนและห่วงใยพวกเขาแถมทางศาลยังเคยมีการบันทึกว่ามาดามเคยให้อิสระภาพทาสของเธอสองคนแบบเป็นลายลักษณ์อักษรอีกด้วย แต่สภาพทาสรับใช้ที่บ้านของเธอกลับดูหดหู่และอนาถายิ่งนัก
ในปี1830-1834 มีการเรียกเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบที่คฤหาสน์ของคุณนายเพราะพบว่าทาสคนดำในคฤหาสน์ของเธออยู่ๆก็ล้มตายนับสิบกว่าคน ไม่ทีร่องรอยของโรคระบาดใดๆ
หนึ่งในนั้นมีแม่ครัว แม่บ้านซักล้างและลูกเล็กๆของเธออีกสี่คน
Martineau เขียนว่าข่าวลือเรื่องเกี่ยวกับการกระทำทารุณกรรมทาสของมาดามลาลอร์รี่นั้นมีอย่างกว้างขวางในย่านroyal street ที่เธออยู่มันดังมากชนิดที่ทนายความท้องถิ่นต้องถูกส่งไปยัง Royal Street เพื่อเตือนคุณนายเกี่ยวกับกฎหมายสำหรับการดูแลรักษาทาส ในระหว่างการเยือนครั้งนี้ทนายความไม่พบหลักฐานของการกระทำผิดหรือการกระทำทารุณทาส
มาดาม ลาลอร์รี่ ผู้หญิงที่คนดำได้ยินชื่อแล้วต้องสยอง
มาดาม ลาลอร์รี่ Madam lalaurie เรื่องราวของเธอปรากฏในตอนหนึ่งของซีรีส์ American horror story ด้วยซึ่งเธอมีตัวตนอยู่จริงในสมัยที่ยังมีการค้าทาสกันอยู่ เธอเกิดวันที่19 มีนาคม 1787 ด้วยชื่อแรกเกิด มารี เดลฟีน แม็คคาที เธอเกิดในชุมชนชาวคลีโอลCleo ในนิวออร์ลีน (ชาวคลีโอลหมายถึงลูกครึ่งฝรั่งเศสและเสปนซึ่งเป็นลูกของชาวยุโรปใต้ที่ใช้ภาษาละตินที่เกิดในประเทศอาณานิคม นอกจากนี้คลีโอลยังหมายถึงชุมชนลูกผสมจากประเทศอาณานิคมได้อีกด้วย เช่นชุมชนคนอินโดนีเซียมุสลิมที่มีเชื้ออาหรับก็สามารถเรียกว่าชุมชนชาวคลีโอลได้เช่นกัน มักนิยมใช้คำนี้กับชุมชนที่มีลูกผสมกับชาวคอร์เคเซียนสายใต้เช่น ชาวสเปน โปรตุเกส ฝรั่งเศส อาหรับ
มารี เดลฟีน แม็คคาที Marie Delphine McCarthy เป็นลูกสาวของผู้มีอันจะกินในชุมชนเธอเป็นคนที่สวยและมีท่าทางการวางตัวที่สง่างา
แม่ของมารีเดลฟีน คือ มารี จีน เมเปิ้ล เป็นแม่ม่ายทรงเครื่องชาวฝรั่งเศสที่แต่งงานสองครั้ง มารี เดลฟีน เป็นลูกที่เกิดกับสามีคนที่สองของแม่ซึ่งเป็นนายทหารชาวไอรีส เบเทลเลมี เดอ แม็คคาที Barthelemy de McCarty …… ลุงของมารีเดลฟีน เป็นชาวสเปนคาตาลูญญ่าโดยกำเนิดนามว่า เอสเตบัน โรดรีกีซ มิโร่ Esteban Rodríguez Miró ซึ่งถูกส่งให้มาทำงานที่ชุมชนชาวคลีโอลในอเมริกาและเป็นนายกเทศมนตรีของ Spanish American province แห่งหลุยส์เซียน่าและฟอริด้าในขณะที่ลูกพี่ลูกน้องฝั่งพ่อของเธอเป็นผู้ว่าการรัฐนิวออร์ลีนในสมัยนั้น
พออายุย่างเข้าวัยรุ่นแค่13เธอก็ถูกจับให้แต่งงานกับ
ตอน รามอง เดอ โลเปซ อังเจโล่ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสเปน ในเวลาต่อมาเธอก็ตามตอนไปเสปน ขณะที่ทั้งตอนและเดลฟีกำลังเดินทางไปมาดริดในขณะที้มารีเดลฟีนตั้งครรภ์หลังแต่งงาน ตอนเกิดเสียชีวิตที่ฮาวาน่า ไม่กี่วันหลังจากการตายของเขา เดลฟีนให้กำเนิดลูกสาวของเขาชื่อ
มารี บอร์เจีย ชื่อเล่นว่า บอร์กีต้า "Borquita" เดลฟีนซึ่งกลายเป็นม่ายสาวจึงพาลูกของเธอกลับไปที่นิวออร์ลีนส์
ปี 2351 เดลฟีนแต่งงานอีกครั้งกับฌอง Blanque ซึ่งเป็นนายธนาคารพ่อค้าใหญ่และทนายความของสภานิติบัญญัติได้ ในช่วงเวลาของการแต่งงานเขาซื้อบ้านเลขที่ 409 บนถนนหลวงในนิวออร์ลีนส์สำหรับครอบครัวซึ่งต่อมาได้กลายเป็นที่รู้จักในฐานะวิลล่า Blanque เดลฟีนให้กำเนิดลูกอีกสี่คนกับสามีคนที่สอง ชื่อ มารี หลุยส์ พอลลีน Marie Louise Pauline, หลุยส์ มารี ลอเร่ Louise Marie Laure, มารี หลุยส์ จีน Marie Louise Jeanne และคนสุดท้องเป็นลูกชายชื่อ จีน ปิแยร์ พอลลิน Jean Pierre Paulin และสามีของเธอคนที่สองก็เสีนชีวิตอีกในปี 2359……. ซึ่งบางคนกล่าวว่าเธอเป็น"หญิงกินผัว"
วันที่ 25 มิถุนายน 2368 เดลฟีนแต่งงานอีกครั้งกับสามีคนที่สามของเธอชื่อหมอ ลีโอนาร์ด หลุยส์ นิโคลัส
ลาลอร์รี่ LaLaurie ซึ่งอายุน้อยกว่าเธอมาก เธอซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่ถนน 1140 ซึ่งเธอจัดการในชื่อของเธอเองทั้งที่เป็นเงินจากการช่วยเหลือของสามีของเธอ…… เดลฟีนเป็นผู้หญิงประเภทgold digger เธอทำได้ทุกอย่างเพื่อเงินแม้จะต้องแต่งงานหลายๆครั้ง ในปี 1832 เธอเปลี่ยนที่ดินเป็นคฤหาสน์ 2 ชั้นสร้างพร้อมกับที่พักทาสและเธอก็อาศัยอยู่ที่นั่นกับสามีคนที่สามและลูกสาวสองคนของเธอ
ในไม่ช้าชีวิตแต่งงานของเธอก็เริ่มแสดงความวิปโยค 16 พฤศจิกายน 2375 เธอยื่นขอแยกทางกับสามีเพราะอ้างว่าเขาเป็นพวกชอชใช้อำนาจให้ต้องทำตามคำสั่งของเขาโดยใช้ลูกจากการสมรสกับสามีคนที่สองมาช่วยยืนยันข้ออ้าง