ธารทิพย์ บทที่ 2

กระทู้สนทนา
ธารทิพย์

โดย อัศวรักษ์



            สุรเกียรติ  ธำรงสัตย์ มหาเศรษฐีหลายหมื่นล้าน นักธุรกิจอุตสาหกรรมเครื่องจักร ในชุดสูทสีเทาเข้มภูมิฐาน นั่งอยู่หัวโต๊ะอาหารหรูหราขนาดสี่สิบที่ภายในคฤหาสน์หลังใหญ่ซ้ายมือของเขาคือศรีภรรยา คุณหญิงโสภา ธำรงสัตย์และขวามือคือลูกสาวแสนสวยวัยยี่สิบสี่ตาโตผมหยักศกคนโปรด นัทธิกา ธำรงสัตย์ ภายในห้องทานอาหารตกแต่งอย่างวิจิตรทั้งยังเสริมบารมีด้วยแม่บ้านสี่คนยืนเรียงแถวแต่งกายชุดสีดำขลิบขาวสไตล์ยุโรปรอรับใช้
            
                “ตอนนี้มันอยู่ไหน”  สุรเกียรติเอ่ยถามขึ้นลอยๆแล้วหันมองลูกสาว
            
                “เอ่อ ใครคะ”  เงาะถามพ่อกลับแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ

                “จะใครอีกล่ะ ก็ไอ้พี่ชายตัวดีของเรายังไง”  สุรเกียรติถามเสียงดุ

                “เห็นว่าไปส่งของที่ไหนพี่โจไม่ได้บอกหนูค่ะ”  เงาะอ้อมแอ้มตอบ

                “คุณหญิงล่ะ”  สุรเกียรติพูดหันไปมองศรีภรรยา

                โสภาไม่ตอบเธอบรรจงยิ้มหวานให้สามีเป็นความหมายว่าไม่ทราบเช่นกัน

                “แล้วเราไม่คิดจะถามไถ่มันบ้างรึยังไง”  สุรเกียรติหันมาถามลูกสาวเสียงดุ

                “ขอโทษค่ะคุณพ่อ”  เงาะแกล้งทำหน้าเง้าแบบเด็กลากเสียงออดอ้อนตอบพ่อ

                “เออ ดี”  สุรเกียรติพูดแบบปลง

                “ถามจริงๆเถอะ ส่งมันไปเรียนอเมริกาให้มันมารับช่วงงานต่อ มันกลับแหกคอกไปเรียนเป็นช่างเครื่องบิน เอ๊ะ ที่ไหนนะ นอร์ทรอป ใช่มั้ย ไม่บอกไม่กล่าวไม่ขออนุญาต มีใครรู้เหตุผลของมันบ้าง”  สุรเกียรติถามเสียงเข้ม

                โสภากับลูกสาวมองหน้ากันเป็นเชิงว่าใครจะตอบ

                “ว่าไง”  สุรเกียรติทำเสียงดุเพื่อให้ใครสักคนตอบ

                “ก็เคยเล่าให้หนูฟังบ้างค่ะ”  เงาะตอบ

                “ก็รีบเล่ามาซิ”  สุรเกียรติดุลูก เขาเริ่มรู้สึกหงุดหงิด

                “เค้าเล่าว่ามีเพื่อนเค้าคนนึงที่นั่น มีเครื่องบินเล็กๆเป็นของตัวเอง แล้วใช้ทำอาชีพบินรับส่งพัสดุไปรษณีย์ตามที่กันดารระหว่างอเมริกากับแม็กซิโก”  เงาะหยุดมองหน้าพ่อเพื่อสังเกตการรับฟัง

                “แล้วไงต่อ”  สุรเกียรติถามขณะกอดอกนิ่งฟัง

                “พี่โจเค้าบอกว่ามันน่าสนใจ ได้ผจญภัยไปในอาชีพด้วย ได้อยู่สูงๆบนฟ้า”  เงาะเล่าแล้วหยุดมองพ่อ

                “แล้วทำไมมันไม่เรียนเป็นนักบิน”  สุรเกียรติถามลูกสาวต่อ

                “หนูก็ถาม เค้าบอกว่าถ้าเค้าซ่อมได้เค้าก็คงฝึกบินทีหลังได้สำหรับเครื่องบินเล็กๆที่ต้องดูแลเอง”  เงาะเล่า

                “แต่ถ้าเค้าเข้าเรียนเป็นนักบินก็คงต้องใช้เงินส่วนตัวมากกว่าที่เค้ามีอยู่น่ะค่ะ”

                “และ..ถ้าพี่โจเค้าออกปากขอ พ่อจะอนุญาตจริงๆเหรอคะ”  เงาะเลิกคิ้วถามกลับโดยไม่กล้าสบตา

                สุรเกียรติเป็นคนฉลาดหลักแหลมสุขุมและมีเหตุผล รักลูกรักเมียเอื้อเฟื้ออาทรต่อคนรอบข้างเสมอนั่นเองที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จในอาชีพ เขาฟังสิ่งที่ลูกสาวคนโปรดเล่าถึงพี่ชายแล้วก็รู้สึกว่าส่วนหนึ่งของเรื่องราวนั้นมีเหตุมีผล สิ่งที่ลูกชายคนเดียวของเขาตัดสินใจทำก็ไม่ใช่สิ่งที่ไร้สาระ สุรเกียรติหวนคิดถึงความทรงจำเมื่อลูกชายยังเป็นเด็ก เขามักแยกชิ้นส่วนของเล่นจนเสียหายชอบปีนชอบป่ายและชอบนอนมองท้องฟ้า นั่นกระมังคือตัวตนของลูกแต่ในหัวอกของคนเป็นพ่อแล้วใครเลยอยากให้ลูกไปเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายบินไปบินมาตามป่าเขาอย่างนั้น

                “แล้วเรารู้ได้ยังไงว่าพ่อจะเซย์โน”  สุรเกียรติตอบอย่างจงใจติดคำฝรั่งส่งยิ้มในดวงตาให้ภรรยาและลูกสาวเพื่อบอกทั้งสองให้รู้ว่าเขารู้สึกดีขึ้น เงาะได้แต่ยิ้มๆกับคำถามที่พ่อก็รู้ว่าเธอตอบไม่ได้

                “เรือบินนั่นก็ไปซื้อจากตลาดนัดมาไม่ใช่เหรอ”  สุรเกียรติหันไปหาโสภาแล้วแกล้งพูด

                “คุณล่ะก็แกล้งว่าลูก ตลาดนัดที่ไหนมีขาย”  โสภาค้อนสามีแล้วเริ่มพูดบ้างหลังจากที่นิ่งฟังอยู่นาน

                “ก็จั๊งค์จอดขายเครื่องบินเก่ากลางทะเลทรายนั่นมันก็เหมือนกันนั่นแหละ” “แล้วมันจะทนทานใช้งานมายังไง เท้าพ้นจากพื้นน่ะเรื่องใหญ่นะคุณหญิง”  สุรเกียรติบอกภรรยา

                “ก็พูดแบบให้พรบ้างซิคะ คำพ่อคำแม่นะคะ”  โสภาติงสามีของเธอ

                “เท่าไหร่”  เขาหันมาถามภรรยา

                “ราคาก็ไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ รถยายเงาะยังแพงกว่าเลย”  โสภาตอบทำเอาลูกสาวสะดุ้งส่งค้อนขวับไปที่แม่

                “อืม นี่ก็ได้พี่ไกรช่วยติดต่อทำเรื่องนำเข้าให้ดูแลหางานให้ก็เบาใจไปหน่อย”  สุรเกียรติพูด

                “แล้วเราล่ะ ได้ยินแม่เค้าว่าจะไปไหน”  สุรเกียรติหันไปถามลูกสาวเพื่อเปลี่ยนเรื่องคุย

                “ไปฝรั่งเศสกับอินเดียสักสองอาทิตย์ค่ะ”  เงาะตอบ

                “แล้วงานที่บริษัทล่ะ”  พ่อถาม

                “ฝากคุณพ่อไว้แล้วค่ะ”  เงาะตอบทันที

                “พ่อไหน”  สุรเกียรติเลิกคิ้วถามลูก

                “ก็พ่อสุรเกียรติไงคะ”  เงาะตอบทำเสียงทะเล้น

                “มะเหงกแน่ะ แผนกวิศวกรรมไม่ใช่เรื่องเล่นนะเว้ย”  สุรเกียรติพูด

                “ล้อเล่นค่ะ วิศวกรของเราเก่งๆทั้งนั้นเตรียมการไว้หมดแล้ว”  เงาะพูดให้พ่อคลายกังวล

                เงาะหรือ นัทธิกา ธำรงสัตย์ ลูกสาวคนเก่งของสุรเกียรติเธอเป็นหนึ่งในเวิร์คกิ้งวูแม่นรุ่นใหม่อันเป็นที่ยอมรับในวงการ ด้วยดีกรีปริญญาโททางวิศวกรรมจากเยอรมันและโทบริหารธุรกิจมหาวิทยาลัยชื่อดังของรัฐในประเทศ เธอจึงเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญของพ่อและเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่สุรเกียรติพอจะให้เวลาโจลูกชายไปตามฝันของเขาได้

                “ไปทำอะไรที่นั่น”  สุรเกียรติถามลูกสาว

                “พอดีพี่เหมียวเพื่อนหนูเค้าชวนไปดูอะไรเกี่ยวกับเรื่องโยคะฟลายค่ะ”  เงาะตอบ

                “อะไร โยคะฟลาย”  สุรเกียรติขมวดคิ้วถาม

                เงาะเหลือบมองหน้าแม่เป็นเชิงให้ตอบแทน

                “ก็เป็นการผสมผสานกันระหว่างโยคะกับบัลเล่ย์บนผืนผ้าที่ห้อยลงมาจากด้านบนน่ะค่ะคุณ”  โสภาตอบสามี

                “อืม แล้วเหมียวนี่ใคร พ่อรู้จักมั้ย”  สุรเกียรติหันไปถามลูกสาว

                “เคยมาบ้านเราสองสามครั้งกับพวกเพื่อนๆคุณพ่อคงจำไม่ได้กระมังคะ” “เป็นลูกครึ่งพ่อไทยแม่ปารีเซียงเค้าฝึกโยคะฟลายจนจัดว่าเก่งทีเดียวค่ะ”  เงาะอธิบาย

                “เก่งแล้วต้องไปดูงานอะไรอีกล่ะ”  สุรเกียรติตั้งคำถามต่อ

                “เค้ากลับไปเยี่ยมแม่เค้าแล้วขากลับจะแวะดูเรื่องโยคะที่มุมไบเลยชวนหนูไปเป็นเพื่อน”  เงาะตอบพ่อ

                “เค้ากลัวผีเหรอถึงต้องให้เราไปเป็นเพื่อน”  สุรเกียรติยิ้มถามหยอกลูกสาว

                “ก็เค้าเป็นเพื่อนหนู หนูก็เลยไป เพื่อเป็นเพื่อน เค้าไงคะแหมคุณพ่อนี่”  เงาะย้ำคำเพื่อเป็นเพื่อนแล้วตวัดค้อนพ่อ

                การสนทนาหยุดลงเมื่อมีเสียงพูดคุยทักทายกันหน้าคฤหาสน์

                “คุณโจกับคุณพีมาเจ้าค่ะ ดิฉันเรียนแล้วว่าท่านอยู่ห้องทานอาหารเจ้าค่ะ”  แม่บ้านเข้ามารายงาน

                สุรเกียรติขยับตัวจัดเสื้อสูทเปลี่ยนสีหน้าทำทีเคร่งขรึมวางมาด คุณหญิงโสภาสีหน้ายิ้มแย้มมองไปที่ประตูแล้วหันมาค้อนสามีอย่างหมั่นไส้เล็กๆ เงาะรีบลุกขึ้นจะเดินไปต้อนรับพี่ชายแต่โจและพีก็ปรากฏตัวที่หน้าประตูเสียก่อน

                “สวัสดีครับคุณพ่อสวัสดีครับคุณแม่”  ทั้งโจและพีไหว้และกล่าวสวัสดีพร้อมกัน

                “ไงเงาะ นั่งด้วยนะ”  โจกล่าวทักทายแล้วนั่งลงข้างๆน้องสาว

                “นั่งซิลูกพี มานั่งข้างแม่นี่ทานข้าวด้วยกัน”  คุณหญิงโสภาเรียกพีที่ยืนยิ้มรอคำเชิญอยู่

                “ขอบพระคุณครับคุณแม่”  พีตอบรับแล้วนั่งลงข้างๆ

                “กำลังคิดถึงอยู่เลย”  เงาะหันไปพูดกับพี่ชายโดยแสร้งไม่มองอีกคน

                “มีอะไรมาฝากบ้าง”  เงาะถามแล้วทำท่าแบมือขอจากพี่ชาย

                “เอ่อ”  โจทำท่าอึดอัดไม่ทันตั้งตัวว่าน้องสาวจะทวงตอนนี้เพราะของฝากนั้นอยู่ในกระเป๋าเสื้อของเจ้าเพื่อนที่หามาฝากแฟน แต่มันดันนั่งทำหน้านิ่งไม่กล้าแสดงอาการอะไรออกมา

                “อ๋อ ขอโทษทีลืมไว้ที่ห้องน่ะ เดี๋ยวพี่จะรีบกลับไปเอามาให้ นะนะ”  โจหาทางออกได้ทัน

                “อย่างเนี่ย”  เงาะแกล้งทำตาเขียวใส่พี่ชาย แต่เธอแน่ใจว่าต้องมีของฝากของเธออยู่กับชายหนุ่มอีกคนแน่นอน

                “วันนี้คุณพ่อเป็นอย่างไรบ้างครับ”  โจถามพ่อเพื่อชวนคุย

                “อืม ก็สบายดี”  สุรเกียรติตอบลูกชายสั้นๆแล้วมองแวบหนึ่ง

            “แล้วพวกแกล่ะ ไปไหนมา”  สุรเกียรติเอ่ยถามทั้งสองหนุ่ม

                “ไปส่งของให้คุณลุงไกรครับ ขึ้นไปทางอีสาน”  โจตอบ

                “ของแบบไหน”  สุรเกียรติถามหันมองทั้งสองหนุ่ม

                “ก็เป็นพวกของจำเป็นสำหรับยังชีพของคนอยู่ที่กันดารห่างไกลน่ะครับ พวกชนกลุ่มน้อย”  พีชิงตอบก่อนเพราะอยากพูดอะไรออกมาบ้าง

                “พี่ผาใช่มั้ย”  สุรเกียรติถามไม่ได้มองหน้าใคร
    
            สองหนุ่มมองหน้ากันด้วยความแปลกใจ  “คุณพ่อรู้จักด้วยหรือครับ”  โจถามพ่อ

                “อ้าว แล้วชั้นเป็นอะไรกับลุงไกรของพวกแกล่ะ”  สุรเกียรติย้อนถามโจเสียงดุ

                “ก็ดี แล้วบินกันยังไงมิกซ์มันไม่สอยร่วงเอา”  พ่อถาม

                “เลาะไปตามช่องเขาหลบเรด้าร์ไปครับ ทางนี้เค้าก็คอยมอนิเตอร์ให้อยู่ว่าพวกนั้นเห็นเรารึยัง ถ้ามีการเคลื่อนไหวเค้าก็แจ้งบอกให้เราหาที่หลบครับ”  พีตอบ

                “ไปบ่อยมั้ย”  สุรเกียรติถาม

                “สองเดือนครั้งครับ นอกนั้นก็บินส่งที่นั่นบ้างที่นี่บ้างก็พอค่าใช้จ่ายอยู่ครับ”  โจตอบ

            “อืม ทำอะไรก็คิดหน้าคิดหลัง หากไปเกี่ยวข้องกับเรื่องความมั่นคงใหญ่โตขึ้นมาจะแก้กันไม่ไหว”  สุรเกียรติเตือนสองหนุ่มแล้วขยับตัวลุกขึ้น  “ไปล่ะวันนี้มีประชุมลูกค้า คุยกันไปก่อน” “ผมไปนะ”  สุรเกียรติหันไปบอกโสภาแล้วก้มลงหอมที่ขมับขวาของเธอ

                “ค่ะ”  โสภายิ้มตอบรับ

                สุรเกียรติกำลังจะเดินออกประตูไปพลันนึกเรื่องหนึ่งขึ้นได้จึงหันกลับมามองพีแล้วพูด

                “เออ เชียรกับแสงดาวเค้าโทรหาพ่อหลายครั้งแล้วถามว่าลูกเค้าอยู่ไหน กลับบ้านรึยังเรา”

                “ยังเลยครับคุณพ่อเพิ่งกลับมาถึงครับ”  พีตอบ

                “แล้วโทรหาเค้ารึยัง”  สุรเกียรติถามต่อ

                “เอ่อ ยังเลยครับ”  พีอ้อมแอ้มตอบ

                “อืม พอกัน”  สุรเกียรติส่ายหน้าแล้วเดินออกจากห้องไป
    
            พ่อเลี้ยงวิเชียรและแม่หญิงแสงดาว บุพการีผู้ให้กำเนิด พีรสรรพ์ ลูกชายทโมนที่ทั้งคู่ปวดเศียรเวียนศีรษะมาตั้งแต่ยังเล็กๆ ซนแก่นไม่สมกันกับที่โตมาเป็นหนุ่มผิวขาวตาเรียวสะโอดสะอง พีและโจคบหากันมาตั้งแต่เริ่มเข้าเรียนประถมเมื่อสุรเกียรติและโสภาตัดสินใจส่งลูกชายเข้าโรงเรียนประจำฝรั่งมีชื่อที่เชียงใหม่ด้วยเหตุผลที่วิเชียรพูดกับพวกเขาว่า “ก็ตอนเด็กกูพลัดที่มาเรียนกรุงเทพฯอยู่บ้านแล้ว ตานี้ส่งลูกไปให้กูเลี้ยงบ้าง” เป็นเหตุผลที่ฟังเรียบง่ายแต่แฝงนัยที่ลึกซึ้งอันเกิดแต่สัมพันธภาพของพวกเขา นั่นเองที่ทำให้ทั้งสองครอบครัวสนิทสนมกันอย่างมาก นั่นเองที่ทำให้พวกเขาส่งลูกไปเรียนต่อที่อเมริกาพร้อมกัน และนั่นเองที่สองหนุ่มคบคิดกันทำเรื่องคุณเป็ดน้ำ

                บรรยากาศบนโต๊ะอาหารคลายความเป็นทางการลงหลังจากที่สุรเกียรติเดินออกไป การทานอาหารและสนทนากันไปมาระหว่างทั้งสี่คนดำเนินไปครู่ใหญ่

                “จะสายแล้วหนูไปทำงานล่ะเดี๋ยวคุณพ่อตัดเงินเดือน”  เงาะพูดขยับตัวหยิบข้าวของ

                “นั่งคุยต่ออีกนิดก็ได้ นานๆจะได้ทานข้าวกับพี่ๆเค้า”  โสภาบอกลูก

                “นั่นซิครับ”  พีพูดมองหน้าเงาะยิ้มแหย

                “ก็ได้ มีอะไรคุยอีก”  เงาะนั่งลงทำท่าปั้นปึ่ง

                “พอดีผมมีของมาฝากคุณแม่กับน้องเงาะน่ะครับ”  พีพูดพลางหยิบถุงผ้าเล็กๆสองถุงออกมาจากกระเป๋าเสื้อ

                “อันนี้ของคุณแม่ครับ”  พีส่งก้อนวัตถุสีเหลืองเหลือบลายส่งให้โสภาอย่างนอบน้อม

                “อะไรนี่ลูกพี”  โสภาถาม
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่