ความไม่น่าเชื่อถือของ ป.ป.ช. เกี่ยวกับโครงการจำนำข้าว เริ่มจาก
ปลายปี 2555
หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ฝ่ายค้าน ปชป. ได้ส่งคำร้องถึง ป.ป.ช. ในเรื่องทุจริตจำนำข้าว
นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธาน ป.ป.ช. ก็ออกมารับไม้ทันที ด้วยการให้สัมภาษณ์ว่า
อีกไม่เกินหนึ่งปี จะสามารถชี้มูลและสั่งฟ้องคนทุจริตจำนำข้าวได้
กลางปี 2556
นายปานเทพพูดอีกว่า ก่อนนายกล้าณรงค์ จันทิก จะหมดวาระดำรงตำแหน่ง ป.ป.ช. ในเดือน ต.ค. 56
นายกล้าณรงค์ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการตรวจสอบการทุจริตโครงการจำนำข้าว
ได้มุ่งมั่นที่จะสรุปพยานหลักฐานการทุจริตจำนำข้าว เพื่อเป็นผลงานชิ้นสุดท้ายก่อนหมดวาระ
(นายกล้าณรงค์ก็เป็นประธานอนุกรรมการสอบการระบายข้าวรัฐบาลอภิสิทธิ์ตั้งแต่ปลายปี 53 ด้วย แต่เรื่องไม่ถึงไหนสักที)
แต่จนถึงวันนี้ ปลายปี 2557 ป.ป.ช. ยังไม่สามารถชี้ว่าใครทุจริต และส่งฟ้องใครได้สักคน นอกจากคำกล่าวหาเท่านั้น
ที่สำคัญ มันอยู่ตรงนี้ครับ
เงื่อนงำมันอยู่ตรงนี้
อยู่ตรงที่ หลังได้รับคำร้องจาก ปชป. เมื่อปลายปี 55 นั้น
ป.ป.ช. ก็ได้มุ่งเป้าไปที่นายบุญทรง เตริยาภิรมณ์ รมว.พาณิชย์ ไม่ได้มุ่งเป้าที่นายกฯยิ่งลักษณ์แต่อย่างใด
แต่ ปชป. ต้องการให้ ป.ป.ช. เล่นงานยิ่งลักษณ์
หลังนายกล้าณรงค์ จันทิก หมดวาระ ป.ป.ช. ก็ถึงบทเด่นของนายวิชา มหาคุณ
พล่ามแม่มทุกงาน ว่าข้าวหายมั่ง จีทูจีปลอมมั่ง ทุจริตอย่างนั้นอย่างนี้มั่ง
ต้นปี 57 ปชป. ร้องถึง ป.ป.ช. อีกครั้ง ว่านายกฯยิ่งลักษณ์ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในเรื่องจำนำข้าว
ปลาย ม.ค. 57 ป.ป.ช. มีมติรวมเรื่องทุจริตจำนำข้าวกับเรื่องนายกฯยิ่งลักษณ์เข้าด้วยกัน
ปลาย ก.พ. 57 ป.ป.ช. แจ้งข้อกล่าวหานายกฯยิ่งลักษณ์ ว่าปล่อยปละละเลยไม่ยับยั้งโครงการจำนำข้าว
โดยใช้เวลาเพียง 21 วัน !!! ในการรับคำร้องและแจ้งข้อกล่าวหา
ซึ่ง ป.ป.ช. ได้แก้ตัวว่า ไม่ใช่ 21 วัน แต่เป็น 1 ปี กับ 7 เดือน
มันพิลึกนะครับ
รับคำร้อง ปชป. เมื่อปลายปี 55 ก็มุ่งเป้าไปที่ รมว.พาณิชน์ ยิ่งลักษณ์ไม่เกี่ยว
บอกหนึ่งปีชี้มูลได้ ส่งฟ้องได้ แต่ผ่านมาสองปีแล้ว มิดอิ่มสิ่ม ยังชี้มูลใครทุจริตไม่ได้ มีแค่ข้อกล่าวหา
แต่พอต้อนปี 57 ปชป. ร้องให้เล่นงานยิ่งลักษณ์ ป.ป.ช. ก็รวบคดีทันที
และใช้เวลา 21 วัน ในการแจ้งข้อกล่าวหายิ่งลักษณ์
สมรู้ร่วมคิดกันหรือไม่ ?
วันนี้ ป.ป.ช. ยังชี้มูลว่าใครทุจริตไม่ได้
แต่ส่งฟ้องนายกฯยิ่งลักษณ์แล้วว่าปล่อยปละละเลยให้มีความเสียหาย
ความเสียหาย คืออะไร ?
1. หากเสียหายเพราะนโยบายผิดพลาด สร้างภาระด้านงบประมาณ
เรื่องนี้ ป.ป.ช. ไม่มีอำนาจหน้าที่เข้ามาเกี่ยวข้องใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่มีอำนาจหน้าที่เข้ามาบอกว่ารัฐบาลต้องเลิกนโยบาย
เป็นหน้าที่ของฝ่ายค้าน เป็นหน้าที่ของประชาชน เป็นความผิดชอบทางการเมืองของรัฐบาล
ป.ป.ช. ไม่มีอำนาจหน้าที่ที่จะเข้ามาก้าวก่ายรัฐบาล ว่านโยบายนั้นนโยบายนี้ต้องเลิกหรือไม่เลิก
2. หากเสียหายเพราะการทุจริต นโยบายก่อให้เกิดการทุจริต ตรงนี้ เป็นอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช.
แต่ประเด็นคือ ถึงวันนี้ ป.ป.ช. บอกได้หรือยัง ว่าใครทุจริตตรงไหน อย่างไร ยังไง
ชี้มูล ส่งฟ้องใครได้หรือยัง ถึงได้ไปเล่นงานนายกฯยิ่งลักษณ์ว่าปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตสร้างความเสียหาย
หลักยุติธรรมนั้น ตราบใดที่ยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าผิดจริง ถือว่าผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้บริสุทธิ์
แต่เรื่องจำนำข้าว ยังไม่รู้ว่าใครทุจริต มีแค่ข้อกล่าวหา ก็เอาผิดนายกฯแล้วว่าปล่อยปละละเลย
ขัดหลักนิติธรรม ไร้ยางอาย ฉ้อฉลหน้าที่ ไม่มีเกียรติ ไร้ศักดิ์ศรี มุ่งเอาผิดจนไม่มีเหตุผล
ในวันนี้ หลักฐานที่ ป.ป.ช. ใช้ในการบอกว่าโครงการจำนำข้าวมีการทุจริต คือ
1. คำอภิปรายและคำร้องของ ปชป. ซึ่งแน่นอน ย่อมต้องให้ร้ายรัฐบาลยิ่งลักษณ์ทางเดียว
2. ตัวเลขบัญชีปิดโครงการของนางสาวสุภา ปิยะจิตติ ประธานคณะกรรมการปิดบัญชีจำนำข้าว
(อดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง ปัจจุบันเป็นกรรมการ ป.ป.ช.)
ซึ่งตัวเลขการปิดบัญชีของนางสาวสุภาไม่ตรงกัน ผิดหลักทางบัญชี
เรื่องนี้นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ (อย่าลืมนะครับ คุณเรืองไกรนี่เป็นนักตรวจสอบบัญชี)
ได้ยื่นร้องคัดค้านต่อ ป.ป.ช. ว่าไม่สามารถนำเป็นหลักฐานได้ แต่ ป.ป.ช. ไม่สนใจ
3. งานวิจัยจำนำข้าวของนายนิพนธ์ พัวพงศกร จากทีดีอาร์ไอ ที่บอกว่าโครงการจำนำข้าวสร้างความเสียหาย ทุจริตทุกขั้นตอน
งานวิจัยนี้ ป.ป.ช. เป็นคนจ้างนายนิพนธ์ให้ทำการวิจัย และเป็นการวิจัยโครงการจำนำข้าวปี 48 ในรัฐบาลทักษิณ
ซึ่งหลักฐานเอาผิดแบบนี้ ขึ้นศาลเมื่อไรก็ไม่น่าใช้ได้ครับ
เพราะเป็นหลักฐานที่คนเอาผิดเป็นคนจ้าง จ้างแล้วนำมาเป็นหลักฐานเอาผิด มันตลกดี
อีกอย่าง งานวิจัยนั้น ไม่ใช่งานชี้ผิดชี้ถูกสิ่งใด เป็นแค่ข้อมูลในการนำไปสู่การพิสูจน์เท่านั้น
หาก ป.ป.ช. จ้างให้วิจัยว่าจำนำข้าวไม่ดีอย่างไร ก็จ้างได้ จะเก็บข้อมูลที่ไม่ดีแค่ไหนก็ได้
และหากจะวิจัยอีกด้าน ว่าจำนำข้าวดีอย่างไร สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจแค่ไหน ช่วยชาวนาอย่างไร ก็หาข้อมูลได้
มันจึงเป็นเรื่องน่าตลก และน่าสมเพชมาก ๆ ที่เอางานวิจัยที่ตัวเองจ้างมาเป็นหลักฐานเอาผิด
ก่อนแม็คโดนัลจะบุกจีนเมื่อสิบกว่าปีก่อน ยังมีงานวิจัยของฝรั่งออกมาเลยครับ
บอกว่าคนจีนเป็นโรคไขข้อมาก เพราะการใช้ตะเกียบ
นี่คือการเก็บข้อมูลบอกว่าการใช้ตะเกียบทำให้เกิดโรคไขข้อได้ เพื่อสร้างกระแสกินแม็คดีกว่า ไม่ต้องใช้ตะเกียบ
มันก็เหมือนงานวิจัยจำนำข้าวนี่แหละครับ ปาหี่ดี ๆ นี่เอง
4. อ้างว่าสอบเอกชนไปหลายสิบบริษัท พล่ามว่าข้าวหายสองล้านตัน จีทูจีปลอม
แต่วันนี้ มันก็ชัดแล้วว่า ข้าวไม่ได้หายเป็นล้านตันอย่าง ป.ป.ช. ว่า จีทูจีปลอมก็ตรงไหนไม่รู้
ตามหลักนิติธรรมนั้น ป.ป.ช. ควรชี้มูลคนผิดทุจริตให้ได้ก่อน ส่งฟ้องและมีคำพิพากษาก่อน
จึงควรตามเอาผิดระดับนโยบาย ว่าปล่อยปละละเลยให้เกิดความเสียหายหรือไม่
ไม่ใช่แค่อ้างว่าโกง แล้วเอาผิดข้างบนก่อน
หากวันนี้ มีการสั่งฟ้องยิ่งลักษณ์ พิพากษาว่ายิ่งลักษณ์ผิดฐานปล่อยปละละเลย
แล้วหากคดีที่จะเอาผิดระดับปฏิบัติเอาผิดไม่ได้ล่ะ ใครจะรับผิดชอบ ?
นายกฯยิ่งลักษณ์โดนพิพากษาว่าผิดฟรี ๆ งั้นหรือ ?
ที่สำคัญ เมื่อฟ้องยิ่งลักษณ์ พิพากษายิ่งลักษณ์ว่าผิดไปแล้ว
การเอาผิดระดับปฏิบัติ ก็ต้องว่าผิดด้วย ไม่งั้นคดีจะไม่สัมพันธ์กัน
มันก็ขัดหลักนิติธรรม ใช้แค่เทคนิคทางนิติรัฐ ทางข้อกฎหมายเอาผิดกัน
เริ่มต้นด้วยการมุ่งเป้าเอาผิด รมว.พาณิชย์ แต่พอการเมืองเข้มข้น ชักจะโค่นไม่ได้
ก็หันมาเล่นตัวนายกฯยิ่งลักษณ์เอาดื้อ ๆ
แล้วแมวที่ไหนจะเชื่อถือ ป.ป.ช. ล่ะครับ ยกเว้นสลิ่มชน
เรื่องหลักฐานการเอาผิด
ป.ป.ช. ก็ใช้หลักฐานด้านเดียว คือด้านกล่าวหา ส่วนด้านชี้แจง ก็ฟังพอเป็นกระสาย แล้วก็ตัดทิ้งไป
ผู้ถูกกล่าวหา ร้องขอให้สอบพยาน ก็ไม่สนใจ
ผู้ถูกกล่าวหา ร้องให้ตัดนายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. ที่ชัดว่าวางตนเป็นปฏิปักษ์กับผู้ถูกกล่าวหาออก ป.ป.ช. ก็ไม่ยอม
ป.ป.ช. นั้น หน้าที่หลัก คือ
การไต่สวนข้อเท็จจริง
เมื่อได้ข้อเท็จจริงแล้ว จึงดำเนินต่อไปตามข้อเท็จจริงนั้น
แต่นี่เล่นเอาหลักฐานด้านเดียวมา โดยไม่สนว่าข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร มุ่งเอาผิดให้ได้อย่างเดียว
ก็ขนาดอัยการสูงสุดยังไม่สั่งฟ้อง ก็ออกมาตีโพยตีพาย โจมตีอัยการ ข่มขู่อัยการ
หลักฐานนั้น เป็นเรื่องที่ต้องครบถ้วน สมบูรณ์ ไม่เลือกข้างเลือกฝ่าย
ไม่ใช่ฟังแต่หลักฐานฝ่ายเดียว ใช้แต่หลักฐานข้างเดี่ยว
ที่ผ่านมา ป.ป.ช. อ้างตลอดว่าไม่เลือกข้าง ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา
ซึ่งก็ขัดกับสิ่งปรากฎต่อสายประชาชนโดยตลอด
จนมาถึงเรื่องจำนำข้าว ทุกอย่างก็กระจ่างชัด ชัดจน ป.ป.ช. ชุดนี้ ไม่เหลือความน่าเชื่อถือแล้ว
เริ่มต้นที่ม็อบ กปปส. ตามด้วย กกต. ป.ป.ช. ศาลแพ่ง ศาลรัฐธรรมนูญ
แล้วกำลังมุ่งถอดถอนด้วย สนช. โดยไม่มีอำนาจตามกฎหมาย
โครงการจำนำข้าว เป็นโครงการที่สร้างความเสียหายให้ ป.ป.ช. แบบไม่เหลือความน่าเชื่อถืออะไรอีกแล้วครับ
แถมเกร็ดนิดหน่อยครับ
วันนี้ ประเทศไทยมีหนี้สาธารณะราว 5.65 ล้านล้านบาท
เป็นหนี้ของรัฐบาลกู้มาราว 4 ล้านล้านบาท
หนี้ 4 ล้านล้านบาทนี้
เป็นหนี้จากโครงการไทยเข้มแข็งของรัฐบาลแหลหนีทหารเกือบสี่แสนล้านบาท
และเป็นหนี้จาก ปรส. กว่า 1 ล้านล้านบาท
รวม 1.4 ล้านล้านบาท !!!
ป.ป.ช. ไม่สน
ไทยเข้มแข็งทุจริตทุกหยาดหยด ดังกระหึ่มทุกเรื่อง ป.ป.ช. เฉย
ปรส. หมดอายุความไปแล้ว
1.4 ล้านล้านบาท ป.ป.ช. ไม่สน
แต่จะเอาผิดห้าแสนล้านจำนำข้าวให้ได้
ห้าแสนล้าน ที่ช่วยชาวนา สร้างกระแสเงินในวงจรและมูลค่าทางเศรษฐกิจ
ส่วนการทุจริต ยังไม่มีอะไร นอกจากข้อกล่าวหา
เมื่อยนิ้วว้อยยยย...
จบดอก
โครงการจำนำข้าว โครงการที่สร้างความเสียหายให้องค์กร ป.ป.ช. ชนิดหมดความน่าเชื่อถืออย่างแท้จริง
ปลายปี 2555
หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ฝ่ายค้าน ปชป. ได้ส่งคำร้องถึง ป.ป.ช. ในเรื่องทุจริตจำนำข้าว
นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธาน ป.ป.ช. ก็ออกมารับไม้ทันที ด้วยการให้สัมภาษณ์ว่า
อีกไม่เกินหนึ่งปี จะสามารถชี้มูลและสั่งฟ้องคนทุจริตจำนำข้าวได้
กลางปี 2556
นายปานเทพพูดอีกว่า ก่อนนายกล้าณรงค์ จันทิก จะหมดวาระดำรงตำแหน่ง ป.ป.ช. ในเดือน ต.ค. 56
นายกล้าณรงค์ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการตรวจสอบการทุจริตโครงการจำนำข้าว
ได้มุ่งมั่นที่จะสรุปพยานหลักฐานการทุจริตจำนำข้าว เพื่อเป็นผลงานชิ้นสุดท้ายก่อนหมดวาระ
(นายกล้าณรงค์ก็เป็นประธานอนุกรรมการสอบการระบายข้าวรัฐบาลอภิสิทธิ์ตั้งแต่ปลายปี 53 ด้วย แต่เรื่องไม่ถึงไหนสักที)
แต่จนถึงวันนี้ ปลายปี 2557 ป.ป.ช. ยังไม่สามารถชี้ว่าใครทุจริต และส่งฟ้องใครได้สักคน นอกจากคำกล่าวหาเท่านั้น
ที่สำคัญ มันอยู่ตรงนี้ครับ เงื่อนงำมันอยู่ตรงนี้
อยู่ตรงที่ หลังได้รับคำร้องจาก ปชป. เมื่อปลายปี 55 นั้น
ป.ป.ช. ก็ได้มุ่งเป้าไปที่นายบุญทรง เตริยาภิรมณ์ รมว.พาณิชย์ ไม่ได้มุ่งเป้าที่นายกฯยิ่งลักษณ์แต่อย่างใด
แต่ ปชป. ต้องการให้ ป.ป.ช. เล่นงานยิ่งลักษณ์
หลังนายกล้าณรงค์ จันทิก หมดวาระ ป.ป.ช. ก็ถึงบทเด่นของนายวิชา มหาคุณ
พล่ามแม่มทุกงาน ว่าข้าวหายมั่ง จีทูจีปลอมมั่ง ทุจริตอย่างนั้นอย่างนี้มั่ง
ต้นปี 57 ปชป. ร้องถึง ป.ป.ช. อีกครั้ง ว่านายกฯยิ่งลักษณ์ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในเรื่องจำนำข้าว
ปลาย ม.ค. 57 ป.ป.ช. มีมติรวมเรื่องทุจริตจำนำข้าวกับเรื่องนายกฯยิ่งลักษณ์เข้าด้วยกัน
ปลาย ก.พ. 57 ป.ป.ช. แจ้งข้อกล่าวหานายกฯยิ่งลักษณ์ ว่าปล่อยปละละเลยไม่ยับยั้งโครงการจำนำข้าว
โดยใช้เวลาเพียง 21 วัน !!! ในการรับคำร้องและแจ้งข้อกล่าวหา
ซึ่ง ป.ป.ช. ได้แก้ตัวว่า ไม่ใช่ 21 วัน แต่เป็น 1 ปี กับ 7 เดือน
มันพิลึกนะครับ
รับคำร้อง ปชป. เมื่อปลายปี 55 ก็มุ่งเป้าไปที่ รมว.พาณิชน์ ยิ่งลักษณ์ไม่เกี่ยว
บอกหนึ่งปีชี้มูลได้ ส่งฟ้องได้ แต่ผ่านมาสองปีแล้ว มิดอิ่มสิ่ม ยังชี้มูลใครทุจริตไม่ได้ มีแค่ข้อกล่าวหา
แต่พอต้อนปี 57 ปชป. ร้องให้เล่นงานยิ่งลักษณ์ ป.ป.ช. ก็รวบคดีทันที
และใช้เวลา 21 วัน ในการแจ้งข้อกล่าวหายิ่งลักษณ์
สมรู้ร่วมคิดกันหรือไม่ ?
วันนี้ ป.ป.ช. ยังชี้มูลว่าใครทุจริตไม่ได้
แต่ส่งฟ้องนายกฯยิ่งลักษณ์แล้วว่าปล่อยปละละเลยให้มีความเสียหาย
ความเสียหาย คืออะไร ?
1. หากเสียหายเพราะนโยบายผิดพลาด สร้างภาระด้านงบประมาณ
เรื่องนี้ ป.ป.ช. ไม่มีอำนาจหน้าที่เข้ามาเกี่ยวข้องใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่มีอำนาจหน้าที่เข้ามาบอกว่ารัฐบาลต้องเลิกนโยบาย
เป็นหน้าที่ของฝ่ายค้าน เป็นหน้าที่ของประชาชน เป็นความผิดชอบทางการเมืองของรัฐบาล
ป.ป.ช. ไม่มีอำนาจหน้าที่ที่จะเข้ามาก้าวก่ายรัฐบาล ว่านโยบายนั้นนโยบายนี้ต้องเลิกหรือไม่เลิก
2. หากเสียหายเพราะการทุจริต นโยบายก่อให้เกิดการทุจริต ตรงนี้ เป็นอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช.
แต่ประเด็นคือ ถึงวันนี้ ป.ป.ช. บอกได้หรือยัง ว่าใครทุจริตตรงไหน อย่างไร ยังไง
ชี้มูล ส่งฟ้องใครได้หรือยัง ถึงได้ไปเล่นงานนายกฯยิ่งลักษณ์ว่าปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตสร้างความเสียหาย
หลักยุติธรรมนั้น ตราบใดที่ยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าผิดจริง ถือว่าผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้บริสุทธิ์
แต่เรื่องจำนำข้าว ยังไม่รู้ว่าใครทุจริต มีแค่ข้อกล่าวหา ก็เอาผิดนายกฯแล้วว่าปล่อยปละละเลย
ขัดหลักนิติธรรม ไร้ยางอาย ฉ้อฉลหน้าที่ ไม่มีเกียรติ ไร้ศักดิ์ศรี มุ่งเอาผิดจนไม่มีเหตุผล
ในวันนี้ หลักฐานที่ ป.ป.ช. ใช้ในการบอกว่าโครงการจำนำข้าวมีการทุจริต คือ
1. คำอภิปรายและคำร้องของ ปชป. ซึ่งแน่นอน ย่อมต้องให้ร้ายรัฐบาลยิ่งลักษณ์ทางเดียว
2. ตัวเลขบัญชีปิดโครงการของนางสาวสุภา ปิยะจิตติ ประธานคณะกรรมการปิดบัญชีจำนำข้าว
(อดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง ปัจจุบันเป็นกรรมการ ป.ป.ช.)
ซึ่งตัวเลขการปิดบัญชีของนางสาวสุภาไม่ตรงกัน ผิดหลักทางบัญชี
เรื่องนี้นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ (อย่าลืมนะครับ คุณเรืองไกรนี่เป็นนักตรวจสอบบัญชี)
ได้ยื่นร้องคัดค้านต่อ ป.ป.ช. ว่าไม่สามารถนำเป็นหลักฐานได้ แต่ ป.ป.ช. ไม่สนใจ
3. งานวิจัยจำนำข้าวของนายนิพนธ์ พัวพงศกร จากทีดีอาร์ไอ ที่บอกว่าโครงการจำนำข้าวสร้างความเสียหาย ทุจริตทุกขั้นตอน
งานวิจัยนี้ ป.ป.ช. เป็นคนจ้างนายนิพนธ์ให้ทำการวิจัย และเป็นการวิจัยโครงการจำนำข้าวปี 48 ในรัฐบาลทักษิณ
ซึ่งหลักฐานเอาผิดแบบนี้ ขึ้นศาลเมื่อไรก็ไม่น่าใช้ได้ครับ
เพราะเป็นหลักฐานที่คนเอาผิดเป็นคนจ้าง จ้างแล้วนำมาเป็นหลักฐานเอาผิด มันตลกดี
อีกอย่าง งานวิจัยนั้น ไม่ใช่งานชี้ผิดชี้ถูกสิ่งใด เป็นแค่ข้อมูลในการนำไปสู่การพิสูจน์เท่านั้น
หาก ป.ป.ช. จ้างให้วิจัยว่าจำนำข้าวไม่ดีอย่างไร ก็จ้างได้ จะเก็บข้อมูลที่ไม่ดีแค่ไหนก็ได้
และหากจะวิจัยอีกด้าน ว่าจำนำข้าวดีอย่างไร สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจแค่ไหน ช่วยชาวนาอย่างไร ก็หาข้อมูลได้
มันจึงเป็นเรื่องน่าตลก และน่าสมเพชมาก ๆ ที่เอางานวิจัยที่ตัวเองจ้างมาเป็นหลักฐานเอาผิด
ก่อนแม็คโดนัลจะบุกจีนเมื่อสิบกว่าปีก่อน ยังมีงานวิจัยของฝรั่งออกมาเลยครับ
บอกว่าคนจีนเป็นโรคไขข้อมาก เพราะการใช้ตะเกียบ
นี่คือการเก็บข้อมูลบอกว่าการใช้ตะเกียบทำให้เกิดโรคไขข้อได้ เพื่อสร้างกระแสกินแม็คดีกว่า ไม่ต้องใช้ตะเกียบ
มันก็เหมือนงานวิจัยจำนำข้าวนี่แหละครับ ปาหี่ดี ๆ นี่เอง
4. อ้างว่าสอบเอกชนไปหลายสิบบริษัท พล่ามว่าข้าวหายสองล้านตัน จีทูจีปลอม
แต่วันนี้ มันก็ชัดแล้วว่า ข้าวไม่ได้หายเป็นล้านตันอย่าง ป.ป.ช. ว่า จีทูจีปลอมก็ตรงไหนไม่รู้
ตามหลักนิติธรรมนั้น ป.ป.ช. ควรชี้มูลคนผิดทุจริตให้ได้ก่อน ส่งฟ้องและมีคำพิพากษาก่อน
จึงควรตามเอาผิดระดับนโยบาย ว่าปล่อยปละละเลยให้เกิดความเสียหายหรือไม่
ไม่ใช่แค่อ้างว่าโกง แล้วเอาผิดข้างบนก่อน
หากวันนี้ มีการสั่งฟ้องยิ่งลักษณ์ พิพากษาว่ายิ่งลักษณ์ผิดฐานปล่อยปละละเลย
แล้วหากคดีที่จะเอาผิดระดับปฏิบัติเอาผิดไม่ได้ล่ะ ใครจะรับผิดชอบ ?
นายกฯยิ่งลักษณ์โดนพิพากษาว่าผิดฟรี ๆ งั้นหรือ ?
ที่สำคัญ เมื่อฟ้องยิ่งลักษณ์ พิพากษายิ่งลักษณ์ว่าผิดไปแล้ว
การเอาผิดระดับปฏิบัติ ก็ต้องว่าผิดด้วย ไม่งั้นคดีจะไม่สัมพันธ์กัน
มันก็ขัดหลักนิติธรรม ใช้แค่เทคนิคทางนิติรัฐ ทางข้อกฎหมายเอาผิดกัน
เริ่มต้นด้วยการมุ่งเป้าเอาผิด รมว.พาณิชย์ แต่พอการเมืองเข้มข้น ชักจะโค่นไม่ได้
ก็หันมาเล่นตัวนายกฯยิ่งลักษณ์เอาดื้อ ๆ
แล้วแมวที่ไหนจะเชื่อถือ ป.ป.ช. ล่ะครับ ยกเว้นสลิ่มชน
เรื่องหลักฐานการเอาผิด
ป.ป.ช. ก็ใช้หลักฐานด้านเดียว คือด้านกล่าวหา ส่วนด้านชี้แจง ก็ฟังพอเป็นกระสาย แล้วก็ตัดทิ้งไป
ผู้ถูกกล่าวหา ร้องขอให้สอบพยาน ก็ไม่สนใจ
ผู้ถูกกล่าวหา ร้องให้ตัดนายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. ที่ชัดว่าวางตนเป็นปฏิปักษ์กับผู้ถูกกล่าวหาออก ป.ป.ช. ก็ไม่ยอม
ป.ป.ช. นั้น หน้าที่หลัก คือ การไต่สวนข้อเท็จจริง
เมื่อได้ข้อเท็จจริงแล้ว จึงดำเนินต่อไปตามข้อเท็จจริงนั้น
แต่นี่เล่นเอาหลักฐานด้านเดียวมา โดยไม่สนว่าข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร มุ่งเอาผิดให้ได้อย่างเดียว
ก็ขนาดอัยการสูงสุดยังไม่สั่งฟ้อง ก็ออกมาตีโพยตีพาย โจมตีอัยการ ข่มขู่อัยการ
หลักฐานนั้น เป็นเรื่องที่ต้องครบถ้วน สมบูรณ์ ไม่เลือกข้างเลือกฝ่าย
ไม่ใช่ฟังแต่หลักฐานฝ่ายเดียว ใช้แต่หลักฐานข้างเดี่ยว
ที่ผ่านมา ป.ป.ช. อ้างตลอดว่าไม่เลือกข้าง ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา
ซึ่งก็ขัดกับสิ่งปรากฎต่อสายประชาชนโดยตลอด
จนมาถึงเรื่องจำนำข้าว ทุกอย่างก็กระจ่างชัด ชัดจน ป.ป.ช. ชุดนี้ ไม่เหลือความน่าเชื่อถือแล้ว
เริ่มต้นที่ม็อบ กปปส. ตามด้วย กกต. ป.ป.ช. ศาลแพ่ง ศาลรัฐธรรมนูญ
แล้วกำลังมุ่งถอดถอนด้วย สนช. โดยไม่มีอำนาจตามกฎหมาย
โครงการจำนำข้าว เป็นโครงการที่สร้างความเสียหายให้ ป.ป.ช. แบบไม่เหลือความน่าเชื่อถืออะไรอีกแล้วครับ
แถมเกร็ดนิดหน่อยครับ
วันนี้ ประเทศไทยมีหนี้สาธารณะราว 5.65 ล้านล้านบาท
เป็นหนี้ของรัฐบาลกู้มาราว 4 ล้านล้านบาท
หนี้ 4 ล้านล้านบาทนี้
เป็นหนี้จากโครงการไทยเข้มแข็งของรัฐบาลแหลหนีทหารเกือบสี่แสนล้านบาท
และเป็นหนี้จาก ปรส. กว่า 1 ล้านล้านบาท
รวม 1.4 ล้านล้านบาท !!!
ป.ป.ช. ไม่สน
ไทยเข้มแข็งทุจริตทุกหยาดหยด ดังกระหึ่มทุกเรื่อง ป.ป.ช. เฉย
ปรส. หมดอายุความไปแล้ว
1.4 ล้านล้านบาท ป.ป.ช. ไม่สน
แต่จะเอาผิดห้าแสนล้านจำนำข้าวให้ได้
ห้าแสนล้าน ที่ช่วยชาวนา สร้างกระแสเงินในวงจรและมูลค่าทางเศรษฐกิจ
ส่วนการทุจริต ยังไม่มีอะไร นอกจากข้อกล่าวหา
เมื่อยนิ้วว้อยยยย...
จบดอก