๙ แล้ว ๖ ๖ แล้ว ๙ ขอตอบคำถามที่มีเพื่อนนักลงทุนรุ่นหลานได้ถามไว้

เนื่องจากมีเพื่อนสมาชิกรุ่นหลาน ได้โพสต์ถามไว้ในกระทู้ตอบคำถามชิงรางวัลดังต่อไปนี้
ก็ขอนำมาตั้งเป็นกระทู้  เผื่อคนที่สนใจอ่าน จะได้อ่านด้วยครับ

ความคิดเห็นที่ 25


เรียน คุณอา Endophine ที่เคารพ

อยากสอบถามคุณอา เกี่ยวกับความสงสัย
หลังจากที่ได้ติดตาม โพสต์ของคุณอาและดูคลิปของคุณอา

ผมอยากทราบว่า ที่คุณอาบอกว่า ใช้กลยุทธ์ลงทุนแบบเขาดิน (ถือหุ้นกระจายตัว) นั้น
คุณอา ใช้ต่อเนื่องมาตั้งแต่การลงทุนเริ่มแรกหรือเปล่าครับ

คำตอบ
จริงๆแล้ว เมื่อก่อนผมถือหุ้นประมาณไม่เกินสิบตัว
และตั้งแต่ซื้อขายหุ้นมา  พอร์ตหลักไม่เคยถือหุ้นต่ำกว่าห้าตัว  

ส่วนพอร์ตเล็ก  เน้นถือหุ้นแค่สองสามตัว  
ที่กล้าถือแค่สองสามตัวเพราะ
สามารถรับความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นได้สบายๆ





หรือว่าเพิ่งใช้เมื่อมีพอร์ตอยู่ในระดับที่พอใจแล้ว
ต้องการรักษาเงินต้นให้ได้มากกว่าการทำกำไร  จึงใช้กลยุทธ์ defensive


คำตอบ

หลังจากมูลค่าพอร์ตเริ่มโตจนถึงระดับหนึ่ง  เริ่มเห็นว่า
จะสามารถใช้มูลค่าเงิน  สะสมจำนวนหุ้น
เพื่อรับเงินปันผลในระดับที่ดีกว่าเงินฝาก สองหรือสามเท่าได้
และเพื่อให้เงินปันผลจำนวนนั้น  สามารถนำมาครอบคลุมค่าใช้จ่ายประจำปีได้
เลยเริ่มถือหุ้นกระจายมากขึ้น เพื่อบริหารความเสี่ยงของเงินปันผลที่จะได้รับโดยรวม
ไม่ให้มีความผันผวนมาก

* ข้อมูลเครดิตภาษีและเงินปันผลรับแต่ละปี  อยู่ในความคิดเห็นที่ ๖  ของกระทู้นี้
http://ppantip.com/topic/32616051/comment6






เพราะลึก ๆ ผมมองว่า ที่พอร์ตของคุณอาเติบโตขึ้นมาก ๆ
น่าจะมาจากการลงทุนแบบกระจุกตัวในตอนต้น
ผมคุ้น ๆ ว่าเคยอ่านว่า คุณอาเคยถือหุ้นตัวเดียวประมาณ 30%
แล้วตัวนี้ขึ้นไปเยอะ ๆ เพราะมีคนจะนำมันออกจากตลาด

คำตอบ

ผมเชื่อว่า  ในชีวิตของนักลงทุนทุกคน
จะมีจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่หลังจากผ่านจุดนั้นไปแล้ว
พอร์ตหุ้นจะสามารถก้าวกระโดดครั้งใหญ่ได้
แต่มันก้าวกระโดดครั้งใหญ่ได้
เราต้องรู้จัก บริหารจัดการความโลภในใจของเรา  ไม่ให้มีมากเกินความรู้ ความสามารถของเรา
พอร์ตผมจึงเริ่มก้าวกระโดดครั้งใหญ่จริงๆ
จากการถือหุ้น ประกันคุ้มภัย ซึ่งโดนเทนเดอร์ออฟเฟอร์ออกจากตลาดไปแล้ว
ถ้าจำไม่ผิด  ซื้อไว้แถวสิบเอ็ดสิบสองบาท    แล้วเอาไปขายเทนเดอร์ออฟเฟอร์ตอนออกจากตลาดที่ ๗๗ บาท

ตอนนั้น ถือประกันคุ้มภัยไว้ถึง ยี่สิบห้าเปอร์เซนต์ของเงินลงทุน
ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่มาก แบบไม่เคยถือหุ้นตัวไหน ในระดับนั้นมาก่อน




เพราะผมมองว่า เป็นการยากเหลือเกินสำหรับนักลงทุนประสบการณ์น้อย
ที่จะหาบริษัทดี ๆ ให้ได้ ถึง 20-30 บริษัท
ในราคาสมเหตุสมผล อย่างน้อย
เราจะเห็นบริษัทประมาณ 4-5 บริษัท
ที่มีแนวโน้มในการเติบโตมากกว่าบริษัทอื่น ๆ
อีก 20 กว่าบริษัท

ตอบกลับ
สมาชิกหมายเลข 1026379


คำตอบ
ให้ลองนึกถึงภาพประกอบนี้ให้ดีๆครับ



ผมพูดกับเพื่อนๆที่สนิทกันหลายครั้งแล้ว
ความสามารถที่ผมทำได้ดีที่สุดคือ

การถือหุ้นที่คิดว่า ดีๆ  ได้โดยไม่จำกัดเวลา



ดังนั้น  ถ้าผมเจอหุ้นที่มันดีได้นานๆเมื่อไร จากการหาหุ้นที่มีพีอีต่ำ  พีบีวีต่ำ ดีอีต่ำ  ยีลด์ปันผลสูง
แล้วเข้าซื้อตอนมีแต้มต่อมากๆ
พอร์ตผมก็จะโต  โดยไม่ต้องสนใจว่า ถือหุ้นไว้กี่ตัว

หุ้นตั้งห้าหกร้อยตัว  เราจะหาหุ้นดีๆ สำหรับถือยาว ซักยี่สิบกว่าตัวไม่ได้เลยหรือ ?


ผมไม่ค่อยรู้เขาเท่าไร
ไม่เคยตั้งเป้าราคาหุ้นที่ถือ  ไม่เคยทายแนวโน้มตลาดแม่นกับเขา
แต่ผมจะพยายามรู้เราให้ได้ว่า
ความรู้ความสามารถของตัวเองมีแค่ไหน  
ก็ต้องทำอย่าเกินมากกว่านั้นครับ

ขอให้ดูพอร์ตใหญ่ที่ผมยังถืออยู่
ซึ่งเป็นราคาปิดของวันนี้ ตามภาพประกอบข้างล่างสุด

ปีที่แล้ว  รวมทั้งปีนี้ ผมได้ถอนเงินจริงออกจากพอร์ตไปแล้ว ประมาณ ๒๑ ล้านบาท
ตามเหตุผลที่ผมได้บอกไว้ในคลีบที่ไปออกรายการมันนี่ทอล์ค

จำได้ว่า อาจารย์ไพบูลย์แนะนำว่า
ผมเป็นนักลงทุนที่ประสพความสำเร็จในการลงทุน
ผมรีบตอบทันทีว่า

ก็ไม่ถือว่าประสพความสำเร็จ (หมายถึงมีพอร์ตร้อยล้าน พันล้านเหมือนนักลงทุนเก่งๆท่านอื่น)
แต่ก็ไม่ล้มเหลว (หมายถึงว่า ผมสามารถเอาชนะตลาดหุ้นได้ตลอดกาล  จากการทำคลายเครียดเรโชมหภาคครับ)


ขอให้ประสพความสำเร็จในการลงทุนครับ
อย่าไปเปรียบเทียบว่า  ทำไมคนอื่นเล่นหุ้นปั่นแค่สองเดือน
กำไรมากกว่าเราสะสมมาสี่ห้าปี

ขอให้กำไรที่เราสะสมมาสี่ห้าปี  เป็นกำไรที่ยั่งยืน และเติบโตได้
จากการสะสมประสบการณ์แนวตั้งก็น่าจะพอใจแล้ว

อมยิ้ม16อมยิ้ม16อมยิ้ม16อมยิ้ม16อมยิ้ม16



+

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่