ตั้งแต่ได้ข่าวว่าคุณเต๋อ นวพล จะทำหนังเกี่ยวกับพี่แว่น ผมก็รู้สึกตื่นเต้นมากและรอคอยที่จะได้รับชมหนังเรื่องนี้ แม้ส่วนตัวผมจะไม่ได้ ชื่นชอบหนังเรื่อง Mary is happy, Marry is happy มากนัก แต่พอได้ดูหนังเรื่องนี้ ผมกลับชอบมันมากๆครับ
หนังไม่มีอะไรมากเลยครับ หนังพาเราไปรู้จักพี่แว่น เจ้าของร้านแว่นวีดีโอ ซึ่งเป็นร้านที่ขายวีดีโอ (ยุคหลังๆมี VCD กับ DVD ด้วย) หนังนอกกระแส หนังแปลกๆที่หาดูยาก และแน่นอนมันเป็นของก๊อป ไม่ใช่ของลิขสิทธิ์
หนังเล่าจุดเริ่มต้นของร้านแว่นวีดีโอไปจนถึงวันสุดท้ายของร้าน ผ่านการสัมภาษณ์บุคคลต่างๆที่มีความสัมพันธ์และผูกพันกับพี่แว่น ฟังดูเหมือนจะน่าเบื่อ แต่อยากบอกว่ามันสนุกมากๆเลยครับ ตลกมากๆด้วย (พี่แว่นมีคาแรคเตอร์บางอย่าง ที่พูดถึงทีไรก็ฮาทุกที) การเล่าเรื่องก็ดีมากๆครับ ขนาดหนังจบแล้ว ผมยังอยากนั่งดูต่อเลยครับ ยังอยากรู้จักพี่เค้ามากกว่านี้อีก
มาถึงเรื่องส่วนตัวของผมกับร้านพี่แว่น
ผมเองรู้จักร้านพี่แว่นเมื่อประมาณ 11-12 ปีที่แล้ว ซึ่งน่าจะเป็นยุคหลังๆของพี่เค้าละ ซึ่งหนังที่ผมอุดหนุนพี่เค้า ก็จะเป็น VCD และ DVD (ผมไม่ทันยุคม้วนวีดีโอของร้านพี่เค้าครับ) เหตุผลที่ผมเริ่มอยากดูหนังแปลกๆ ก็เพราะผมฟังรายการวิทยุหนังหน้าไมค์ (ตอนนั้น เป็น Fat Radio) และคุณนรา มักจะแนะนำหนังแปลกๆที่เราไม่รู้จัก และด้วยน้ำเสียงคุณนรา เวลาพูดว่า "มันดีมาก ผมชอบมาก" มันรู้สึกว่าเค้าอินมาก รับรู้ได้ว่าหนังมันคงดีจริงๆ และอีกส่วนหนึ่งคือกระทู้ในห้องเฉลิมไทยนี่แหละ ที่มักจะแนะนำหนังแปลๆ ชื่อผู้กำกับแปลกๆ เราก็เลยอยากดูหนังเหล่านั้นบ้าง
นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ผมกลายเป็นลูกค้าร้านพี่คนนั้นครับ แต่ผมก็ซื้อหนังจากร้านเค้าไม่เยอะมากนะครับ (เทียบกับป๋าเต็ดไม่ได้แน่นอน 55) และนี่คือหนังที่ผมซื้อจากร้านพี่แว่นครับ (ผมเลือกเฉพาะหนังที่มีซับไทยเท่านั้นครับ)
- Chungking Express (หว่อง กา ไว) เห็นในพันทิปแนะนำกันเยอะ ชอบกันจังเรื่องนี้ เลยต้องจัดมาครับ ปรากฎว่า ตอนนั้นดูแล้วเฉยๆมากเลยครับ งงด้วยว่าช่วงแรกกับช่วงหลังมันเกี่ยวอะไรกันวะ ดูจบก็เลยงงครับ ทำไมคนถึงชอบกันจัง (ล่าสุดเมื่อเดือนที่แล้ว เลยจัดแผ่นลิขสิทธิ์มาดูอีกรอบ ปรากฎว่าชอบมากเลยครับ กลายเป็นหนังรักอันดับต้นๆที่ชอบไปเลย เฟย์ หว่อง น่ารักมีเสน่ห์สุดๆ ผมเพิ่งรู้สึกสิ่งนี้ ทั้งที่ชาวบ้านเค้ารู้สึกกันไปเป็นชาติแล้ว 55)
- April Story (ชุนจิ อิวาอิ) มันคือหนังที่พูดเรื่องแรงบันดาลใจ ที่ดีที่สุดสำหรับผม ผมชอบมากครับเรื่องนี้ อยากไปเที่ยวญี่ปุ่นมากจากหนังเรื่องนี้
- The Twilight Samurai (โยจิ ยามาดะ) คุณนราคนเดิมครับ เค้าบอกว่า "ชอบมาก" (น้ำเสียงอินสุดๆ) เลยต้องไปจัดมาดู หนังมันนิ่งมากครับ เงียบมาก แต่สวยงาม ให้แง่คิดกับชีวิต ผมชอบมากครับเรื่องนี้
- Blood Simple (โจแอล & อีธาน โคเอน) ชื่อของ 2 พี่น้องคู่นี้ ในพันทิปพูดถึงกันบ่อยจัง แล้วเราก็บังเอิญไปเจอหนังเรื่องแรกของเค้า เลยต้องลองดู ปรากฎว่า ตอนนั้นดูแล้วไม่ชอบเลยครับ นี่อะเหรอที่คนชมกันจังหนังของ 2 พี่น้องคู่นี้ (ซึ่งผมยังไม่เคยดูซ้ำอีกเลยเรื่องนี้) แต่หลังจาก Blood Simple ในวันนั้น เราก็ได้รู้จัก No Country for Old Men รู้จัก Fargo และจากนั้นมา 2 พี่น้องคู่นี้ ก็กลายเป็นขวัญใจผมทันที เรื่องล่าสุดก็ชอบมากครับ Inside Llewyn Davis
- To Live (จาง อี้ โหมว) หนังหน้าไมค์ก็พูดถึงหมอนี่บ่อยจริง เลยขอลองทำความรู้จักหน่อยซิ หนังยาว 133 นาที (สำหรับผมในวันนั้น ถือว่าหนังยาวมาก) แต่มันเปิดโลกผมเลยครับ หนังจีนย้อนยุคเล่าเรื่องชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่ง กลายเป็นหนังที่ผมประทับใจมาก ที่สำคัญมันสนุกมากๆด้วยครับ สมจริงและเศร้ามากๆ หนังอะไรจะหดหู่ได้ขนาดนี้
- Irreversible (Gaspar Noe) ถ้าจำไม่ผิด น่าจะมาจากพันทิปแนะนำมา หนังมีจุดเด่น 2 อย่าง 1. หนังเล่าเรื่องย้อนหลังครับ (คุ้นๆไหมครับ เหมือนกับหนังเรื่องหนึ่งของผู้กำกับชื่อดังในยุคนี้) 2. หนังมีฉากรุนแรงที่ยาวมาก
แต่พอดูจบ บอกได้เลยว่าเปิดโลกการดูหนังของผมแบบสุดๆ เพราะถ้าหนังเรื่องนี้ เล่าจาก 1 ไป 10 หนังมันจะจบเศร้าและหดหู่มากๆ แต่พอเล่าจาก 10 ไป 1 มันกลับจบแบบสวยงามมาก เราเลยอี้งไปเลยว่า เรื่องมันหนักมากๆ แต่เรากลับแฮปปี้เมื่อดูจบ มันคงเป็นเพราะการเล่าเรื่องแบบนี้แหละมั้งที่ส่งผลต่อคนดูแบบนี้
- Bright Future (คิโยชิ คูโรซาว่า) อันนี้ปกสวยและเรื่องย่อน่าสนใจเลยซื้อครับ ปรากฎว่าดูไม่รู้เรื่องครับ ทุกวันนี้ยังไม่อยากหยิบมาดูเลยครับ 55 ใครเคยดูแล้วเข้าใจ ช่วยอนุเคราะห์เป็นวิทยาทานให้ผมหน่อยนะครับ
- Himitsu หรือ The Secret (ไม่รู้ผู้กำกับ) เป็นหนังญี่ปุ่นที่ผมชอบมากๆครับ (ให้อยู่ในระดับเดียวกับ Love Letter และ Be With You เลย) ด้วย plot ที่แสนจะน้ำเน่า แม่-ลูกประสบอุบัติเหตุ เลยทำให้ต้องสลับร่างกัน น้ำเน่าและเชยสุดๆ แต่หนังทำออกมาได้ดีมาก นักแสดงเล่นได้อย่างสุดยอด และบทสรุปของหนังมันสวยงามมากๆเกี่ยวกับความรักครับ
- กลุ่มหนังที่ดูแล้วจำไม่ได้ The Story of Qiuju, Tokyo Marigold, The Scent of Love
- กลุ่มหนังที่ทุกวันนี้ยังไม่ได้ดูเลย Lost Highway (David Lynch) และ Shiki-Jitsu (หนังใช้คนแสดงเรื่องแรก ที่มี "สตูดิโอ จิบลิ" เป็นนายทุน และนำแสดงโดย ชุนจิ อิวาอิ)
ชีวิตคนเรามีเรื่องหลากหลายเรื่อง มีคนมากมายที่ผ่านเข้ามาในชีวิต มีทั้งดีและไม่ดี คนที่เคยผ่านเข้ามา บางคนเราก็ลืมไปแล้ว บางคนเราก็จำเค้าได้ชัดเจน แม้จะไม่ได้เจอกันนาน
ผมมีความรู้สึกถึงร้านพี่แว่น มันคือ "ความทรงจำดีๆในช่วงเวลาหนึ่งในชีวิต" ผมไม่เคยได้คุยกับเค้าเลย ช่วงเวลาที่เราใกล้ชิดกับเค้ามากที่สุด คือตอนหยิบหนังไปจ่ายตังค์ แต่มันเหมือนมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ผูกพันกับเค้า ผมยอมรับว่า ก่อนที่คุณเต๋อจะทำหนังเรื่องนี้ ผมก็ลืมพี่เค้าไปเลย เพราะทุกวันนี้ มันไม่มีคนพูดถึงพี่เค้าแล้ว มันไม่มี "ร้านพี่คนนั้นอีกแล้ว" แต่แปลกครับ เมื่อตอนเข้าไปดู The Master มันเกิดภาพ flashback หลายๆอย่างในชีวิต ถูกฉายขึ้นมาอย่างชัดเจนอีกครั้ง เหมือนเราได้กลับไปเจอตัวเองในอดีต เราในวันนั้นกับเราในวันนี้ ก็มีหลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป แต่ก็มีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ยังมั่นคงเหมือนเดิม หนังบางเรื่องที่เราเฉยๆในวันนั้น พอมาดูในวันนี้เรากลับชอบมันมาก
แม้ทุกวันนี้ เราจะหาหนังทั่วโลกมาชมได้ไม่ยากนัก เพียงนั่งหน้าจอคอมแล้วโหลดเอา ก็ได้มันมาอย่างง่ายดาย (แต่ผมทำไม่เป็นนะ) แต่สิ่งหนึ่งที่เราจะไม่มีทางได้สัมผัสมันอีก คือ
ความสุขในการรอคอยวัน ส-อา เพื่อไปซื้อหนังที่ร้านพี่แว่น
ความสุขที่ได้ไปเห็นหนังแปลกๆเต็มชั้นวาง
ความสุขที่ได้ไปเจอคนที่ชอบแบบเดียวกันที่ร้านพี่แว่น
ความสุขในการถือหนังที่ซื้อจากร้านพี่แว่นกลับบ้าน
"แม้ผลลัพท์ คือ การได้ดูหนังเหมือนกัน แต่ความสุขระหว่างทาง กลับแตกต่างกันเหลือเกิน"
ขอบคุณร้านแว่นวีดีโอ และ คุณเต๋อ นวพลครับ
ป.ล. ผมไม่ได้จะบอกว่า การโหลดหนังในยุคนี้ ไม่ดีนะครับ เรายอมรับการเปลี่ยนแปลงและอยู่กับมันอย่างเข้าใจได้ครับ
https://www.facebook.com/MyOwnPrivateFilm/
The Master - ความทรงจำที่สวยงาม กับ ร้านพี่แว่น
หนังไม่มีอะไรมากเลยครับ หนังพาเราไปรู้จักพี่แว่น เจ้าของร้านแว่นวีดีโอ ซึ่งเป็นร้านที่ขายวีดีโอ (ยุคหลังๆมี VCD กับ DVD ด้วย) หนังนอกกระแส หนังแปลกๆที่หาดูยาก และแน่นอนมันเป็นของก๊อป ไม่ใช่ของลิขสิทธิ์
หนังเล่าจุดเริ่มต้นของร้านแว่นวีดีโอไปจนถึงวันสุดท้ายของร้าน ผ่านการสัมภาษณ์บุคคลต่างๆที่มีความสัมพันธ์และผูกพันกับพี่แว่น ฟังดูเหมือนจะน่าเบื่อ แต่อยากบอกว่ามันสนุกมากๆเลยครับ ตลกมากๆด้วย (พี่แว่นมีคาแรคเตอร์บางอย่าง ที่พูดถึงทีไรก็ฮาทุกที) การเล่าเรื่องก็ดีมากๆครับ ขนาดหนังจบแล้ว ผมยังอยากนั่งดูต่อเลยครับ ยังอยากรู้จักพี่เค้ามากกว่านี้อีก
มาถึงเรื่องส่วนตัวของผมกับร้านพี่แว่น
ผมเองรู้จักร้านพี่แว่นเมื่อประมาณ 11-12 ปีที่แล้ว ซึ่งน่าจะเป็นยุคหลังๆของพี่เค้าละ ซึ่งหนังที่ผมอุดหนุนพี่เค้า ก็จะเป็น VCD และ DVD (ผมไม่ทันยุคม้วนวีดีโอของร้านพี่เค้าครับ) เหตุผลที่ผมเริ่มอยากดูหนังแปลกๆ ก็เพราะผมฟังรายการวิทยุหนังหน้าไมค์ (ตอนนั้น เป็น Fat Radio) และคุณนรา มักจะแนะนำหนังแปลกๆที่เราไม่รู้จัก และด้วยน้ำเสียงคุณนรา เวลาพูดว่า "มันดีมาก ผมชอบมาก" มันรู้สึกว่าเค้าอินมาก รับรู้ได้ว่าหนังมันคงดีจริงๆ และอีกส่วนหนึ่งคือกระทู้ในห้องเฉลิมไทยนี่แหละ ที่มักจะแนะนำหนังแปลๆ ชื่อผู้กำกับแปลกๆ เราก็เลยอยากดูหนังเหล่านั้นบ้าง
นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ผมกลายเป็นลูกค้าร้านพี่คนนั้นครับ แต่ผมก็ซื้อหนังจากร้านเค้าไม่เยอะมากนะครับ (เทียบกับป๋าเต็ดไม่ได้แน่นอน 55) และนี่คือหนังที่ผมซื้อจากร้านพี่แว่นครับ (ผมเลือกเฉพาะหนังที่มีซับไทยเท่านั้นครับ)
- Chungking Express (หว่อง กา ไว) เห็นในพันทิปแนะนำกันเยอะ ชอบกันจังเรื่องนี้ เลยต้องจัดมาครับ ปรากฎว่า ตอนนั้นดูแล้วเฉยๆมากเลยครับ งงด้วยว่าช่วงแรกกับช่วงหลังมันเกี่ยวอะไรกันวะ ดูจบก็เลยงงครับ ทำไมคนถึงชอบกันจัง (ล่าสุดเมื่อเดือนที่แล้ว เลยจัดแผ่นลิขสิทธิ์มาดูอีกรอบ ปรากฎว่าชอบมากเลยครับ กลายเป็นหนังรักอันดับต้นๆที่ชอบไปเลย เฟย์ หว่อง น่ารักมีเสน่ห์สุดๆ ผมเพิ่งรู้สึกสิ่งนี้ ทั้งที่ชาวบ้านเค้ารู้สึกกันไปเป็นชาติแล้ว 55)
- April Story (ชุนจิ อิวาอิ) มันคือหนังที่พูดเรื่องแรงบันดาลใจ ที่ดีที่สุดสำหรับผม ผมชอบมากครับเรื่องนี้ อยากไปเที่ยวญี่ปุ่นมากจากหนังเรื่องนี้
- The Twilight Samurai (โยจิ ยามาดะ) คุณนราคนเดิมครับ เค้าบอกว่า "ชอบมาก" (น้ำเสียงอินสุดๆ) เลยต้องไปจัดมาดู หนังมันนิ่งมากครับ เงียบมาก แต่สวยงาม ให้แง่คิดกับชีวิต ผมชอบมากครับเรื่องนี้
- Blood Simple (โจแอล & อีธาน โคเอน) ชื่อของ 2 พี่น้องคู่นี้ ในพันทิปพูดถึงกันบ่อยจัง แล้วเราก็บังเอิญไปเจอหนังเรื่องแรกของเค้า เลยต้องลองดู ปรากฎว่า ตอนนั้นดูแล้วไม่ชอบเลยครับ นี่อะเหรอที่คนชมกันจังหนังของ 2 พี่น้องคู่นี้ (ซึ่งผมยังไม่เคยดูซ้ำอีกเลยเรื่องนี้) แต่หลังจาก Blood Simple ในวันนั้น เราก็ได้รู้จัก No Country for Old Men รู้จัก Fargo และจากนั้นมา 2 พี่น้องคู่นี้ ก็กลายเป็นขวัญใจผมทันที เรื่องล่าสุดก็ชอบมากครับ Inside Llewyn Davis
- To Live (จาง อี้ โหมว) หนังหน้าไมค์ก็พูดถึงหมอนี่บ่อยจริง เลยขอลองทำความรู้จักหน่อยซิ หนังยาว 133 นาที (สำหรับผมในวันนั้น ถือว่าหนังยาวมาก) แต่มันเปิดโลกผมเลยครับ หนังจีนย้อนยุคเล่าเรื่องชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่ง กลายเป็นหนังที่ผมประทับใจมาก ที่สำคัญมันสนุกมากๆด้วยครับ สมจริงและเศร้ามากๆ หนังอะไรจะหดหู่ได้ขนาดนี้
- Irreversible (Gaspar Noe) ถ้าจำไม่ผิด น่าจะมาจากพันทิปแนะนำมา หนังมีจุดเด่น 2 อย่าง 1. หนังเล่าเรื่องย้อนหลังครับ (คุ้นๆไหมครับ เหมือนกับหนังเรื่องหนึ่งของผู้กำกับชื่อดังในยุคนี้) 2. หนังมีฉากรุนแรงที่ยาวมาก
แต่พอดูจบ บอกได้เลยว่าเปิดโลกการดูหนังของผมแบบสุดๆ เพราะถ้าหนังเรื่องนี้ เล่าจาก 1 ไป 10 หนังมันจะจบเศร้าและหดหู่มากๆ แต่พอเล่าจาก 10 ไป 1 มันกลับจบแบบสวยงามมาก เราเลยอี้งไปเลยว่า เรื่องมันหนักมากๆ แต่เรากลับแฮปปี้เมื่อดูจบ มันคงเป็นเพราะการเล่าเรื่องแบบนี้แหละมั้งที่ส่งผลต่อคนดูแบบนี้
- Bright Future (คิโยชิ คูโรซาว่า) อันนี้ปกสวยและเรื่องย่อน่าสนใจเลยซื้อครับ ปรากฎว่าดูไม่รู้เรื่องครับ ทุกวันนี้ยังไม่อยากหยิบมาดูเลยครับ 55 ใครเคยดูแล้วเข้าใจ ช่วยอนุเคราะห์เป็นวิทยาทานให้ผมหน่อยนะครับ
- Himitsu หรือ The Secret (ไม่รู้ผู้กำกับ) เป็นหนังญี่ปุ่นที่ผมชอบมากๆครับ (ให้อยู่ในระดับเดียวกับ Love Letter และ Be With You เลย) ด้วย plot ที่แสนจะน้ำเน่า แม่-ลูกประสบอุบัติเหตุ เลยทำให้ต้องสลับร่างกัน น้ำเน่าและเชยสุดๆ แต่หนังทำออกมาได้ดีมาก นักแสดงเล่นได้อย่างสุดยอด และบทสรุปของหนังมันสวยงามมากๆเกี่ยวกับความรักครับ
- กลุ่มหนังที่ดูแล้วจำไม่ได้ The Story of Qiuju, Tokyo Marigold, The Scent of Love
- กลุ่มหนังที่ทุกวันนี้ยังไม่ได้ดูเลย Lost Highway (David Lynch) และ Shiki-Jitsu (หนังใช้คนแสดงเรื่องแรก ที่มี "สตูดิโอ จิบลิ" เป็นนายทุน และนำแสดงโดย ชุนจิ อิวาอิ)
ชีวิตคนเรามีเรื่องหลากหลายเรื่อง มีคนมากมายที่ผ่านเข้ามาในชีวิต มีทั้งดีและไม่ดี คนที่เคยผ่านเข้ามา บางคนเราก็ลืมไปแล้ว บางคนเราก็จำเค้าได้ชัดเจน แม้จะไม่ได้เจอกันนาน
ผมมีความรู้สึกถึงร้านพี่แว่น มันคือ "ความทรงจำดีๆในช่วงเวลาหนึ่งในชีวิต" ผมไม่เคยได้คุยกับเค้าเลย ช่วงเวลาที่เราใกล้ชิดกับเค้ามากที่สุด คือตอนหยิบหนังไปจ่ายตังค์ แต่มันเหมือนมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ผูกพันกับเค้า ผมยอมรับว่า ก่อนที่คุณเต๋อจะทำหนังเรื่องนี้ ผมก็ลืมพี่เค้าไปเลย เพราะทุกวันนี้ มันไม่มีคนพูดถึงพี่เค้าแล้ว มันไม่มี "ร้านพี่คนนั้นอีกแล้ว" แต่แปลกครับ เมื่อตอนเข้าไปดู The Master มันเกิดภาพ flashback หลายๆอย่างในชีวิต ถูกฉายขึ้นมาอย่างชัดเจนอีกครั้ง เหมือนเราได้กลับไปเจอตัวเองในอดีต เราในวันนั้นกับเราในวันนี้ ก็มีหลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป แต่ก็มีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ยังมั่นคงเหมือนเดิม หนังบางเรื่องที่เราเฉยๆในวันนั้น พอมาดูในวันนี้เรากลับชอบมันมาก
แม้ทุกวันนี้ เราจะหาหนังทั่วโลกมาชมได้ไม่ยากนัก เพียงนั่งหน้าจอคอมแล้วโหลดเอา ก็ได้มันมาอย่างง่ายดาย (แต่ผมทำไม่เป็นนะ) แต่สิ่งหนึ่งที่เราจะไม่มีทางได้สัมผัสมันอีก คือ
ความสุขในการรอคอยวัน ส-อา เพื่อไปซื้อหนังที่ร้านพี่แว่น
ความสุขที่ได้ไปเห็นหนังแปลกๆเต็มชั้นวาง
ความสุขที่ได้ไปเจอคนที่ชอบแบบเดียวกันที่ร้านพี่แว่น
ความสุขในการถือหนังที่ซื้อจากร้านพี่แว่นกลับบ้าน
"แม้ผลลัพท์ คือ การได้ดูหนังเหมือนกัน แต่ความสุขระหว่างทาง กลับแตกต่างกันเหลือเกิน"
ขอบคุณร้านแว่นวีดีโอ และ คุณเต๋อ นวพลครับ
ป.ล. ผมไม่ได้จะบอกว่า การโหลดหนังในยุคนี้ ไม่ดีนะครับ เรายอมรับการเปลี่ยนแปลงและอยู่กับมันอย่างเข้าใจได้ครับ
https://www.facebook.com/MyOwnPrivateFilm/