สาเหตุ
เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันซึ่งปกติมีหน้าที่ทำลายเชื้อโรค หันมาทำลายเนื้อเยื่อร่างกายของตัวเราเอง โดยการวิจัยปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุของกระบวนการนี้ ตำแหน่งที่ถูกทำลายมักเป็นเยื่อหุ้มข้อ โดยเฉพาะข้อมือ และข้อเท้า
อาการ
เพราะโรคเกิดจากภูมิคุ้มกัน ที่ไหลเวียนไปทั่วร่างกาย อาการจึงเกิดได้กับหลายส่วน เป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป เป็นๆหายๆ ในระยะเวลาหลักเดือนหรือปี
ช่วงแรกจะมีอาการไข้ต่ำ อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย น้ำหนักลด
ต่อมาจะเริ่มมีปวดบวมข้อนิ้วมือ นิ้วเท้า มีข้อติดตอนตื่นนอน เมื่อขยับหรือสะบัด อาการจะดีขึ้น
มีตุ่มนูน มักขึ้นที่ข้อศอก หลังมือ ลักษณะยืดหยุ่นเหมือนยาง กดไม่เจ็บ
ในระยะหลัง หากไม่ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง ข้อนิ้วจะเริ่มผิดรูปทีละเล็กน้อย จนไม่สามารถใช้งานอย่างปกติได้
ผลแทรกซ้อน
ความดันโลหิตสูง
เป็นผลจากภูมิต้านทานไปทำลายผนังหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดแข็งคล้ายสนิมเกาะ โดยเฉพาะในคนที่สูบบุหรี่ มีโรคเบาหวาน หรือไขมันในเลือดสูงอยู่แล้ว ยิ่งเกิดได้ง่ายขึ้น
กระดูกพรุน
ภูมิคุ้มกันไปสลายเนื้อกระดูก โดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่กระดูกบอบบางอยู่แล้ว ควรเข้ารับการตรวจมวลกระดูก และระวังการล้มกระแทกเป็นพิเศษ
การรักษา
เป้าหมายการรักษา คือการควบคุมภูมิคุ้มกันให้สงบลง ไม่ทำลายเนื้อเยื่อร่างกายของเราเอง
ด้วยการรักษามาตรฐานปัจจุบัน แม้ว่าอาจคุมอาการได้ไม่เต็มที่จนหายขาด แต่ก็ช่วยให้อาการเบาลงและชะลอการเสื่อมของข้อกระดูกได้มาก การรักษามี 2 ส่วน
การรักษาช่วงกำเริบ
คือการลดการอักเสบที่เกิดขึ้นให้เร็วที่สุด เพื่อลดอาการปวด และการทำลายเนื้อเยื่อลง เมื่ออาการดีขึ้นแล้ว ก็สามารถหยุดยาได้
ยาที่นิยมคือ ยากลุ่ม NSAIDs เช่น แอสไพริน (Aspirin) ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) หรือ Steroid
การรักษาระยะยาว
มีเป้าหมายเพื่อชะลอการดำเนินโรคให้ช้าลง เพื่อลดความรุนแรง และการเกิดข้อเสื่อมให้น้อยที่สุด
จึงเป็นยาที่ต้องใช้ตลอดไป แม้ว่าจะไม่มีอาการอยู่
ยาที่นิยมที่สุดคือ Methotrexate
โดยส่วนมากแล้วไม่ทำให้มีผลข้างเคียง หากเกิดขึ้นมักจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ซึ่งจะดีขึ้นได้เองในไม่กี่วัน
แต่หากมีอาการเหนื่อย หรือรู้สึกไม่ปลอดภัย ควรหยุดยาทันทีแล้วเข้าปรึกษาแพทย์
หญิงตั้งครรภ์ห้ามใช้ยานี้ เนื่องจากทำให้เกิดทารกพิการได้
คำแนะนำ
ทานยาตามกำหนด
เป็นสิ่งสำคัญที่สุด เนื่องจากระดับยาที่พอดี ช่วยชะลอการดำเนินโรคได้ การทานยาอย่างสม่ำเสมอ ไม่ลืมหรือขาดยา จะช่วยลดอาการทั้งหมด และโอกาสเกิดข้อเสื่อมในอนาคตได้อย่างดี
พักผ่อนให้เพียงพอ
เนื่องจากตัวโรคเกิดจากระบบภูมิคุ้มกัน การพักผ่อนที่ดี ช่วยให้ภูมิคุ้มกันสงบลง และระบบฮอร์โมนทำงานดีขึ้น
ออกกำลังกาย
การออกกำลังกายช่วยให้ข้อที่อักเสบ มีความแข็งแรง เลือดไหลเวียนดีขึ้น ชะลอการเสื่อมในระยะยาวได้
พอดีกำลังทำเว็บให้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับโรคที่พบได้บ่อยครับ มีอะไรเสนอแนะได้ครับ
www.qinic.com
email : boom.qinic@gmail.com
โรคข้อรูมาตอยด์ (Rheumatoid arthritis)
เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันซึ่งปกติมีหน้าที่ทำลายเชื้อโรค หันมาทำลายเนื้อเยื่อร่างกายของตัวเราเอง โดยการวิจัยปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุของกระบวนการนี้ ตำแหน่งที่ถูกทำลายมักเป็นเยื่อหุ้มข้อ โดยเฉพาะข้อมือ และข้อเท้า
อาการ
เพราะโรคเกิดจากภูมิคุ้มกัน ที่ไหลเวียนไปทั่วร่างกาย อาการจึงเกิดได้กับหลายส่วน เป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป เป็นๆหายๆ ในระยะเวลาหลักเดือนหรือปี
ช่วงแรกจะมีอาการไข้ต่ำ อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย น้ำหนักลด
ต่อมาจะเริ่มมีปวดบวมข้อนิ้วมือ นิ้วเท้า มีข้อติดตอนตื่นนอน เมื่อขยับหรือสะบัด อาการจะดีขึ้น
มีตุ่มนูน มักขึ้นที่ข้อศอก หลังมือ ลักษณะยืดหยุ่นเหมือนยาง กดไม่เจ็บ
ในระยะหลัง หากไม่ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง ข้อนิ้วจะเริ่มผิดรูปทีละเล็กน้อย จนไม่สามารถใช้งานอย่างปกติได้
ผลแทรกซ้อน
ความดันโลหิตสูง
เป็นผลจากภูมิต้านทานไปทำลายผนังหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดแข็งคล้ายสนิมเกาะ โดยเฉพาะในคนที่สูบบุหรี่ มีโรคเบาหวาน หรือไขมันในเลือดสูงอยู่แล้ว ยิ่งเกิดได้ง่ายขึ้น
กระดูกพรุน
ภูมิคุ้มกันไปสลายเนื้อกระดูก โดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่กระดูกบอบบางอยู่แล้ว ควรเข้ารับการตรวจมวลกระดูก และระวังการล้มกระแทกเป็นพิเศษ
การรักษา
เป้าหมายการรักษา คือการควบคุมภูมิคุ้มกันให้สงบลง ไม่ทำลายเนื้อเยื่อร่างกายของเราเอง
ด้วยการรักษามาตรฐานปัจจุบัน แม้ว่าอาจคุมอาการได้ไม่เต็มที่จนหายขาด แต่ก็ช่วยให้อาการเบาลงและชะลอการเสื่อมของข้อกระดูกได้มาก การรักษามี 2 ส่วน
การรักษาช่วงกำเริบ
คือการลดการอักเสบที่เกิดขึ้นให้เร็วที่สุด เพื่อลดอาการปวด และการทำลายเนื้อเยื่อลง เมื่ออาการดีขึ้นแล้ว ก็สามารถหยุดยาได้
ยาที่นิยมคือ ยากลุ่ม NSAIDs เช่น แอสไพริน (Aspirin) ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) หรือ Steroid
การรักษาระยะยาว
มีเป้าหมายเพื่อชะลอการดำเนินโรคให้ช้าลง เพื่อลดความรุนแรง และการเกิดข้อเสื่อมให้น้อยที่สุด
จึงเป็นยาที่ต้องใช้ตลอดไป แม้ว่าจะไม่มีอาการอยู่
ยาที่นิยมที่สุดคือ Methotrexate
โดยส่วนมากแล้วไม่ทำให้มีผลข้างเคียง หากเกิดขึ้นมักจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ซึ่งจะดีขึ้นได้เองในไม่กี่วัน
แต่หากมีอาการเหนื่อย หรือรู้สึกไม่ปลอดภัย ควรหยุดยาทันทีแล้วเข้าปรึกษาแพทย์
หญิงตั้งครรภ์ห้ามใช้ยานี้ เนื่องจากทำให้เกิดทารกพิการได้
คำแนะนำ
ทานยาตามกำหนด
เป็นสิ่งสำคัญที่สุด เนื่องจากระดับยาที่พอดี ช่วยชะลอการดำเนินโรคได้ การทานยาอย่างสม่ำเสมอ ไม่ลืมหรือขาดยา จะช่วยลดอาการทั้งหมด และโอกาสเกิดข้อเสื่อมในอนาคตได้อย่างดี
พักผ่อนให้เพียงพอ
เนื่องจากตัวโรคเกิดจากระบบภูมิคุ้มกัน การพักผ่อนที่ดี ช่วยให้ภูมิคุ้มกันสงบลง และระบบฮอร์โมนทำงานดีขึ้น
ออกกำลังกาย
การออกกำลังกายช่วยให้ข้อที่อักเสบ มีความแข็งแรง เลือดไหลเวียนดีขึ้น ชะลอการเสื่อมในระยะยาวได้
พอดีกำลังทำเว็บให้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับโรคที่พบได้บ่อยครับ มีอะไรเสนอแนะได้ครับ
www.qinic.com
email : boom.qinic@gmail.com