บ้านผมทำธุรกิจเล็กๆ ครับ (พ่อกับแม่เป็นเจ้าของธุรกิจ)
ก็มีรายได้พอเลี้ยงครอบครัวได้แต่ก็ไม่ได้มีถึงกับทำให้สามารถใช้ชีวิตแบบฟุ่มเฟือย หรูหรา
ทุกคนในบ้านใช้ชีวิตแบบธรรมดาๆ ครับ
พี่ผมคนนึงอายุ 40+ (ญ) สันนิษฐานว่าเป็นไบโพล่าห์
ไม่เคยทำงานเลย ดังนั้นการลงทุนจึงขอเงินที่บ้านลงทุน ลงทุนทุกครั้ง เจ๊งทุกรอบครับ (เจ๊ง 100%)
เท่าที่วิเคราะห์คือ เค้าไม่รู้จักต้นทุน, กำไร, ขาดทุนครับ, สุดโต่ง, หัวแข็ง, ความคิดเค้าถูกถ้าไม่เห็นด้วยคนอื่นผิดหมด, บริหารเวลา บริหารการจัดการตัวเอง และเรื่องหลายๆ อย่างไม่ได้เลย
ประวัติโดยย่อแบบสุดๆ นะครับ (ยาวไปกลัวไม่อ่านกันครับ)
- จบ ป.ตรี ม.รัฐชื่อดัง ในคณะที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ
- ไปทำงานประจำได้ 1 เดือน พอเห็นเพื่อนไม่ทำงานประจำแล้วทำธุรกิจเองได้ดี เลยอยากเอาแบบเพื่อนบ้าง ลาออกมา บอกจะทำธุรกิจเอง โดยให้เหตุผลว่า จะไปเป็นลูกจ้างเค้าทำไม ทำมากก็ได้แค่เงินเดือน ดังนั้นไปเป็นนายตัวเองดีกว่า ทำมากได้มาก
- ไปเรียนวิชาชีพด้านผลิตภัณฑ์เฉพาะทาง 2 ปี ที่ศูนย์อบรมชื่อดังที่ต่างจังหวัด
- เรียนจบกลับมาขอที่บ้านลงทุน ไปออกงานแฟร์ ทุกแฟร์ หลายปี ก็เจ๊งทุกรอบ (ไม่มีออร์เดอร์)
- ธุรกิจแรกเจ๊ง เลยเปลี่ยนไปทำธุรกิจตัวอื่น สุดท้ายก็เจ๊ง เหมือนเดิม โดนเค้าโกงด้วย
- ที่บ้านโน้มน้าวไล่ไปเรียน ป.โท ใช้เวลาไป 5 ปีเรียนจบ แต่เหลือภาษาอังกฤษเลยไม่จบ วิธีแก้คือ สอบเข้าไปใหม่แล้วโอนหน่วยกิตทุกตัว แล้วไปสอบอังกฤษให้ผ่าน
- ไปเรียนภาษาอังกฤษติวตัวต่อตัวกับฝรั่ง (แพง) พร้อมกับไปลงเรียนทำอาหารที่ โรงแรมชื่อดัง 2 สถาบัน (แพง)
- ไม่ไปเรียนติวภาษาอังกฤษโดยอ้างว่า ไม่มีเวลา เพราะต้องไปเรียนทำอาหาร
- เรียนทำอาหารจบ บอกจะเปิดร้านอาหาร แต่ที่บ้านไม่อนุมัติ ไล่ให้ไปทำงานประจำ ส่วนเค้าก็ประชด(มั๊ง) ด้วยการไม่ไปสอบภาษาอังกฤษ ดังนั้นจึงไม่ได้วุฒิ ป.โท เค้าให้เหตุผลว่า ป.โทก็แค่กระดาษ 1 ใบ
- ไปสมัครเป็นผู้ช่วยเชฟ (กว่าจะรับเข้าทำงานซักที่นึงหลายเดือน)
- ทำงานที่แรกได้ 1 สัปดาห์ในตำแหน่งผู้ช่วยเชฟ พอโดนใช้ทำงานล้างจาน ทนไม่ไหวลาออก
- ทำงานที่ 2 ได้ 2 สัปดาห์ในตำแหน่งผู้ช่วยเชฟ บอกว่างานเยอะ งานที่ทำต้องยืนเกือบตลอดทั้งวัน ทนไม่ไหวลาออก
- ลงทุนทำน้ำผลไม้ขาย ก็เจ๊ง (นั่งแทกซี่ไปซื้อวัตถุดิบหลายที่ กลับมาต้มเตาแก๊สที่บ้าน) ขายขวดละ 15 บาท จำนวน 50 ขวดต่อวัน ยังขายไม่หมดเลย (ทั้งที่ที่บ้านเตือนแล้วว่าเจ๊งแน่นอน)
- ปัจจุบันไปเรียนตัดเย็บ
ช่วงนี้ที่บ้านเริ่มลดรวมไปถึงงดค่าใช้จ่ายที่ไม่สมเหตุสมผลของพี่ผมแล้วครับ
ล่าสุดจะให้ที่บ้านซื้อที่ดิน ตจว. ที่ประกาศขาย เพื่อทำสวนผลไม้ครับ พูดซ้ำไปซ้ำมา ซึ่งที่บ้านปฎิเสธแน่นอนครับ (เงินก้อนใหญ่มากจะเอามาจากไหน) ซึ่งทุกวันนี้ยังพูดอยู่เรื่อยๆ ครับ
ลงทุนแต่ละอย่างที่ผ่านมา ก็ขอเงินที่บ้านซื้ออุปกรณ์ วัตถุดิบที่เกี่ยวข้องมาเยอะครับ พอเจ๊ง แล้วก็ไม่ขายทิ้งครับ กองอยู่เป็นภูเขา โดยให้เหตุผลว่าซักวันนึงจะทำให้สำเร็จ
อุปกรณ์บางอย่างก็เสื่อมเป็นซากแล้วครับ แล้วก็ไม่ยอมขาย ไม่ยอมทิ้ง
ถ้าขัดใจก็เหวี่ยง แล้วก็เถียงแบบเหตุผลทุบดิน ประมาณว่าฉันถูก คนไม่เห็นด้วยผิด
การถกเถียงกัน เค้าจะต้องเป็นคนจบประโยคเท่านั้น โดยเค้าจะจบประโยคด้วยการพูดต่อไป 1-10 ประโยค ดังนั้นคู่สนทนาต้องหยุดพูดไม่งั้นเค้าก็จะต่ออีก (ทุกคนที่บ้านรู้ดีว่าปล่อยเค้าพูดไป)
เหตุผลแปลกๆ หรือ พฤติกรรมแปลกๆ ที่ทุกคนในบ้านลงความเห็นว่าแปลก
- อยากสร้างบ้านให้มีที่จอดเรือชั้น 2 เผื่อน้ำท่วม
- ชั้น 2 ปลูกพืชสวนครัวเผื่อไว้กินตอนน้ำท่วม
- บ่นบ่อยๆ ว่าไม่มีที่ทำงาน ไม่มีที่วางของ ทั้งๆ ที่ตัวเองใช้พื้นที่คนเดียว 60% ของบ้าน ส่วนอีก 40% คือของคน 4 คนรวมกัน (คนบ่นน่าจะเป็นผมนะ)
- อยากให้ที่บ้านซื้อคอนโดฯ (ราคาอย่างต่ำก็ 2 ล้าน) พอที่บ้านถามไปถามมา เค้าบอกว่าจะได้เอาไว้เก็บของ (ของที่ไม่เคยได้ใช้ วางจนฝุ่นเกาะ)
มีอีกเยอะครับ เดี๋ยวนึกออกจะมาพิมพ์เพิ่ม ฯลฯ
ทุกวันนี้ที่บ้าน เห็นรายการที่เกี่ยวกับ สู้แล้วรวย ต้องเปลี่ยนช่องหนีเลยครับ
รวมไปถึงเพลงปลุกใจ หรือรายการที่เชิญวง หรือบุคคล ประมาณ bodyslam มาออกด้วย พวก ความฝัน จวามเชื่อ ชีวิตต้องสู้ อะไรทำนองนั้น
ปัญหา คือ
1. อีกหน่อยเค้าจะใช้ชีวิตอย่างไร เอาเงินที่ไหนใช้
2. บ้านผม 5 คน ของส่วนตัวอีก 4 คน รวมกัน (40%) ยังน้อยกว่าคนๆ เดียว (60%) เยอะเลยครับ
3. คล้ายๆ ข้อ 2 ครับ คือนอกจากของในบ้านจะรกแล้ว เจ้าตัวยังชอบปลูกต้นไม้ แต่ปลูกแบบไม่ดูแลนะครับ ออกแนวรก
4. สิ่งที่เค้าเคยเรียน เคยลงทุนมา เค้าจะทำทุกอย่างเลยครับ (จะเป็นไปได้ยังไงครับ ทำทุกอย่างพร้อมกัน) ดังนั้น หนังสือ อุปกรณ์ วัตถุดิบทุกอย่างต้องเก็บไว้
5. การที่ทุกคนเตือน หรือไม่เห็นด้วยกับเค้า เค้าจะเหวี่ยงทุกคน โดยการพูดกับทุกคนว่า ทุกคนดูถูกเค้า แล้วเค้ามีเหตุผลครอบจักรวาลว่า ถ้าไม่ลองทำจะรู้ได้ไงว่าเจ๊ง แล้วพอที่บ้านไม่ให้เงินลงทุนก็จะบอกว่า งก ไม่สนับสนุนลูก ฯลฯ
ทำไงดีครับ น่าจะเป็นไบโพล่าห์ไหมครับ พาไปหาหมอจิตเวชยังไงดีครับ (เค้าไม่ยอมรับแน่ๆ ว่าเค้าเป็น)
ปล... จริงๆ รายละเอียดมันเยอะมากครับ กำลังเรียบเรียงข้อมูลให้ย่อที่สุดอยู่ ครับ
[กลุ้มครับ] คนเป็นไบโพล่าห์ ดิสออร์เดอร์ ทำธุรกิจ เจ๊งแล้วเจ๊งอีก [ปรึกษาครับ]
ก็มีรายได้พอเลี้ยงครอบครัวได้แต่ก็ไม่ได้มีถึงกับทำให้สามารถใช้ชีวิตแบบฟุ่มเฟือย หรูหรา
ทุกคนในบ้านใช้ชีวิตแบบธรรมดาๆ ครับ
พี่ผมคนนึงอายุ 40+ (ญ) สันนิษฐานว่าเป็นไบโพล่าห์
ไม่เคยทำงานเลย ดังนั้นการลงทุนจึงขอเงินที่บ้านลงทุน ลงทุนทุกครั้ง เจ๊งทุกรอบครับ (เจ๊ง 100%)
เท่าที่วิเคราะห์คือ เค้าไม่รู้จักต้นทุน, กำไร, ขาดทุนครับ, สุดโต่ง, หัวแข็ง, ความคิดเค้าถูกถ้าไม่เห็นด้วยคนอื่นผิดหมด, บริหารเวลา บริหารการจัดการตัวเอง และเรื่องหลายๆ อย่างไม่ได้เลย
ประวัติโดยย่อแบบสุดๆ นะครับ (ยาวไปกลัวไม่อ่านกันครับ)
- จบ ป.ตรี ม.รัฐชื่อดัง ในคณะที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ
- ไปทำงานประจำได้ 1 เดือน พอเห็นเพื่อนไม่ทำงานประจำแล้วทำธุรกิจเองได้ดี เลยอยากเอาแบบเพื่อนบ้าง ลาออกมา บอกจะทำธุรกิจเอง โดยให้เหตุผลว่า จะไปเป็นลูกจ้างเค้าทำไม ทำมากก็ได้แค่เงินเดือน ดังนั้นไปเป็นนายตัวเองดีกว่า ทำมากได้มาก
- ไปเรียนวิชาชีพด้านผลิตภัณฑ์เฉพาะทาง 2 ปี ที่ศูนย์อบรมชื่อดังที่ต่างจังหวัด
- เรียนจบกลับมาขอที่บ้านลงทุน ไปออกงานแฟร์ ทุกแฟร์ หลายปี ก็เจ๊งทุกรอบ (ไม่มีออร์เดอร์)
- ธุรกิจแรกเจ๊ง เลยเปลี่ยนไปทำธุรกิจตัวอื่น สุดท้ายก็เจ๊ง เหมือนเดิม โดนเค้าโกงด้วย
- ที่บ้านโน้มน้าวไล่ไปเรียน ป.โท ใช้เวลาไป 5 ปีเรียนจบ แต่เหลือภาษาอังกฤษเลยไม่จบ วิธีแก้คือ สอบเข้าไปใหม่แล้วโอนหน่วยกิตทุกตัว แล้วไปสอบอังกฤษให้ผ่าน
- ไปเรียนภาษาอังกฤษติวตัวต่อตัวกับฝรั่ง (แพง) พร้อมกับไปลงเรียนทำอาหารที่ โรงแรมชื่อดัง 2 สถาบัน (แพง)
- ไม่ไปเรียนติวภาษาอังกฤษโดยอ้างว่า ไม่มีเวลา เพราะต้องไปเรียนทำอาหาร
- เรียนทำอาหารจบ บอกจะเปิดร้านอาหาร แต่ที่บ้านไม่อนุมัติ ไล่ให้ไปทำงานประจำ ส่วนเค้าก็ประชด(มั๊ง) ด้วยการไม่ไปสอบภาษาอังกฤษ ดังนั้นจึงไม่ได้วุฒิ ป.โท เค้าให้เหตุผลว่า ป.โทก็แค่กระดาษ 1 ใบ
- ไปสมัครเป็นผู้ช่วยเชฟ (กว่าจะรับเข้าทำงานซักที่นึงหลายเดือน)
- ทำงานที่แรกได้ 1 สัปดาห์ในตำแหน่งผู้ช่วยเชฟ พอโดนใช้ทำงานล้างจาน ทนไม่ไหวลาออก
- ทำงานที่ 2 ได้ 2 สัปดาห์ในตำแหน่งผู้ช่วยเชฟ บอกว่างานเยอะ งานที่ทำต้องยืนเกือบตลอดทั้งวัน ทนไม่ไหวลาออก
- ลงทุนทำน้ำผลไม้ขาย ก็เจ๊ง (นั่งแทกซี่ไปซื้อวัตถุดิบหลายที่ กลับมาต้มเตาแก๊สที่บ้าน) ขายขวดละ 15 บาท จำนวน 50 ขวดต่อวัน ยังขายไม่หมดเลย (ทั้งที่ที่บ้านเตือนแล้วว่าเจ๊งแน่นอน)
- ปัจจุบันไปเรียนตัดเย็บ
ช่วงนี้ที่บ้านเริ่มลดรวมไปถึงงดค่าใช้จ่ายที่ไม่สมเหตุสมผลของพี่ผมแล้วครับ
ล่าสุดจะให้ที่บ้านซื้อที่ดิน ตจว. ที่ประกาศขาย เพื่อทำสวนผลไม้ครับ พูดซ้ำไปซ้ำมา ซึ่งที่บ้านปฎิเสธแน่นอนครับ (เงินก้อนใหญ่มากจะเอามาจากไหน) ซึ่งทุกวันนี้ยังพูดอยู่เรื่อยๆ ครับ
ลงทุนแต่ละอย่างที่ผ่านมา ก็ขอเงินที่บ้านซื้ออุปกรณ์ วัตถุดิบที่เกี่ยวข้องมาเยอะครับ พอเจ๊ง แล้วก็ไม่ขายทิ้งครับ กองอยู่เป็นภูเขา โดยให้เหตุผลว่าซักวันนึงจะทำให้สำเร็จ
อุปกรณ์บางอย่างก็เสื่อมเป็นซากแล้วครับ แล้วก็ไม่ยอมขาย ไม่ยอมทิ้ง
ถ้าขัดใจก็เหวี่ยง แล้วก็เถียงแบบเหตุผลทุบดิน ประมาณว่าฉันถูก คนไม่เห็นด้วยผิด
การถกเถียงกัน เค้าจะต้องเป็นคนจบประโยคเท่านั้น โดยเค้าจะจบประโยคด้วยการพูดต่อไป 1-10 ประโยค ดังนั้นคู่สนทนาต้องหยุดพูดไม่งั้นเค้าก็จะต่ออีก (ทุกคนที่บ้านรู้ดีว่าปล่อยเค้าพูดไป)
เหตุผลแปลกๆ หรือ พฤติกรรมแปลกๆ ที่ทุกคนในบ้านลงความเห็นว่าแปลก
- อยากสร้างบ้านให้มีที่จอดเรือชั้น 2 เผื่อน้ำท่วม
- ชั้น 2 ปลูกพืชสวนครัวเผื่อไว้กินตอนน้ำท่วม
- บ่นบ่อยๆ ว่าไม่มีที่ทำงาน ไม่มีที่วางของ ทั้งๆ ที่ตัวเองใช้พื้นที่คนเดียว 60% ของบ้าน ส่วนอีก 40% คือของคน 4 คนรวมกัน (คนบ่นน่าจะเป็นผมนะ)
- อยากให้ที่บ้านซื้อคอนโดฯ (ราคาอย่างต่ำก็ 2 ล้าน) พอที่บ้านถามไปถามมา เค้าบอกว่าจะได้เอาไว้เก็บของ (ของที่ไม่เคยได้ใช้ วางจนฝุ่นเกาะ)
มีอีกเยอะครับ เดี๋ยวนึกออกจะมาพิมพ์เพิ่ม ฯลฯ
ทุกวันนี้ที่บ้าน เห็นรายการที่เกี่ยวกับ สู้แล้วรวย ต้องเปลี่ยนช่องหนีเลยครับ
รวมไปถึงเพลงปลุกใจ หรือรายการที่เชิญวง หรือบุคคล ประมาณ bodyslam มาออกด้วย พวก ความฝัน จวามเชื่อ ชีวิตต้องสู้ อะไรทำนองนั้น
ปัญหา คือ
1. อีกหน่อยเค้าจะใช้ชีวิตอย่างไร เอาเงินที่ไหนใช้
2. บ้านผม 5 คน ของส่วนตัวอีก 4 คน รวมกัน (40%) ยังน้อยกว่าคนๆ เดียว (60%) เยอะเลยครับ
3. คล้ายๆ ข้อ 2 ครับ คือนอกจากของในบ้านจะรกแล้ว เจ้าตัวยังชอบปลูกต้นไม้ แต่ปลูกแบบไม่ดูแลนะครับ ออกแนวรก
4. สิ่งที่เค้าเคยเรียน เคยลงทุนมา เค้าจะทำทุกอย่างเลยครับ (จะเป็นไปได้ยังไงครับ ทำทุกอย่างพร้อมกัน) ดังนั้น หนังสือ อุปกรณ์ วัตถุดิบทุกอย่างต้องเก็บไว้
5. การที่ทุกคนเตือน หรือไม่เห็นด้วยกับเค้า เค้าจะเหวี่ยงทุกคน โดยการพูดกับทุกคนว่า ทุกคนดูถูกเค้า แล้วเค้ามีเหตุผลครอบจักรวาลว่า ถ้าไม่ลองทำจะรู้ได้ไงว่าเจ๊ง แล้วพอที่บ้านไม่ให้เงินลงทุนก็จะบอกว่า งก ไม่สนับสนุนลูก ฯลฯ
ทำไงดีครับ น่าจะเป็นไบโพล่าห์ไหมครับ พาไปหาหมอจิตเวชยังไงดีครับ (เค้าไม่ยอมรับแน่ๆ ว่าเค้าเป็น)
ปล... จริงๆ รายละเอียดมันเยอะมากครับ กำลังเรียบเรียงข้อมูลให้ย่อที่สุดอยู่ ครับ