ขอเพิ่มรายละเอียดครับ ค่อนข้างยาวนิดนึงครับ (นี่ย่อสุด ๆ แล้วครับ)
ที่บ้านมีคนอายุ 40+ มีเหตุผลประหลาด ๆ ว่าจะไม่ทำงาน (ที่บ้านลงความเห็นว่าประหลาด)
เรียนจบจาก ป.ตรี มหาลัยรัฐชื่อดัง บอกที่บ้านว่าจะเป็นลูกจ้างทำไม ทำไงก็ไม่รวย พอทำงานประจำได้ครึ่งเดือนก็ลาออก
ไปเรียนเซรามิกที่ต่างจังหวัด 2 ปี (ค่าที่พัก ค่ากินอยู่)
เรียนจบกลับมา ขอเงินที่บ้านลงทุน เช่น ค่าเตาอบ ค่าเครื่องจักรต่าง ๆ
เดินทางไปซื้อดินทำเซรามิกที่ต่างจังหวัดโดยให้พ่อขับรถให้ (วัตถุดิบทุกอย่าง พ่อขับรถไปรับ ส่ง ให้ ค่าน้ำมันพ่อออก)
ขอเงินที่บ้านไปออกบู๊ธงานแฟร์ต่าง ๆ
การไปออกงานแฟร์แต่ละครั้งไม่มีใครสั่งสินค้า และพอจบงานแฟร์ก็จะอ้างต่าง ๆ นานา แล้วก็ขอเงินที่บ้านซื้อเครื่องจักร หรืออุปกรณ์
ผ่านไปหลายแฟร์ หลายปีครับ ก็มีเหตุผลประหลาดมาให้ที่บ้าน
เช่น ต้องมีเตาที่ใหญ่กว่านี้ ต้องมีคนงาน ต้องมีเครื่องจักรที่พร้อม << รายจ่ายทั้งนั้นเลย
สุดท้าย ที่บ้านเบรคเลยครับ เพราะว่า ฟุ้งไปกันใหญ่แล้ว แค่นี้ก็เสียไปหลายบาทแล้ว ถ้าซื้ออีกตามเค้าว่าคงเป็นล้าน
ของที่ซื้อมาก็กองไว้อย่างนั้นครับไม่ยอมขายทิ้ง
จากนั้นก็หันไปทำของส่งพวกสปาครับ เช่น สบู่ธรรมชาติ ฯลฯ ซื้อของมาสต๊อคไว้เยอะมาก
แล้วก็เหมือนเดิมครับ เจ๊ง เพราะไม่มีรายรับ
ของที่ซื้อมาก็กองไว้อย่างนั้นครับไม่ยอมขายทิ้ง
ต่อมาจะทำของขายอีก แต่ที่บ้านเบรคครับ ไม่ให้เงินแล้ว
พอไม่ให้ก็ ประท้วง ประชดครับ เกรี้ยวกราด แลดูฟุ้งซ่านครับ
ที่บ้าน รวมถึง ญาติ ก็เลยหาทางออกไม่ให้เค้าฟุ้งซ่าน ด้วยการพูดโน้มน้าว ให้ไปเรียน ป.โท มหาลัยชื่อดัง สอบติด (เพราะเค้าเก่งครับ อันนี้ยอมรับ)
เรียนผ่านไป 5 ปี ทำทีสีสเสร็จ เป็นเล่มทีสีสออกมารายเซ็นต์อาจารย์ครบ แต่ติดภาษาอังกฤษ ก็เลยไม่จบ
ก็เลยสอบ โท เข้าไปใหม่ โอนหน่วยกิตแล้วลงรักษาสภาพนักศึกษา แล้วสอบภาษาอังกฤษให้ผ่าน
ระหว่างนี้ขอเงินที่บ้านไปเรียนภาษาอังกฤษ ติวตัวต่อตัว(มั๊ง) ผ่านไป 3 ปีก็ไม่ผ่านภาษาอังกฤษ จนอยู่ดี ๆ ก็บอกที่บ้านว่า ไม่เอาแล้วเรียนไปทำไม โท แค่กระดาษใบเดียว <<< ทุกคนอึ้งครับ
ย้อนไประหว่างที่เรียนติวภาษาอังกฤษ ก็ขอที่บ้านไปเรียนทำอาหารที่โรงแรมชื่อดัง (พูดง่าย ๆ คือ เรียนอังกฤษด้วยเรียนทำอาหารด้วย)
สุดท้ายก็อ้างว่า มีแค่ 2 มือ 2 ขา จะให้ทำพร้อมกันได้ยังไง (ผู้อ่านกระทู้ งงไม๊ครับ)
พอไม่เอา โท แล้วก็มุ่งหน้าตั้งเป้าไปเรียนทำอาหารที่สถาบันชื่อดัง
ระหว่างที่เรียนทำอาหาร ก็จะชอบไปซื้อของมาตุนไว้ในตู้เย็น แช่ดองไว้อย่างนั้น ใครจะทิ้งก็โวยวาย (คือต้องรอเน่าก่อนถึงจะทิ้งได้ครับ) ส่งผลให้ตู้เย็นเต็ม (ที่บ้านตู้ใหญ่เท่าตู้เสื้อผ้าครับ)
แล้วก็เริ่มสนใจปลูกต้นไม้ (เริ่มเล็กน้อย) ปลูกแต่ไม่ดูแลเท่าไหร่ครับ แล้วต้นไม้มันก็เริ่มรก
ระหว่างนี้ก็ ขอที่บ้านขายน้ำผลไม้สุขภาพ ที่บ้านเตือนว่าเจ๊งแน่นอน พร้อมแจงเหตุผลว่าเพราะอะไร แต่ก็มีเหตุผลเดิม ๆ ว่า ยังไม่ลองจะรู้ได้ไงว่าเจ๊ง แล้วเค้าก็ ขอเงินที่บ้าน นั่งแทกซี่ไปซื้อขวดเปล่าที่สำเพ็ง นั่งแทกซี่ไปแมคโครรวมถึงที่อื่น เพื่อซื้อวัตถุดิบ กลับมาอดหลับอดนอนต้มน้ำผลไม้กรอกใส่ขวด ตอนไปขายก็ให้ที่บ้านขับรถแบกลังบรรจุน้ำผลไม้ ไปฝากเค้าขายให้เปอร์เซ็นต์คนขาย 25% ขายไม่หมดก็ไปขนกลับ ...เอาง่าย ๆ คือเจ๊งครับ แค่ค่าแทกซี่ก็ไม่คุ้มแล้ว
แล้วก็ระหว่างนี้ก็สมัครเป็นเชฟทำอาหาร
พอได้งานก็ทำได้ไม่นานก็ลาออก เหตุผลคือ ยืนเมื่อย งานบางอย่างมันงานแนวกรรมกร เช่น ล้างจาน
ล่าสุดจะไปเรียนตัดเสื้อผ้าครับ = ="
นอกจากนี้ยังมีลักษณะประหลาด ๆ อีกครับ เช่น
- ที่บ้านมีโครงการจะสร้างบ้านครับ เค้าก็บอกทุกคนว่าให้เตรียมพื้นที่ทำสวนพืชผักสวนครัว และทำท่าจอดเรือชั้น 2 ด้วย เพราะอีกหน่อยเป็นไปได้ที่น้ำอาจจะท่วม ...พอทุกคนค้าน เค้าก็แย้งว่า "แล้วรู้ได้ไงว่าน้ำไม่ท่วม ขนาดปีก่อนยังท่วมเลย" (แต่ปีนั้นพื้นที่บ้านผมน้ำไม่ทวมนะครับ)
- ใครไม่ช่วยเค้า คือคนนั้นไม่มีน้ำใจ (ทั้ง ๆ ที่ไปขอความช่วยเหลือเค้า)
- บอกที่บ้านว่าจะขอเงินซื้อที่ดินต่างจังหวัดเพื่อทำสวนผลไม้ (ที่บ้านเบรคเลยครับ เพราะ คงหมดหลายล้าน จะเอาเงินจากไหน และเจ๊งแน่นอน ไหนจะคนงาน ไหนจะเครื่องจักร ค่ารถ ค่าน้ำมัน ... ขนาดลงทุนเล็ก ๆ เตือนแล้วว่าเจ๊ง ยังเจ๊งเลยครับ)
- อ้างที่บ้านว่า ไม่มีที่สถานที่ทำงาน หรือสถานที่เพื่อคิดงาน ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ มีเยอะครับ แต่เป็นเพราะของของเค้าเองคนเดียว วางเต็มบ้านเลยครับ (ของเค้าเองคนเดียว ใช้พื้นที่ 60-70% ) ที่บ้านบอกให้ทิ้งหรือบริจาค ก็อ้างว่ามันยังใช้ได้อยู่ (แต่ไม่เคยใช้) มันก็เลยกองอยู่อย่างนั้นแหละครับ
ของที่เค้าเคยขอที่บ้านซื้อมา ก็ไม่เคยทิ้งครับ ถ้าใครจะเอาไปทิ้ง หรือบริจาค ก็โวยวาย แล้วเค้าก็อ้างว่า ของมันใช้ได้อยู่ ทำให้บ้านรกมาก ของบางอย่างอุปกรณ์เครื่องจักรพังจนใช้งานไม่ได้แล้ว (แทนที่จะขายทิ้งไปเอาเงินกลับมา)
- ถ้ามีการสนทนาถกเถียงกัน เค้าจะต้องเป็นคนจบประโยคครับ (พูดประโยคสุดท้ายของการสนทนา) งงไหมครับ คือเอาง่าย ๆ คือ ถ้าพูดสวนไป เค้าจะสวนกลับมาประโยคยาว ๆ ไม่จบ
- ขอที่บ้านซื้อคอนโด ตอนแรกที่บ้านเข้าใจว่าจะไปอยู่เอง ที่ไหนได้เค้าบอกว่า จะเอาของที่รก ๆ ในบ้านไปเก็บ (เก็บของที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์)
- ที่เล่าไปด้านบน นี่คือ อดหลับอดนอน บ้าพลังทำงานจนเสร็จได้นะครับ
- ถ้าโดนปฎิเสธจากที่บ้านเรื่องลงทุน หรือขอเงินไปเรียน หรือขอเงินซื้อของ ก็จะอ้างว่า ที่บ้านทำไมไม่สนับสนุน แล้วก็ประชดประชันประมาณว่า ถ้าไม่สนับสนุนอีกหน่อยอดตายแน่นอน
ที่เล่ามานี่คือเหตุการณ์ย่อ ๆ จาก 20 ปีที่ผ่านมาครับ
คือ มองเผิน ๆ ก็ดูปกติดีครับ แต่ที่บ้านกลุ้มใจครับ เพราะ 40+ แล้วยังรับผิดชอบตัวเองไม่ได้เลย พ่อแม่ก็แก่แล้วครับ อีกหน่อยจะอยู่อย่างไร
รบกวนแนะนำด้วยครับ
ปล... คุ้น ๆ ว่าเคยตั้งกระทู้ไปแล้ว แต่ผมหากระทู้ตัวเองไม่เจอ หรือว่าไม่เคยตั้ง (ไม่แน่ใจ)
ขอบคุณครับ
อายุ 40+ ไม่ทำงาน แบบนี้เป็นไบโพลาร์ ใช่ไหมครับ
ที่บ้านมีคนอายุ 40+ มีเหตุผลประหลาด ๆ ว่าจะไม่ทำงาน (ที่บ้านลงความเห็นว่าประหลาด)
เรียนจบจาก ป.ตรี มหาลัยรัฐชื่อดัง บอกที่บ้านว่าจะเป็นลูกจ้างทำไม ทำไงก็ไม่รวย พอทำงานประจำได้ครึ่งเดือนก็ลาออก
ไปเรียนเซรามิกที่ต่างจังหวัด 2 ปี (ค่าที่พัก ค่ากินอยู่)
เรียนจบกลับมา ขอเงินที่บ้านลงทุน เช่น ค่าเตาอบ ค่าเครื่องจักรต่าง ๆ
เดินทางไปซื้อดินทำเซรามิกที่ต่างจังหวัดโดยให้พ่อขับรถให้ (วัตถุดิบทุกอย่าง พ่อขับรถไปรับ ส่ง ให้ ค่าน้ำมันพ่อออก)
ขอเงินที่บ้านไปออกบู๊ธงานแฟร์ต่าง ๆ
การไปออกงานแฟร์แต่ละครั้งไม่มีใครสั่งสินค้า และพอจบงานแฟร์ก็จะอ้างต่าง ๆ นานา แล้วก็ขอเงินที่บ้านซื้อเครื่องจักร หรืออุปกรณ์
ผ่านไปหลายแฟร์ หลายปีครับ ก็มีเหตุผลประหลาดมาให้ที่บ้าน
เช่น ต้องมีเตาที่ใหญ่กว่านี้ ต้องมีคนงาน ต้องมีเครื่องจักรที่พร้อม << รายจ่ายทั้งนั้นเลย
สุดท้าย ที่บ้านเบรคเลยครับ เพราะว่า ฟุ้งไปกันใหญ่แล้ว แค่นี้ก็เสียไปหลายบาทแล้ว ถ้าซื้ออีกตามเค้าว่าคงเป็นล้าน
ของที่ซื้อมาก็กองไว้อย่างนั้นครับไม่ยอมขายทิ้ง
จากนั้นก็หันไปทำของส่งพวกสปาครับ เช่น สบู่ธรรมชาติ ฯลฯ ซื้อของมาสต๊อคไว้เยอะมาก
แล้วก็เหมือนเดิมครับ เจ๊ง เพราะไม่มีรายรับ
ของที่ซื้อมาก็กองไว้อย่างนั้นครับไม่ยอมขายทิ้ง
ต่อมาจะทำของขายอีก แต่ที่บ้านเบรคครับ ไม่ให้เงินแล้ว
พอไม่ให้ก็ ประท้วง ประชดครับ เกรี้ยวกราด แลดูฟุ้งซ่านครับ
ที่บ้าน รวมถึง ญาติ ก็เลยหาทางออกไม่ให้เค้าฟุ้งซ่าน ด้วยการพูดโน้มน้าว ให้ไปเรียน ป.โท มหาลัยชื่อดัง สอบติด (เพราะเค้าเก่งครับ อันนี้ยอมรับ)
เรียนผ่านไป 5 ปี ทำทีสีสเสร็จ เป็นเล่มทีสีสออกมารายเซ็นต์อาจารย์ครบ แต่ติดภาษาอังกฤษ ก็เลยไม่จบ
ก็เลยสอบ โท เข้าไปใหม่ โอนหน่วยกิตแล้วลงรักษาสภาพนักศึกษา แล้วสอบภาษาอังกฤษให้ผ่าน
ระหว่างนี้ขอเงินที่บ้านไปเรียนภาษาอังกฤษ ติวตัวต่อตัว(มั๊ง) ผ่านไป 3 ปีก็ไม่ผ่านภาษาอังกฤษ จนอยู่ดี ๆ ก็บอกที่บ้านว่า ไม่เอาแล้วเรียนไปทำไม โท แค่กระดาษใบเดียว <<< ทุกคนอึ้งครับ
ย้อนไประหว่างที่เรียนติวภาษาอังกฤษ ก็ขอที่บ้านไปเรียนทำอาหารที่โรงแรมชื่อดัง (พูดง่าย ๆ คือ เรียนอังกฤษด้วยเรียนทำอาหารด้วย)
สุดท้ายก็อ้างว่า มีแค่ 2 มือ 2 ขา จะให้ทำพร้อมกันได้ยังไง (ผู้อ่านกระทู้ งงไม๊ครับ)
พอไม่เอา โท แล้วก็มุ่งหน้าตั้งเป้าไปเรียนทำอาหารที่สถาบันชื่อดัง
ระหว่างที่เรียนทำอาหาร ก็จะชอบไปซื้อของมาตุนไว้ในตู้เย็น แช่ดองไว้อย่างนั้น ใครจะทิ้งก็โวยวาย (คือต้องรอเน่าก่อนถึงจะทิ้งได้ครับ) ส่งผลให้ตู้เย็นเต็ม (ที่บ้านตู้ใหญ่เท่าตู้เสื้อผ้าครับ)
แล้วก็เริ่มสนใจปลูกต้นไม้ (เริ่มเล็กน้อย) ปลูกแต่ไม่ดูแลเท่าไหร่ครับ แล้วต้นไม้มันก็เริ่มรก
ระหว่างนี้ก็ ขอที่บ้านขายน้ำผลไม้สุขภาพ ที่บ้านเตือนว่าเจ๊งแน่นอน พร้อมแจงเหตุผลว่าเพราะอะไร แต่ก็มีเหตุผลเดิม ๆ ว่า ยังไม่ลองจะรู้ได้ไงว่าเจ๊ง แล้วเค้าก็ ขอเงินที่บ้าน นั่งแทกซี่ไปซื้อขวดเปล่าที่สำเพ็ง นั่งแทกซี่ไปแมคโครรวมถึงที่อื่น เพื่อซื้อวัตถุดิบ กลับมาอดหลับอดนอนต้มน้ำผลไม้กรอกใส่ขวด ตอนไปขายก็ให้ที่บ้านขับรถแบกลังบรรจุน้ำผลไม้ ไปฝากเค้าขายให้เปอร์เซ็นต์คนขาย 25% ขายไม่หมดก็ไปขนกลับ ...เอาง่าย ๆ คือเจ๊งครับ แค่ค่าแทกซี่ก็ไม่คุ้มแล้ว
แล้วก็ระหว่างนี้ก็สมัครเป็นเชฟทำอาหาร
พอได้งานก็ทำได้ไม่นานก็ลาออก เหตุผลคือ ยืนเมื่อย งานบางอย่างมันงานแนวกรรมกร เช่น ล้างจาน
ล่าสุดจะไปเรียนตัดเสื้อผ้าครับ = ="
นอกจากนี้ยังมีลักษณะประหลาด ๆ อีกครับ เช่น
- ที่บ้านมีโครงการจะสร้างบ้านครับ เค้าก็บอกทุกคนว่าให้เตรียมพื้นที่ทำสวนพืชผักสวนครัว และทำท่าจอดเรือชั้น 2 ด้วย เพราะอีกหน่อยเป็นไปได้ที่น้ำอาจจะท่วม ...พอทุกคนค้าน เค้าก็แย้งว่า "แล้วรู้ได้ไงว่าน้ำไม่ท่วม ขนาดปีก่อนยังท่วมเลย" (แต่ปีนั้นพื้นที่บ้านผมน้ำไม่ทวมนะครับ)
- ใครไม่ช่วยเค้า คือคนนั้นไม่มีน้ำใจ (ทั้ง ๆ ที่ไปขอความช่วยเหลือเค้า)
- บอกที่บ้านว่าจะขอเงินซื้อที่ดินต่างจังหวัดเพื่อทำสวนผลไม้ (ที่บ้านเบรคเลยครับ เพราะ คงหมดหลายล้าน จะเอาเงินจากไหน และเจ๊งแน่นอน ไหนจะคนงาน ไหนจะเครื่องจักร ค่ารถ ค่าน้ำมัน ... ขนาดลงทุนเล็ก ๆ เตือนแล้วว่าเจ๊ง ยังเจ๊งเลยครับ)
- อ้างที่บ้านว่า ไม่มีที่สถานที่ทำงาน หรือสถานที่เพื่อคิดงาน ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ มีเยอะครับ แต่เป็นเพราะของของเค้าเองคนเดียว วางเต็มบ้านเลยครับ (ของเค้าเองคนเดียว ใช้พื้นที่ 60-70% ) ที่บ้านบอกให้ทิ้งหรือบริจาค ก็อ้างว่ามันยังใช้ได้อยู่ (แต่ไม่เคยใช้) มันก็เลยกองอยู่อย่างนั้นแหละครับ
ของที่เค้าเคยขอที่บ้านซื้อมา ก็ไม่เคยทิ้งครับ ถ้าใครจะเอาไปทิ้ง หรือบริจาค ก็โวยวาย แล้วเค้าก็อ้างว่า ของมันใช้ได้อยู่ ทำให้บ้านรกมาก ของบางอย่างอุปกรณ์เครื่องจักรพังจนใช้งานไม่ได้แล้ว (แทนที่จะขายทิ้งไปเอาเงินกลับมา)
- ถ้ามีการสนทนาถกเถียงกัน เค้าจะต้องเป็นคนจบประโยคครับ (พูดประโยคสุดท้ายของการสนทนา) งงไหมครับ คือเอาง่าย ๆ คือ ถ้าพูดสวนไป เค้าจะสวนกลับมาประโยคยาว ๆ ไม่จบ
- ขอที่บ้านซื้อคอนโด ตอนแรกที่บ้านเข้าใจว่าจะไปอยู่เอง ที่ไหนได้เค้าบอกว่า จะเอาของที่รก ๆ ในบ้านไปเก็บ (เก็บของที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์)
- ที่เล่าไปด้านบน นี่คือ อดหลับอดนอน บ้าพลังทำงานจนเสร็จได้นะครับ
- ถ้าโดนปฎิเสธจากที่บ้านเรื่องลงทุน หรือขอเงินไปเรียน หรือขอเงินซื้อของ ก็จะอ้างว่า ที่บ้านทำไมไม่สนับสนุน แล้วก็ประชดประชันประมาณว่า ถ้าไม่สนับสนุนอีกหน่อยอดตายแน่นอน
ที่เล่ามานี่คือเหตุการณ์ย่อ ๆ จาก 20 ปีที่ผ่านมาครับ
คือ มองเผิน ๆ ก็ดูปกติดีครับ แต่ที่บ้านกลุ้มใจครับ เพราะ 40+ แล้วยังรับผิดชอบตัวเองไม่ได้เลย พ่อแม่ก็แก่แล้วครับ อีกหน่อยจะอยู่อย่างไร
รบกวนแนะนำด้วยครับ
ปล... คุ้น ๆ ว่าเคยตั้งกระทู้ไปแล้ว แต่ผมหากระทู้ตัวเองไม่เจอ หรือว่าไม่เคยตั้ง (ไม่แน่ใจ)
ขอบคุณครับ