เซลฟี่ซินโดรม
โรคเซลฟี่ซินโดรม ถือเป็นโรคอุบัติใหม่ที่เกิดขึ้นมาพร้อมกับยุคสมัยที่เทคโนโลยี และโลกอินเตอร์เน็ตเติบโตอย่างสุดๆ แต่ไหนแต่ไรคนที่ชอบถ่ายรูป หรือที่เราเรียกว่าเซลฟี่นั้นมีอยู่มากมายทั่วโลก เพียงแต่ว่าในการเซลฟี่เมื่อครั้งนั้น จะเป็นการถ่ายเก็บไว้ดูเอง หรืออวดเพื่อนๆ ให้มีเรื่องพูดคุยกันเพียงเท่านั้น (เอาโพสลงในโลกอินเตอร์เน็ตเหมือนกัน แต่มีคนเห็นแค่พวกเพื่อนๆที่สนิทกัน)
แต่เมื่อเทคโนโลยี และโลกอินเตอร์เน็ต หรือที่เราเรียกว่า โลกโซเชียลเติบโตอย่างสุดๆ การเซลฟี่จึงไม่ใช่การถ่ายเก็บไว้ดูคนเดียว หรือพูดคุยเฉพาะกลุ่มเพื่อนที่สนิทเท่านั้น หากแต่เป็นการโพสลงในโลกโซเชียลเพื่อให้ได้มาซึ่งยอดไลค์ ยอดวิว ยิ่งได้ไลค์ ได้วิวมาก ก็จะยิ่งรู้สึกดี จนทำให้เกิดเป็นโรคอุบัติใหม่ที่ชื่อว่า โรคเซลฟี่ซินโดรม (รู้สึกว่ามันวกๆ วนๆมั้ย)
โรคนี้เหมือนจะไม่น่ากลัว เพราะมันก็แค่การถ่ายรูปลงโซเชียล แล้วให้คนอื่นๆได้ดู ได้เห็น ได้ชื่นชม ได้มากดไลค์ ได้มาแสดงความคิดเห็นเล็กๆน้อยๆ แต่ใครจะเชื่อล่ะครับว่า นั่นแหละคือ จุดเริ่มต้นของโรคเซลฟี่ซินโดรม
โรคเซลฟี่ซินโดรม มีคนเคยบอกไว้ว่า มันเหมือนยาเสพติดชนิดหนึ่งเลยทีเดียวนะครับ เพราะว่ามันมีการเสพติดยอดไลค์ ยอดวิว และยอดความคิดเห็น พอวันไหนไม่ได้ยอดกดไลค์ หรือได้น้อยลง คนที่เป็นโรคนี้ก็จะรู้สึกหงุดหงิด อารมณ์เสียไปทั้งวันกันเลยทีเดียว
จากเริ่มแรกที่ถ่ายหน้าธรรมดาๆ แอ๊บแบ๊ว หน้าใสๆ ยอดไลค์ได้ระดับหนึ่ง พอวันหนึ่งไปเห็นคนอื่นได้ยอดไลค์มากกว่า ก็เกิดอาการอยากได้บ้าง ก็เริ่มมีมุมที่น่าดู น่าลุ้นมากขึ้น แน่นอนว่ายอดไลค์ก็ต้องเพิ่มตาม (บางคนไม่ต้องไปเห็นคนอื่น แต่เกิดอาการอิ่มตัวกับมุมเดิมๆ ก็เริ่มหามุมใหม่มันเองซะเลย เหมือนติดยา แล้วต้องการยาเพิ่มเพื่อความหลอน) นานวันไปยอดไลค์นิ่ง หรือลดลง เกิดอาการไม่พอใจในตัวเอง คราวนี้เน้นนมกันไปเลย ยอดไลค์พุ่งกระฉูด อารมณ์ดีไปทั้งวันที่ได้ยอดไลค์ตามที่ต้องการ แล้วถ้านานๆไปอีกล่ะ ไม่พอใจอีกล่ะ ก็แล้วแต่จะคิดกันนะครับ
หลายคนอาจจะมองว่า เฮ้ย มันไม่จริงหรอก ใครจะไปบ้าทำแบบนั้น แต่คนที่เป็นโรคเซลฟี่ซินโดรมเนี่ย เค้าเป็นจริงๆนะครับ ยิ่งบางคนหนักเลยครับ ต้องเซลฟี่เพื่อเสพยอดไลค์ทุกๆ 1 ชั่วโมง ไม่งั้นจะกระวนกระวาย ไม่มีกะจิตกะใจทำอะไรทั้งนั้น (บางคนจะเซลฟี่ทุกๆกิจกรรม เพื่อให้ได้ยอดไลค์ ... ดีนะ มันไม่เข้าห้องน้ำไปด้วย เซลขี้ เอ้ย เซลฟี่ไปด้วย)
บางคนเห็นคนอื่นเซลฟี่โชว์เรือนร่างใส่เพียงชุดชั้นใน ยอดไลค์เพียบ ก็เกิดอาการอิจฉา อยากลองทำบ้าง อยากได้ยอดไลค์แบบนั้นบ้าง อะ...ลองดูสักทีก็พอละ (ให้สัญญากับตัวเองว่า..จะถ่ายแบบนี้ครั้งเดียวจริงๆ) แค่นั้นแหละ พลาดแล้ว พอโชว์เรือนร่าง แล้วยอดไลค์ ยอดความคิดเห็นชื่นชมสูงมากๆ พอกลับไปโพสแค่หน้า แค่เนินอก เฮ้ย ยอดไลค์ตก เสียความรู้สึก เลยต้องลุกขึ้นมาถ่ายโชว์เรือนร่าง เพื่อเสพยอดไลค์สูงๆอีกจนได้
เคยมีข่าวว่า สาวบางคนโพสเซลฟี่ แต่ยอดไลค์ไม่ได้ตามคาด จิตตก คิดจะฆ่าตัวตายก็มีนะครับ (ฟังมาจากหมออีกที ไม่รู้ว่าจริงรึเปล่า)
ดูเหมือนว่ามันก็ไม่ได้มีอะไรร้ายแรงเลยใช่รึเปล่าล่ะครับ โรคเซลฟี่ซินโดรมเนี่ย แต่ผมมองว่ามันก็พอจะมีผลกระทบอยู่บ้างนะครับ ที่คิดออกก็ 3 อย่างครับ
อย่างแรกเลยคือ ร่างกายของเราเอง การเปิดเผยเรือนร่าง ไม่ว่าจะเป็นหน้าตา หน้าอก สะโพก เรียวขา ทั้งตัว หรือแม้กระทั่งของสงวน มันย่อมมีผลต่อเราแน่นอนครับ เกิดไปเดินซื้อของที่ไหนสักที่ แล้วมีคนจำเราได้ ว่าเราโชว์อะไรบ้าง (ถ้าโชว์แค่หน้าตา หรือมีแอบเซ็กซี่เล็กๆ แล้วมีคนชื่นชม ชื่นชอบ ก็ถือว่าไม่เลวร้ายอะไร) แล้วมองดูเราด้วยสายตาแบบหื่นกระหาย เราจะรู้สึกยังไง จะปลอดภัยรึเปล่า ยิ่งถ้ามีคนใจกล้าเดินเข้ามาบอกเราว่า "น้องๆ พี่เอารูปที่น้องโชว์ ไปช่วยตัวเองเสร็จไปเป็น 10 รอบแล้ว น้องเด็ดมากๆ ถ่ายบ่อยๆนะ พี่ชอบ" เราจะยังกล้าภูมิใจรึเปล่า (หรือจะมีคนชอบของแปลก เซลฟี่เพื่อเก็บยอดผู้ชายช่วยตัวเอง)
อย่างที่สองก็คือ ครอบครัว และคนรอบข้างของเราครับ พวกเขาจะรู้สึกยังไง ถ้าได้รู้ว่า ลูกสาวของตัวเอง เป็นดาวเด่นในเรื่องโชว์ส่วนต่างๆของร่างกาย ไม่เว้นแม้แต่ของสงวนในโลกโซเชียล อันนี้คงไม่ต้องอธิบายอะไรมากนะครับ เพราะมันก็รู้ๆกันอยู่
อย่างสุดท้ายก็คือ สภาพจิตใจของเราครับ อย่างที่บอกไปนะครับว่า คนที่เป็นโรคนี้ค่อนข้างจะจิตตกทันที เมื่อไม่ได้ยอดต่างๆตามที่คาดการเอาไว้ พอจิตตกอะไรๆในชีวิตมันก็ดูเหมือนจะเลวร้ายไปซะหมด (คนที่เคยจิตตกกับเรื่องต่างๆ ไม่เฉพาะเซลฟี่ จะเข้าใจดีเลย) พอเป็นแบบนั้นแล้ว สุขภาพจิต สุขภาพกายมันก็จะมีผลกระทบในทางลบทั้งระยะสั้น และระยะยาว
ผมไม่รู้ว่าในทางการแพทย์นั้นจะมีผลกระทบอะไรอีกบ้างนะครับ เพราะผมคิดออกเพียงแค่นี้
โรคเซลฟี่ซินโดรม จริงๆแล้วมันก็คล้ายๆโรคขาดความมั่นใจในตัวเองนะครับ เพราะถ้าเป็นที่ยอมรับของสังคมเมื่อไหร่ โรคนี้ก็จะทุเลาลงเอง แต่พอไม่ได้รับการยอมรับ มันก็จะส่งผลกระทบต่อจิตใจทันที (เอ๊ะ ตกลงนี่ผมเขียนถึงโรคอะไรกันแน่เนี่ย)
หากจะถามว่า แล้วมันมีวิธีแก้ไข หรือรักษาโรคนี้รึเปล่า คำตอบง่ายๆเลยก็คือ บำบัดเหมือนติดยาเสพติดนั่นแหละครับ พยายามออกห่างจากเซลฟี่ พยายามออกห่างจากโลกโซเชียล เพื่อไม่ให้ได้รับรู้ยอดไลค์ ยอดวิว ยอดความคิดเห็นของคนอื่นๆที่เค้าเซลฟี่โชว์ใครต่อใคร ผมคิดว่าเพียงเท่านี้ อาการของโรคเซลฟี่ซินโดรมก็น่าจะทุเลาได้นะครับ
อ่อ ลืมไปอีกอย่าง เดี๋ยวนี้มีการพัฒนากล้องเซลฟี่กันขึ้นมา ประมาณว่ากล้องที่ถ่ายเซลฟี่แล้วดูดีโคตรๆ อะไรประมาณนั้น แบบนี้คนที่จะเป็นโรคเซลฟี่ซินโดรมคงจะเพิ่มขึ้นอีกพอสมควรแน่ๆครับ (โรคนี้น่ะเป็นยาก แต่ถ้าเป็นแล้วก็เลิกยากเหมือนกัน .. แต่บางคนทำยังไงก็ไม่เป็น เพราะคนเหล่านั้นไม่ได้ต้องการอะไรจากสังคม และพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่แล้ว)
โลกนี้อยู่ยากขึ้นทุกวันๆ เซลฟี่แต่พอดีก็แล้วกันนะครับ เฮ้อ...ว่าแล้วก็ขอตัวไปดูสาวๆเซลฟี่โชว์นม โชว์เรือนร่างก่อนนะครับ (ไอ้คนกดไลค์สนับสนุนก็ตัวดีเลย ทำให้คนชอบเซลฟี่ เลยเซลฟี่กระจายยยยย)
เซลฟี่ ~~~~~
โรคเซลฟี่ซินโดรม ถือเป็นโรคอุบัติใหม่ที่เกิดขึ้นมาพร้อมกับยุคสมัยที่เทคโนโลยี และโลกอินเตอร์เน็ตเติบโตอย่างสุดๆ แต่ไหนแต่ไรคนที่ชอบถ่ายรูป หรือที่เราเรียกว่าเซลฟี่นั้นมีอยู่มากมายทั่วโลก เพียงแต่ว่าในการเซลฟี่เมื่อครั้งนั้น จะเป็นการถ่ายเก็บไว้ดูเอง หรืออวดเพื่อนๆ ให้มีเรื่องพูดคุยกันเพียงเท่านั้น (เอาโพสลงในโลกอินเตอร์เน็ตเหมือนกัน แต่มีคนเห็นแค่พวกเพื่อนๆที่สนิทกัน)
แต่เมื่อเทคโนโลยี และโลกอินเตอร์เน็ต หรือที่เราเรียกว่า โลกโซเชียลเติบโตอย่างสุดๆ การเซลฟี่จึงไม่ใช่การถ่ายเก็บไว้ดูคนเดียว หรือพูดคุยเฉพาะกลุ่มเพื่อนที่สนิทเท่านั้น หากแต่เป็นการโพสลงในโลกโซเชียลเพื่อให้ได้มาซึ่งยอดไลค์ ยอดวิว ยิ่งได้ไลค์ ได้วิวมาก ก็จะยิ่งรู้สึกดี จนทำให้เกิดเป็นโรคอุบัติใหม่ที่ชื่อว่า โรคเซลฟี่ซินโดรม (รู้สึกว่ามันวกๆ วนๆมั้ย)
โรคนี้เหมือนจะไม่น่ากลัว เพราะมันก็แค่การถ่ายรูปลงโซเชียล แล้วให้คนอื่นๆได้ดู ได้เห็น ได้ชื่นชม ได้มากดไลค์ ได้มาแสดงความคิดเห็นเล็กๆน้อยๆ แต่ใครจะเชื่อล่ะครับว่า นั่นแหละคือ จุดเริ่มต้นของโรคเซลฟี่ซินโดรม
โรคเซลฟี่ซินโดรม มีคนเคยบอกไว้ว่า มันเหมือนยาเสพติดชนิดหนึ่งเลยทีเดียวนะครับ เพราะว่ามันมีการเสพติดยอดไลค์ ยอดวิว และยอดความคิดเห็น พอวันไหนไม่ได้ยอดกดไลค์ หรือได้น้อยลง คนที่เป็นโรคนี้ก็จะรู้สึกหงุดหงิด อารมณ์เสียไปทั้งวันกันเลยทีเดียว
จากเริ่มแรกที่ถ่ายหน้าธรรมดาๆ แอ๊บแบ๊ว หน้าใสๆ ยอดไลค์ได้ระดับหนึ่ง พอวันหนึ่งไปเห็นคนอื่นได้ยอดไลค์มากกว่า ก็เกิดอาการอยากได้บ้าง ก็เริ่มมีมุมที่น่าดู น่าลุ้นมากขึ้น แน่นอนว่ายอดไลค์ก็ต้องเพิ่มตาม (บางคนไม่ต้องไปเห็นคนอื่น แต่เกิดอาการอิ่มตัวกับมุมเดิมๆ ก็เริ่มหามุมใหม่มันเองซะเลย เหมือนติดยา แล้วต้องการยาเพิ่มเพื่อความหลอน) นานวันไปยอดไลค์นิ่ง หรือลดลง เกิดอาการไม่พอใจในตัวเอง คราวนี้เน้นนมกันไปเลย ยอดไลค์พุ่งกระฉูด อารมณ์ดีไปทั้งวันที่ได้ยอดไลค์ตามที่ต้องการ แล้วถ้านานๆไปอีกล่ะ ไม่พอใจอีกล่ะ ก็แล้วแต่จะคิดกันนะครับ
หลายคนอาจจะมองว่า เฮ้ย มันไม่จริงหรอก ใครจะไปบ้าทำแบบนั้น แต่คนที่เป็นโรคเซลฟี่ซินโดรมเนี่ย เค้าเป็นจริงๆนะครับ ยิ่งบางคนหนักเลยครับ ต้องเซลฟี่เพื่อเสพยอดไลค์ทุกๆ 1 ชั่วโมง ไม่งั้นจะกระวนกระวาย ไม่มีกะจิตกะใจทำอะไรทั้งนั้น (บางคนจะเซลฟี่ทุกๆกิจกรรม เพื่อให้ได้ยอดไลค์ ... ดีนะ มันไม่เข้าห้องน้ำไปด้วย เซลขี้ เอ้ย เซลฟี่ไปด้วย)
บางคนเห็นคนอื่นเซลฟี่โชว์เรือนร่างใส่เพียงชุดชั้นใน ยอดไลค์เพียบ ก็เกิดอาการอิจฉา อยากลองทำบ้าง อยากได้ยอดไลค์แบบนั้นบ้าง อะ...ลองดูสักทีก็พอละ (ให้สัญญากับตัวเองว่า..จะถ่ายแบบนี้ครั้งเดียวจริงๆ) แค่นั้นแหละ พลาดแล้ว พอโชว์เรือนร่าง แล้วยอดไลค์ ยอดความคิดเห็นชื่นชมสูงมากๆ พอกลับไปโพสแค่หน้า แค่เนินอก เฮ้ย ยอดไลค์ตก เสียความรู้สึก เลยต้องลุกขึ้นมาถ่ายโชว์เรือนร่าง เพื่อเสพยอดไลค์สูงๆอีกจนได้
เคยมีข่าวว่า สาวบางคนโพสเซลฟี่ แต่ยอดไลค์ไม่ได้ตามคาด จิตตก คิดจะฆ่าตัวตายก็มีนะครับ (ฟังมาจากหมออีกที ไม่รู้ว่าจริงรึเปล่า)
ดูเหมือนว่ามันก็ไม่ได้มีอะไรร้ายแรงเลยใช่รึเปล่าล่ะครับ โรคเซลฟี่ซินโดรมเนี่ย แต่ผมมองว่ามันก็พอจะมีผลกระทบอยู่บ้างนะครับ ที่คิดออกก็ 3 อย่างครับ
อย่างแรกเลยคือ ร่างกายของเราเอง การเปิดเผยเรือนร่าง ไม่ว่าจะเป็นหน้าตา หน้าอก สะโพก เรียวขา ทั้งตัว หรือแม้กระทั่งของสงวน มันย่อมมีผลต่อเราแน่นอนครับ เกิดไปเดินซื้อของที่ไหนสักที่ แล้วมีคนจำเราได้ ว่าเราโชว์อะไรบ้าง (ถ้าโชว์แค่หน้าตา หรือมีแอบเซ็กซี่เล็กๆ แล้วมีคนชื่นชม ชื่นชอบ ก็ถือว่าไม่เลวร้ายอะไร) แล้วมองดูเราด้วยสายตาแบบหื่นกระหาย เราจะรู้สึกยังไง จะปลอดภัยรึเปล่า ยิ่งถ้ามีคนใจกล้าเดินเข้ามาบอกเราว่า "น้องๆ พี่เอารูปที่น้องโชว์ ไปช่วยตัวเองเสร็จไปเป็น 10 รอบแล้ว น้องเด็ดมากๆ ถ่ายบ่อยๆนะ พี่ชอบ" เราจะยังกล้าภูมิใจรึเปล่า (หรือจะมีคนชอบของแปลก เซลฟี่เพื่อเก็บยอดผู้ชายช่วยตัวเอง)
อย่างที่สองก็คือ ครอบครัว และคนรอบข้างของเราครับ พวกเขาจะรู้สึกยังไง ถ้าได้รู้ว่า ลูกสาวของตัวเอง เป็นดาวเด่นในเรื่องโชว์ส่วนต่างๆของร่างกาย ไม่เว้นแม้แต่ของสงวนในโลกโซเชียล อันนี้คงไม่ต้องอธิบายอะไรมากนะครับ เพราะมันก็รู้ๆกันอยู่
อย่างสุดท้ายก็คือ สภาพจิตใจของเราครับ อย่างที่บอกไปนะครับว่า คนที่เป็นโรคนี้ค่อนข้างจะจิตตกทันที เมื่อไม่ได้ยอดต่างๆตามที่คาดการเอาไว้ พอจิตตกอะไรๆในชีวิตมันก็ดูเหมือนจะเลวร้ายไปซะหมด (คนที่เคยจิตตกกับเรื่องต่างๆ ไม่เฉพาะเซลฟี่ จะเข้าใจดีเลย) พอเป็นแบบนั้นแล้ว สุขภาพจิต สุขภาพกายมันก็จะมีผลกระทบในทางลบทั้งระยะสั้น และระยะยาว
ผมไม่รู้ว่าในทางการแพทย์นั้นจะมีผลกระทบอะไรอีกบ้างนะครับ เพราะผมคิดออกเพียงแค่นี้
โรคเซลฟี่ซินโดรม จริงๆแล้วมันก็คล้ายๆโรคขาดความมั่นใจในตัวเองนะครับ เพราะถ้าเป็นที่ยอมรับของสังคมเมื่อไหร่ โรคนี้ก็จะทุเลาลงเอง แต่พอไม่ได้รับการยอมรับ มันก็จะส่งผลกระทบต่อจิตใจทันที (เอ๊ะ ตกลงนี่ผมเขียนถึงโรคอะไรกันแน่เนี่ย)
หากจะถามว่า แล้วมันมีวิธีแก้ไข หรือรักษาโรคนี้รึเปล่า คำตอบง่ายๆเลยก็คือ บำบัดเหมือนติดยาเสพติดนั่นแหละครับ พยายามออกห่างจากเซลฟี่ พยายามออกห่างจากโลกโซเชียล เพื่อไม่ให้ได้รับรู้ยอดไลค์ ยอดวิว ยอดความคิดเห็นของคนอื่นๆที่เค้าเซลฟี่โชว์ใครต่อใคร ผมคิดว่าเพียงเท่านี้ อาการของโรคเซลฟี่ซินโดรมก็น่าจะทุเลาได้นะครับ
อ่อ ลืมไปอีกอย่าง เดี๋ยวนี้มีการพัฒนากล้องเซลฟี่กันขึ้นมา ประมาณว่ากล้องที่ถ่ายเซลฟี่แล้วดูดีโคตรๆ อะไรประมาณนั้น แบบนี้คนที่จะเป็นโรคเซลฟี่ซินโดรมคงจะเพิ่มขึ้นอีกพอสมควรแน่ๆครับ (โรคนี้น่ะเป็นยาก แต่ถ้าเป็นแล้วก็เลิกยากเหมือนกัน .. แต่บางคนทำยังไงก็ไม่เป็น เพราะคนเหล่านั้นไม่ได้ต้องการอะไรจากสังคม และพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่แล้ว)
โลกนี้อยู่ยากขึ้นทุกวันๆ เซลฟี่แต่พอดีก็แล้วกันนะครับ เฮ้อ...ว่าแล้วก็ขอตัวไปดูสาวๆเซลฟี่โชว์นม โชว์เรือนร่างก่อนนะครับ (ไอ้คนกดไลค์สนับสนุนก็ตัวดีเลย ทำให้คนชอบเซลฟี่ เลยเซลฟี่กระจายยยยย)